คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ( Ramayana ) The Sorrow of Second Prince
( Ramayana ) The Sorrow of Second Prince
Rate : PG - 13
Summary : องค์ภรตโกรธแค้นมารดาบังเกิดเกล้าที่เป็นสาเหตุของ
การสวรรคตของพระราชบิดา และองค์รามต้องถูกเนรเทศไปอยู่ป่า
Warning : Mother – son angst & very sad...
~*~*~*~*~*~*~
ราชรถอโยธยาพุ่งทะยานผ่านเมืองน้อยใหญ่ ผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล
หากดวงเนตรกลมงามของเจ้าชายภรต ราชโอรสองค์รองกลับแทบมองไม่เห็น
ภาพเหล่านั้น ความประหวั่นพรั่นพรึงอันลึกลับเกาะกุมขั้วพระทัยไม่จางหาย
ทั้งชิ้นส่วนแผ่นของพระนามตกจากพระหัตถ์ และพระสุบินร้ายว่า
พระบิดาท้าวทศรถทรงอยู่ในสภาพอัปลักษณ์ยิ่ง
ตลอดสี่ทิวาแห่งการควบตะบึงไปข้างหน้า พวกเขาก็มาถึงเขตแคว้นโกศล
เมื่อใกล้ถึงยามสนธยากาล ดวงเนตรของเจ้าชายจึงมองเห็นยอดปราสาท
เป็นสีทองระยับมาแต่ไกล...
“ บ้าน ! เราคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ” เจ้าชายศัตรุฆน์ ราชอนุชาร้องขึ้น
ทรงลุกขึ้นยืนในราชรถ ชะเง้อมองไปเบื้องหน้าอย่างแจ่มใส
หากว่าสภาพของอโยธยาในเวลานี้กลับเป็นเหมือนนครร้าง
ความหวาดกลัวเข้าใจพระทัยของราชกุมารทั้งสององค์
“ น้องเรา ! เหตุใดบ้านเมืองถึงเงียบเชียบเช่นนี้ เหล่านักดนตรี วณิพก
บรรดาพ่อค้าแม่ค้าหายไปไหนหมด ทุกคนหายไปไหน ? ”
ดวงเนตรของเจ้าชายศัตรุฆน์พบว่าประชาชนเริ่มพากันมารวมตัวบนท้องถนน
และมองพวกพระองค์อย่างไม่เป็นมิตร แบบต้องใช้คำว่า ' เย็นชายิ่ง '
เจ้าชายภรตไม่อาจทนสภาพแบบนี้ได้แล้ว ร่างสูงกระโดดลงจากราชรถทองคำ
และรีบกลับไปยังราชวังสีขาวอันยิ่งใหญ่ของพระราชบิดา
~*~*~*~*~*~
บุคคลแรกที่พระองค์พบคือรานีไกยเกยี พระมารดาที่ตรงเข้ามาสวมกอด
พระองค์แทน “ ลูกชายยอดดวงใจยอดชีวิตของแม่กลับมาแล้วเหรอ ? ”
เจ้าชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย...ท่านแม่ไม่เคยเรียกพระองค์แบบนี้...
ยอดดวงใจและยอดชีวิตของนางคือ “ องค์ราม ”
“ ท่านพ่อและพวกพี่ๆ ของแม่สบายดีใช่ไหม ? ”
“ พวกท่านสบายดี ส่งความรักและพรทุกประการมาสู่ท่านและพวกเรา
แล้วพระบิดาไปไหน พระองค์ประทับอยู่ห้องใดหรือ ? ”
รานีในชุดอาภรณ์ประดับด้วยอัญมณีงดงามจึงได้ตอบว่า
“ พระองค์ทรงละทิ้งลมปราณไปสู่ปรโลกที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามต้องไป ”
“ ไม่จริงๆ ไม่...พระบิดา...พ่อ...องค์ทศรถเหนือเกล้าของลูก ”
พระภรตสะอื้นไห้ราวกับเป็นทารกน้อย “ ชีวิตของลูกหมดความหมายแล้ว
พาลูกไปหาองค์ราม พี่ชายของลูกด้วย...ลูกอยากเข้าเฝ้าพระองค์และพระศพของ
พระราชบิดานัก...”
ราชินีไกยเกยีกลับแสร้งปลอบโยน มือเรียวลูบพระเกศาของราชโอรส
“ ทำไมเจ้าต้องสนใจพ่อ...พ่อไม่ได้สั่งเสียอะไรให้เจ้า พ่อที่นึกถึงแต่องค์ราม
สีดาและลักษมัณนะเหรอ ? ให้ลืมไปเสียเถอะ ! ”
ดวงเนตรของเจ้าชายหนุ่มเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก แม้ว่าอัสสุชลจะไหลริน
“ แม่...ท่านแม่...พูดอะไร เกิดอะไรขึ้น ? พวกพี่ๆ ข้าไปไหน ? ”
ริมฝีปากสีแดงจัดของนางไกยเกยีเหยียดยิ้มราวกับปีศาจร้ายมาสิงเข้าร่าง
“ รามถูกเนรเทศให้ออกไปอยู่ป่าสิบสี่ปี พร้อมด้วยชายาและน้องชายที่เขารัก ”
“ ไม่ๆ ท่านแม่ ท่านล้อเล่นกับลูกใช่ไหม ? ท่านแกล้งลูกอีกแล้วซิ
เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับท่านพี่ได้อย่างไร หรือ...”
องค์ชายรีบจับแขนของพระมารดาบีบเขย่าราวกับนางเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิต
จนไกยเกยีร้องด้วยความเจ็บปวด หากรังสีอำมหิตออกจากดวงเนตรคู่งาม
สีน้ำตาลแสนอบอุ่นกลับเหมือนจากเป็นสีแดงของนางมาร
“ ฟังแม่นะ ! ภรต ! ”
เจ้าชายหนุ่มผู้เป็นพระโอรสเหมือนถูกตรึงไว้กับที่
“ พ่อเจ้าเตรียมการให้รามเป็นยุพราช แต่ว่าแม่ทวงคำพรสองอย่างคือ
ให้รามไปอยู่ป่าสิบสี่ปี และให้เจ้าครองราชย์แทน...เป็นยุพราชแห่งอโยธยา...”
...รามไปอยู่ป่าสิบสี่ปี เจ้าได้เป็นยุพราช...
...รามไปอยู่ป่าสิบสี่ปี เจ้าได้ครองอโยธยา...
...รามไปอยู่ป่า...
องค์ภรตหวีดร้องดังราวกับสีหนาท “ ไม่ ! ”
มารดาลูบใบหน้า นิ้วเรียวยังประดับด้วยแหวนเพชร และเล็บแต้มทาสีไว้
ราวกับเตรียมตัวเป็นพระพันปีหลวง หาใช่หญิงม่ายไว้ทุกข์ นางรั้งโอรสมากอดแนบชิด
“ พ่อเจ้ารักแต่รามมากเกินไป พอเขาออกจากเมืองก็ตรอมใจตาย
ภรตลูกแม่...อะไรก็ตามที่แม่ไม่ได้เคยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจว่ามีแม่อยู่ ต่อไปนี้
แม่จะมอบให้กับลูก ยอดราชาแห่งอโยธยาของแม่ ”
สิ้นคำนี้ เจ้าชายจึงทรงผลักพระมารดาออกอย่างแรงจนกระเด็นไปถูกแท่นประทับ
เดิมที่พระบิดาเคยประทับสนทนากับนาง...
“ ข้าขอปฏิเสธท่าน ข้าไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ที่ได้มาจากการกระทำอันชั่วร้ายแบบนี้
ท่านแม่ ทำไมท่านต้องทำเช่นนี้ ทำไม...ไกยเกยี ? ”
“ เพราะอะไรนะเหรอ ? มันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แม่ขอพร ขอตามสัญญาที่องค์ทศรถ
เคยประทานให้แม่ ผิดด้วยหรือ ลูกแม่ ”
ดวงตาสีนิลงดงามของเจ้าชายจึงหลับลงอย่างพระทัยเย็นที่สุด
“ อย่างนี้ซินะ ...ท่านถึงคิดว่าการขอสัญญาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดี
แต่ท่านกลับทำลายทุกอย่าง ทุกอย่างที่เป็นความงดงามของกรุงอโยธยาไม่มีเหลือ ”
“ แม่เป็นแม่เจ้านะ พรที่แม่ขอเป็นพรที่แม่มอบให้ลูก เลิกพูดเอาแต่ใจเป็นเด็กเสียที
จงเป็นบุรุษ ครองบัลลังก์คู่มนเทวี ชายาของเจ้า ให้น้องศัตรุฆน์เป็นอุปราชของเจ้า
เจ้าก็ปรารถนาเช่นนี้ อย่าตกอยู่ในเงาของรามเลย จงครองบัลลังก์ที่แม่ยึดมาให้เจ้า
ด้วยความยากลำบากสาหัส ถือว่ากตัญญูต่อแม่คนนี้ด้วย ! ”
“ ยากลำบากเหรอ ? เจ้ากล้าว่าคำนี้ออกมา ”
“ แม่ทำเพื่อเจ้า เพื่ออโยธยา ภรต เข้าใจผิดแล้ว ”
“ หยุดนะ ! สิ่งที่เจ้าก็เพื่อประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น ราชบัลลังก์นี้
เป็นของพี่ชายรามจันทราโดยชอบธรรม และข้าไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ช่วงชิงแบบนี้
นางมารร้าย ท่านเคยบอกให้ข้ารักแต่องค์ราม และท่านก็รักพี่ชายข้า
รักมาตลอด แต่...วันนี้ข้าเข้าใจแล้วเจ้าคือนางปีศาจ ปีศาจร้าย ”
“ ภรต เจ้าลูกไม่รักดี ”
แล้วเจ้าชายหนุ่มสั่นสะท้าน และดึงดาบสีเงินมาจากฝักแนบองค์
“ เจ้าควรตายให้แผ่นดินของเราหมดกาลกิณีเสียเถอะ ”
รานีกริ๊ดร้องและหลบหนีจากคมอาวุธอย่างสุดตัว หากร่างโปร่งแข็งแรง
ของเจ้าชายศัตรุฆน์กลับมาขวางกั้นอย่างหวุดหวิด
“ พี่ภรต อย่า ! อย่างไรเสีย นางก็เป็นแม่ของท่าน การทำมาตุฆาต
มันเป็นบาปหนัก...ลืมที่เหล่าคุรุเทพสอนแล้วใช่ไหม...”
ดวงตาของเจ้าชายยังวาวโรจน์ “ พี่จะฆ่านาง เพราะนาง...”
“ นางเป็นแม่ของท่าน คิดดูเถอะ องค์รามของเรารู้ว่าพี่ทำเช่นนี้ จะทรงว่าอย่างไร
องค์รามจะ...พี่อาจจะไม่เห็นเชษฐาของเราอีก...”
องค์ชายผู้เยาว์วัยกว่าโอบกอดร่างสูงไว้อย่างปลอบพระทัย
“ ก็ได้ พี่ไม่ทำ...” มือแกร่งนำดาบกลับเข้าฝัก
รานีผู้เป็นสาเหตุจึงประคองเพื่อลุกขึ้น นางหันมามองศัตรุฆน์
“ แม่ทำเพื่อพวกเจ้านะ ”
ราชกุมารลำดับที่สี่แห่งอโยธยาจึงตอบว่า “ ไม่มีใครต้องการแบบนี้ แม้ใจจริงของ
เหล่าประชาราษฎร์หรอก ท่านคิดว่ามันถูกแล้วเหรอ ? ”
“ ข้ารักเจ้านะ ภรต ลูกรักของแม่ ” นางคร่ำครวญ
ความโมโหของเจ้าชายภรตได้ระบายออกมาจากน้ำพระเนตร
“ ตลอดเวลาที่ท่านเป็นราชินีของท่านไม่เคยเข้าใจรอยยิ้มขององค์ทศรถบ้างไหม ? ”
“ รอยยิ้มงั้นหรือ ? ”
น้ำพระเนตรที่ไหลล้นจนอาบพระปรางสูงทั้งสองข้าง พร้อมแววตาวาวพิโรจน์
ตอนนี้นางเพิ่งรู้สึกได้เห็นใบหน้าขององค์รามจันทราสะท้อนอารมณ์โศกาที่สุด
ผ่านโอรสองค์เดียวของนาง
“ จนป่านนี้ ท่านยังไม่เข้าใจอีกเหรอ องค์รามคือทุกอย่างในชีวิต และเป็นแสงสว่าง
ดุจตะวันของพระบิดา เวลาที่ได้เห็นองค์ราม พระองค์จะมีรอยยิ้มที่สุดงดงามทุกครั้ง
ให้พวกเรา และทุกๆคน เสมอ รอยยิ้มของพ่อ รอยยิ้มขององค์ทศรถนั้นต่างหาก
คือสิ่งที่ข้ารักที่สุดในชีวิต...”
“ พี่ภรต ไปกับน้องเถอะ ” องค์ชายสุดท้องรั้งแขนของเชษฐา
นางยังเย้ยถามอีก “ เพราะอย่างนี้ ลูกจะบอกว่าลูกรักพ่อมากกว่าแม่ใช่ไหม..”
“ นั้นคือความจริงไม่ใช่หรือไร ?! บุรุษที่ข้ารักยิ่ง ผู้ให้กำเนิดข้าได้จากไปแล้ว
ท่านแม่แท้ๆของข้ากลับทำลายไปจนหมดสิ้น คอยแต่จะนั่งแต่ที่สูง
เยาะเย้ยการสวรรคตของพระบิดาโดยไร้น้ำตาเพียงองค์เดียวเพื่อ
จะรับบัลลังก์อันไร้ค่า ต่อไปนี้ นามของท่านจะได้รับแต่คำสาปแช่งทั่งแผ่นดิน
แม้แต่ข้าก็ต้องได้รับผลกรรมอันนี้ ข้าจะขอตามไปอยู่กับพี่ชายของข้า
และให้ท่านรู้ด้วยว่าสิ่งที่ท่านทำคือ ท่านได้สังหารคนที่รักท่านถึงสามคน
นั้นคือ พระสวามีของท่าน องค์ราม และภรตลูกชายของท่านเอง ! ”
สุรเสียงประโยคนี้ เจ้าชายแห่งอโยธยาก้าวออกไป พร้อมกับสีหน้าสลดยิ่ง
ของพระอนุชา โดยราชินีไกยเกยีได้แต่อ้ำอึง ทรุดร่างระหงกับแท่นประทับ
นางรู้สึกได้ว่า...ความหวังที่นางมอบให้กับโอรสจบสิ้นแล้ว...
~*~*~*~*~
สงสารองค์ภรต...สงสารจริง ๆ //ซับน้ำตา
ที่จริงแม่ไกยเกยีท่านก็ทำเพื่อลูกถึงมันจะออกในลักษณะที่เห็นแก่ได้มากไปหน่อย
กระนั้น...แม่ลูกคู่นี้จึงขาดกันและไม่ได้กลับมาพูดกันอีกเลย
จนองค์รามกลับมานั้นแหละ // เลิกดราม่าได้ยังเนี่ย...
ความคิดเห็น