ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1
                                                                                                -1-
    “ลีมินยอน!!! ตื่นได้แล้ว!!!” เสียงตะโกนหนวกหูดังขึ้นแต่เช้าตรู่ ฉันขยี้ตาก่อนจะมองไปที่ปลายเตียง...เจ้าพี่ชายตัวดีของฉันนี่เอง
    “พี่อยากตายรึไง!!” ฉันตะโกนตอบไป
    “หมายความว่ายังไงมิทราบที่ว่าฉันอยากตาย มันควรจะเป็นแกไม่ใช่รึไง...ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ยัยสมองฝ่อ!!!”
    “พี่ว่าใครสมองฝ่อนะ” ฉันลุกพรวดขึ้นมาทันที
    “ก็ฉันคุยอยู่กับแก จะให้หมายถึงใคร ฮะ”
    “หนอยแน่...นายอยากตายจริง ๆ ใช่ไหมลีแจวอน” ฉันชูกำปั้นขึ้นมา
    “โป๊ก!!” แล้วฉันก็โดนหมัดพิฆาตท่าเจาะยางมหาประลัยของพี่เข้าให้จนได้
    “ไร้สาระ...ไปอาบน้ำได้แล้ว ขืนแกไปช้าสิบนาทีฉันได้ฆ่าแกตายแน่” นี่คือคำสั่งสุดท้ายก่อนที่พี่ชายสุดรักของฉันจะเดินจ้ำพรวด ๆ ออกจากห้องไปด้วยสีหน้ามึนตึงที่ฉันต้องพบเจอในทุก ๆ เช้า ก็ใครใช้ให้นายมาปลุกฉันให้ตื่นไปโรงเรียนเล่า
    “ลีมินยอน!!! ไปอาบน้ำได้แล้ว!!!” พี่แจวอนตะโกนสั่งขึ้นมาอีกรอบ
    “รู้แล้วน่า!!” ฉันตะเบ็งเสียง ก่อนจะมุดกลับเข้าไปใต้หมอนอีกครั้ง
    “แกอยากตายมากใช่ไหม!!!” ฉันหันควับไปมอง ทำไมพี่ชายฉันถึงขึ้นมาเร็วนักล่ะ ฉันยังอยากนอนต่ออีกหน่อยเลยนะ
    “ยัยสมองฝ่อ!!” พี่แจวอนตะโกนเสียงดัง ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาลากฉันลงจากเตียง
    “โอ๊ย!! เจ็บนะ...เจ้าพี่บ้า” ฉันรีบถูหน้าผากที่เพิ่งเอาไปชนกับปลายเตียง
    “แกกล้าขัดคำสั่งท่านหัวหน้างั้นเหรอ ” ตอนนี้ลีแจวอนกัดฟันพูดซะน่ากลัว “ฉันเอาแกน่วมแน่!!” แล้วพี่ก็เขกหัวฉันบานตะไท...โอ้...
ไม่นะ...หน้าผากฉันเยินหมด 
    “รีบทานข้าวซะ...ฉันให้เวลาแก 5 นาที ถ้าช้ากว่านี้...ฉันจะไม่ให้แกไปโรงเรียนด้วยแน่...” พี่แจวอนวางข้าวไว้ข้างหน้าฉัน ก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ เชอะ!! รอให้ท่านพ่อกลับมาก่อนเถอะ...จะฟ้องให้หมดเลย...ว่าพี่บังคับขู่เข็ญฉันยังไงบ้าง...แล้วพี่ก็จะกลายเป็นผู้ดันน่วมแทนฉัน...
    “ไม่ต้องคิดหรอกว่าแกจะฟ้องอะไรพ่อ...” พี่แจวอนพูดขึ้น เหมือนรู้แฮะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่...? “ฉันก็มีเรื่องจะฟ้องพ่อเหมือนกันแหละ...ไม่ได้มีแต่แกคนเดียวหรอกนะ” พี่แจวอนล้างจานเสร็จแล้วล่ะตอนนี้ “ฉันจะรายงานพ่อ...ว่าลูกสาวสุดรักไม่ล้างจาน...ไม่เก็บที่นอน ทั้งๆ ที่มันเป็นงานของเธอ...แล้วก็ไม่อาบน้ำเมื่อวานนี้...ของฉันเหนือกว่าเห็น ๆ”
    “...”
    ฉันพูดไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ฟังพี่แจวอนพูดสาธยายความน่าเกลียดของฉัน มันก็จริงอ่ะนะที่ฉันไม่อาบน้ำเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ฉันก็อาบแล้วนี่น่าแถมยังสระผมแล้วด้วย... 
    เป็นเพราะพ่ออ่ะแหละ...ทำให้ฉันต้องอยู่กับพี่ชายสุดแสบสองคน...เลยโดนแกล้งซะน่วมเลย...ปากก็บอกว่าไปทำงาน ไม่รู้ว่าจะไปหลีสาวที่ไหนอีกหรือเปล่า ก็พ่อเป็นคนปากหวาน...น่าเป็นห่วง...ก็เป็นจิตรกรนี่นา เลือดศิลปินมันเลยพลุ่งพล่านอยู่เต็มตัว...ก็เข้าใจนะว่าพ่อวาดรูปเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพวกลูก ๆ...แต่ก็น่าจะกลับมาได้แล้ว...โดนพี่แจวอนแกล้งซะหดหู่เลยตอนนี้ 
มัธยมปลายซูฟางอู
    “เรียนให้มันดี ๆ หน่อยล่ะ...ถ้าตอนเย็นฉันไม่ติดประชุม ฉันก็จะมารับ...รออยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วกัน” พี่แจวอนส่งฉันที่หน้าประตูโรงเรียน ก่อนจะขับมอเตอร์ไซด์คันโปรด เข้าไปในโรงเรียนฝั่งตรงข้าม...ควอนดังแฮ ชื่อโรงเรียนพี่เขาล่ะ
    เฮ้อ...ฉันกับพี่อยู่คนละโรงเรียนกัน ฉันอยู่ซูฟางอู ส่วนพี่อยู่ควอนดังแฮ อยู่ห่างกันแค่เลนส์ถนนเอง ฉันอยู่ห้องที่ฉลาดน้อยที่สุดในสายชั้น แต่พี่อยู่ห้องที่ฉลาดมากที่สุดในสายชั้น ทำไมพ่อกับแม่ถึงให้เราแตกต่างกันขนาดนี้นะ...พี่อยู่ม.ปลายปีสาม ฉันอยู่ม.ปลายปีสอง อายุก็ห่างกันแค่ 2 ปี หน้าตาก็ไม่ได้ต่างกันมาก (ความจริงพี่หน้าตาดีกว่าฉันเยอะ...เลย) แล้วทำไมแค่เรื่องระดับสติปัญญา ถึงให้ฉันมาน้อยจัง
    และอีกปัญหาหนึ่งก็คือ...โรงเรียนฉันกับโรงเรียนของพี่ดันมาเป็นคู่แข่งกันเสียนี่ ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องหน้าตา เรื่องฐานะ หรือว่าเรื่องแฟชั่นเห่ย ๆ ที่พวกนั้นมักจะเอามาเปรียบเทียบกันเสมอ พวกเด็กซูฟางอูมักจะโดนเด็กควอนดังแฮดูถูกอยู่บ่อยไป เพราะอะไรน่ะเหรอ...ก็เพราะเด็กควอนดังแฮส่วนมากมาจากตระกูลดัง ๆ และก็ร่ำรวยเงินทอง แถมยังหน้าตาดีกว่าเด็กโรงเรียนซูฟางอูซะส่วนใหญ่...โรงเรียนซูฟางอูน่ะเหรอ...มีแต่ตระกูลเกือบยาจกกันทั้งนั้นแหละ...แต่ก็มีเกือบครึ่งค่อนโรงเรียนที่หน้าตาดีไม่แพ้กัน (แต่ก็คงไม่รวมฉันไว้ด้วยหรอก) ด้วยเหตุนี้โรงเรียนซูฟางอูต้องตกไปอยู่ที่เกรดเอฟ...เขตควอนดังแฮเลยกลายเป็นเขตหวงห้ามสำหรับเด็กซูฟางอูทุกคน แต่เขตของพวกเราน่ะเหรอ...ไม่โดนหวงห้ามเลยสักนิด เหตุผลเพราะ พวกเรามักตกอยู่ในสภาพ...เบี้ยล่างชัด ๆ     
   
2 J
    “หวัดดี...มาสายอีกแล้วนะยะ” เฮนาเพื่อนสุดรักทำเอาฉันอารมณ์เสีย
    “ก็ฉันกระเตื้องเปลือกตาตื่นมาตอนเช้า ๆ ไม่ได้นี่นา คุณซองฮานเฮ” 
    “บอกกี่ครั้งว่าอย่าเรียกแบบนั้น...ฉันชื่อ ซองเฮนา อย่าเอาไปรวมกับฮานเฮมีสิ” เฮนาหน้าบึ้ง
    “ขอโทษ...แล้วกัน”
    ซองเฮนา กับ ฮานเฮมี สองคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉันและก็เป็นเพื่อนที่ดีเสียด้วย ที่ฉันเรียกพวกเธอว่า ซองฮานเฮ ก็เพราะพวกเธอมีชื่อเฮเหมือนกัน ฉันเลยตั้งชื่อให้ว่า คู่หูซองฮานเฮ แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอไม่ค่อยชอบชื่อที่ฉันตั้งให้สักเท่าไหร่...
    “มินยอน...การบ้านวิชาคณิตฉันส่งให้เธอแล้วนะ” เสียงหนึ่งทักขึ้น
    “ขอบใจมากนะ คิมควาง” ฉันยิ้มแป้นให้เขา ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเสียจริง
    ยูคิมควาง เป็นเพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุด ที่สนิทที่สุด ที่รู้ใจฉันที่สุด เขาเป็นผู้ชายเรียบ ๆ คุยสนุก หน้าตาดีแถมยังเท่ห์ระเบิดระเบ้ออีกด้วย
เขาเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงหลาย ๆ คนในโรงเรียน ไม่ว่าจะรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือรุ่นเดียวกัน ฉันนี่ช่างโชคดีเสียจริงที่มีเพื่อนหน้าตาดี...ฮิฮิ ไม่ใช่เฉพาะคิมควางเท่านั้นนะ คู่หูซองฮานเฮก็ป็อบพอ ๆ กันแหละ 
    “มินยอน...วันอาทิตย์นี้พวกเรานัดกันว่าจะไปเที่ยวน่ะ...ไปด้วยกันไหม” เฮมีเอ่ยชวน
    “วันอาทิตย์เหรอ...ฉันไม่ว่าง”
    “ได้ไงกันยะ...คิมควางก็ไปนะ เธอก็ต้องไปด้วยกันสิ” เฮนาพูดแทรกขึ้น
    “ฉันไปไม่ได้จริง ๆ วันเสาร์ไม่ได้เหรอไง”
    “ไม่ได้” คู่หูซองฮานเฮพูดเป็นเสียงเดียวกัน   
    “ไม่เป็นไรหรอก...มินยอนเขาคงติดธุระจริง ๆ” โอ้...คิมควาง ขอบใจนายมากเลยนะที่ช่วยพูดให้ฉัน นายนี่ช่างดีเสียจริง
    “งั้นก็ตามใจ...” ตอนนี้คู่หูซองฮานเฮเชิดใส่ฉันเรียบร้อยแล้วล่ะ
    เฮ้อ...ยัยพวกบ้าเอ๊ย ก็รู้อยู่ว่าวันอาทิตย์ฉันไม่เคยว่าง แล้วยังจะมาชวนให้ทะเลาะกันเสียเปล่า ๆ 
    ‘ตะแวดตะแวด ปี้~~ลีมินยอนรับโทรศัพท์...ลีมินยอนรับโทรศัพท์!ยัยสมองฝ่อรับโทรศัพท์ซะทีสิ!!’ ใครมาเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าเนี่ย
    “ฮัลโหล” 
    “มินยอนเหรอ...ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจัง” 
    “พี่แจวอนเหรอ...มีธุระอะไร”   
    “เย็นนี้กลับเองนะ ฉันมีประชุมคณะกรรมการนักเรียน”
    “พี่จะให้ฉันขึ้นรถเมล์สาย 66-9 งั้นเหรอ ที่มีไอ้คนขับหน้าตาหื่นกามนั่นน่ะนะ!!”
    “ถ้าแกไม่อยากขึ้นสายนี้ ก็ขึ้นสายอื่นสิ...ไม่งั้นก็ขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้ ไม่เห็นต้องทุกข์ร้อนอะไรเลย...อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า”
    “...”
    “แค่นี้นะ”
    ตู้ด ตู้ด ตู้ด อีกแล้ว ฉันโง่อีกแล้ว จริงด้วยสินะเรื่องแค่นี้ทำไมฉันต้องคิดมากด้วย...แต่ถ้าให้ขึ้นสายอื่นก็ต้องไปขึ้นฝั่งควอนดังแฮอ่ะดิ...ไม่เอาด้วยหรอก ยอมดูหน้าหื่น ๆ ของตาลุงคนขับยังดีกว่าอีก 
    “พี่แจวอนโทรมาเหรอ” เฮนากระวีกระวาดเข้ามาถาม “เขาว่าไงบ้าง”
    “บอกให้กลับบ้านเอง...แค่นั้นแหละ”
    “โธ่...น่าเสียดาย นึกว่าจะชวนเธอไปทานข้าว ฉันจะได้ติดสอยหอยตามไปด้วย”
    “ไม่มีทางซะหรอกย่ะ พี่แจวอนคงไม่ยอมให้เธอไปด้วยแน่” เฮมีขัดขึ้น แล้วสงครามสองหญิงก็เริ่มระอุ 
    “ถ้าเธอไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะยะ”   
    “แล้วไง...” 
    “พอเหอะน่า...” ฉันที่นั่งหน้าบึ้งอยู่พูดขึ้น คู่หูซองฮานเฮเลยหยุดทำสงครามชั่วคราว
    “ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า” คิมควางเอ่ยถาม   
    ฉันส่ายหน้าเบา ๆ “เปล่าหรอก...” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้เขาไป
    “วันนี้ฉันว่าง...ฉันไปส่งเธอกลับบ้านแล้วกันนะ” 
    “นายแน่ใจเหรอ...ฉันกลับเองได้หรอกน่า...เห็นฉันเป็นเด็กอมมือไปได้”
    “ก็รู้กันอยู่ว่าเธอไม่ใช่เด็กอมมือ...ฉันเลยต้องไปส่งไงล่ะ” คิมควางยิ้มหวาน ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด...ตอนนี้เขาหล่อมากเลย หน้าตาเหมือนเทวดาบนสวรรค์ไม่มีผิด โอ๊ะ...นั่น! เขามีแสงออกมาด้วย ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย ประสาทชะมัดยาด...
    “พายัยนั่นกลับบ้านดี ๆ ล่ะคิมควาง อย่าปล่อยให้ไปเล่นกับเพื่อนข้างทางได้ล่ะเข้าใจไหม” คู่หูซองฮานเฮโบกมือลาฉันกับคิมควาง แล้วไอ้ที่ว่าเพื่อนข้างทางมันหมายความว่ายังไงกันยะ 
    ฉันกับคิมควางเดินตรงไปยังป้ายรถเมล์ 66-9 แล้วเราก็นั่งรอรถเมล์พร้อมกับเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ
- - ห้านาทีผ่านไป - - 
    “กรี๊ด!!! นั่นรุ่นพี่คิมซออึน แห่งโรงเรียนควอนดังแฮใช่ไหมเธอ!!”
    ทำไมยัยพวกนี้ต้องแผดเสียงร้องขนาดนั้นด้วย... 
    “ใช่ๆ ทุกทีไม่เห็นรุ่นพี่เขาผ่านทางประตูหน้าเลยเนอะ”
    ถึงว่า...ทำไมเด็กซูฟางอูถึงตกเป็นเบี้ยล่างพวกควอนดังแฮอยู่บ่อย ๆ ก็เพราะแบบนี้นี่เอง แล้วคิมซออึน...ใครกัน...???
    “คิมซออึน...นายรู้จักหรือเปล่า” ฉันหันไปถามคิมควาง   
    “เธอไม่รู้จักเหรอ...” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก “คิมซออึน...เป็นคนดังประจำควอนดังแฮเลยนะ...พ่อเขาก็เป็นนักธุรกิจชื่อดัง...รู้สึกว่าจะชื่อ...คิมแทฮุน...เป็นเจ้าของบริษัทคิมฮยอนกรุ๊ป...และที่สำคัญ ไอ้หมอนั่นเป็นหนุ่มฮอตที่สุดในสายชั้นปี และก็ยังมีที่สำคัญกว่านี้อีก...”
    “อะไร...??”
    “มันเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด...ไม่มีใครกล้าหือมันเลยสักคน แต่ฉันว่ามันคงหายนานแล้วล่ะ”
    “ทำไม...??”
    “ก็ไอ้บ้านี่น่ะสิ...มีเรื่องกับพวกนักเลงหัวไม้ไม่เว้นแต่ละวัน...เลยได้ขนานนามมันอีกชื่อนึง...เจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮ” 
    “เข็มขัดสั้นไปเลยนะเนี่ย...”
    “สั้นเหรอ...หมายความว่าไง???” คิมควางฉงน 
    “ก็...คาดไม่ถึงน่ะสิ” คิมควางหัวเราะคิก
    “นี่มินยอน...ฉันจะบอกอะไรให้ พวกผู้หญิงที่ไม่รู้จักหมอนั่น ก็มีแต่พวกหัวช้าเท่านั้นแหละ...ขนาดพวกเฉิ่ม ๆ ยังรู้จักกันให้ทั่วหน้าเลย”
    “นายว่าฉันเป็นพวกหัวช้าเหรอ!!!”
    “ล้อเล่นน่า...” 
    ฮึ...ถึงให้มายืนโค้งคำนับต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่อยากรู้จักหรอกย่ะ... 
    “อ๊ะ...รถมาแล้ว” ฉันลุกพรวดตรงไปยังรถเมล์ที่มาจอดเทียบป้าย
    “หลีกไปเดี๋ยวนี้นะ...” ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางฉันที่ประตูรถ...นี่มันชุดนักเรียนของควอนดังแฮนี่นา...ทำไมถึงไม่ขึ้นฝั่งเธอล่ะ “ให้ฉันขึ้นก่อน...” เธอบอก 
    “แล้วทำไมฉันต้องขึ้นทีหลังเธอด้วยมิทราบ...” ฉันถามกลับไป ก่อนจะเดินขึ้นรถ แต่แล้วฉันก็โดนกระชากแขนเสื้ออย่างแรง
    “ไม่เห็นเหรอว่าฉันเป็นเด็กโรงเรียน ควอนดังแฮ...พวกซูฟางอูอย่างเธอ ควรให้เกียรติฉัน” 
    ฉันเริ่มหายใจฝืดฝาดแล้วล่ะตอนนี้ “แล้วไง...เป็นเด็กควอนดังแฮ...ใหญ่นักรึไง...ไปขึ้นฝั่งของเธอนู้นสิ” เด็กซูฟางอูอย่างฉันไม่ก้มหัว
ให้เธอแน่ 
    “ยัยบ้านี่...เสียมารยาทที่สุด ไปไกล ๆ ฉันเลยนะ สกปรกแล้วยังโสโครกอีก” เธอชี้นิ้วด่าฉันยกใหญ่ 
    “สกปรก...โสโครก...เรียกตัวเองรึไงย่ะหล่อน” ฉันทวนคำก่อนจะใช้นิ้วชี้ผลักไหล่ของเธออย่างรังเกียจ “ไปตายซะ...คุณหนูแห่งควอนดังแฮ” พอพูดจบเด็กซูฟางอูก็โห่ร้องซะเสียงดัง เพิ่งจะมีแรงสู้ก็ตอนนี้หรอกเหรอ หลังจากที่ยืนดูเหตุการณ์นานเลยนี่   
    “กรี๊ด!! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” แน่นอน...แล้วเธอก็เดินจ้ำอ้าวตรงไปยังคนอีกกลุ่มหนึ่งของฝั่งถนนด้วยความเร็วสูง (คงจะเป็นกลุ่มของหนุ่มป็อบคิมซออึน) 
   
    “ยัยนั่นเป็นเด็กของรุ่นพี่คิมซออึนแหละเธอ...ผู้หญิงคนเมื่อกี้ต้องโดนเล่นงานเละแน่เลย” เสียงของเด็กนักเรียนหญิงในรถเมล์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าอยากพูดป้ายมาถึงฉันก็มาพูดกันเลยดีกว่า ไม่ต้องหวังดีแล้วจำเป็นต้องพูดเสียงดังก็ได้
    “ฉันคงแย่จริง ๆ เลยคราวนี้” ฉันหันไปพูดกับคิมควางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
    “นั่นสิ...เธอไม่น่าปากเร็วเลย” คิมควางหัวเราะคิก 
    “นี่จริงจังหน่อยสิ...” ฉันทำหน้าบึ้งใส่
    “ก็ได้...ไม่ต้องห่วงหรอก คิมควางอยู่ทั้งคน”
    “บ้า...” แล้วจู่ ๆ หน้าฉันก็รู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย
    “ไม่สบายหรือเปล่า...อยู่ ๆ หน้าก็แดงขึ้นมาเฉยเลย” คิมควางเอื้อมมาจับหน้าผากฉัน พระเจ้าไม่นะ เดี๋ยวหัวใจฉันก็ได้กระโจนออกมาเต้นข้างนอกหรอก
    “เปล่า...” ฉันรีบปัดมือของเขาออก ก่อนจะเบนสายตาไปยังนอกรถ
    “ถึงแล้ว...” เขาบอก 
    “นอนหลับฝันดีนะ” ฉันโบกมือลาเขาก่อนจะเดินลงจากรถเมล์...ซึ่งตอนนี้ตาลุงคนขับกำลังส่งยิ้มสยดสยองให้ฉัน
    “มินยอน!! อย่าลืมฝันถึงฉันล่ะ” คิมควางตะโกนเสียงใส ก่อนจะโบกมือลาพร้อมกับยิ้มโง่ ๆ ที่ฉันคงจะลืมไม่ลงแน่ ๆ เพราะตอนนี้เขาหล่อเอามาก ๆ เลย
    “ฉันไม่ฝันถึงนายให้โง่หรอก!!!” พอพูดจบฉันก็วิ่งหายเข้าไปในซอยหมู่บ้านจีโซ ที่มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ ส่องอยู่ตามถนนไม่ถึงสามดวง
    “กลับมาแล้วค่ะ...” ฉันเปิดประตูบ้านเข้าไปสวัสดีตัวเอง...เอ๋...? ใครมาเปิดไฟทิ้งไว้เนี่ย...รึว่าพ่อจะกลับมาแล้ว ไปดูที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า 
ใช่จริง ๆ ด้วยพ่อกลับมาแล้ว “แชแด้น...สวัสดีค่ะพ่อ...” แล้วฉันก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อมองเห็นว่าในห้องนั่งเล่นไม่ได้มีพ่อนั่งอยู่แค่คนเดียว แต่กลับมีผู้หญิงที่นุ่งกระโปรงสั้นปรี๊ดสีแดงแปร๊ดนั่งอยู่ข้าง ๆ พ่อด้วย 
    “กลับมาแล้วเหรอมินยอน...นี่ลูกสาวผม ลีมินยอน” พ่อหันไปบอกผู้หญิงกระโปรงแดง “มินยอนนี่คุณชิมอีซี เป็นผู้จัดการคนใหม่ของพ่อ”
    “หวัดดีค่ะ...” ฉันกล่าวสั้น ๆ 
    “หวัดดีจ้ะ...มินยอนน่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ...เห็นคุณพ่อเธอชอบเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไม่นึกเลยว่าจะน่ารักแบบนี้ มีตาสองชั้นแถมยังมีลักยิ้มอีกด้วย อิจฉาคนน่ารักอย่างหนูจังเลย” เธอพูดอย่างยินดี แต่ฉันไม่ยินดีกับเธอด้วยหรอก
    “แต่ถึงจะน่ารักยังไง ก็คงสู้คุณไม่ได้หรอกค่ะ”
    “แหม...มินยอนก็ชมกันเกินไป”
    “ฉันประชดตะหาก” เธออึ้งไปเลยที่ฉันพูดแบบนี้...สมควรแล้วล่ะ 
    “มินยอน...” พ่อพูดปรามขึ้น
    “ขอตัวก่อนนะคะ...” แล้วฉันก็เดินเชิดหยิ่งกลับขึ้นไปบนห้องทันที ทำไมวันนี้ฉันต้องเจอกับผู้หญิงที่น่าเกลียดตั้งสองคนด้วยนะ ยัยคุณหนูแห่งควอนดังแฮก็ทีนึงล่ะ แล้วยังต้องมาเจอยัยกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนี้อีก ไม่รู้ว่าพ่อไปขุดมาจากสุสานไหน ปากเธอถึงได้แดงเร้ารัญจวนใจขนาดนั้น
ไดอารี่ของมินยอน 
    วันนี้หนูไม่มีความสุขเลยค่ะแม่ หนูต้องพบเจออะไรที่น่ารังเกียจตั้งมากมาย หนูคงนิสัยไม่ดีมาก ๆ ใช่ไหมคะ ที่ไปว่าคนอื่นแบบนั้น...แม่จะยกโทษให้หนูไหมคะ...แล้วคืนนี้แม่จะฝันถึงหนูบ้างไหม แม่จะคิดถึงหนูก่อนนอนเหมือนที่หนูคิดถึงแม่ไหม...? แม่รู้ไหม ถ้าแม่ไม่รีบกลับมานะ ยัยผู้หญิงกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนั้นก็จะมาแย่งพ่อไปได้นะคะ แม่รีบกลับมาเร็ว ๆ นะ หนูจะคอย
                                                                                                                                              มินยอน 12 กรกฎาคม 2548
    “มินยอน ทำไมเมื่อวานลูกถึงไปพูดจาไม่เคารพคุณอีซีแบบนั้นล่ะ” พ่อเริ่มเทศนาฉันตอนทานข้าวเช้า 
    “คุณอีซี หรือตัวอีทีกันแน่” ฉันพึมพำเบา ๆ
    “อีซี ไม่ใช่ อีที” พ่อถลึงตาใส่ฉัน
    “จะอะไรก็ช่าง...แต่หนูไม่ชอบนี่น่า...”
    “ไม่ว่าจะยังไง...ลูกก็ต้องเคารพเขา...เขาเป็นผู้จัดการของพ่อนะ...ถ้าไม่มีคุณอีซีคอยช่วยเหลือ...พ่อก็คงขายรูปไม่ได้” ตอนนี้ฉันหยุดกินข้าวไปแล้วล่ะ “และนับตั้งแต่วันนี้...เขาก็จะมาที่บ้านเราทุกวัน...เข้าใจไหม...เคารพ”
    “เคารพแน่...ถ้าหล่อนไม่แสดงมารยาหญิง ทำท่าว่าจะจับพ่อ” 
    “มินยอน...ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ”
    “ไม่...ยังไงยัยผู้หญิงกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนั้นก็ไม่มีวันได้ความเคารพจากหนูหรอก...เพราะหล่อนมันน่าเกลียด!!”    
    “เพี้ยะ!!!” ตอนนี้ตัวฉันชาไปหมดแล้ว ฉันพูดแค่นี้เองนะ ทำไมพ่อต้องตบหน้าฉันด้วย ฉันพูดแรงไปงั้นเหรอ...
    “ทำไมลูกถึงกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจแบบนี้...น่ารังเกียจเหมือนแม่ของลูกไม่มีผิด” ทำไม...พ่อถึงต้องปกป้องยัยนั่นมากถึงขนาดนี้ด้วย...พ่อมองดูฉันที่กำลังจ้องพ่อเขม็ง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป แต่ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม น้ำตาของฉันกำลังเอ่อล้นออกมา 
    “มินยอนไปโรงเรียนได้แล้ว...” พี่แจวอนหยุดเรียกฉันที่ประตูห้องครัว “เป็นอะไรไป...\" เขาเดินตรงเข้ามาหาฉันด้วยความสงสัย “ทำไมต้องร้องไห้ด้วย”
    “...”
    “อย่าเงียบได้ไหม...พี่ไปทำอะไรให้แกอีกล่ะ โกรธพี่รึไง”
    ฉันส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหยดน้ำตาก็ร่วงลงบนชามข้าวที่ฉันเพิ่งกินไปได้แค่คำเดียว
    “ไปโรงเรียนกันเถอะ...” พี่แจวอนยื่นมือให้ฉัน
    ฉันเอื้อมไปจับมือของพี่ชาย แล้วจ้องหน้าเขาครู่หนึ่ง “พี่เกลียดฉันไหม...”
    “สมองเกิดมาฝ่ออะไรตอนนี้อีกล่ะ...” พี่ดึงฉันเข้าไปกอดทันที “เกลียดสิทำไมจะไม่เกลียด แกเป็นน้องที่โง่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะ
ที่ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองเป็นห่วงมากแค่ไหน” พี่แจวอนลูบหัวฉันเบา ๆ
    “ฉันคิดถึงแม่จัง...”
    “แม่ก็มาหาทุกวันอาทิตย์นี่น่า ไม่เห็นต้องเศร้าเลย อีกสี่วันก็ได้เจอแล้ว”
    “ทำไมแม่ถึงไม่มาอยู่กับเราทุก ๆ วันเลยล่ะ...ทำไมแม่ต้องมาหาเราแค่วันอาทิตย์วันเดียว แล้วทำไมเราจะต้องรอคอยทุก ๆ วันอาทิตย์เพื่อพบแม่ แทนที่เราจะได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข”    
    “ทำไมน่ะเหรอ...เพราะเรารักแม่มากไง...แค่ได้รู้จัก ได้พูดคุย ได้นั่งใกล้ ๆ กับแม่ เราก็ดีใจแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่แจวอนค่อยปลอบโยนฉันต่อไป
    “นั่นสินะ...ไม่ว่ายังไง แม่ก็คงกลับมาหาเราไม่ได้อีกแล้ว”
    “อือ...คิดไปโน่น ไปโรงเรียนกันเถอะ”
    แม่ของฉันชื่อลียอนนา...พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเกิด...วันนั้นเป็นวันแห่งความรัก...ฉันเพิ่งจะกระดิกเท้าได้ ฉันเห็นแต่หน้าพ่อ ถึงแม้ว่าฉันจะร้องไห้หาแม่มากสักแค่ไหน...แม่ก็ไม่มากอดฉันอยู่ดี แม่จากไปแต่งงานกับเพื่อนของพ่อ เพื่อนรัก...ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกัน แต่นับตั้งแต่วันนั้น พ่อก็เกลียดแม่มาตลอด พ่อบอกว่า แม่เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจมากที่สุดในโลก...ที่กลับไปแต่งงานกับแฟนเก่า ทั้ง ๆ ที่มีพ่ออยู่ทั้งคน...แต่ถึงยังไง ฉันก็ยังอยากได้รอยยิ้มและอ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่อยู่ดี...ฉันถึงได้รอคอย...รอคอยจนถึงทุกวันนี้ 
- - หลังเลิกเรียน - -
    “มินยอน...วันนี้พี่แจวอนมารับเหรอ” เฮนาถามขึ้น 
    “อือ...” 
    “ฉันกลับก่อนนะ...บาย” เฮมีโบกมือลาก่อนจะวิ่งขึ้นรถกลับบ้านไป 
    “คิมควางล่ะ...” ฉันหันไปถามเฮนา
    “คงทำความสะอาดห้องอยู่มั้ง วันนี้เป็นเวรของเขานี่นา”
    “เอี๊ยด!!!” แล้วรถยนต์สีดำสุดหรูคันหนึ่งก็มาหยุดอยู่หน้าประตูโรงเรียน 
    “มินยอน...เธอเห็นคนขับรถนั่นไหม...หล่อเป็นบ้าเลยเนอะ...แต่น่าเสียดายที่มีผู้หญิงมาด้วยเป็นลำรถ” เฮนาทำหน้าเซ็ง ๆ “นั่น!!...คิมซออึนเจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮนี่นา...เขามาทำอะไรที่โรงเรียนเรา ?” เฮนารีบกระตุกแขนเสื้อฉัน เพื่อชี้ให้ดูว่าคนขับรถคนนั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเอาเสียมาก ๆ เพราะเรื่องเมื่อเช้ายังไม่หายไปจากห้วงความคิดของฉัน ฉันก็เลยไม่ค่อยอยากจะรู้จักเจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮ
ซักเท่าไหร่...
    และในขณะที่ฉันเดินผ่านรถสีดำสุดหรูคันนั้น...
    “เธอคือลีมินยอน...ใช่ไหม” ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ฉันหันไปมองทันที...
    “...”
    “ลีมินยอน!!! ตื่นได้แล้ว!!!” เสียงตะโกนหนวกหูดังขึ้นแต่เช้าตรู่ ฉันขยี้ตาก่อนจะมองไปที่ปลายเตียง...เจ้าพี่ชายตัวดีของฉันนี่เอง
    “พี่อยากตายรึไง!!” ฉันตะโกนตอบไป
    “หมายความว่ายังไงมิทราบที่ว่าฉันอยากตาย มันควรจะเป็นแกไม่ใช่รึไง...ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ยัยสมองฝ่อ!!!”
    “พี่ว่าใครสมองฝ่อนะ” ฉันลุกพรวดขึ้นมาทันที
    “ก็ฉันคุยอยู่กับแก จะให้หมายถึงใคร ฮะ”
    “หนอยแน่...นายอยากตายจริง ๆ ใช่ไหมลีแจวอน” ฉันชูกำปั้นขึ้นมา
    “โป๊ก!!” แล้วฉันก็โดนหมัดพิฆาตท่าเจาะยางมหาประลัยของพี่เข้าให้จนได้
    “ไร้สาระ...ไปอาบน้ำได้แล้ว ขืนแกไปช้าสิบนาทีฉันได้ฆ่าแกตายแน่” นี่คือคำสั่งสุดท้ายก่อนที่พี่ชายสุดรักของฉันจะเดินจ้ำพรวด ๆ ออกจากห้องไปด้วยสีหน้ามึนตึงที่ฉันต้องพบเจอในทุก ๆ เช้า ก็ใครใช้ให้นายมาปลุกฉันให้ตื่นไปโรงเรียนเล่า
    “ลีมินยอน!!! ไปอาบน้ำได้แล้ว!!!” พี่แจวอนตะโกนสั่งขึ้นมาอีกรอบ
    “รู้แล้วน่า!!” ฉันตะเบ็งเสียง ก่อนจะมุดกลับเข้าไปใต้หมอนอีกครั้ง
    “แกอยากตายมากใช่ไหม!!!” ฉันหันควับไปมอง ทำไมพี่ชายฉันถึงขึ้นมาเร็วนักล่ะ ฉันยังอยากนอนต่ออีกหน่อยเลยนะ
    “ยัยสมองฝ่อ!!” พี่แจวอนตะโกนเสียงดัง ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาลากฉันลงจากเตียง
    “โอ๊ย!! เจ็บนะ...เจ้าพี่บ้า” ฉันรีบถูหน้าผากที่เพิ่งเอาไปชนกับปลายเตียง
    “แกกล้าขัดคำสั่งท่านหัวหน้างั้นเหรอ ” ตอนนี้ลีแจวอนกัดฟันพูดซะน่ากลัว “ฉันเอาแกน่วมแน่!!” แล้วพี่ก็เขกหัวฉันบานตะไท...โอ้...
ไม่นะ...หน้าผากฉันเยินหมด 
    “รีบทานข้าวซะ...ฉันให้เวลาแก 5 นาที ถ้าช้ากว่านี้...ฉันจะไม่ให้แกไปโรงเรียนด้วยแน่...” พี่แจวอนวางข้าวไว้ข้างหน้าฉัน ก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ เชอะ!! รอให้ท่านพ่อกลับมาก่อนเถอะ...จะฟ้องให้หมดเลย...ว่าพี่บังคับขู่เข็ญฉันยังไงบ้าง...แล้วพี่ก็จะกลายเป็นผู้ดันน่วมแทนฉัน...
    “ไม่ต้องคิดหรอกว่าแกจะฟ้องอะไรพ่อ...” พี่แจวอนพูดขึ้น เหมือนรู้แฮะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่...? “ฉันก็มีเรื่องจะฟ้องพ่อเหมือนกันแหละ...ไม่ได้มีแต่แกคนเดียวหรอกนะ” พี่แจวอนล้างจานเสร็จแล้วล่ะตอนนี้ “ฉันจะรายงานพ่อ...ว่าลูกสาวสุดรักไม่ล้างจาน...ไม่เก็บที่นอน ทั้งๆ ที่มันเป็นงานของเธอ...แล้วก็ไม่อาบน้ำเมื่อวานนี้...ของฉันเหนือกว่าเห็น ๆ”
    “...”
    ฉันพูดไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ฟังพี่แจวอนพูดสาธยายความน่าเกลียดของฉัน มันก็จริงอ่ะนะที่ฉันไม่อาบน้ำเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ฉันก็อาบแล้วนี่น่าแถมยังสระผมแล้วด้วย... 
    เป็นเพราะพ่ออ่ะแหละ...ทำให้ฉันต้องอยู่กับพี่ชายสุดแสบสองคน...เลยโดนแกล้งซะน่วมเลย...ปากก็บอกว่าไปทำงาน ไม่รู้ว่าจะไปหลีสาวที่ไหนอีกหรือเปล่า ก็พ่อเป็นคนปากหวาน...น่าเป็นห่วง...ก็เป็นจิตรกรนี่นา เลือดศิลปินมันเลยพลุ่งพล่านอยู่เต็มตัว...ก็เข้าใจนะว่าพ่อวาดรูปเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพวกลูก ๆ...แต่ก็น่าจะกลับมาได้แล้ว...โดนพี่แจวอนแกล้งซะหดหู่เลยตอนนี้ 
มัธยมปลายซูฟางอู
    “เรียนให้มันดี ๆ หน่อยล่ะ...ถ้าตอนเย็นฉันไม่ติดประชุม ฉันก็จะมารับ...รออยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วกัน” พี่แจวอนส่งฉันที่หน้าประตูโรงเรียน ก่อนจะขับมอเตอร์ไซด์คันโปรด เข้าไปในโรงเรียนฝั่งตรงข้าม...ควอนดังแฮ ชื่อโรงเรียนพี่เขาล่ะ
    เฮ้อ...ฉันกับพี่อยู่คนละโรงเรียนกัน ฉันอยู่ซูฟางอู ส่วนพี่อยู่ควอนดังแฮ อยู่ห่างกันแค่เลนส์ถนนเอง ฉันอยู่ห้องที่ฉลาดน้อยที่สุดในสายชั้น แต่พี่อยู่ห้องที่ฉลาดมากที่สุดในสายชั้น ทำไมพ่อกับแม่ถึงให้เราแตกต่างกันขนาดนี้นะ...พี่อยู่ม.ปลายปีสาม ฉันอยู่ม.ปลายปีสอง อายุก็ห่างกันแค่ 2 ปี หน้าตาก็ไม่ได้ต่างกันมาก (ความจริงพี่หน้าตาดีกว่าฉันเยอะ...เลย) แล้วทำไมแค่เรื่องระดับสติปัญญา ถึงให้ฉันมาน้อยจัง
    และอีกปัญหาหนึ่งก็คือ...โรงเรียนฉันกับโรงเรียนของพี่ดันมาเป็นคู่แข่งกันเสียนี่ ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องหน้าตา เรื่องฐานะ หรือว่าเรื่องแฟชั่นเห่ย ๆ ที่พวกนั้นมักจะเอามาเปรียบเทียบกันเสมอ พวกเด็กซูฟางอูมักจะโดนเด็กควอนดังแฮดูถูกอยู่บ่อยไป เพราะอะไรน่ะเหรอ...ก็เพราะเด็กควอนดังแฮส่วนมากมาจากตระกูลดัง ๆ และก็ร่ำรวยเงินทอง แถมยังหน้าตาดีกว่าเด็กโรงเรียนซูฟางอูซะส่วนใหญ่...โรงเรียนซูฟางอูน่ะเหรอ...มีแต่ตระกูลเกือบยาจกกันทั้งนั้นแหละ...แต่ก็มีเกือบครึ่งค่อนโรงเรียนที่หน้าตาดีไม่แพ้กัน (แต่ก็คงไม่รวมฉันไว้ด้วยหรอก) ด้วยเหตุนี้โรงเรียนซูฟางอูต้องตกไปอยู่ที่เกรดเอฟ...เขตควอนดังแฮเลยกลายเป็นเขตหวงห้ามสำหรับเด็กซูฟางอูทุกคน แต่เขตของพวกเราน่ะเหรอ...ไม่โดนหวงห้ามเลยสักนิด เหตุผลเพราะ พวกเรามักตกอยู่ในสภาพ...เบี้ยล่างชัด ๆ     
   
2 J
    “หวัดดี...มาสายอีกแล้วนะยะ” เฮนาเพื่อนสุดรักทำเอาฉันอารมณ์เสีย
    “ก็ฉันกระเตื้องเปลือกตาตื่นมาตอนเช้า ๆ ไม่ได้นี่นา คุณซองฮานเฮ” 
    “บอกกี่ครั้งว่าอย่าเรียกแบบนั้น...ฉันชื่อ ซองเฮนา อย่าเอาไปรวมกับฮานเฮมีสิ” เฮนาหน้าบึ้ง
    “ขอโทษ...แล้วกัน”
    ซองเฮนา กับ ฮานเฮมี สองคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉันและก็เป็นเพื่อนที่ดีเสียด้วย ที่ฉันเรียกพวกเธอว่า ซองฮานเฮ ก็เพราะพวกเธอมีชื่อเฮเหมือนกัน ฉันเลยตั้งชื่อให้ว่า คู่หูซองฮานเฮ แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอไม่ค่อยชอบชื่อที่ฉันตั้งให้สักเท่าไหร่...
    “มินยอน...การบ้านวิชาคณิตฉันส่งให้เธอแล้วนะ” เสียงหนึ่งทักขึ้น
    “ขอบใจมากนะ คิมควาง” ฉันยิ้มแป้นให้เขา ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเสียจริง
    ยูคิมควาง เป็นเพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุด ที่สนิทที่สุด ที่รู้ใจฉันที่สุด เขาเป็นผู้ชายเรียบ ๆ คุยสนุก หน้าตาดีแถมยังเท่ห์ระเบิดระเบ้ออีกด้วย
เขาเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงหลาย ๆ คนในโรงเรียน ไม่ว่าจะรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือรุ่นเดียวกัน ฉันนี่ช่างโชคดีเสียจริงที่มีเพื่อนหน้าตาดี...ฮิฮิ ไม่ใช่เฉพาะคิมควางเท่านั้นนะ คู่หูซองฮานเฮก็ป็อบพอ ๆ กันแหละ 
    “มินยอน...วันอาทิตย์นี้พวกเรานัดกันว่าจะไปเที่ยวน่ะ...ไปด้วยกันไหม” เฮมีเอ่ยชวน
    “วันอาทิตย์เหรอ...ฉันไม่ว่าง”
    “ได้ไงกันยะ...คิมควางก็ไปนะ เธอก็ต้องไปด้วยกันสิ” เฮนาพูดแทรกขึ้น
    “ฉันไปไม่ได้จริง ๆ วันเสาร์ไม่ได้เหรอไง”
    “ไม่ได้” คู่หูซองฮานเฮพูดเป็นเสียงเดียวกัน   
    “ไม่เป็นไรหรอก...มินยอนเขาคงติดธุระจริง ๆ” โอ้...คิมควาง ขอบใจนายมากเลยนะที่ช่วยพูดให้ฉัน นายนี่ช่างดีเสียจริง
    “งั้นก็ตามใจ...” ตอนนี้คู่หูซองฮานเฮเชิดใส่ฉันเรียบร้อยแล้วล่ะ
    เฮ้อ...ยัยพวกบ้าเอ๊ย ก็รู้อยู่ว่าวันอาทิตย์ฉันไม่เคยว่าง แล้วยังจะมาชวนให้ทะเลาะกันเสียเปล่า ๆ 
    ‘ตะแวดตะแวด ปี้~~ลีมินยอนรับโทรศัพท์...ลีมินยอนรับโทรศัพท์!ยัยสมองฝ่อรับโทรศัพท์ซะทีสิ!!’ ใครมาเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าเนี่ย
    “ฮัลโหล” 
    “มินยอนเหรอ...ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจัง” 
    “พี่แจวอนเหรอ...มีธุระอะไร”   
    “เย็นนี้กลับเองนะ ฉันมีประชุมคณะกรรมการนักเรียน”
    “พี่จะให้ฉันขึ้นรถเมล์สาย 66-9 งั้นเหรอ ที่มีไอ้คนขับหน้าตาหื่นกามนั่นน่ะนะ!!”
    “ถ้าแกไม่อยากขึ้นสายนี้ ก็ขึ้นสายอื่นสิ...ไม่งั้นก็ขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้ ไม่เห็นต้องทุกข์ร้อนอะไรเลย...อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า”
    “...”
    “แค่นี้นะ”
    ตู้ด ตู้ด ตู้ด อีกแล้ว ฉันโง่อีกแล้ว จริงด้วยสินะเรื่องแค่นี้ทำไมฉันต้องคิดมากด้วย...แต่ถ้าให้ขึ้นสายอื่นก็ต้องไปขึ้นฝั่งควอนดังแฮอ่ะดิ...ไม่เอาด้วยหรอก ยอมดูหน้าหื่น ๆ ของตาลุงคนขับยังดีกว่าอีก 
    “พี่แจวอนโทรมาเหรอ” เฮนากระวีกระวาดเข้ามาถาม “เขาว่าไงบ้าง”
    “บอกให้กลับบ้านเอง...แค่นั้นแหละ”
    “โธ่...น่าเสียดาย นึกว่าจะชวนเธอไปทานข้าว ฉันจะได้ติดสอยหอยตามไปด้วย”
    “ไม่มีทางซะหรอกย่ะ พี่แจวอนคงไม่ยอมให้เธอไปด้วยแน่” เฮมีขัดขึ้น แล้วสงครามสองหญิงก็เริ่มระอุ 
    “ถ้าเธอไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะยะ”   
    “แล้วไง...” 
    “พอเหอะน่า...” ฉันที่นั่งหน้าบึ้งอยู่พูดขึ้น คู่หูซองฮานเฮเลยหยุดทำสงครามชั่วคราว
    “ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า” คิมควางเอ่ยถาม   
    ฉันส่ายหน้าเบา ๆ “เปล่าหรอก...” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้เขาไป
    “วันนี้ฉันว่าง...ฉันไปส่งเธอกลับบ้านแล้วกันนะ” 
    “นายแน่ใจเหรอ...ฉันกลับเองได้หรอกน่า...เห็นฉันเป็นเด็กอมมือไปได้”
    “ก็รู้กันอยู่ว่าเธอไม่ใช่เด็กอมมือ...ฉันเลยต้องไปส่งไงล่ะ” คิมควางยิ้มหวาน ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด...ตอนนี้เขาหล่อมากเลย หน้าตาเหมือนเทวดาบนสวรรค์ไม่มีผิด โอ๊ะ...นั่น! เขามีแสงออกมาด้วย ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย ประสาทชะมัดยาด...
    “พายัยนั่นกลับบ้านดี ๆ ล่ะคิมควาง อย่าปล่อยให้ไปเล่นกับเพื่อนข้างทางได้ล่ะเข้าใจไหม” คู่หูซองฮานเฮโบกมือลาฉันกับคิมควาง แล้วไอ้ที่ว่าเพื่อนข้างทางมันหมายความว่ายังไงกันยะ 
    ฉันกับคิมควางเดินตรงไปยังป้ายรถเมล์ 66-9 แล้วเราก็นั่งรอรถเมล์พร้อมกับเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ
- - ห้านาทีผ่านไป - - 
    “กรี๊ด!!! นั่นรุ่นพี่คิมซออึน แห่งโรงเรียนควอนดังแฮใช่ไหมเธอ!!”
    ทำไมยัยพวกนี้ต้องแผดเสียงร้องขนาดนั้นด้วย... 
    “ใช่ๆ ทุกทีไม่เห็นรุ่นพี่เขาผ่านทางประตูหน้าเลยเนอะ”
    ถึงว่า...ทำไมเด็กซูฟางอูถึงตกเป็นเบี้ยล่างพวกควอนดังแฮอยู่บ่อย ๆ ก็เพราะแบบนี้นี่เอง แล้วคิมซออึน...ใครกัน...???
    “คิมซออึน...นายรู้จักหรือเปล่า” ฉันหันไปถามคิมควาง   
    “เธอไม่รู้จักเหรอ...” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก “คิมซออึน...เป็นคนดังประจำควอนดังแฮเลยนะ...พ่อเขาก็เป็นนักธุรกิจชื่อดัง...รู้สึกว่าจะชื่อ...คิมแทฮุน...เป็นเจ้าของบริษัทคิมฮยอนกรุ๊ป...และที่สำคัญ ไอ้หมอนั่นเป็นหนุ่มฮอตที่สุดในสายชั้นปี และก็ยังมีที่สำคัญกว่านี้อีก...”
    “อะไร...??”
    “มันเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด...ไม่มีใครกล้าหือมันเลยสักคน แต่ฉันว่ามันคงหายนานแล้วล่ะ”
    “ทำไม...??”
    “ก็ไอ้บ้านี่น่ะสิ...มีเรื่องกับพวกนักเลงหัวไม้ไม่เว้นแต่ละวัน...เลยได้ขนานนามมันอีกชื่อนึง...เจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮ” 
    “เข็มขัดสั้นไปเลยนะเนี่ย...”
    “สั้นเหรอ...หมายความว่าไง???” คิมควางฉงน 
    “ก็...คาดไม่ถึงน่ะสิ” คิมควางหัวเราะคิก
    “นี่มินยอน...ฉันจะบอกอะไรให้ พวกผู้หญิงที่ไม่รู้จักหมอนั่น ก็มีแต่พวกหัวช้าเท่านั้นแหละ...ขนาดพวกเฉิ่ม ๆ ยังรู้จักกันให้ทั่วหน้าเลย”
    “นายว่าฉันเป็นพวกหัวช้าเหรอ!!!”
    “ล้อเล่นน่า...” 
    ฮึ...ถึงให้มายืนโค้งคำนับต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่อยากรู้จักหรอกย่ะ... 
    “อ๊ะ...รถมาแล้ว” ฉันลุกพรวดตรงไปยังรถเมล์ที่มาจอดเทียบป้าย
    “หลีกไปเดี๋ยวนี้นะ...” ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางฉันที่ประตูรถ...นี่มันชุดนักเรียนของควอนดังแฮนี่นา...ทำไมถึงไม่ขึ้นฝั่งเธอล่ะ “ให้ฉันขึ้นก่อน...” เธอบอก 
    “แล้วทำไมฉันต้องขึ้นทีหลังเธอด้วยมิทราบ...” ฉันถามกลับไป ก่อนจะเดินขึ้นรถ แต่แล้วฉันก็โดนกระชากแขนเสื้ออย่างแรง
    “ไม่เห็นเหรอว่าฉันเป็นเด็กโรงเรียน ควอนดังแฮ...พวกซูฟางอูอย่างเธอ ควรให้เกียรติฉัน” 
    ฉันเริ่มหายใจฝืดฝาดแล้วล่ะตอนนี้ “แล้วไง...เป็นเด็กควอนดังแฮ...ใหญ่นักรึไง...ไปขึ้นฝั่งของเธอนู้นสิ” เด็กซูฟางอูอย่างฉันไม่ก้มหัว
ให้เธอแน่ 
    “ยัยบ้านี่...เสียมารยาทที่สุด ไปไกล ๆ ฉันเลยนะ สกปรกแล้วยังโสโครกอีก” เธอชี้นิ้วด่าฉันยกใหญ่ 
    “สกปรก...โสโครก...เรียกตัวเองรึไงย่ะหล่อน” ฉันทวนคำก่อนจะใช้นิ้วชี้ผลักไหล่ของเธออย่างรังเกียจ “ไปตายซะ...คุณหนูแห่งควอนดังแฮ” พอพูดจบเด็กซูฟางอูก็โห่ร้องซะเสียงดัง เพิ่งจะมีแรงสู้ก็ตอนนี้หรอกเหรอ หลังจากที่ยืนดูเหตุการณ์นานเลยนี่   
    “กรี๊ด!! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” แน่นอน...แล้วเธอก็เดินจ้ำอ้าวตรงไปยังคนอีกกลุ่มหนึ่งของฝั่งถนนด้วยความเร็วสูง (คงจะเป็นกลุ่มของหนุ่มป็อบคิมซออึน) 
   
    “ยัยนั่นเป็นเด็กของรุ่นพี่คิมซออึนแหละเธอ...ผู้หญิงคนเมื่อกี้ต้องโดนเล่นงานเละแน่เลย” เสียงของเด็กนักเรียนหญิงในรถเมล์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าอยากพูดป้ายมาถึงฉันก็มาพูดกันเลยดีกว่า ไม่ต้องหวังดีแล้วจำเป็นต้องพูดเสียงดังก็ได้
    “ฉันคงแย่จริง ๆ เลยคราวนี้” ฉันหันไปพูดกับคิมควางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
    “นั่นสิ...เธอไม่น่าปากเร็วเลย” คิมควางหัวเราะคิก 
    “นี่จริงจังหน่อยสิ...” ฉันทำหน้าบึ้งใส่
    “ก็ได้...ไม่ต้องห่วงหรอก คิมควางอยู่ทั้งคน”
    “บ้า...” แล้วจู่ ๆ หน้าฉันก็รู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย
    “ไม่สบายหรือเปล่า...อยู่ ๆ หน้าก็แดงขึ้นมาเฉยเลย” คิมควางเอื้อมมาจับหน้าผากฉัน พระเจ้าไม่นะ เดี๋ยวหัวใจฉันก็ได้กระโจนออกมาเต้นข้างนอกหรอก
    “เปล่า...” ฉันรีบปัดมือของเขาออก ก่อนจะเบนสายตาไปยังนอกรถ
    “ถึงแล้ว...” เขาบอก 
    “นอนหลับฝันดีนะ” ฉันโบกมือลาเขาก่อนจะเดินลงจากรถเมล์...ซึ่งตอนนี้ตาลุงคนขับกำลังส่งยิ้มสยดสยองให้ฉัน
    “มินยอน!! อย่าลืมฝันถึงฉันล่ะ” คิมควางตะโกนเสียงใส ก่อนจะโบกมือลาพร้อมกับยิ้มโง่ ๆ ที่ฉันคงจะลืมไม่ลงแน่ ๆ เพราะตอนนี้เขาหล่อเอามาก ๆ เลย
    “ฉันไม่ฝันถึงนายให้โง่หรอก!!!” พอพูดจบฉันก็วิ่งหายเข้าไปในซอยหมู่บ้านจีโซ ที่มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ ส่องอยู่ตามถนนไม่ถึงสามดวง
    “กลับมาแล้วค่ะ...” ฉันเปิดประตูบ้านเข้าไปสวัสดีตัวเอง...เอ๋...? ใครมาเปิดไฟทิ้งไว้เนี่ย...รึว่าพ่อจะกลับมาแล้ว ไปดูที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า 
ใช่จริง ๆ ด้วยพ่อกลับมาแล้ว “แชแด้น...สวัสดีค่ะพ่อ...” แล้วฉันก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อมองเห็นว่าในห้องนั่งเล่นไม่ได้มีพ่อนั่งอยู่แค่คนเดียว แต่กลับมีผู้หญิงที่นุ่งกระโปรงสั้นปรี๊ดสีแดงแปร๊ดนั่งอยู่ข้าง ๆ พ่อด้วย 
    “กลับมาแล้วเหรอมินยอน...นี่ลูกสาวผม ลีมินยอน” พ่อหันไปบอกผู้หญิงกระโปรงแดง “มินยอนนี่คุณชิมอีซี เป็นผู้จัดการคนใหม่ของพ่อ”
    “หวัดดีค่ะ...” ฉันกล่าวสั้น ๆ 
    “หวัดดีจ้ะ...มินยอนน่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ...เห็นคุณพ่อเธอชอบเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไม่นึกเลยว่าจะน่ารักแบบนี้ มีตาสองชั้นแถมยังมีลักยิ้มอีกด้วย อิจฉาคนน่ารักอย่างหนูจังเลย” เธอพูดอย่างยินดี แต่ฉันไม่ยินดีกับเธอด้วยหรอก
    “แต่ถึงจะน่ารักยังไง ก็คงสู้คุณไม่ได้หรอกค่ะ”
    “แหม...มินยอนก็ชมกันเกินไป”
    “ฉันประชดตะหาก” เธออึ้งไปเลยที่ฉันพูดแบบนี้...สมควรแล้วล่ะ 
    “มินยอน...” พ่อพูดปรามขึ้น
    “ขอตัวก่อนนะคะ...” แล้วฉันก็เดินเชิดหยิ่งกลับขึ้นไปบนห้องทันที ทำไมวันนี้ฉันต้องเจอกับผู้หญิงที่น่าเกลียดตั้งสองคนด้วยนะ ยัยคุณหนูแห่งควอนดังแฮก็ทีนึงล่ะ แล้วยังต้องมาเจอยัยกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนี้อีก ไม่รู้ว่าพ่อไปขุดมาจากสุสานไหน ปากเธอถึงได้แดงเร้ารัญจวนใจขนาดนั้น
ไดอารี่ของมินยอน 
    วันนี้หนูไม่มีความสุขเลยค่ะแม่ หนูต้องพบเจออะไรที่น่ารังเกียจตั้งมากมาย หนูคงนิสัยไม่ดีมาก ๆ ใช่ไหมคะ ที่ไปว่าคนอื่นแบบนั้น...แม่จะยกโทษให้หนูไหมคะ...แล้วคืนนี้แม่จะฝันถึงหนูบ้างไหม แม่จะคิดถึงหนูก่อนนอนเหมือนที่หนูคิดถึงแม่ไหม...? แม่รู้ไหม ถ้าแม่ไม่รีบกลับมานะ ยัยผู้หญิงกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนั้นก็จะมาแย่งพ่อไปได้นะคะ แม่รีบกลับมาเร็ว ๆ นะ หนูจะคอย
                                                                                                                                              มินยอน 12 กรกฎาคม 2548
    “มินยอน ทำไมเมื่อวานลูกถึงไปพูดจาไม่เคารพคุณอีซีแบบนั้นล่ะ” พ่อเริ่มเทศนาฉันตอนทานข้าวเช้า 
    “คุณอีซี หรือตัวอีทีกันแน่” ฉันพึมพำเบา ๆ
    “อีซี ไม่ใช่ อีที” พ่อถลึงตาใส่ฉัน
    “จะอะไรก็ช่าง...แต่หนูไม่ชอบนี่น่า...”
    “ไม่ว่าจะยังไง...ลูกก็ต้องเคารพเขา...เขาเป็นผู้จัดการของพ่อนะ...ถ้าไม่มีคุณอีซีคอยช่วยเหลือ...พ่อก็คงขายรูปไม่ได้” ตอนนี้ฉันหยุดกินข้าวไปแล้วล่ะ “และนับตั้งแต่วันนี้...เขาก็จะมาที่บ้านเราทุกวัน...เข้าใจไหม...เคารพ”
    “เคารพแน่...ถ้าหล่อนไม่แสดงมารยาหญิง ทำท่าว่าจะจับพ่อ” 
    “มินยอน...ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ”
    “ไม่...ยังไงยัยผู้หญิงกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนั้นก็ไม่มีวันได้ความเคารพจากหนูหรอก...เพราะหล่อนมันน่าเกลียด!!”    
    “เพี้ยะ!!!” ตอนนี้ตัวฉันชาไปหมดแล้ว ฉันพูดแค่นี้เองนะ ทำไมพ่อต้องตบหน้าฉันด้วย ฉันพูดแรงไปงั้นเหรอ...
    “ทำไมลูกถึงกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจแบบนี้...น่ารังเกียจเหมือนแม่ของลูกไม่มีผิด” ทำไม...พ่อถึงต้องปกป้องยัยนั่นมากถึงขนาดนี้ด้วย...พ่อมองดูฉันที่กำลังจ้องพ่อเขม็ง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป แต่ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม น้ำตาของฉันกำลังเอ่อล้นออกมา 
    “มินยอนไปโรงเรียนได้แล้ว...” พี่แจวอนหยุดเรียกฉันที่ประตูห้องครัว “เป็นอะไรไป...\" เขาเดินตรงเข้ามาหาฉันด้วยความสงสัย “ทำไมต้องร้องไห้ด้วย”
    “...”
    “อย่าเงียบได้ไหม...พี่ไปทำอะไรให้แกอีกล่ะ โกรธพี่รึไง”
    ฉันส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหยดน้ำตาก็ร่วงลงบนชามข้าวที่ฉันเพิ่งกินไปได้แค่คำเดียว
    “ไปโรงเรียนกันเถอะ...” พี่แจวอนยื่นมือให้ฉัน
    ฉันเอื้อมไปจับมือของพี่ชาย แล้วจ้องหน้าเขาครู่หนึ่ง “พี่เกลียดฉันไหม...”
    “สมองเกิดมาฝ่ออะไรตอนนี้อีกล่ะ...” พี่ดึงฉันเข้าไปกอดทันที “เกลียดสิทำไมจะไม่เกลียด แกเป็นน้องที่โง่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะ
ที่ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองเป็นห่วงมากแค่ไหน” พี่แจวอนลูบหัวฉันเบา ๆ
    “ฉันคิดถึงแม่จัง...”
    “แม่ก็มาหาทุกวันอาทิตย์นี่น่า ไม่เห็นต้องเศร้าเลย อีกสี่วันก็ได้เจอแล้ว”
    “ทำไมแม่ถึงไม่มาอยู่กับเราทุก ๆ วันเลยล่ะ...ทำไมแม่ต้องมาหาเราแค่วันอาทิตย์วันเดียว แล้วทำไมเราจะต้องรอคอยทุก ๆ วันอาทิตย์เพื่อพบแม่ แทนที่เราจะได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข”    
    “ทำไมน่ะเหรอ...เพราะเรารักแม่มากไง...แค่ได้รู้จัก ได้พูดคุย ได้นั่งใกล้ ๆ กับแม่ เราก็ดีใจแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่แจวอนค่อยปลอบโยนฉันต่อไป
    “นั่นสินะ...ไม่ว่ายังไง แม่ก็คงกลับมาหาเราไม่ได้อีกแล้ว”
    “อือ...คิดไปโน่น ไปโรงเรียนกันเถอะ”
    แม่ของฉันชื่อลียอนนา...พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเกิด...วันนั้นเป็นวันแห่งความรัก...ฉันเพิ่งจะกระดิกเท้าได้ ฉันเห็นแต่หน้าพ่อ ถึงแม้ว่าฉันจะร้องไห้หาแม่มากสักแค่ไหน...แม่ก็ไม่มากอดฉันอยู่ดี แม่จากไปแต่งงานกับเพื่อนของพ่อ เพื่อนรัก...ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกัน แต่นับตั้งแต่วันนั้น พ่อก็เกลียดแม่มาตลอด พ่อบอกว่า แม่เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจมากที่สุดในโลก...ที่กลับไปแต่งงานกับแฟนเก่า ทั้ง ๆ ที่มีพ่ออยู่ทั้งคน...แต่ถึงยังไง ฉันก็ยังอยากได้รอยยิ้มและอ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่อยู่ดี...ฉันถึงได้รอคอย...รอคอยจนถึงทุกวันนี้ 
- - หลังเลิกเรียน - -
    “มินยอน...วันนี้พี่แจวอนมารับเหรอ” เฮนาถามขึ้น 
    “อือ...” 
    “ฉันกลับก่อนนะ...บาย” เฮมีโบกมือลาก่อนจะวิ่งขึ้นรถกลับบ้านไป 
    “คิมควางล่ะ...” ฉันหันไปถามเฮนา
    “คงทำความสะอาดห้องอยู่มั้ง วันนี้เป็นเวรของเขานี่นา”
    “เอี๊ยด!!!” แล้วรถยนต์สีดำสุดหรูคันหนึ่งก็มาหยุดอยู่หน้าประตูโรงเรียน 
    “มินยอน...เธอเห็นคนขับรถนั่นไหม...หล่อเป็นบ้าเลยเนอะ...แต่น่าเสียดายที่มีผู้หญิงมาด้วยเป็นลำรถ” เฮนาทำหน้าเซ็ง ๆ “นั่น!!...คิมซออึนเจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮนี่นา...เขามาทำอะไรที่โรงเรียนเรา ?” เฮนารีบกระตุกแขนเสื้อฉัน เพื่อชี้ให้ดูว่าคนขับรถคนนั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเอาเสียมาก ๆ เพราะเรื่องเมื่อเช้ายังไม่หายไปจากห้วงความคิดของฉัน ฉันก็เลยไม่ค่อยอยากจะรู้จักเจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮ
ซักเท่าไหร่...
    และในขณะที่ฉันเดินผ่านรถสีดำสุดหรูคันนั้น...
    “เธอคือลีมินยอน...ใช่ไหม” ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ฉันหันไปมองทันที...
    “...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น