ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~ รวมฟิคประกอบมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะ ~

    ลำดับตอนที่ #5 : ( Mahabharat ) The sunshine of a young mother

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 56


    ( Mahabharat )  The sunshine  of  a  young  mother

    Summary : เจ้าหญิงน้อยกุนตีจำใจต้องทิ้งพระโอรสองค์แรกที่เกิดจาก

    พระสุริยเทพอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    ^*^*^*^*^*^

    สายน้ำข้างราชวังตราบใดยังไหลเอื่อย ไม่ได้สร้างความตระหนกให้กับสิ่งที่นางถือไว้

    ก็คงดีใช่ไหม...เสียงทารกน้อยในภูษาสีอ่อนกำลังร้อง และผู้ที่อ้อมกอด

    ก็เป็นเพียงแค่เด็ก ร่างเริ่มเค้าสู่วัยแรกรุ่น  ดวงตากลมโตเริ่มไหลรินตามทารกในอ้อม

    บางของนาง ริมฝีปากของเด็กหญิงจุมพิตหน้าผากของทารกน้อย

    ลูกชายของนาง...ลูกที่เกิดจากการที่นางยังไม่ได้พร้อมเป็นแม่คนด้วย

    ความผิดพลาดของนางคนเดียว...

    ^*^*^*^*^*^

    “ แม่หนูน้อย บุตรีบุญธรรมแห่งพระเจ้ากุนติโภช  เจ้าเป็นเด็ที่รับผิดชอบมาก

    ข้าควรจะให้พรเจ้า เจ้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม ? ”

    เด็กหญิงที่กำลังเข้าสู่วัยแรกรุ่นพนมมือ แถมยิ้มแก้มปริ

    “ ข้ารับพรทุกอย่างได้เสมอเจ้าค่ะ ท่านฤาษีทุรวาส พรที่ท่านให้ข้าต้องเป็นสิ่ง

    ที่เป็นมงคลมากแน่ๆ เลย ท่านพ่อของข้าก็ต้องยินดีด้วย ”

    เป็นใครทั่วไปก็ต้องแปลกใจทั้งนั้น ฤาษีทุรวาสได้ชื่อว่า “ จอมโทสะที่สุดในบรรดา

    จอมฤาษีที่ถือกำเนิดมาจากดวงหทัยของพระพรหมเป็นเจ้า ”

    ตอนนี้ท่านทุรวาสกลับใจดีกับเด็กหญิงที่ยังไม่ประสากับอะไร

    เพียงเพราะว่านางต้อนรับท่านด้วยกิริยาแสนน่ารักน่าเอ็นดูเท่านั้น

    “ ข้ามีพรพิเศษ พรนี้คือ...” รอยยิ้มผุดบนใบหน้างามของเด็กหญิง

    เมื่อท่านทุรวาสได้สอนมนต์ให้แก่นาง

    หลังจากท่านฤาษีกลับไปแล้ว  เจ้าหญิงกุนตีก็ตื่นแต่ยามอรุณสาง

    เพื่อไปเดินเล่นในราชอุทยานอันรื่นรมย์  ดวงตาสีดำเจือสีน้ำตาลอ่อน

    และแสงสีทองยามเช้ากระทบเส้นผมสลวยถักเปียสะบัด

    ยามเช้าแสนอบอุ่น ทำให้หัวใจของเด็กหญิงวัยแรกรุ่นไม่เคยรู้สึกสดใส

    อย่างนี้มาก่อนเลย...พระอาทิตย์ช่างงามเหลือเกิน...

    “ เราน่าจะลองใช้มนต์ที่ท่านทุรวาสสอนเรา  เทวดา ไม่ซิ ! สุริยเทพต้องมาหาเราแน่ๆ

    ถ้ามาได้ เราจะชวนเพื่อนๆ และคนทั้งวังมาให้ดูเลย ”

    เด็กหญิงหัวเราะให้กับความคิดของตนเอง ร่างเล็กบางนั่งลงบนพิ้นหญ้า

    กลิ่นหอมของบุปผชาติส่งกลิ่นตลบอบอวลไปทั่ว...

    โอม...โอม ฆฤณิ สูรยายะ นะมัห...โอม ฆฤณิ สูรยายะ นะมัห

    อาม สุริยายา นะมาอาม สุริยายา นะมา

    หลังจากนั้น นางก็ร่ายบทมงคลที่พระฤาษีประทานด้วยน้ำเสียงสดใส

    พอร่ายจบไม่ทันไร...ก็มีเสียงทุ้มอันไพเราะก็เรียกให้นางลืมตา

    “ เด็กน้อย เจ้าเรียกข้ามีเรื่องอันใด ? ”

    บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ ฉลองแบบกษัตริย์สีทองคำสุกสว่าง

    รอยยิ้มอย่างเมตตาระบายบนริมฝีปากงาม  เรียวกรอยู่ในท่าประทานพร

    เรียวแขนสองข้างถือจักรและหอยสังข์  ถ้ามีพระฉวีสีคล้ำกว่านี้

    กุนตีน้อยเผลอคิดเลยว่าพระวิษณุมาโปรดเลยทีเดียว

    “ พระองค์คือพระอาทิตย์บนท้องฟ้าใช่ไหมเพคะ ? ”

    บุรุษหนุ่มรูปงามยิ้มตอบ  เจ้าหญิงน้อยกระโดดขึ้นลงด้วยความดีใจ

    นางยกมือนมัสการเทวบุตรผู้เป็นที่เคารพของมนุษย์ทั้งโลกยามทิวา

    “ ข้าดีใจจริงๆ ที่พบกับท่าน  หน้าตาใจดีซะด้วย มาเถอะเพคะ

    ข้าจะพาท่านไปพบท่านพ่อและเพื่อนๆ  บอกพวกเขาว่าท่านงดงามมากแค่ไหน ? ”

    “ เดี๋ยวก่อน แม่หนูน้อย บุตรีแห่งมถุรานคร ”

    ร่างบางของเด็กหญิงจึงหยุดชะงัก  “ ทำไมเหรอเพคะ ท่านต้องรีบกลับแล้วเหรอ ”

    เมื่อเห็นดวงตาสีนิลแสนไร้เดียงบนใบหน้าของเด็กน้อยที่ยังไม่ทันเข้าวัยสาว

    ดังนั้น พระองค์จึงไม่ได้รู้สึกเสน่หา เพียงแค่รู้สึกเอ็นดูราวกับธิดาเท่านั้น

    “ เจ้าเรียกข้ามา เพราะเจ้าท่องพรของใคร ”

    เด็กหญิงบิดชายกระโปรงไปมาด้วยความเขินอาย

    “ ของท่านทุรวาส ท่านชมว่าข้าต้อนรับท่านดี และจัดอาหารกับขนมที่ท่านชอบ

    ท่านก็เลยให้พรบทนี้มา แถมวันนี้ข้าก็อยากรู้ว่ามนต์เรียกเทพนี้มัน

    ศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน ก็เลย...”

    “ ใช้เรียกข้ามาหาเจ้าใช่ไหม แต่ข้าอยู่กับเจ้านานไม่ได้หรอก ข้าต้องกลับขึ้นรถ

    ไปจนกว่ายามราตรีมาเยือนโลก ข้าจะอธิบายให้ฟัง  เจ้าอย่าเพิ่งหลับก่อน ”

    ประเดี๋ยวเดียว  วรองค์สูงสง่าที่มีแสงสีทองก็ได้หายวับไปต่อหน้ากุนตีน้อย

    “ ท่านสุริยเทพ ต่อรองก็เป็นด้วยแฮะ ”

    ^*^*^*^*^*^

    ครั้นราตรีก็มาถึง เจ้าหญิงน้อยอุ้มตุ๊กตาเล่นตามปกติ ก่อนจะเข้าบรรทม

    “ เจ้าคิดว่าสุริยา สาวิตรีองค์นั้นจะกลับมาไหม ”

    มือบางลูบหลังของตุ๊กตาราวกับว่านี้คือลูกน้อย

    “ ถ้าพระองค์มาก็ดี เราจะได้รู้ว่าพรของท่านฤาษีมันเป็นอย่างไร ”

    ฉับพลันสายลมแรงก็เข้ามาในห้องบรรทม  ประกายสีทองก็วาววับ

    เด็กหญิงจึงวิ่งไปหน้าระเบียง และพบกับร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีทอง

    และสีขาว  ทรงมงกุฎตามอย่างเจ้าชาย ที่น่าแปลกใจคือ

    ตอนนี้องค์สุริยาเหลือเพียงสองแขน

    “ สุริยา สาวิตรี ! ”  เจ้าหญิงน้อยอุทานด้วยความยินดี

    “ ธิดาบุญธรรมแห่งกุนติโภช  มานั่งใกล้ข้า ข้าจะเล่าให้ฟังว่าเหตุใด ข้าถึง

    มาหาเจ้าได้ด้วยเวทคาถาบทนั้น ”

    เด็กหญิงก็คลานไปคุกเข่าเบื้องหน้าเทวบุตรผู้ยิ่งใหญ่ ใบหน้าสดใสเหมือน

    ตอนกลางวันไม่มีผิดเลย องค์สุริยเทพทรงถอนพระทัยแผ่วเบา

    “ กุนตีน้อย  เจ้าไม่ทราบจรงๆ ใช่ไหมว่าพรที่ท่านทุรวาสมีความสำคัญมากเพียงไหน

    เจ้าต้องรับหน้าที่เป็นมารดาของเหล่าวีรบุรุษที่กำลังมาถึงกำเนิดในเวลานี้ ”

    กุนตีเลิกคิ้วได้รูปของนาง  “ มารดาของวีรบุรุษหมายถึงอะไรเพคะ ”

    “หมายถึงเจ้าจะเป็นผู้กำเนิดเหล่ามนุษย์กึ่งเทพอย่างไรเล่า...

    การอวตารของพระวิษณุเป็นเจ้าใกล้มาถึงแล้ว โอรสของเจ้าเกิดมาเพื่อ

    เป็นกำลังสำคัญของพระองค์...”

    หัตถ์สีทองผุดผ่องลูบกระหม่อมของเจ้าหญิงน้อย

    “ ข้ามาเพื่อให้กำเนิดโอรสแก่เจ้า ”

    ราวกับแสงแดดมากระทบร่างบอบบางของเจ้าหญิงกุนตี  นางรีบถดกลับหนี

    และป้องปากด้วยความตกใจ  “ ข้า...ข้ายังเด็กเกินกว่าจะ...ได้โปรดเพคะ

    ข้ายังเยาว์นัก ถ้าท่านพ่อรู้ว่าข้าไม่ได้เป็นหญิงบริสุทธิ์แล้ว

    ท่านจะเสียใจมากนัก ข้ายังไม่อยากมีครรภ์เลย ได้โปรด...เพคะ ”

    สุริยเทวะรู้สึกเอ็นดูแกมสงสารกับเด็กหญิงที่ยังไม่ประสากับการร่วมอภิรมย์

    หากพระองค์เองก็ว่านางเยาว์เกินไป  ถ้าเหล่าพระชายาทราบว่า

    พระองค์โปรดปรานเด็กหญิงคนนี้  แสงตะวันอาจไม่ขึ้นสว่างเท่าที่ควรแน่...

    “ กุนตีน้อย  ข้าฝืนคำพรนี้ไม่ได้ ข้ามาเพื่อให้กำเนิดบุตรแก่เจ้า

    ให้เจ้าคิดว่ามันเป็นพระประสงค์แห่งพระเป็นเจ้า  ยอมรับเสียเถอะ ”

    เจ้าหญิงน้อยร้องไห้กอดตุ๊กตาด้วยกลัวความบริสุทธิ์จะถูกพรากไปด้วย

    สัมผัสของเทพเจ้าผู้งามล้ำ องอาจยิ่งพระองค์นี้

    “ ไม่กลัว เด็กน้อย แค่ข้าโอบกอดและจุมพิตเจ้า  บุตรชายของเจ้าก็จะถือกำเนิด

    ในอีก 7 วัน  ข้าให้พรนี้ โดยที่เจ้าไม่ต้องเสียความบริสุทธิ์ไป และรักษาไว้ให้แก่สามีที่รักของเจ้า พอใจไหม ”

    “ ขอบพระทัยเพคะ สุริยา สาวิตรี ”

    พระหัตถ์เรียวโอบร่างเล็กบางให้มาประทับบนพระเพลา  และทาบริมโอษฐ์

    ลงกับของราชบุตรีเพียงครั้งเดียว กุนตีน้อยก็รู้สึกอิ่มเอมในหัวใจยิ่งกว่า

    ได้ของเล่นใหม่ที่ดีที่สุดในโลกมาไว้ในมือ  ใบหน้าน่ารักซบอุระกว้างแล้วนิทราลง

    ^*^*^*^*^

    เจ้าหญิงน้อยเช็ดน้ำตาออก แล้วตัดสินใจว่าทารกน้อยคู่กับตุ๊กตาและดอกบัว

    หลวงที่นางเก็บมาเองให้แก่โอรสน้อยที่งดงามของนาง

    “ แม่ขอโทษนะ แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ ให้องค์สุริยาสาวิตรี บิดาของเจ้าคุ้มครอง

    เจ้า  พระแม่คงคาคุ้มครองเจ้า และพบกับผู้สามารถเลี้ยงเจ้าได้นะ ลูกแม่ ”

    ทันใดนั้น เกราะสีทองและกุณฑลสีทองก็ปรากฏบนร่างของทารกน้อยที่กำลัง

    ร้องไห้จ้า  กุนตีพนมมือไหว้องค์สุริยเทพบนท้องนภาอีกครั้ง

    ทารกน้อยถูกวางในตะกร้า ลอยห่างจากมารดาของตนออกไปเรื่อย...เรื่อย...

    ราชบุตรีน้อยคร่ำครวญบนริมสายน้ำนั้นอยู่อีกนาน หลังจากนั้น

    วัยเด็กของเจ้าหญิงกุนตีก็จบลง  เหลือแค่ความทรงจำอย่างเดียวเท่านั้น

    ความผิดพลาดที่เกิดแต่นาง...โอรสที่ต้องกลายเป็นศัตรูของนาง...

    ^*^*^*^*^

    เพิ่มเติม

    พระนางกุนตี มีชื่อเดิมว่า "ปริถา" เป็นธิดาในท้าวศูระเสน กษัตริย์แห่งกรุงมถุรา มีพี่ชายนามว่า "วาสุเทพ" ซึ่งเป็นบิดาของ "พระกฤษณะ" ดังนั้นพระกฤษณะจึงมีศักดิ์เป็นหลานชายของพระนางนั่นเอง

    กาลต่อมาท้าวกุนติโภช ซึ่งเป็นพระญาติสนิทกับท้าวศูระเสนได้ขอพระนางไปเลี้ยงเป็นพระธิดาบุญธรรม เนื่องจากท้าวกุนติโภชไม่มีโอรสธิดา ท้าวศูระเสนจึงมอบให้ด้วยความยินดีเมื่อมาอยู่กับท้าวกุนติโภชจึงได้นามใหม่ว่า "กุนตี"

    อยู่มาวันหนึ่งมหาฤๅษีทุรวาสะได้เดินทางมายังเมืองของท้าวกุนติโภช ซึ่งท้าวกุนติโภชได้มอบหมายให้พระธิดากุนตีคอยปรนนิบัติรับใช้จนมหาฤๅษีพอใจ จึงให้พรเป็นมนต์สำหรับเชิญเทพเจ้าลงมาประทานบุตรให้ เพราะมหาฤๅษีทุรวาสะทราบด้วยญาณว่า ในอนาคตพระธิดากุนตีต้องเชิญเทพเจ้าลงมาประทานบุตรให้เพราะไม่อาจมีบุตรกับสวามีของนางได้นั่นเอง แต่ด้วยความคึกคะนองของนางที่อยากทดสอบมนต์ของมหาฤๅษีว่าจะศักดิ์สิทธิเพียงใด
    จึงลองเชิญพระสุริยะเทพดู พระสุริยะเทพก็ปรากฏกายต่อหน้านาง
    แต่ด้วยความที่นางไร้เดียงสาจึงไม่ต้องการมีบุตร
    แต่ด้วยมนต์นั้นพระสุริยะเทพไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
    จึงประทานบุตรให้แก่นางโดยที่นางไม่เสียพรหมจรรย์ เมื่อนางคลอดลูกแล้ว
    ด้วยความอายกลัวคนอื่นจะครหาว่ามีบุตรก่อนจะแต่งงาน
    นางจึงนำบุตรน้อยใส่ตะกร้าแล้วลอยไปในแม่น้ำคงคา
    ซึ่งต่อมาบุตรคนนี้ก็คือ "กรรณะ" พี่ชายคนโตของเหล่าปาณฑพ
    แต่อยู่ฝ่ายเการพและมีบทบาทอย่างมากในสงครามมหาภารตะนั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×