ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    + Another Story + Diaries

    ลำดับตอนที่ #2 : Argument (ตอนเดียวจบ)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 49



              “ แฮกๆๆ

     

      เสียงหอบหายใจดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำให้เขาสะดุ้งตัวตื่นขึ้น แล้วหันไปมองร่างเล็กๆ ท่านั้นเช่นนั้น ผมสีนั้นมัน …!!!

              ยัยจอมยุ่ง   เขาเอ่ยปากออกไปเบาๆ แต่ก็ทำให้คนตรงหน้าที่หูดีหันขวับมามอง พลางส่งสายตาหาเรื่องมาให้  แล้วขยับปากมุบมิบอยู่คนเดียว  ทำให้เขายิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

     

           หัวเราะอะไร น้ำเสียงหาเรื่องที่ส่งมา เหมือนจะไม่ดูสภาพตัวเองเสียเลย ว่ากำลังเหนื่อยอยู่  ได้แต่หาเรื่องชาวบ้านไปวันๆ

     

               ฉันจำเป็นต้องบอกเธอด้วยหรอ ...ไชน์

     

       สิ้นสรรพนามเรียกหา เด็กสาวที่ชื่อ ไชน์  ก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันมาประจันหน้ากับเขา

     

                แน่สิ  ถ้านายยังไม่อยากตายด้วยเหนือรัตติกาลของฉัน ไชน์ขู่ขึ้น พลางเรียกคทาคู่ใจขึ้นมาในมือ แล้วชี้ปลายแหลมตรงมายังหน้าของเขา  ท่าทีที่เห็น ถ้าเป็นคนอื่น คงวิ่งเผ่นแน่บไปนู่นแล้ว  แต่นั่นมันคงไม่ใช่เขาแน่  ทำไมเขาต้องกลัวเธอด้วยล่ะ หึๆๆ ไม่จำเป็น เขาไม่เคยกลัวใคร โดยเฉพาะยัยจอมยุ่ง ซึ่งเป็นคู่กัดขาประจำของเขาอยู่แล้ว

     

                ฉันไม่รู้ว่า ข้อสันนิษฐานของเธอจะเป็นจริงหรือเปล่าสิ เพราะฉันก็ไม่เคยตายเสียที  ฉันอยากรู้จัง ว่ามันเป็นเช่นไร  อ้อ กรุณาอย่าออมมือนะครับ ลงท้ายคำยั่ว ยิ่งเรียกเลือดให้สูบฉีดทั่วร่างกาย  ทำให้ไชน์ได้แต่ระบายอารมณ์ใส่พื้นอยู่ตรงนั้น  ก็มันจริงนี่ เธอไม่เคยเอาชนะหมอนี่ได้เลย  ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนกัน ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่เคยบอกเธอ  แต่ไม่รู้ว่ารู้จักชื่อเธอได้อย่างไร  อันนี้ก็ยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่

     

                ชิ  นายน่ะ ชอบอวดว่าตัวเองเก่ง  ไม่เคยอย่างนู้นอย่างนี้  ไว้ซักวันเหอะ ถ้าฉันเก่งกว่านายนะ  จะทำให้นายได้รู้จักความตาย  โหะๆๆ แล้วอย่าหาว่าฉันชั่วร้ายละกัน

     

            แน่นอน  ฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนเช่นนั้น แต่ที่แน่ๆ เธอมันยิ่งกว่านางมารร้ายอีก ฮิๆๆ  น่าสนุกดีน้า  ว่าไง  จะลองหน่อยไหมล่ะ เสียงหัวเราะที่เรียกได้ว่าเสแสร้งที่สุด ดังออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่กวนอารมณ์อย่างยิ่ง  ทำให้เธอคิดคำเถียงไม่ออก ได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่ตรงนั้น

                เอ้า จะรออะไรอยู่ล่ะ  เข้ามาเลยสิ  ถ้าช้า...ฉันจะไปเองนะ

     

            เดี๋ยวสิ !! ” ไชน์ชักเริ่มมีความกลัวจับใจ  ฝีมือก็สู้เขาไม่ได้ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย  แต่ไม่ว่ากี่ครั้งๆ ที่เธอสู้กับเขา  หมอนี่ก็ไม่เคยทำให้เธอบาดเจ็บปางตายซักครั้ง แถมยังช่วยให้เธอพัฒนากระบวนท่าต่างๆอีกด้วย  มันชักจะยังไงๆแล้วนะเนี่ย

                ไหนๆก็จะตายอยู่แล้ว ฉันขอรู้ชื่อเสียงของเจ้าของเพชฌฆาตไม่ได้หรือ

     

       หน้าของเพชรฆาตจำเป็น ที่พึ่งได้ฉายามาสดๆร้อนๆ เบ้หน้าลงอย่างไม่พอใจ เมื่อได้ยินเสียงเรียกเช่นนั้น  ก่อนจะปั้นยิ้มขึ้นมา แล้วเล่นละครต่อไปตามน้ำ

                  ชาร์ล

     

                 ห๊ะ  นี่ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหมนี่  นายชื่อ ชาร์ล หรอ

     

                 อะ..อืม คราวนี้ ไชน์ทำหน้างอลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขางง เลยเอ่ยปากถามไปว่า   ทำไมเหรอ

     

                   ...   ความเงียบเป็นเหมือนลางบอกเหตุร้าย แล้วมันก็แม่นทุกครั้ง  นี่คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากเสด็จพ่อก่อนจะย้ายมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง

     

                     ไชน์  ชื่อฉันตรงกับชื่อคนโปรดหรือไง คำถามที่ถูกส่งไปโดยไม่ทันได้ยั้งปาก ทำให้เขาได้แต่นั่งช๊อคอยู่อย่างนั้น  ส่วนคนถามก็หันมามองอย่างงงๆ

     

                     เปล่า  ไม่มีซักหน่อย เฮ้อ ค่อยดีหน่อย อย่างน้อยก็ยังไม่มีเจ้าของ

                     เพียงแต่ว่า  ไม่น่าใช้ตัวอักษรตัวเดียวกันเลย ดวงซวยชัดๆ

     

       ว่าเสร็จ ก็ถอนหายใจ แล้วนั่งลงอย่างลืมการต่อสู้เมื่อครู่อย่างดื้อๆ  ท่าทางอย่างนั้น ทำให้ชาร์ลแอบยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตีหน้าขรึมดั่งเดิม แล้วเริ่มลงมือปฏิบัติการเถียงต่อ

               เธอน่ะ อคติกับฉันจัง  อย่างนี้มันน่าจะเรียกว่า ดวงสมพงศ์มากกว่า

     

               ดวงสมพงศ์ ??? ” ไชน์ทวนคำพูดเสียงสูง ก่อนจะทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนเจ้าตัวคนพูดเมื่อกี๊ พอรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ก็อยากจะฆ่าตัวตายชัดๆ  พูดไปได้ไงนี่  โอ๊ยยย... สวรรค์ทรงโปรด เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ช่วยหม่อมฉันด้วยเถิด

                     ชาร์ล นายเอาอะไรมาคิดเนี่ย

     

                 ก็เรื่อยเปื่อย  เขารีบปรับสภาพน้ำเสียงตัวเอง ให้อยู่ในภาวะปกติที่สุด

     

                     เฮ้ออ... ก็อย่างว่า สมองนายนี่  ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ สรรหาอะไรมาใส่ก็ไม่รู้  แต่ละเรื่องเห็นจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ เอ้า เอาเข้าไป แม่คู้น  ทีตอนสอบ ใครกันแน่ที่คะแนนออกมาดีกว่า  แล้วใครกันที่คอยอ้อนให้เขาช่วยสอนให้ 

     

          ชาร์ลได้แต่ลอบยิ้มอยู่ข้างหลัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ กับความชั่งหาเรื่องของหญิงสาวตรงหน้านี้  เกือบครึ่งปีแล้ว ที่เขาได้รู้จักกับเธอ   ทุกๆเย็น หลังเลิกเรียน เขาก็จะมานั่งอ่านหนังสือ และพักผ่อนอยู่แถวนี้เสมอ  แล้วไม่รู้เพราะอะไร ดูเหมือนว่า เขาจะเจอเธอเกือบทุกวัน  ทั้งๆที่ มุมนี้สำหรับคนเงียบๆ แต่ก็กลับเจอเธอทั้งในสภาพที่เหงื่อโชกไปทั้งตัว  ท่าทางจะซนเอามากๆ  ตอนแรก เขาก็ได้แต่เทศนาเธอไปถึงกฎระเบียบต่างๆ เพราะติดนิสัยมาดเจ้าชายแต่เดิม  หลังๆ เมื่อเจอบ่อยขึ้น เขาก็เริ่มชวนคุย กลายเป็นว่า เธอคนนี้ เป็นคนที่คุยสนุกคนหนึ่ง แล้วชอบหาเรื่อง ขี้แกล้งอะไรสารพัด และที่แน่ๆ เห็นทีไม่ต้องบอกก็รู้  ไชน์น่ะ ขี้งอนสุดๆ  ถ้าทำอะไรไม่ได้ดั่งใจล่ะก็ เธอก็จะวิ่งหนีไปนู่น แล้วไม่โผล่มาให้เห็นหน้าอีก ตลอดเย็นวันนั้น  พอเย็นของอีกวัน เธอก็จะทำเป็นนั่งเงียบซึมอยู่คนเดียว  จนทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายไปง้อเธอเอง  บางที เธอกับเขาก็กัดกันจนแทบเป็นบ้า   ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เหมือนนำมาให้เขาและเธอได้เจอกัน  ตอนนี้ เขาชักเชื่อเรื่องโชคชะตาเสียละ  ไม่แน่  ไชน์..ยัยจอมยุ่งของเขา อาจเป็นว่าที่พระชายาก็ได้

            คิดแล้วพลัน หน้าขึ้นสีแดงเรื่อ  ก่อนที่เขาจะเสหน้ามองไปทางอื่น  พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว  เป็นสัญญาณ ให้นร.ที่นอนหอทุกคน เริ่มกลับที่พักของตนได้ แล้วทำภารกิจส่วนตัว ก่อนจะเจอกันอีกที ที่โรงอาหารใหญ่

     

             ไชน์ที่เห็นชาร์ลนั่งเงียบไปนาน อย่างผิดสังเกต ก็แอบย่องมามองด้านหน้า  ก่อนจะเห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น  หมอนี่ นร.ดีเด่นเช่นนี้ มีหน้ามานั่งเหม่อเวลานี้ด้วยหรอ น่าขำจริงๆ  ถ้าใครมาเห็นเค้านะ  รับรอง  เรตติ้งตกแน่  ฮิๆๆ   แล้วเธอก็เห็นว่าเขาเริ่มขยับตัว เก็บข้าวของที่วางกองอยู่ทั่วบริเวณรอบด้าน  มีแต่หนังสือเล่มหนาๆ ที่เขาชอบถือติดตัวมาด้วยทุกครั้งตลอดเวลา

                  ไชน์  หมดเวลาของเราแล้ว   ไว้เจอกันใหม่   ชาร์ลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ไม่แข็งกระด้างเหมือนเคย  ก่อนจะเดินจากไป  ทิ้งให้ไชน์ยืนอึ้งอยู่คนเดียว

     

                  เราหรอ ???  หมอนี่บ้าป่าวเนี่ย  ทุกทีก็ชังหน้ากันจะตาย  ยังบอกว่า ไว้เจอกันใหม่อีก  คราวนี้ เรียกว่า โรคจิต ยังดีกว่าเยอะเลย   ก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่า วันนี้เป็นวันที่ ร.ร.จัดงาน ครบรอบสถาปนาของที่นี่   จึงรีบวิ่งกลับที่พักไป

     

           เสียงบรรเลงเพลงของงานประจำค่ำคืนนี้ เรียกความคึกคักจากรุ่นพี่หนุ่มสาวยิ่งนัก  ไชน์สาวเท้าเดินช้าๆไปเรื่อย เพราะใส่ชุดยาวรุ่มร่ามอย่างนี้ต่างหาก  ทำให้เธอวิ่งไม่ได้ อดซนไปครั้งหนึ่งเลย  คืนนี้ ไชน์ใส่ชุดเรียบๆ  สายเดี่ยวสีครีมอ่อน เข้ากับสีผมและตาของเธอได้ดี ซึ่งเป็นสีทอง เฉกเช่นเดียวกับชื่อ ไชน์เปรียบเสมือนกับแสงพระอาทิตย์ที่ทอดยาวลงมา เผื่อแผ่ยังโลกมนุษย์    รองเท้ามีส้นที่ไม่สูงมากนัก ทำให้เธอพอเดินเหินสะดวกหน่อย ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นของเธอ   พลันมีเสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้นจากด้านหลัง

                  ไชน์ น้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวล จนเกือบทำให้เธอเคลิ้มไปแล้ว ถ้าเธอไม่หันหน้ามาดูเจ้าของเสียงนั้น ก่อนจะผงะออกด้วยความตกใจ

                  ผมสวยนะ ชาร์ลยังพูดต่อได้เหมือนมีอารมณ์สุนทรีย์  เขาเหลือบมองผมสีทองสวยที่ปล่อยยาวลงไปเกือบถึงเอว ผมที่ยาวเหยียดตรง ทั้งนุ่ม ลื่น และหอม ที่เมื่อกี๊ เขาได้แอบสัมผัสไปแล้วนิดหน่อย ขนาดที่เธอเผลอ

     

                    ขะ..ขอบคุณนะ ไชน์เอ่ยตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก ทำให้เขาพอรู้ตัวเองว่า เป็นต้นเหตุให้เธอเป็นเช่นนี้   ก่อนจะโค้งตัวให้เธอทีนึง แล้วยื่นแขนออกไป ไชน์ที่เห็นดังนั้น ก็ยังงงๆอยู่ เมื่อหันไปรอบๆ ก็เห็นว่าเขาอยู่กันเป็นคู่หมดแล้ว  จึงเอื้อมมือไปควงแขนด้วย  แล้วก็พากันเดินออกไปจากสถานที่แห่งนั้น

     

                     เปิดฟลอร์กับฉันหน่อยนะ ไชน์ เสียงที่ดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ได้แต่พยักหน้าเออออไปตามคำขอ  ก่อนจะคิดได้ว่า เมื่อกี๊ ชาร์ล พูดไรออกมา

     

          เปิดฟลอร์ งั้นหรอ ???  พระเจ้า !!! งั้นหมอนี่ก็คือ  คือ.... ทายาทของแขกรับเชิญกิติมาศักดิ์  องค์ราชาประจำเมืองแห่งนี้    ไม่น่าเชื่อ  ทายาทหรอเนี่ย  ...เจ้าชาย...   นี่เรากัดกับเจ้าชายคนสำคัญมาตลอดเลยหรอ  โอย  อยากจะบ้าตาย  ถ้าใครรู้ คงตั้งค่าหัวเธอไม่ต่ำกว่า 1,000,000 เป็นแน่  ตายๆๆๆ

     

            ท่วงทำนองอันแสนอ่อนหวานดังคลอไปเรื่อย  ชายหญิงคู่หนึ่ง เต้นไปรอบๆห้องโถงใหญ่ ที่วันนี้ประดับประดาได้สวยเป็นพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบสถาปนา เพลงบรรเลงที่เนิ่นนาน ทำให้คนดูจ้องกันเป็นสายตาเดียว ว่าใครคือผู้หญิงคนนั้น ที่องค์ชายรัชทายาทหมายตาไว้  แต่พวกเขากลับ ไม่รู้จักกันซักคน  ผู้หญิงปริศนาคนนี้คือใคร ทุกคนต่างอิจฉาเธอ  และดูเหมือนว่า เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับใครเท่าไหร่

                      เธอเต้นได้ดีนี่  ไม่ยักรู้ คำพูดที่ยังกวนประสาทเธอได้ อย่างไม่เลือกเวลา แม้กระทั่งตอนนี้  เรียกรอยยิ้มสยองของเธอได้

     

                      แน่อยู่แล้ว  ฉันซะอย่าง  มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้างไหมล่ะ เต็มเลยแหละ แต่ขอพูดเท่ๆไว้ก่อนละกัน  ไม่งั้น เสียเปรียบตายเลย อิอิ

                       แล้วท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ  องค์ชาย

        

           คำสรรพนามที่ถูกเปลี่ยนเรียกเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้าเบาๆ  ก่อนจะส่งยิ้มมาให้

                รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ  เธอน่ะ เห็นไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

     

                เมื่อกี๊  เอ๊ะ..นายนี่  เมื่อไหร่จะเลิกปากเสียซักที เป็นถึงทายาทคนสำคัญนี่นะ  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนิสัยอย่างนี้ด้วย ชอบหาเรื่องคนอื่น

     

                 หาเรื่องอะไรกัน  ฉันน่ะคอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลาเลย  จำไม่ได้เหรอ มีอะไรที่เธอทำไม่ค่อยได้ เธอก็จะมาให้ฉันสอน  จะว่าแกล้งก็ไม่ได้  เวลาที่ประมือกันทุกที ฉันก็ไม่เห็นเคยทำให้เธอได้รับอันตรายใดๆมาก่อนเลย คำสวนที่โดนกลับมา ทำให้เธอเงียบ เงียบจริงๆ อย่างเถียงไม่ออก ได้แต่เต้นรำต่อไปอย่างปกติ จนจบเพลง แล้วย่อกายลง ก่อนจะเดินออกจากฟลอร์ไปยังโต๊ะ VIP

     

                        นายจะพาฉันไปไหน เสียงใสที่เมื่อครู่เงียบหายไป กลับดังขึ้นอีกครั้ง ยิ่งเข้าใกล้โต๊ะนั้นมากขึ้นเท่าไหร่  ไชน์ ก็พยายามยื้อแรงเอาไว้ ทำให้เขาต้องออกแรงลากเธอให้เดินมาจนถึงที่จนได้  เกือบจะต้องอุ้มมาส่งละ

     

                       เสด็จพ่อ  เสด็จแม่ ชาร์ลกล่าวอย่างนอบน้อม พลางโค้งตัวลง ทำให้ไชน์รีบย่อกายลงตามเขาไป

     

                        สบายดีใช่ไหมลูก ชาร์ล ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นอย่างอดห่วงลูกชายตัวเองไม่ได้ โดยไม่ดูเลยว่า ลูกตนเองโตขนาดไหนแล้ว พอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว

     

                         กระหม่อมสบายดี  หวังว่า ท่านก็เช่นกันนะพะย่ะค่ะ

     

                  จ้ะ แต่ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก  เราคิดถึงลูกนะ  แล้วนี่ พาใครมาด้วยล่ะ หืม? ลูกแม่ บอกมาซะดีๆนะ คำพูดที่ติดตลกขององค์ราชินี ที่ใครๆต่างพากันเคารพนับถือ  เวลานี้ ที่ไชน์ได้ยิน อยากจะตบหัวตัวเองตาย พลางคิด ถ้าใครรู้เข้า จะทำกันอย่างไรต่อไปเนี่ย  กลุ้มแทน

     

                           กระหม่อมทำตามพระราชกระแสรับสั่งของเสด็จพ่อพะย่ะค่ะ คำสั่ง ??? คำสั่งอะไรกัน  เกี่ยวอะไรกับเราด้วย

     

                            อ้อ สัญญานั่น  ลูกเลือกแล้วหรือ  ตัดสินใจแน่นอนแล้วหรือ

     

                    พะย่ะค่ะ เสียงตอบที่ฟังดูหนักแน่น ทำให้ผู้เป็นบิดาพยักหน้าอย่างพอใจ และ ภูมิใจในตัวลูกชายนัก  ก่อนจะหันมามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  ไชน์ได้แต่ยืนส่งยิ้มไปให้อย่างนอบน้อม  แล้วก้มหน้าตลอดเวลา

     

                             หนูจ้ะ เงยหน้าขึ้นให้ดูหน่อยเถิด เสียงหวานดังมาจากทางด้านหน้า ทำให้ไชน์เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ และพบว่า บัดนี้ องค์ราชินีคนสำคัญ มายืนอยู่ตรงหน้าเธอใกล้แค่คืบ  ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญเลยนะเนี่ย  กลับไปจะไปเขียนไดอารี่ให้ดูเลย

                            

                    เพคะ ไชน์รีบปรับสีหน้าให้อยู่ในสภาพที่ดูดีที่สุด ไม่ใช่แบบเมื่อกี๊ จนตกใจแล้วค้างไป  เธอหลับตาลง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่ ที่มาพร้อมด้วยกับสมาธิอันแน่วแน่

     

                             ใช้ได้นี่  แล้วอย่างอื่นล่ะ ราชินีคนสวยพูดขึ้น ก่อนจะหันไปคุยกับชาร์ล ลูกชายของตนอย่างกระซิบกระซาบ  แล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วยไปพลางๆ  บางทีก็หลุดหัวเราะคิกออกมาพร้อมกันทั้งแม่ลูก  ท่าทางเช่นนั้น ทำให้เธองงไปใหญ่ อะไรกัน

                    

         ในที่สุด ก็คุยกันจบเสียที เมื่อไชน์เห็นดังนั้น จึงก้มหน้า เหมือนยอมรับผิดอะไรบางอย่าง ที่ตนได้ก่อไว้  ตั้งแต่เริ่มหาเรื่องกับเจ้าชายคนสำคัญ  แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อได้ฟังคำพูดที่ดังออกมาจากปากขององค์ราชินี

                             ยินดีด้วยนะจ้ะ  ไชน์  เธอผ่านการคัดเลือกแล้ว

     

                     ขอประทานอภัยเพคะ  ไม่ทราบว่า เป็นการคัดเลือกอะไรหรอเพคะ

     

                             อ้าว หนูไม่รู้หรอกหรือ  คัดเลือกเป็นว่าที่พระชายาจ้ะ องค์ราชินีตอบพลางยิ้มแป้น  โดยไม่สนใจหน้าลูกชาย ที่บัดนี้แดงก่ำไปหมดแล้ว ที่ประกาศออกไปตรงๆอย่างนี้  ทำให้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว

     

                              พระ..พระชายาหรอเพคะ

       

            ไชน์ทำสีหน้าแบบตกใจสุดขีด  ห๊ะ  พระชายา จะเป็นเธอเหรอ  ฝันไปเปล่าเนี่ย  ทุกคนบนโต๊ะเสวย เห็นเธอทำหน้างั้น ต่างมีสีหน้างุนงงไปตามๆกัน  ก็เพราะปกติ ถ้าทุกคนได้ยินเช่นนั้น แทบจะมากราบแทบเท้า ขอบคุณพลางร้องไห้ฟูมฟายไปใหญ่ ที่ได้ทายาทคนสำคัญไปครอง  ก่อนที่ราชินีคนสำคัญจะถึงบ้างอ้อ  แล้วคิดในใจ  ชาร์ลเลือกคนไม่ผิด  หญิงคนนี้ ไม่ได้หวังจะครองสมบัติ  ลูกเราตาถึงจริงๆ

                      " ใช่จ้ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกนะ "

     

                      แต่..แต่ว่า

     

                      ไม่ต้องแต่หรอกจ้ะ  ตอนนี้เป็นแค่พระคู่หมั้นเอง ผิดคาด สิ่งที่ย้ำสติเธออีกครั้ง ไม่ใช่พระชายา ก็เป็น พระคู่หมั้น  นี่เธอฝันไปหรือเนี่ย มายืนอยู่ต่อหน้าเชื้อพระวงศ์เป็นฝูง เอ้ยไม่ใช่ เป็นกลุ่ม เป็นตระกูล เออ นั่นแหละ  คิดอะไรไม่ออกแล้ว ตอนนี้เธอกำลังช๊อคอย่างหนัก

                                ตอนนี้ หนูไปพักผ่อนเถอะจ้ะ  ไว้หลังเลิกงาน เราจะมีประชุมใหญ่กันเรื่องนี้ เดี๋ยวตอนนั้นจะเพลียซะก่อน  ไว้เจอกันใหม่นะจ้ะ  ชาร์ล ไปส่งด้วยล่ะ

     

        ไชน์  ย่อกายลงทีนึง ก่อนจะเดินตามชาร์ลไปอย่างเงียบๆ  เมื่อพ้นจากสายตาทุกคนแล้ว ความซนประจำตัวก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

                           นี่ นาย อธิบายมาซะเดี๋ยวนี้นะ มันเรื่องอะไรกัน ห๊ะ ??

     

                   ก็เดี๋ยวเธอก็รู้  เสด็จแม่ก็พึ่งบอกเองว่า เดี๋ยวค่อยประชุมตอนนั้น ไว้เธอจะรู้เองแหละ ใจเย็นๆสิ  ไชน์ก็

     

                   แต่ฉันอยากรู้ตอนนี้ เสียงแหวที่ดังขึ้น ชวนทะเลาะเหมือนเดิม แต่น่ากลัวกว่าแต่ก่อน ทำให้เขาใจอ่อน

     

                           ก็ไม่มีอะไร  ฉันว่าเธอก็ไม่โง่พอที่จะไม่เข้าใจ คำว่า พระชายา หรอกนะ หรือไม่จริงล่ะ   คำว่า โง่ เหมือนไปโดนใจไชน์มาก ทำให้เธอแสยะยิ้ม แยกเขี้ยวออกมา  ก่อนจะส่งยิ้มหวานจัดมาให้

      

                            หน๊อยย  นายว่าฉันหรอ

     

                    เปล่า ยัยจอมยุ่ง  อยู่เฉยๆเถอะ  ดูสภาพตัวเองซะก่อน รู้ๆอยู่ว่าใส่ชุดนี้แล้วซนไม่ได้  ถ้ายังดื้ออีก ระวังจะขายหน้าไม่รู้ด้วยนะ คำพูดที่ดูเหมือนจะกัดมากกว่าเป็นห่วง แต่ก็ทำให้เธอพอเข้าใจบ้าง จึงเดินเฉยๆไปเคียงข้างกัน

     

          ความเงียบที่เธอเป็นคนก่อขึ้น ตามคำสั่ง ดูเหมือนจะน่ากลัวเกินกว่าจะปฏิบัติตาม  เสียงเสียดสีของใบไม้แต่ละต้น ยามที่เธอเดินผ่านทางระหว่างกลับไปยังหอ ทำให้เธอเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของชาร์ลโดยไม่รู้สึกตัว

                              กลัวหรอ ทันที่ที่เขารู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อ จึงหันมาดู

     

                              เปล่าซะหน่อย  ทำไม นายกลัวล่ะสิ ปากแข็ง

     

                               เธอจะบอกว่าไม่กลัวได้ยังไง ก็ดูสิ จับเสื้อฉันไว้แน่นขนาดนี้ ไม่ว่าเปล่า เขายังก้มลงไปแล้วชี้นิ้วให้ดูถึงหลักฐานที่ยังค้างอยู่เต็มตา ทำให้ไชน์หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะออกวิ่งไป

     

               หลังจากที่เขา (วิ่ง) มาส่งเธอถึงหน้าหอพักแล้ว ก็หมดหน้าที่จึงทำท่าจะเดินกลับ แต่ก็หยุดชะงักตรงที่ มือบางดึงเสื้อไว้อีก

                                 ทำไม  เธอกลัวหรอ

     

                       เหอะ มันมืดเฉยๆ คำตอบที่ได้ยินทำให้เค้าแทบอยากจะเป็นลม นี่น้า คนปากแข็งชัดๆ  ไม่ยอมรับอะไรเล้ย

     

                                 มืดก็มืดสิ แล้วยังไงล่ะ ไปละ ราตรีสวัสดิ์ เดี๋ยวจะมาปลุก คราวนี้เขาแกล้งออกเดินไปจริงๆ  จนทำให้คนที่เล่นตัวเมื่อกี๊หัวใจแทบตกลงไปถึงตาตุ่ม

     

                                  ชาร์ล !!! ” เสียงร้องเรียกดังลั่น ทำให้เขาเผยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบหุบ แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับเธอด้วยมาดขรึมเช่นเดิม

     

                                   มีอะไรหรอ ไม่เพียงแค่พูด ยังส่งสายตาอินโนเซนต์ไปอีก  เขาคิดว่า สมควรจะได้รับรางวัลออสการ์ตุ๊กตาทองแน่เลย

                                    เธอไม่ง่วงแล้วหรือไง

     

                         เปล่า เพียงแค่...ฉัน  ฉันกลัวอ่ะ เขาแทบอยากระเบิดหัวเราะออกมา ถ้าไม่ติดหน้าของเจ๊แกที่บึ้งลงอย่างเห็นได้ชัด  ก็ใครล่ะ ให้มาทำเป็นปากแข็ง

     

                                     แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง  เธอน่ะนะ  เป็นถึงจอมยุ่งแล้วยังปากแข็งสุดๆอีกเลย  ใช่ไหมล่ะ   รู้งี้ เดินหนีไปให้ไกลกว่านี้ซะแต่แรกดีกว่า

     

                           เฮอะ คนขี้แกล้ง คำด่าเขากลับเบาๆ แต่กลับทำให้เขาอมยิ้มอยู่คนเดียว  ทำให้คนที่ด่าออกไป ได้แต่ทำหน้าบึ้งตลอด

     

                                        ก็ใครทำตัวให้หน้าแกล้งก่อนล่ะ ...ไชน์ สายตาหวานเยิ้มที่ส่งไป ถ้าไม่ติดตรงที่คำพูดพล่อยๆของคนตรงหน้า คงทำให้เธอเคลิ้บอารมณ์ไปนานแล้ว  ไชน์จึงได้แต่สะบัดหน้ากลับมาอย่างงอนๆ แล้วเดินขึ้นหอไป

     

                                         ราตรีสวัสดิ์  ฝันดีนะ   เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ลอยมาตามสายลม ทำให้ไชน์หันกลับไปดู ก่อนจะพบว่า ร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของคำพูดไม่อยู่เสียแล้ว  เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองดูดวงจันทร์ ที่ส่องแสงอยู่บนฟ้า

     

                                          เช่นกัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×