ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~ รวมฟิคประกอบมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะ ~

    ลำดับตอนที่ #4 : ( Ramayana ) The Sorrow of Second Prince

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 56


    ( Ramayana ) The Sorrow of Second Prince

     

    Rate : PG - 13

     

    Summary : องค์ภรตโกรธแค้นมารดาบังเกิดเกล้าที่เป็นสาเหตุของ

     

    การสวรรคตของพระราชบิดา และองค์รามต้องถูกเนรเทศไปอยู่ป่า

     

    Warning : Mother – son angst & very sad...

     

    ~*~*~*~*~*~*~

     

     

    ราชรถอโยธยาพุ่งทะยานผ่านเมืองน้อยใหญ่ ผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล

     

    หากดวงเนตรกลมงามของเจ้าชายภรต ราชโอรสองค์รองกลับแทบมองไม่เห็น

     

    ภาพเหล่านั้น ความประหวั่นพรั่นพรึงอันลึกลับเกาะกุมขั้วพระทัยไม่จางหาย

     

    ทั้งชิ้นส่วนแผ่นของพระนามตกจากพระหัตถ์ และพระสุบินร้ายว่า

     

    พระบิดาท้าวทศรถทรงอยู่ในสภาพอัปลักษณ์ยิ่ง

     

    ตลอดสี่ทิวาแห่งการควบตะบึงไปข้างหน้า พวกเขาก็มาถึงเขตแคว้นโกศล

     

    เมื่อใกล้ถึงยามสนธยากาล ดวงเนตรของเจ้าชายจึงมองเห็นยอดปราสาท

     

    เป็นสีทองระยับมาแต่ไกล...

     

     

    บ้าน ! เราคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ” เจ้าชายศัตรุฆน์ ราชอนุชาร้องขึ้น

     

    ทรงลุกขึ้นยืนในราชรถ ชะเง้อมองไปเบื้องหน้าอย่างแจ่มใส

     

    หากว่าสภาพของอโยธยาในเวลานี้กลับเป็นเหมือนนครร้าง

     

    ความหวาดกลัวเข้าใจพระทัยของราชกุมารทั้งสององค์

     

    น้องเรา ! เหตุใดบ้านเมืองถึงเงียบเชียบเช่นนี้ เหล่านักดนตรี วณิพก

     

    บรรดาพ่อค้าแม่ค้าหายไปไหนหมด ทุกคนหายไปไหน ? ”

     

    ดวงเนตรของเจ้าชายศัตรุฆน์พบว่าประชาชนเริ่มพากันมารวมตัวบนท้องถนน

     

    และมองพวกพระองค์อย่างไม่เป็นมิตร แบบต้องใช้คำว่า ' เย็นชายิ่ง '

     

    เจ้าชายภรตไม่อาจทนสภาพแบบนี้ได้แล้ว ร่างสูงกระโดดลงจากราชรถทองคำ

     

    และรีบกลับไปยังราชวังสีขาวอันยิ่งใหญ่ของพระราชบิดา

     

    ~*~*~*~*~*~

     

    บุคคลแรกที่พระองค์พบคือรานีไกยเกยี พระมารดาที่ตรงเข้ามาสวมกอด

     

    พระองค์แทน “ ลูกชายยอดดวงใจยอดชีวิตของแม่กลับมาแล้วเหรอ ? ”

     

    เจ้าชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย...ท่านแม่ไม่เคยเรียกพระองค์แบบนี้...

     

    ยอดดวงใจและยอดชีวิตของนางคือ “ องค์ราม ”

     

     

    ท่านพ่อและพวกพี่ๆ ของแม่สบายดีใช่ไหม ? ”

     

    พวกท่านสบายดี ส่งความรักและพรทุกประการมาสู่ท่านและพวกเรา

     

    แล้วพระบิดาไปไหน พระองค์ประทับอยู่ห้องใดหรือ ? ”

     

    รานีในชุดอาภรณ์ประดับด้วยอัญมณีงดงามจึงได้ตอบว่า

     

    พระองค์ทรงละทิ้งลมปราณไปสู่ปรโลกที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามต้องไป ”

     

    ไม่จริงๆ ไม่...พระบิดา...พ่อ...องค์ทศรถเหนือเกล้าของลูก ”

     

    พระภรตสะอื้นไห้ราวกับเป็นทารกน้อย “ ชีวิตของลูกหมดความหมายแล้ว

     

    พาลูกไปหาองค์ราม พี่ชายของลูกด้วย...ลูกอยากเข้าเฝ้าพระองค์และพระศพของ

     

    พระราชบิดานัก...”

     

    ราชินีไกยเกยีกลับแสร้งปลอบโยน มือเรียวลูบพระเกศาของราชโอรส

     

    ทำไมเจ้าต้องสนใจพ่อ...พ่อไม่ได้สั่งเสียอะไรให้เจ้า พ่อที่นึกถึงแต่องค์ราม

     

    สีดาและลักษมัณนะเหรอ ? ให้ลืมไปเสียเถอะ ! ”

     

    ดวงเนตรของเจ้าชายหนุ่มเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก แม้ว่าอัสสุชลจะไหลริน

     

    แม่...ท่านแม่...พูดอะไร เกิดอะไรขึ้น ? พวกพี่ๆ ข้าไปไหน ? ”

     

    ริมฝีปากสีแดงจัดของนางไกยเกยีเหยียดยิ้มราวกับปีศาจร้ายมาสิงเข้าร่าง

     

     

    รามถูกเนรเทศให้ออกไปอยู่ป่าสิบสี่ปี พร้อมด้วยชายาและน้องชายที่เขารัก ”

     

    ไม่ๆ ท่านแม่ ท่านล้อเล่นกับลูกใช่ไหม ? ท่านแกล้งลูกอีกแล้วซิ

     

    เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับท่านพี่ได้อย่างไร หรือ...”

     

    องค์ชายรีบจับแขนของพระมารดาบีบเขย่าราวกับนางเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิต

     

    จนไกยเกยีร้องด้วยความเจ็บปวด หากรังสีอำมหิตออกจากดวงเนตรคู่งาม

     

    สีน้ำตาลแสนอบอุ่นกลับเหมือนจากเป็นสีแดงของนางมาร

     

    ฟังแม่นะ ! ภรต ! ”

     

    เจ้าชายหนุ่มผู้เป็นพระโอรสเหมือนถูกตรึงไว้กับที่

     

    พ่อเจ้าเตรียมการให้รามเป็นยุพราช แต่ว่าแม่ทวงคำพรสองอย่างคือ

     

    ให้รามไปอยู่ป่าสิบสี่ปี และให้เจ้าครองราชย์แทน...เป็นยุพราชแห่งอโยธยา...”

     

    ...รามไปอยู่ป่าสิบสี่ปี เจ้าได้เป็นยุพราช...

     

    ...รามไปอยู่ป่าสิบสี่ปี เจ้าได้ครองอโยธยา...

     

    ...รามไปอยู่ป่า...

     

    องค์ภรตหวีดร้องดังราวกับสีหนาท “ ไม่ ! ”

     

    มารดาลูบใบหน้า นิ้วเรียวยังประดับด้วยแหวนเพชร และเล็บแต้มทาสีไว้

     

    ราวกับเตรียมตัวเป็นพระพันปีหลวง หาใช่หญิงม่ายไว้ทุกข์ นางรั้งโอรสมากอดแนบชิด

     

    พ่อเจ้ารักแต่รามมากเกินไป พอเขาออกจากเมืองก็ตรอมใจตาย

     

    ภรตลูกแม่...อะไรก็ตามที่แม่ไม่ได้เคยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจว่ามีแม่อยู่ ต่อไปนี้

     

    แม่จะมอบให้กับลูก ยอดราชาแห่งอโยธยาของแม่ ”

     

    สิ้นคำนี้ เจ้าชายจึงทรงผลักพระมารดาออกอย่างแรงจนกระเด็นไปถูกแท่นประทับ

     

    เดิมที่พระบิดาเคยประทับสนทนากับนาง...

     

    ข้าขอปฏิเสธท่าน ข้าไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ที่ได้มาจากการกระทำอันชั่วร้ายแบบนี้

     

    ท่านแม่ ทำไมท่านต้องทำเช่นนี้ ทำไม...ไกยเกยี ? ”

     

    เพราะอะไรนะเหรอ ? มันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แม่ขอพร ขอตามสัญญาที่องค์ทศรถ

     

    เคยประทานให้แม่ ผิดด้วยหรือ ลูกแม่ ”

     

    ดวงตาสีนิลงดงามของเจ้าชายจึงหลับลงอย่างพระทัยเย็นที่สุด

     

    อย่างนี้ซินะ ...ท่านถึงคิดว่าการขอสัญญาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดี

     

    แต่ท่านกลับทำลายทุกอย่าง ทุกอย่างที่เป็นความงดงามของกรุงอโยธยาไม่มีเหลือ ”

     

    แม่เป็นแม่เจ้านะ พรที่แม่ขอเป็นพรที่แม่มอบให้ลูก เลิกพูดเอาแต่ใจเป็นเด็กเสียที

     

    จงเป็นบุรุษ ครองบัลลังก์คู่มนเทวี ชายาของเจ้า ให้น้องศัตรุฆน์เป็นอุปราชของเจ้า

     

    เจ้าก็ปรารถนาเช่นนี้ อย่าตกอยู่ในเงาของรามเลย จงครองบัลลังก์ที่แม่ยึดมาให้เจ้า

    ด้วยความยากลำบากสาหัส ถือว่ากตัญญูต่อแม่คนนี้ด้วย ! ”

     

    ยากลำบากเหรอ ? เจ้ากล้าว่าคำนี้ออกมา ”

     

    แม่ทำเพื่อเจ้า เพื่ออโยธยา ภรต เข้าใจผิดแล้ว ”

     

    หยุดนะ ! สิ่งที่เจ้าก็เพื่อประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น ราชบัลลังก์นี้

     

    เป็นของพี่ชายรามจันทราโดยชอบธรรม และข้าไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ช่วงชิงแบบนี้

     

    นางมารร้าย ท่านเคยบอกให้ข้ารักแต่องค์ราม และท่านก็รักพี่ชายข้า

     

    รักมาตลอด แต่...วันนี้ข้าเข้าใจแล้วเจ้าคือนางปีศาจ ปีศาจร้าย ”

     

    ภรต เจ้าลูกไม่รักดี ”

     

    แล้วเจ้าชายหนุ่มสั่นสะท้าน และดึงดาบสีเงินมาจากฝักแนบองค์

     

    เจ้าควรตายให้แผ่นดินของเราหมดกาลกิณีเสียเถอะ ”

     

    รานีกริ๊ดร้องและหลบหนีจากคมอาวุธอย่างสุดตัว หากร่างโปร่งแข็งแรง

     

    ของเจ้าชายศัตรุฆน์กลับมาขวางกั้นอย่างหวุดหวิด

     

    พี่ภรต อย่า ! อย่างไรเสีย นางก็เป็นแม่ของท่าน การทำมาตุฆาต

     

    มันเป็นบาปหนัก...ลืมที่เหล่าคุรุเทพสอนแล้วใช่ไหม...”

     

    ดวงตาของเจ้าชายยังวาวโรจน์ “ พี่จะฆ่านาง เพราะนาง...”

     

    นางเป็นแม่ของท่าน คิดดูเถอะ องค์รามของเรารู้ว่าพี่ทำเช่นนี้ จะทรงว่าอย่างไร

     

    องค์รามจะ...พี่อาจจะไม่เห็นเชษฐาของเราอีก...”

     

    องค์ชายผู้เยาว์วัยกว่าโอบกอดร่างสูงไว้อย่างปลอบพระทัย

     

    ก็ได้ พี่ไม่ทำ...” มือแกร่งนำดาบกลับเข้าฝัก

     

    รานีผู้เป็นสาเหตุจึงประคองเพื่อลุกขึ้น นางหันมามองศัตรุฆน์

     

    แม่ทำเพื่อพวกเจ้านะ ”

     

    ราชกุมารลำดับที่สี่แห่งอโยธยาจึงตอบว่า “ ไม่มีใครต้องการแบบนี้ แม้ใจจริงของ

     

    เหล่าประชาราษฎร์หรอก ท่านคิดว่ามันถูกแล้วเหรอ ? ”

     

    ข้ารักเจ้านะ ภรต ลูกรักของแม่ ” นางคร่ำครวญ

     

    ความโมโหของเจ้าชายภรตได้ระบายออกมาจากน้ำพระเนตร

     

    ตลอดเวลาที่ท่านเป็นราชินีของท่านไม่เคยเข้าใจรอยยิ้มขององค์ทศรถบ้างไหม ? ”

     

     

    รอยยิ้มงั้นหรือ ? ”

     

     

    น้ำพระเนตรที่ไหลล้นจนอาบพระปรางสูงทั้งสองข้าง พร้อมแววตาวาวพิโรจน์

     

    ตอนนี้นางเพิ่งรู้สึกได้เห็นใบหน้าขององค์รามจันทราสะท้อนอารมณ์โศกาที่สุด

     

    ผ่านโอรสองค์เดียวของนาง

     

     

    จนป่านนี้ ท่านยังไม่เข้าใจอีกเหรอ องค์รามคือทุกอย่างในชีวิต และเป็นแสงสว่าง

     

    ดุจตะวันของพระบิดา เวลาที่ได้เห็นองค์ราม พระองค์จะมีรอยยิ้มที่สุดงดงามทุกครั้ง

     

    ให้พวกเรา และทุกๆคน เสมอ รอยยิ้มของพ่อ รอยยิ้มขององค์ทศรถนั้นต่างหาก

     

    คือสิ่งที่ข้ารักที่สุดในชีวิต...”

     

    พี่ภรต ไปกับน้องเถอะ ” องค์ชายสุดท้องรั้งแขนของเชษฐา

     

    นางยังเย้ยถามอีก “ เพราะอย่างนี้ ลูกจะบอกว่าลูกรักพ่อมากกว่าแม่ใช่ไหม..”

     

    นั้นคือความจริงไม่ใช่หรือไร ?! บุรุษที่ข้ารักยิ่ง ผู้ให้กำเนิดข้าได้จากไปแล้ว

     

    ท่านแม่แท้ๆของข้ากลับทำลายไปจนหมดสิ้น คอยแต่จะนั่งแต่ที่สูง

     

    เยาะเย้ยการสวรรคตของพระบิดาโดยไร้น้ำตาเพียงองค์เดียวเพื่อ

     

    จะรับบัลลังก์อันไร้ค่า ต่อไปนี้ นามของท่านจะได้รับแต่คำสาปแช่งทั่งแผ่นดิน

     

    แม้แต่ข้าก็ต้องได้รับผลกรรมอันนี้ ข้าจะขอตามไปอยู่กับพี่ชายของข้า

     

    และให้ท่านรู้ด้วยว่าสิ่งที่ท่านทำคือ ท่านได้สังหารคนที่รักท่านถึงสามคน

     

    นั้นคือ พระสวามีของท่าน องค์ราม และภรตลูกชายของท่านเอง ! ”

     

    สุรเสียงประโยคนี้ เจ้าชายแห่งอโยธยาก้าวออกไป พร้อมกับสีหน้าสลดยิ่ง

     

    ของพระอนุชา โดยราชินีไกยเกยีได้แต่อ้ำอึง ทรุดร่างระหงกับแท่นประทับ

     

    นางรู้สึกได้ว่า...ความหวังที่นางมอบให้กับโอรสจบสิ้นแล้ว...

     

    ~*~*~*~*~

     

    สงสารองค์ภรต...สงสารจริง ๆ //ซับน้ำตา

     

    ที่จริงแม่ไกยเกยีท่านก็ทำเพื่อลูกถึงมันจะออกในลักษณะที่เห็นแก่ได้มากไปหน่อย

     

    กระนั้น...แม่ลูกคู่นี้จึงขาดกันและไม่ได้กลับมาพูดกันอีกเลย

    จนองค์รามกลับมานั้นแหละ // เลิกดราม่าได้ยังเนี่ย...

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×