คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ( Mahabharat ) The sunshine of a young mother
( Mahabharat ) The sunshine of a young mother
Summary : เจ้าหญิงน้อยกุนตีจำใจต้องทิ้งพระโอรสองค์แรกที่เกิดจาก
พระสุริยเทพอย่างไม่ได้ตั้งใจ
^*^*^*^*^*^
สายน้ำข้างราชวังตราบใดยังไหลเอื่อย ไม่ได้สร้างความตระหนกให้กับสิ่งที่นางถือไว้
ก็คงดีใช่ไหม...เสียงทารกน้อยในภูษาสีอ่อนกำลังร้อง และผู้ที่อ้อมกอด
ก็เป็นเพียงแค่เด็ก ร่างเริ่มเค้าสู่วัยแรกรุ่น ดวงตากลมโตเริ่มไหลรินตามทารกในอ้อม
บางของนาง ริมฝีปากของเด็กหญิงจุมพิตหน้าผากของทารกน้อย
ลูกชายของนาง...ลูกที่เกิดจากการที่นางยังไม่ได้พร้อมเป็นแม่คนด้วย
ความผิดพลาดของนางคนเดียว...
^*^*^*^*^*^
“ แม่หนูน้อย บุตรีบุญธรรมแห่งพระเจ้ากุนติโภช เจ้าเป็นเด็ที่รับผิดชอบมาก
ข้าควรจะให้พรเจ้า เจ้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม ? ”
เด็กหญิงที่กำลังเข้าสู่วัยแรกรุ่นพนมมือ แถมยิ้มแก้มปริ
“ ข้ารับพรทุกอย่างได้เสมอเจ้าค่ะ ท่านฤาษีทุรวาส พรที่ท่านให้ข้าต้องเป็นสิ่ง
ที่เป็นมงคลมากแน่ๆ เลย ท่านพ่อของข้าก็ต้องยินดีด้วย ”
เป็นใครทั่วไปก็ต้องแปลกใจทั้งนั้น ฤาษีทุรวาสได้ชื่อว่า “ จอมโทสะที่สุดในบรรดา
จอมฤาษีที่ถือกำเนิดมาจากดวงหทัยของพระพรหมเป็นเจ้า ”
ตอนนี้ท่านทุรวาสกลับใจดีกับเด็กหญิงที่ยังไม่ประสากับอะไร
เพียงเพราะว่านางต้อนรับท่านด้วยกิริยาแสนน่ารักน่าเอ็นดูเท่านั้น
“ ข้ามีพรพิเศษ พรนี้คือ...” รอยยิ้มผุดบนใบหน้างามของเด็กหญิง
เมื่อท่านทุรวาสได้สอนมนต์ให้แก่นาง
หลังจากท่านฤาษีกลับไปแล้ว เจ้าหญิงกุนตีก็ตื่นแต่ยามอรุณสาง
เพื่อไปเดินเล่นในราชอุทยานอันรื่นรมย์ ดวงตาสีดำเจือสีน้ำตาลอ่อน
และแสงสีทองยามเช้ากระทบเส้นผมสลวยถักเปียสะบัด
ยามเช้าแสนอบอุ่น ทำให้หัวใจของเด็กหญิงวัยแรกรุ่นไม่เคยรู้สึกสดใส
อย่างนี้มาก่อนเลย...พระอาทิตย์ช่างงามเหลือเกิน...
“ เราน่าจะลองใช้มนต์ที่ท่านทุรวาสสอนเรา เทวดา ไม่ซิ ! สุริยเทพต้องมาหาเราแน่ๆ
ถ้ามาได้ เราจะชวนเพื่อนๆ และคนทั้งวังมาให้ดูเลย ”
เด็กหญิงหัวเราะให้กับความคิดของตนเอง ร่างเล็กบางนั่งลงบนพิ้นหญ้า
กลิ่นหอมของบุปผชาติส่งกลิ่นตลบอบอวลไปทั่ว...
โอม...โอม ฆฤณิ สูรยายะ นะมัห...โอม ฆฤณิ สูรยายะ นะมัห
อาม สุริยายา นะมา…อาม สุริยายา นะมา
หลังจากนั้น นางก็ร่ายบทมงคลที่พระฤาษีประทานด้วยน้ำเสียงสดใส
พอร่ายจบไม่ทันไร...ก็มีเสียงทุ้มอันไพเราะก็เรียกให้นางลืมตา
“ เด็กน้อย เจ้าเรียกข้ามีเรื่องอันใด ? ”
บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ ฉลองแบบกษัตริย์สีทองคำสุกสว่าง
รอยยิ้มอย่างเมตตาระบายบนริมฝีปากงาม เรียวกรอยู่ในท่าประทานพร
เรียวแขนสองข้างถือจักรและหอยสังข์ ถ้ามีพระฉวีสีคล้ำกว่านี้
กุนตีน้อยเผลอคิดเลยว่าพระวิษณุมาโปรดเลยทีเดียว
“ พระองค์คือพระอาทิตย์บนท้องฟ้าใช่ไหมเพคะ ? ”
บุรุษหนุ่มรูปงามยิ้มตอบ เจ้าหญิงน้อยกระโดดขึ้นลงด้วยความดีใจ
นางยกมือนมัสการเทวบุตรผู้เป็นที่เคารพของมนุษย์ทั้งโลกยามทิวา
“ ข้าดีใจจริงๆ ที่พบกับท่าน หน้าตาใจดีซะด้วย มาเถอะเพคะ
ข้าจะพาท่านไปพบท่านพ่อและเพื่อนๆ บอกพวกเขาว่าท่านงดงามมากแค่ไหน ? ”
“ เดี๋ยวก่อน แม่หนูน้อย บุตรีแห่งมถุรานคร ”
ร่างบางของเด็กหญิงจึงหยุดชะงัก “ ทำไมเหรอเพคะ ท่านต้องรีบกลับแล้วเหรอ ”
เมื่อเห็นดวงตาสีนิลแสนไร้เดียงบนใบหน้าของเด็กน้อยที่ยังไม่ทันเข้าวัยสาว
ดังนั้น พระองค์จึงไม่ได้รู้สึกเสน่หา เพียงแค่รู้สึกเอ็นดูราวกับธิดาเท่านั้น
“ เจ้าเรียกข้ามา เพราะเจ้าท่องพรของใคร ”
เด็กหญิงบิดชายกระโปรงไปมาด้วยความเขินอาย
“ ของท่านทุรวาส ท่านชมว่าข้าต้อนรับท่านดี และจัดอาหารกับขนมที่ท่านชอบ
ท่านก็เลยให้พรบทนี้มา แถมวันนี้ข้าก็อยากรู้ว่ามนต์เรียกเทพนี้มัน
ศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน ก็เลย...”
“ ใช้เรียกข้ามาหาเจ้าใช่ไหม แต่ข้าอยู่กับเจ้านานไม่ได้หรอก ข้าต้องกลับขึ้นรถ
ไปจนกว่ายามราตรีมาเยือนโลก ข้าจะอธิบายให้ฟัง เจ้าอย่าเพิ่งหลับก่อน ”
ประเดี๋ยวเดียว วรองค์สูงสง่าที่มีแสงสีทองก็ได้หายวับไปต่อหน้ากุนตีน้อย
“ ท่านสุริยเทพ ต่อรองก็เป็นด้วยแฮะ ”
^*^*^*^*^*^
ครั้นราตรีก็มาถึง เจ้าหญิงน้อยอุ้มตุ๊กตาเล่นตามปกติ ก่อนจะเข้าบรรทม
“ เจ้าคิดว่าสุริยา สาวิตรีองค์นั้นจะกลับมาไหม ”
มือบางลูบหลังของตุ๊กตาราวกับว่านี้คือลูกน้อย
“ ถ้าพระองค์มาก็ดี เราจะได้รู้ว่าพรของท่านฤาษีมันเป็นอย่างไร ”
ฉับพลันสายลมแรงก็เข้ามาในห้องบรรทม ประกายสีทองก็วาววับ
เด็กหญิงจึงวิ่งไปหน้าระเบียง และพบกับร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีทอง
และสีขาว ทรงมงกุฎตามอย่างเจ้าชาย ที่น่าแปลกใจคือ
ตอนนี้องค์สุริยาเหลือเพียงสองแขน
“ สุริยา สาวิตรี ! ” เจ้าหญิงน้อยอุทานด้วยความยินดี
“ ธิดาบุญธรรมแห่งกุนติโภช มานั่งใกล้ข้า ข้าจะเล่าให้ฟังว่าเหตุใด ข้าถึง
มาหาเจ้าได้ด้วยเวทคาถาบทนั้น ”
เด็กหญิงก็คลานไปคุกเข่าเบื้องหน้าเทวบุตรผู้ยิ่งใหญ่ ใบหน้าสดใสเหมือน
ตอนกลางวันไม่มีผิดเลย องค์สุริยเทพทรงถอนพระทัยแผ่วเบา
“ กุนตีน้อย เจ้าไม่ทราบจรงๆ ใช่ไหมว่าพรที่ท่านทุรวาสมีความสำคัญมากเพียงไหน
เจ้าต้องรับหน้าที่เป็นมารดาของเหล่าวีรบุรุษที่กำลังมาถึงกำเนิดในเวลานี้ ”
กุนตีเลิกคิ้วได้รูปของนาง “ มารดาของวีรบุรุษหมายถึงอะไรเพคะ ”
“หมายถึงเจ้าจะเป็นผู้กำเนิดเหล่ามนุษย์กึ่งเทพอย่างไรเล่า...
การอวตารของพระวิษณุเป็นเจ้าใกล้มาถึงแล้ว โอรสของเจ้าเกิดมาเพื่อ
เป็นกำลังสำคัญของพระองค์...”
หัตถ์สีทองผุดผ่องลูบกระหม่อมของเจ้าหญิงน้อย
“ ข้ามาเพื่อให้กำเนิดโอรสแก่เจ้า ”
ราวกับแสงแดดมากระทบร่างบอบบางของเจ้าหญิงกุนตี นางรีบถดกลับหนี
และป้องปากด้วยความตกใจ “ ข้า...ข้ายังเด็กเกินกว่าจะ...ได้โปรดเพคะ
ข้ายังเยาว์นัก ถ้าท่านพ่อรู้ว่าข้าไม่ได้เป็นหญิงบริสุทธิ์แล้ว
ท่านจะเสียใจมากนัก ข้ายังไม่อยากมีครรภ์เลย ได้โปรด...เพคะ ”
สุริยเทวะรู้สึกเอ็นดูแกมสงสารกับเด็กหญิงที่ยังไม่ประสากับการร่วมอภิรมย์
หากพระองค์เองก็ว่านางเยาว์เกินไป ถ้าเหล่าพระชายาทราบว่า
พระองค์โปรดปรานเด็กหญิงคนนี้ แสงตะวันอาจไม่ขึ้นสว่างเท่าที่ควรแน่...
“ กุนตีน้อย ข้าฝืนคำพรนี้ไม่ได้ ข้ามาเพื่อให้กำเนิดบุตรแก่เจ้า
ให้เจ้าคิดว่ามันเป็นพระประสงค์แห่งพระเป็นเจ้า ยอมรับเสียเถอะ ”
เจ้าหญิงน้อยร้องไห้กอดตุ๊กตาด้วยกลัวความบริสุทธิ์จะถูกพรากไปด้วย
สัมผัสของเทพเจ้าผู้งามล้ำ องอาจยิ่งพระองค์นี้
“ ไม่กลัว เด็กน้อย แค่ข้าโอบกอดและจุมพิตเจ้า บุตรชายของเจ้าก็จะถือกำเนิด
ในอีก 7 วัน ข้าให้พรนี้ โดยที่เจ้าไม่ต้องเสียความบริสุทธิ์ไป และรักษาไว้ให้แก่สามีที่รักของเจ้า พอใจไหม ”
“ ขอบพระทัยเพคะ สุริยา สาวิตรี ”
พระหัตถ์เรียวโอบร่างเล็กบางให้มาประทับบนพระเพลา และทาบริมโอษฐ์
ลงกับของราชบุตรีเพียงครั้งเดียว กุนตีน้อยก็รู้สึกอิ่มเอมในหัวใจยิ่งกว่า
ได้ของเล่นใหม่ที่ดีที่สุดในโลกมาไว้ในมือ ใบหน้าน่ารักซบอุระกว้างแล้วนิทราลง
^*^*^*^*^
เจ้าหญิงน้อยเช็ดน้ำตาออก แล้วตัดสินใจว่าทารกน้อยคู่กับตุ๊กตาและดอกบัว
หลวงที่นางเก็บมาเองให้แก่โอรสน้อยที่งดงามของนาง
“ แม่ขอโทษนะ แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ ให้องค์สุริยาสาวิตรี บิดาของเจ้าคุ้มครอง
เจ้า พระแม่คงคาคุ้มครองเจ้า และพบกับผู้สามารถเลี้ยงเจ้าได้นะ ลูกแม่ ”
ทันใดนั้น เกราะสีทองและกุณฑลสีทองก็ปรากฏบนร่างของทารกน้อยที่กำลัง
ร้องไห้จ้า กุนตีพนมมือไหว้องค์สุริยเทพบนท้องนภาอีกครั้ง
ทารกน้อยถูกวางในตะกร้า ลอยห่างจากมารดาของตนออกไปเรื่อย...เรื่อย...
ราชบุตรีน้อยคร่ำครวญบนริมสายน้ำนั้นอยู่อีกนาน หลังจากนั้น
วัยเด็กของเจ้าหญิงกุนตีก็จบลง เหลือแค่ความทรงจำอย่างเดียวเท่านั้น
ความผิดพลาดที่เกิดแต่นาง...โอรสที่ต้องกลายเป็นศัตรูของนาง...
^*^*^*^*^
เพิ่มเติม
พระนางกุนตี มีชื่อเดิมว่า "ปริถา" เป็นธิดาในท้าวศูระเสน กษัตริย์แห่งกรุงมถุรา มีพี่ชายนามว่า "วาสุเทพ" ซึ่งเป็นบิดาของ "พระกฤษณะ" ดังนั้นพระกฤษณะจึงมีศักดิ์เป็นหลานชายของพระนางนั่นเอง
กาลต่อมาท้าวกุนติโภช ซึ่งเป็นพระญาติสนิทกับท้าวศูระเสนได้ขอพระนางไปเลี้ยงเป็นพระธิดาบุญธรรม เนื่องจากท้าวกุนติโภชไม่มีโอรสธิดา ท้าวศูระเสนจึงมอบให้ด้วยความยินดีเมื่อมาอยู่กับท้าวกุนติโภชจึงได้นามใหม่ว่า "กุนตี"
อยู่มาวันหนึ่งมหาฤๅษีทุรวาสะได้เดินทางมายังเมืองของท้าวกุนติโภช ซึ่งท้าวกุนติโภชได้มอบหมายให้พระธิดากุนตีคอยปรนนิบัติรับใช้จนมหาฤๅษีพอใจ จึงให้พรเป็นมนต์สำหรับเชิญเทพเจ้าลงมาประทานบุตรให้ เพราะมหาฤๅษีทุรวาสะทราบด้วยญาณว่า ในอนาคตพระธิดากุนตีต้องเชิญเทพเจ้าลงมาประทานบุตรให้เพราะไม่อาจมีบุตรกับสวามีของนางได้นั่นเอง แต่ด้วยความคึกคะนองของนางที่อยากทดสอบมนต์ของมหาฤๅษีว่าจะศักดิ์สิทธิเพียงใด
จึงลองเชิญพระสุริยะเทพดู พระสุริยะเทพก็ปรากฏกายต่อหน้านาง
แต่ด้วยความที่นางไร้เดียงสาจึงไม่ต้องการมีบุตร
แต่ด้วยมนต์นั้นพระสุริยะเทพไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
จึงประทานบุตรให้แก่นางโดยที่นางไม่เสียพรหมจรรย์ เมื่อนางคลอดลูกแล้ว
ด้วยความอายกลัวคนอื่นจะครหาว่ามีบุตรก่อนจะแต่งงาน
นางจึงนำบุตรน้อยใส่ตะกร้าแล้วลอยไปในแม่น้ำคงคา
ซึ่งต่อมาบุตรคนนี้ก็คือ "กรรณะ" พี่ชายคนโตของเหล่าปาณฑพ
แต่อยู่ฝ่ายเการพและมีบทบาทอย่างมากในสงครามมหาภารตะนั่นเอง
ความคิดเห็น