ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You and Me ฉันกับนาย...ร้ายพอกัน!

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 48


                                                                                                     -1-

         “ลีมินยอน!!! ตื่นได้แล้ว!!!” เสียงตะโกนหนวกหูดังขึ้นแต่เช้าตรู่ ฉันขยี้ตาก่อนจะมองไปที่ปลายเตียง...เจ้าพี่ชายตัวดีของฉันนี่เอง

         “พี่อยากตายรึไง!!” ฉันตะโกนตอบไป

         “หมายความว่ายังไงมิทราบที่ว่าฉันอยากตาย มันควรจะเป็นแกไม่ใช่รึไง...ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ยัยสมองฝ่อ!!!”

         “พี่ว่าใครสมองฝ่อนะ” ฉันลุกพรวดขึ้นมาทันที

         “ก็ฉันคุยอยู่กับแก จะให้หมายถึงใคร ฮะ”

         “หนอยแน่...นายอยากตายจริง ๆ ใช่ไหมลีแจวอน” ฉันชูกำปั้นขึ้นมา

         “โป๊ก!!” แล้วฉันก็โดนหมัดพิฆาตท่าเจาะยางมหาประลัยของพี่เข้าให้จนได้

         “ไร้สาระ...ไปอาบน้ำได้แล้ว ขืนแกไปช้าสิบนาทีฉันได้ฆ่าแกตายแน่” นี่คือคำสั่งสุดท้ายก่อนที่พี่ชายสุดรักของฉันจะเดินจ้ำพรวด ๆ ออกจากห้องไปด้วยสีหน้ามึนตึงที่ฉันต้องพบเจอในทุก ๆ เช้า ก็ใครใช้ให้นายมาปลุกฉันให้ตื่นไปโรงเรียนเล่า

         “ลีมินยอน!!! ไปอาบน้ำได้แล้ว!!!” พี่แจวอนตะโกนสั่งขึ้นมาอีกรอบ

         “รู้แล้วน่า!!” ฉันตะเบ็งเสียง ก่อนจะมุดกลับเข้าไปใต้หมอนอีกครั้ง

         “แกอยากตายมากใช่ไหม!!!” ฉันหันควับไปมอง ทำไมพี่ชายฉันถึงขึ้นมาเร็วนักล่ะ ฉันยังอยากนอนต่ออีกหน่อยเลยนะ

         “ยัยสมองฝ่อ!!” พี่แจวอนตะโกนเสียงดัง ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาลากฉันลงจากเตียง

         “โอ๊ย!! เจ็บนะ...เจ้าพี่บ้า” ฉันรีบถูหน้าผากที่เพิ่งเอาไปชนกับปลายเตียง

         “แกกล้าขัดคำสั่งท่านหัวหน้างั้นเหรอ…” ตอนนี้ลีแจวอนกัดฟันพูดซะน่ากลัว “ฉันเอาแกน่วมแน่!!” แล้วพี่ก็เขกหัวฉันบานตะไท...โอ้...

    ไม่นะ...หน้าผากฉันเยินหมด  



         “รีบทานข้าวซะ...ฉันให้เวลาแก 5 นาที ถ้าช้ากว่านี้...ฉันจะไม่ให้แกไปโรงเรียนด้วยแน่...” พี่แจวอนวางข้าวไว้ข้างหน้าฉัน ก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ เชอะ!! รอให้ท่านพ่อกลับมาก่อนเถอะ...จะฟ้องให้หมดเลย...ว่าพี่บังคับขู่เข็ญฉันยังไงบ้าง...แล้วพี่ก็จะกลายเป็นผู้ดันน่วมแทนฉัน...

         “ไม่ต้องคิดหรอกว่าแกจะฟ้องอะไรพ่อ...” พี่แจวอนพูดขึ้น เหมือนรู้แฮะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่...? “ฉันก็มีเรื่องจะฟ้องพ่อเหมือนกันแหละ...ไม่ได้มีแต่แกคนเดียวหรอกนะ” พี่แจวอนล้างจานเสร็จแล้วล่ะตอนนี้ “ฉันจะรายงานพ่อ...ว่าลูกสาวสุดรักไม่ล้างจาน...ไม่เก็บที่นอน ทั้งๆ ที่มันเป็นงานของเธอ...แล้วก็ไม่อาบน้ำเมื่อวานนี้...ของฉันเหนือกว่าเห็น ๆ”

         “...”

         ฉันพูดไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ฟังพี่แจวอนพูดสาธยายความน่าเกลียดของฉัน มันก็จริงอ่ะนะที่ฉันไม่อาบน้ำเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ฉันก็อาบแล้วนี่น่าแถมยังสระผมแล้วด้วย...  

         เป็นเพราะพ่ออ่ะแหละ...ทำให้ฉันต้องอยู่กับพี่ชายสุดแสบสองคน...เลยโดนแกล้งซะน่วมเลย...ปากก็บอกว่าไปทำงาน ไม่รู้ว่าจะไปหลีสาวที่ไหนอีกหรือเปล่า ก็พ่อเป็นคนปากหวาน...น่าเป็นห่วง...ก็เป็นจิตรกรนี่นา เลือดศิลปินมันเลยพลุ่งพล่านอยู่เต็มตัว...ก็เข้าใจนะว่าพ่อวาดรูปเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพวกลูก ๆ...แต่ก็น่าจะกลับมาได้แล้ว...โดนพี่แจวอนแกล้งซะหดหู่เลยตอนนี้  

    มัธยมปลายซูฟางอู

         “เรียนให้มันดี ๆ หน่อยล่ะ...ถ้าตอนเย็นฉันไม่ติดประชุม ฉันก็จะมารับ...รออยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วกัน” พี่แจวอนส่งฉันที่หน้าประตูโรงเรียน ก่อนจะขับมอเตอร์ไซด์คันโปรด เข้าไปในโรงเรียนฝั่งตรงข้าม...ควอนดังแฮ ชื่อโรงเรียนพี่เขาล่ะ

         เฮ้อ...ฉันกับพี่อยู่คนละโรงเรียนกัน ฉันอยู่ซูฟางอู ส่วนพี่อยู่ควอนดังแฮ อยู่ห่างกันแค่เลนส์ถนนเอง ฉันอยู่ห้องที่ฉลาดน้อยที่สุดในสายชั้น แต่พี่อยู่ห้องที่ฉลาดมากที่สุดในสายชั้น ทำไมพ่อกับแม่ถึงให้เราแตกต่างกันขนาดนี้นะ...พี่อยู่ม.ปลายปีสาม ฉันอยู่ม.ปลายปีสอง อายุก็ห่างกันแค่ 2 ปี หน้าตาก็ไม่ได้ต่างกันมาก (ความจริงพี่หน้าตาดีกว่าฉันเยอะ...เลย) แล้วทำไมแค่เรื่องระดับสติปัญญา ถึงให้ฉันมาน้อยจัง

         และอีกปัญหาหนึ่งก็คือ...โรงเรียนฉันกับโรงเรียนของพี่ดันมาเป็นคู่แข่งกันเสียนี่ ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องหน้าตา เรื่องฐานะ หรือว่าเรื่องแฟชั่นเห่ย ๆ ที่พวกนั้นมักจะเอามาเปรียบเทียบกันเสมอ พวกเด็กซูฟางอูมักจะโดนเด็กควอนดังแฮดูถูกอยู่บ่อยไป เพราะอะไรน่ะเหรอ...ก็เพราะเด็กควอนดังแฮส่วนมากมาจากตระกูลดัง ๆ และก็ร่ำรวยเงินทอง แถมยังหน้าตาดีกว่าเด็กโรงเรียนซูฟางอูซะส่วนใหญ่...โรงเรียนซูฟางอูน่ะเหรอ...มีแต่ตระกูลเกือบยาจกกันทั้งนั้นแหละ...แต่ก็มีเกือบครึ่งค่อนโรงเรียนที่หน้าตาดีไม่แพ้กัน (แต่ก็คงไม่รวมฉันไว้ด้วยหรอก) ด้วยเหตุนี้โรงเรียนซูฟางอูต้องตกไปอยู่ที่เกรดเอฟ...เขตควอนดังแฮเลยกลายเป็นเขตหวงห้ามสำหรับเด็กซูฟางอูทุกคน แต่เขตของพวกเราน่ะเหรอ...ไม่โดนหวงห้ามเลยสักนิด เหตุผลเพราะ พวกเรามักตกอยู่ในสภาพ...เบี้ยล่างชัด ๆ      

        

    2 – J

         “หวัดดี...มาสายอีกแล้วนะยะ” เฮนาเพื่อนสุดรักทำเอาฉันอารมณ์เสีย

         “ก็ฉันกระเตื้องเปลือกตาตื่นมาตอนเช้า ๆ ไม่ได้นี่นา คุณซองฮานเฮ”  

         “บอกกี่ครั้งว่าอย่าเรียกแบบนั้น...ฉันชื่อ ซองเฮนา อย่าเอาไปรวมกับฮานเฮมีสิ” เฮนาหน้าบึ้ง

         “ขอโทษ...แล้วกัน”

         ซองเฮนา กับ ฮานเฮมี สองคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉันและก็เป็นเพื่อนที่ดีเสียด้วย ที่ฉันเรียกพวกเธอว่า ซองฮานเฮ ก็เพราะพวกเธอมีชื่อเฮเหมือนกัน ฉันเลยตั้งชื่อให้ว่า คู่หูซองฮานเฮ แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอไม่ค่อยชอบชื่อที่ฉันตั้งให้สักเท่าไหร่...

         “มินยอน...การบ้านวิชาคณิตฉันส่งให้เธอแล้วนะ” เสียงหนึ่งทักขึ้น

         “ขอบใจมากนะ คิมควาง” ฉันยิ้มแป้นให้เขา ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเสียจริง

         ยูคิมควาง เป็นเพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุด ที่สนิทที่สุด ที่รู้ใจฉันที่สุด เขาเป็นผู้ชายเรียบ ๆ คุยสนุก หน้าตาดีแถมยังเท่ห์ระเบิดระเบ้ออีกด้วย

    เขาเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงหลาย ๆ คนในโรงเรียน ไม่ว่าจะรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือรุ่นเดียวกัน ฉันนี่ช่างโชคดีเสียจริงที่มีเพื่อนหน้าตาดี...ฮิฮิ ไม่ใช่เฉพาะคิมควางเท่านั้นนะ คู่หูซองฮานเฮก็ป็อบพอ ๆ กันแหละ  

         “มินยอน...วันอาทิตย์นี้พวกเรานัดกันว่าจะไปเที่ยวน่ะ...ไปด้วยกันไหม” เฮมีเอ่ยชวน

         “วันอาทิตย์เหรอ...ฉันไม่ว่าง”

         “ได้ไงกันยะ...คิมควางก็ไปนะ เธอก็ต้องไปด้วยกันสิ” เฮนาพูดแทรกขึ้น

         “ฉันไปไม่ได้จริง ๆ วันเสาร์ไม่ได้เหรอไง”

         “ไม่ได้” คู่หูซองฮานเฮพูดเป็นเสียงเดียวกัน    

         “ไม่เป็นไรหรอก...มินยอนเขาคงติดธุระจริง ๆ” โอ้...คิมควาง ขอบใจนายมากเลยนะที่ช่วยพูดให้ฉัน นายนี่ช่างดีเสียจริง

         “งั้นก็ตามใจ...” ตอนนี้คู่หูซองฮานเฮเชิดใส่ฉันเรียบร้อยแล้วล่ะ

         เฮ้อ...ยัยพวกบ้าเอ๊ย ก็รู้อยู่ว่าวันอาทิตย์ฉันไม่เคยว่าง แล้วยังจะมาชวนให้ทะเลาะกันเสียเปล่า ๆ  

         ‘ตะแวดตะแวด ปี้~~ลีมินยอนรับโทรศัพท์...ลีมินยอนรับโทรศัพท์!ยัยสมองฝ่อรับโทรศัพท์ซะทีสิ!!’ ใครมาเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าเนี่ย

         “ฮัลโหล”  

         “มินยอนเหรอ...ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจัง”  

         “พี่แจวอนเหรอ...มีธุระอะไร”    

         “เย็นนี้กลับเองนะ ฉันมีประชุมคณะกรรมการนักเรียน”

         “พี่จะให้ฉันขึ้นรถเมล์สาย 66-9 งั้นเหรอ ที่มีไอ้คนขับหน้าตาหื่นกามนั่นน่ะนะ!!”

         “ถ้าแกไม่อยากขึ้นสายนี้ ก็ขึ้นสายอื่นสิ...ไม่งั้นก็ขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้ ไม่เห็นต้องทุกข์ร้อนอะไรเลย...อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า”

         “...”

         “แค่นี้นะ”

         ตู้ด ตู้ด ตู้ด อีกแล้ว ฉันโง่อีกแล้ว จริงด้วยสินะเรื่องแค่นี้ทำไมฉันต้องคิดมากด้วย...แต่ถ้าให้ขึ้นสายอื่นก็ต้องไปขึ้นฝั่งควอนดังแฮอ่ะดิ...ไม่เอาด้วยหรอก ยอมดูหน้าหื่น ๆ ของตาลุงคนขับยังดีกว่าอีก  

         “พี่แจวอนโทรมาเหรอ” เฮนากระวีกระวาดเข้ามาถาม “เขาว่าไงบ้าง”

         “บอกให้กลับบ้านเอง...แค่นั้นแหละ”

         “โธ่...น่าเสียดาย นึกว่าจะชวนเธอไปทานข้าว ฉันจะได้ติดสอยหอยตามไปด้วย”

         “ไม่มีทางซะหรอกย่ะ พี่แจวอนคงไม่ยอมให้เธอไปด้วยแน่” เฮมีขัดขึ้น แล้วสงครามสองหญิงก็เริ่มระอุ  

         “ถ้าเธอไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะยะ”    

         “แล้วไง...”  

         “พอเหอะน่า...” ฉันที่นั่งหน้าบึ้งอยู่พูดขึ้น คู่หูซองฮานเฮเลยหยุดทำสงครามชั่วคราว

         “ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า” คิมควางเอ่ยถาม    

         ฉันส่ายหน้าเบา ๆ “เปล่าหรอก...” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้เขาไป

         “วันนี้ฉันว่าง...ฉันไปส่งเธอกลับบ้านแล้วกันนะ”  

         “นายแน่ใจเหรอ...ฉันกลับเองได้หรอกน่า...เห็นฉันเป็นเด็กอมมือไปได้”

         “ก็รู้กันอยู่ว่าเธอไม่ใช่เด็กอมมือ...ฉันเลยต้องไปส่งไงล่ะ” คิมควางยิ้มหวาน ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด...ตอนนี้เขาหล่อมากเลย หน้าตาเหมือนเทวดาบนสวรรค์ไม่มีผิด โอ๊ะ...นั่น! เขามีแสงออกมาด้วย ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย ประสาทชะมัดยาด...



         “พายัยนั่นกลับบ้านดี ๆ ล่ะคิมควาง อย่าปล่อยให้ไปเล่นกับเพื่อนข้างทางได้ล่ะเข้าใจไหม” คู่หูซองฮานเฮโบกมือลาฉันกับคิมควาง แล้วไอ้ที่ว่าเพื่อนข้างทางมันหมายความว่ายังไงกันยะ  

         ฉันกับคิมควางเดินตรงไปยังป้ายรถเมล์ 66-9 แล้วเราก็นั่งรอรถเมล์พร้อมกับเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ

    - - ห้านาทีผ่านไป - -  

         “กรี๊ด!!! นั่นรุ่นพี่คิมซออึน แห่งโรงเรียนควอนดังแฮใช่ไหมเธอ!!”

         ทำไมยัยพวกนี้ต้องแผดเสียงร้องขนาดนั้นด้วย...  

         “ใช่ๆ ทุกทีไม่เห็นรุ่นพี่เขาผ่านทางประตูหน้าเลยเนอะ”

         ถึงว่า...ทำไมเด็กซูฟางอูถึงตกเป็นเบี้ยล่างพวกควอนดังแฮอยู่บ่อย ๆ ก็เพราะแบบนี้นี่เอง แล้วคิมซออึน...ใครกัน...???

         “คิมซออึน...นายรู้จักหรือเปล่า” ฉันหันไปถามคิมควาง    

         “เธอไม่รู้จักเหรอ...” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก “คิมซออึน...เป็นคนดังประจำควอนดังแฮเลยนะ...พ่อเขาก็เป็นนักธุรกิจชื่อดัง...รู้สึกว่าจะชื่อ...คิมแทฮุน...เป็นเจ้าของบริษัทคิมฮยอนกรุ๊ป...และที่สำคัญ ไอ้หมอนั่นเป็นหนุ่มฮอตที่สุดในสายชั้นปี และก็ยังมีที่สำคัญกว่านี้อีก...”

         “อะไร...??”

         “มันเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด...ไม่มีใครกล้าหือมันเลยสักคน แต่ฉันว่ามันคงหายนานแล้วล่ะ”

         “ทำไม...??”

         “ก็ไอ้บ้านี่น่ะสิ...มีเรื่องกับพวกนักเลงหัวไม้ไม่เว้นแต่ละวัน...เลยได้ขนานนามมันอีกชื่อนึง...เจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮ”  

         “เข็มขัดสั้นไปเลยนะเนี่ย...”

         “สั้นเหรอ...หมายความว่าไง???” คิมควางฉงน  

         “ก็...คาดไม่ถึงน่ะสิ” คิมควางหัวเราะคิก

         “นี่มินยอน...ฉันจะบอกอะไรให้ พวกผู้หญิงที่ไม่รู้จักหมอนั่น ก็มีแต่พวกหัวช้าเท่านั้นแหละ...ขนาดพวกเฉิ่ม ๆ ยังรู้จักกันให้ทั่วหน้าเลย”

         “นายว่าฉันเป็นพวกหัวช้าเหรอ!!!”

         “ล้อเล่นน่า...”  

         ฮึ...ถึงให้มายืนโค้งคำนับต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่อยากรู้จักหรอกย่ะ...  

         “อ๊ะ...รถมาแล้ว” ฉันลุกพรวดตรงไปยังรถเมล์ที่มาจอดเทียบป้าย

         “หลีกไปเดี๋ยวนี้นะ...” ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางฉันที่ประตูรถ...นี่มันชุดนักเรียนของควอนดังแฮนี่นา...ทำไมถึงไม่ขึ้นฝั่งเธอล่ะ “ให้ฉันขึ้นก่อน...” เธอบอก  

         “แล้วทำไมฉันต้องขึ้นทีหลังเธอด้วยมิทราบ...” ฉันถามกลับไป ก่อนจะเดินขึ้นรถ แต่แล้วฉันก็โดนกระชากแขนเสื้ออย่างแรง

         “ไม่เห็นเหรอว่าฉันเป็นเด็กโรงเรียน ควอนดังแฮ...พวกซูฟางอูอย่างเธอ ควรให้เกียรติฉัน”  

         ฉันเริ่มหายใจฝืดฝาดแล้วล่ะตอนนี้ “แล้วไง...เป็นเด็กควอนดังแฮ...ใหญ่นักรึไง...ไปขึ้นฝั่งของเธอนู้นสิ” เด็กซูฟางอูอย่างฉันไม่ก้มหัว

    ให้เธอแน่  

         “ยัยบ้านี่...เสียมารยาทที่สุด ไปไกล ๆ ฉันเลยนะ สกปรกแล้วยังโสโครกอีก” เธอชี้นิ้วด่าฉันยกใหญ่  

         “สกปรก...โสโครก...เรียกตัวเองรึไงย่ะหล่อน” ฉันทวนคำก่อนจะใช้นิ้วชี้ผลักไหล่ของเธออย่างรังเกียจ “ไปตายซะ...คุณหนูแห่งควอนดังแฮ” พอพูดจบเด็กซูฟางอูก็โห่ร้องซะเสียงดัง เพิ่งจะมีแรงสู้ก็ตอนนี้หรอกเหรอ หลังจากที่ยืนดูเหตุการณ์นานเลยนี่    

         “กรี๊ด!! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” แน่นอน...แล้วเธอก็เดินจ้ำอ้าวตรงไปยังคนอีกกลุ่มหนึ่งของฝั่งถนนด้วยความเร็วสูง (คงจะเป็นกลุ่มของหนุ่มป็อบคิมซออึน)  

        

         “ยัยนั่นเป็นเด็กของรุ่นพี่คิมซออึนแหละเธอ...ผู้หญิงคนเมื่อกี้ต้องโดนเล่นงานเละแน่เลย” เสียงของเด็กนักเรียนหญิงในรถเมล์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าอยากพูดป้ายมาถึงฉันก็มาพูดกันเลยดีกว่า ไม่ต้องหวังดีแล้วจำเป็นต้องพูดเสียงดังก็ได้

         “ฉันคงแย่จริง ๆ เลยคราวนี้” ฉันหันไปพูดกับคิมควางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

         “นั่นสิ...เธอไม่น่าปากเร็วเลย” คิมควางหัวเราะคิก  

         “นี่จริงจังหน่อยสิ...” ฉันทำหน้าบึ้งใส่

         “ก็ได้...ไม่ต้องห่วงหรอก คิมควางอยู่ทั้งคน”

         “บ้า...” แล้วจู่ ๆ หน้าฉันก็รู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย

         “ไม่สบายหรือเปล่า...อยู่ ๆ หน้าก็แดงขึ้นมาเฉยเลย” คิมควางเอื้อมมาจับหน้าผากฉัน พระเจ้าไม่นะ เดี๋ยวหัวใจฉันก็ได้กระโจนออกมาเต้นข้างนอกหรอก

         “เปล่า...” ฉันรีบปัดมือของเขาออก ก่อนจะเบนสายตาไปยังนอกรถ

         “ถึงแล้ว...” เขาบอก  

         “นอนหลับฝันดีนะ” ฉันโบกมือลาเขาก่อนจะเดินลงจากรถเมล์...ซึ่งตอนนี้ตาลุงคนขับกำลังส่งยิ้มสยดสยองให้ฉัน

         “มินยอน!! อย่าลืมฝันถึงฉันล่ะ” คิมควางตะโกนเสียงใส ก่อนจะโบกมือลาพร้อมกับยิ้มโง่ ๆ ที่ฉันคงจะลืมไม่ลงแน่ ๆ เพราะตอนนี้เขาหล่อเอามาก ๆ เลย

         “ฉันไม่ฝันถึงนายให้โง่หรอก!!!” พอพูดจบฉันก็วิ่งหายเข้าไปในซอยหมู่บ้านจีโซ ที่มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ ส่องอยู่ตามถนนไม่ถึงสามดวง



         “กลับมาแล้วค่ะ...” ฉันเปิดประตูบ้านเข้าไปสวัสดีตัวเอง...เอ๋...? ใครมาเปิดไฟทิ้งไว้เนี่ย...รึว่าพ่อจะกลับมาแล้ว ไปดูที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า  

    ใช่จริง ๆ ด้วยพ่อกลับมาแล้ว “แชแด้น...สวัสดีค่ะพ่อ...” แล้วฉันก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อมองเห็นว่าในห้องนั่งเล่นไม่ได้มีพ่อนั่งอยู่แค่คนเดียว แต่กลับมีผู้หญิงที่นุ่งกระโปรงสั้นปรี๊ดสีแดงแปร๊ดนั่งอยู่ข้าง ๆ พ่อด้วย  

         “กลับมาแล้วเหรอมินยอน...นี่ลูกสาวผม ลีมินยอน” พ่อหันไปบอกผู้หญิงกระโปรงแดง “มินยอนนี่คุณชิมอีซี เป็นผู้จัดการคนใหม่ของพ่อ”

         “หวัดดีค่ะ...” ฉันกล่าวสั้น ๆ  

         “หวัดดีจ้ะ...มินยอนน่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ...เห็นคุณพ่อเธอชอบเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไม่นึกเลยว่าจะน่ารักแบบนี้ มีตาสองชั้นแถมยังมีลักยิ้มอีกด้วย อิจฉาคนน่ารักอย่างหนูจังเลย” เธอพูดอย่างยินดี แต่ฉันไม่ยินดีกับเธอด้วยหรอก

         “แต่ถึงจะน่ารักยังไง ก็คงสู้คุณไม่ได้หรอกค่ะ”

         “แหม...มินยอนก็ชมกันเกินไป”

         “ฉันประชดตะหาก” เธออึ้งไปเลยที่ฉันพูดแบบนี้...สมควรแล้วล่ะ  

         “มินยอน...” พ่อพูดปรามขึ้น

         “ขอตัวก่อนนะคะ...” แล้วฉันก็เดินเชิดหยิ่งกลับขึ้นไปบนห้องทันที ทำไมวันนี้ฉันต้องเจอกับผู้หญิงที่น่าเกลียดตั้งสองคนด้วยนะ ยัยคุณหนูแห่งควอนดังแฮก็ทีนึงล่ะ แล้วยังต้องมาเจอยัยกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนี้อีก ไม่รู้ว่าพ่อไปขุดมาจากสุสานไหน ปากเธอถึงได้แดงเร้ารัญจวนใจขนาดนั้น



    ไดอารี่ของมินยอน  

         วันนี้หนูไม่มีความสุขเลยค่ะแม่ หนูต้องพบเจออะไรที่น่ารังเกียจตั้งมากมาย หนูคงนิสัยไม่ดีมาก ๆ ใช่ไหมคะ ที่ไปว่าคนอื่นแบบนั้น...แม่จะยกโทษให้หนูไหมคะ...แล้วคืนนี้แม่จะฝันถึงหนูบ้างไหม แม่จะคิดถึงหนูก่อนนอนเหมือนที่หนูคิดถึงแม่ไหม...? แม่รู้ไหม ถ้าแม่ไม่รีบกลับมานะ ยัยผู้หญิงกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนั้นก็จะมาแย่งพ่อไปได้นะคะ แม่รีบกลับมาเร็ว ๆ นะ หนูจะคอย

                                                                                                                                                  มินยอน 12 กรกฎาคม 2548

         “มินยอน ทำไมเมื่อวานลูกถึงไปพูดจาไม่เคารพคุณอีซีแบบนั้นล่ะ” พ่อเริ่มเทศนาฉันตอนทานข้าวเช้า  

         “คุณอีซี หรือตัวอีทีกันแน่” ฉันพึมพำเบา ๆ

         “อีซี ไม่ใช่ อีที” พ่อถลึงตาใส่ฉัน

         “จะอะไรก็ช่าง...แต่หนูไม่ชอบนี่น่า...”

         “ไม่ว่าจะยังไง...ลูกก็ต้องเคารพเขา...เขาเป็นผู้จัดการของพ่อนะ...ถ้าไม่มีคุณอีซีคอยช่วยเหลือ...พ่อก็คงขายรูปไม่ได้” ตอนนี้ฉันหยุดกินข้าวไปแล้วล่ะ “และนับตั้งแต่วันนี้...เขาก็จะมาที่บ้านเราทุกวัน...เข้าใจไหม...เคารพ”

         “เคารพแน่...ถ้าหล่อนไม่แสดงมารยาหญิง ทำท่าว่าจะจับพ่อ”  

         “มินยอน...ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ”

         “ไม่...ยังไงยัยผู้หญิงกระโปรงแดงปรี๊ดปร๊าดคนนั้นก็ไม่มีวันได้ความเคารพจากหนูหรอก...เพราะหล่อนมันน่าเกลียด!!”     

         “เพี้ยะ!!!” ตอนนี้ตัวฉันชาไปหมดแล้ว ฉันพูดแค่นี้เองนะ ทำไมพ่อต้องตบหน้าฉันด้วย ฉันพูดแรงไปงั้นเหรอ...

         “ทำไมลูกถึงกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจแบบนี้...น่ารังเกียจเหมือนแม่ของลูกไม่มีผิด” ทำไม...พ่อถึงต้องปกป้องยัยนั่นมากถึงขนาดนี้ด้วย...พ่อมองดูฉันที่กำลังจ้องพ่อเขม็ง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป แต่ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม น้ำตาของฉันกำลังเอ่อล้นออกมา  

         “มินยอนไปโรงเรียนได้แล้ว...” พี่แจวอนหยุดเรียกฉันที่ประตูห้องครัว “เป็นอะไรไป...\" เขาเดินตรงเข้ามาหาฉันด้วยความสงสัย “ทำไมต้องร้องไห้ด้วย”

         “...”

         “อย่าเงียบได้ไหม...พี่ไปทำอะไรให้แกอีกล่ะ โกรธพี่รึไง”

         ฉันส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหยดน้ำตาก็ร่วงลงบนชามข้าวที่ฉันเพิ่งกินไปได้แค่คำเดียว

         “ไปโรงเรียนกันเถอะ...” พี่แจวอนยื่นมือให้ฉัน

         ฉันเอื้อมไปจับมือของพี่ชาย แล้วจ้องหน้าเขาครู่หนึ่ง “พี่เกลียดฉันไหม...”

         “สมองเกิดมาฝ่ออะไรตอนนี้อีกล่ะ...” พี่ดึงฉันเข้าไปกอดทันที “เกลียดสิทำไมจะไม่เกลียด แกเป็นน้องที่โง่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะ

    ที่ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองเป็นห่วงมากแค่ไหน” พี่แจวอนลูบหัวฉันเบา ๆ

         “ฉันคิดถึงแม่จัง...”

         “แม่ก็มาหาทุกวันอาทิตย์นี่น่า ไม่เห็นต้องเศร้าเลย อีกสี่วันก็ได้เจอแล้ว”

         “ทำไมแม่ถึงไม่มาอยู่กับเราทุก ๆ วันเลยล่ะ...ทำไมแม่ต้องมาหาเราแค่วันอาทิตย์วันเดียว แล้วทำไมเราจะต้องรอคอยทุก ๆ วันอาทิตย์เพื่อพบแม่ แทนที่เราจะได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข”     

         “ทำไมน่ะเหรอ...เพราะเรารักแม่มากไง...แค่ได้รู้จัก ได้พูดคุย ได้นั่งใกล้ ๆ กับแม่ เราก็ดีใจแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่แจวอนค่อยปลอบโยนฉันต่อไป

         “นั่นสินะ...ไม่ว่ายังไง แม่ก็คงกลับมาหาเราไม่ได้อีกแล้ว”

         “อือ...คิดไปโน่น ไปโรงเรียนกันเถอะ”

         แม่ของฉันชื่อลียอนนา...พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเกิด...วันนั้นเป็นวันแห่งความรัก...ฉันเพิ่งจะกระดิกเท้าได้ ฉันเห็นแต่หน้าพ่อ ถึงแม้ว่าฉันจะร้องไห้หาแม่มากสักแค่ไหน...แม่ก็ไม่มากอดฉันอยู่ดี แม่จากไปแต่งงานกับเพื่อนของพ่อ เพื่อนรัก...ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกัน แต่นับตั้งแต่วันนั้น พ่อก็เกลียดแม่มาตลอด พ่อบอกว่า แม่เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจมากที่สุดในโลก...ที่กลับไปแต่งงานกับแฟนเก่า ทั้ง ๆ ที่มีพ่ออยู่ทั้งคน...แต่ถึงยังไง ฉันก็ยังอยากได้รอยยิ้มและอ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่อยู่ดี...ฉันถึงได้รอคอย...รอคอยจนถึงทุกวันนี้  

    - - หลังเลิกเรียน - -

         “มินยอน...วันนี้พี่แจวอนมารับเหรอ” เฮนาถามขึ้น  

         “อือ...”  

         “ฉันกลับก่อนนะ...บาย” เฮมีโบกมือลาก่อนจะวิ่งขึ้นรถกลับบ้านไป  

         “คิมควางล่ะ...” ฉันหันไปถามเฮนา

         “คงทำความสะอาดห้องอยู่มั้ง วันนี้เป็นเวรของเขานี่นา”

         “เอี๊ยด!!!” แล้วรถยนต์สีดำสุดหรูคันหนึ่งก็มาหยุดอยู่หน้าประตูโรงเรียน  

         “มินยอน...เธอเห็นคนขับรถนั่นไหม...หล่อเป็นบ้าเลยเนอะ...แต่น่าเสียดายที่มีผู้หญิงมาด้วยเป็นลำรถ” เฮนาทำหน้าเซ็ง ๆ “นั่น!!...คิมซออึนเจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮนี่นา...เขามาทำอะไรที่โรงเรียนเรา…?” เฮนารีบกระตุกแขนเสื้อฉัน เพื่อชี้ให้ดูว่าคนขับรถคนนั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเอาเสียมาก ๆ เพราะเรื่องเมื่อเช้ายังไม่หายไปจากห้วงความคิดของฉัน ฉันก็เลยไม่ค่อยอยากจะรู้จักเจ้าพ่อแห่งควอนดังแฮ

    ซักเท่าไหร่...

         และในขณะที่ฉันเดินผ่านรถสีดำสุดหรูคันนั้น...

         “เธอคือลีมินยอน...ใช่ไหม” ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ฉันหันไปมองทันที...

         “...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×