ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Star Spray , The Sea and My Princess

    ลำดับตอนที่ #3 : The First Sight ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 56


    หลังจากที่เด็กหนุ่มได้ส่งร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีขาวคืนให้กับแม่นมแวร์นินแล้ว

     

    เขาก็กลับมาหาอาจารย์เคียร์ดัน และพบว่าสตรีพรายเกศาสีทองเข้ม และร่างสูงยิ่ง

     

    สูงกว่าลอร์ดผู้ไว้เคราสีขาวด้วยซ้ำ ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังสนทนากันด้วยหัวข้อที่เขาทราบได้ทันที

     

    ว่าต้องเป็นเรื่องจริงจังและเคร่งเครียดเกินกว่าจะให้เด็กน้อยไร้เดียงสาเข้าใจ

     

    ข้ากังวลว่าพวกเขาจะกลับมาทวงคืนดวงมณีซิลมาริลอีก ท่านนายเรือ แล้วสงครามนั้นก็จะ

     

    ไม่จบสิ้นโดยง่ายแน่...”

     

    อย่าเพิ่งตระหนักใจเกินไป ท่านหญิงโนลดอร์ พวกเขาอาจจะมีกำลังทหารพร้อมสรรพ

     

    แต่ว่า...สงครามการประหารเครือญาติเพิ่งจบสิ้นไป...ข้าเชื่อแน่ว่าพวกเขาต้องไตร่ตรองไว้ก่อน

     

    มิฉะนั้น แผนการที่จะต่อสู้กับจอมมารมอร์กอธจะล้มเหลว ”

     

    ข้าเป็นห่วงกิลและเอลวิง...” สิ้นคำนี้ นางก็เห็นเด็กหนุ่มผมสีเข้มอยู่ด้านหน้าของห้องโถง

     

    ดวงตาของเขายังคงแน่วแน่ นางจึงยิ้มให้ “ หนูกิล ข้าอยากพบเจ้าอยู่พอดีเลยจ๊ะ ”

     

    ท่านป้ากาลาเดรียล ข้าไม่ได้พบมาตั้งหลายวัน ไม่ทราบว่าท่านไปไหนมาเหรอครับ ? ”

     

    ข้าไปสอดแนมมา ” สตรีพรายตอบ “ หากที่รักของข้ายังไม่ได้กลับมาหรอกจ๊ะ

     

    ข้าขับม้ากลับมาก่อน เพราะคิดถึงเจ้าและก็เจ้าหญิงเอลวิง ”

     

    ลอร์ดเคียร์ดันพยักหน้ารับ “ เจ้าไปตามนาง แล้วนางก็ยังไม่มา เพราะอะไรเล่า ”

     

    โธ่ ! อาจารย์ นางยังเล็กจะตาย พอข้าไปปลุกนาง นางก็ยังไม่ค่อยจะตื่น แถมยังหนีแม่นมไปร้อง

     

    ไห้อยู่คนเดียว ข้าจึงให้เจ้ากลอสอยู่เป็นเพื่อนเล่นของนางไปแล้ว ”
     

    ท่านหญิงพรายในชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นจากโต๊ะที่นางนั่ง

     

    ข้ารบกวนเจ้าอีกครั้งนะ หลานรัก เจ้านำนิทานเล่มนี้ไปให้นางอ่าน ข้าเชื่อว่านางต้องชอบ

     

    และนางจะสบายใจมากขึ้น ”

     

    พรายหนุ่มน้อยยิ้มด้วยความปลื้มปิติ ทำความเคารพต่อผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนที่จะออกจากห้อง

     

    ~*~*~*~*~*~

     

    ...สายลม...สายน้ำ...ท้องฟ้า...

     

    ป่าไม้...ใบหญ้า...และดอกไม้...

     

    ใจข้า...มิอาจคลายลืมเจ้า...

     

    เอลวิงนั่งอยู่บนระเบียงไม้ของบ้านพักที่นางกำลังกอดตุ๊กตาเด็กหญิงที่มีผมสีเดียวกับนางไว้แนบอก

     

    ดวงตากลมโตที่ดูจะคับใบหน้าเล็ก แต่มีพวงแก้มอิ่มยังเหม่อลอยอีกครั้ง...

     

    เจ้าลูกสุนัขที่ชื่อว่าอายกลอสวิ่งเล่นกับลูกบอลสีฟ้าอย่างไร้เดียงสา

     

    จนนางได้ยินเสียงเรียกทักของผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว “ เอลวิงน้อย ”

     

    เด็กหญิงผมดำรู้สึกตกใจอีกครั้ง นางกอดตุ๊กตาไว้แน่นกว่าเดิม และนอนลงบนเสื่อ

     

    แม่นมของเจ้าบอกว่า เจ้ากินข้าวได้บ้างแล้ว พี่ดีใจนะจ๊ะ”

     

    นั้นเพราะว่าหนูหิวต่างหาก ”

     

    เด็กหนุ่มก็ดีดนิ้วดังเป๊าะ ! “ เจ้าเก่งกว่าพี่นะ รู้ไหมตอนพี่มาอยู่กับท่านอาจารย์เคียร์ดันครั้งแรก

     

    พี่กินข้าวไม่ได้ตั้งสามวัน จนพวกเขานึกว่าพี่จะกินน้ำตาประทังชีวิตแล้วรู้ไหม ? ”

     

    แสดงว่าพี่ไม่เก่งน่ะซิ เค้าเก่งกว่า...” เอลวิงน้อยตอบ แต่นางก็ยังนอนนิ่งแบบไร้ความรู้สึก

     

    พี่ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย เจ้าอยากรู้ไหมว่าพี่ชื่ออะไร ? ”

     

    หนูกิล เค้าได่้ยินแว่วๆจากคนแก่หนวดขาวๆ และพี่ก็บอกหนูเองด้วย ”

     

    อีกฝ่ายก็เถียงว่า “ นั้นมันชื่อเล่นต่างหากล่ะ ”

     

    เอลวิงน้อยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ จนนางได้เห็น...

     

    พี่มีชื่อเต็มๆ ว่า อาร์ตานาโร ฟินเนลลัชนะครับ แต่นั้นเป็นชื่อเก่าที่ใช้ในบ้านเกิด

     

    ตอนนี้มีชื่อว่า เอเรย์นิออน กิล – กาลัด แห่งอาร์แวนิเอนและเกาะบาลาร์ ยินดีที่รู้จักนะฮับ ”

     

    พรายหนุ่มหรือตุ๊กตามือที่อยู่ใกล้ใบหน้าของเอลวิง และดัดน้ำเสียงให้อ่อนลง


    เอลฟ์สาวน้อยหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้น

     

    มือเล็กจึงจับมือของตุ๊กตาแล้วดึงขึ้นดึงลง และยกเจ้าตุ๊กตาของตัวเองเพื่อกล่าวทักทาย

     

    หนูชื่อเอลวิง เอเลนนิเอลค่ะ ”

     

    วันนี้พี่หนูกิลจะพาหนูไปเดินเล่นที่ชายหาด หนูไปไหม ”

     

    หนูไปๆ ”

     

    แล้วเสียงขรึมก็มาแทนที่ “ แต่หนูต้องไม่ร้องไห้แล้วนะ ”

     

    เด็กหญิงตัวน้อยจึงวางตุ๊กตาของนางลงบนตัก “ หนู...หนู...”

     

    พี่เข้าใจว่าเจ้าทำใจลำบากมาก หนูน้อย พี่เองก็...เคยเป็นเหมือนกัน...”

     

    แล้วมือเรียวก็ยกมือเล็กขึ้นเบาๆ “ ไปเดินเล่นกับพี่นะจ๊ะ เอลน้อย ”

     

    คะ ? ” และเสียงของลูกสุนัขก็ตามมาอีกรอบ

     

    พรายหนุ่มก็กล่าวว่า “ กลอสซี่ ไปวิ่งบนชายหาดที่เจ้าชอบกันเถอะ ”

     

    ร่างเล็กแบบบางของเด็กหญิงวัยสี่ขวบก็อยู่ในชุดคลุมสีเทา แสงแดดที่ร้อนระอุทำให้

     

    นางต้องคลุมฮู้ดไว้ปกปิดดวงหน้าไว้ ทว่ามันก็ไม่อาจบังดวงตาสีเทาใสกลมโตคู่นั้นได้

     

    เอลน้อย เจ้าชอบทะเลไหม ? ”

     

    เบื้องหน้าของพวกเขาคือทะเลอันกว้างใหญ่ แสงแดดส่องน้ำระยิบระยับเป็นเป็นประกายดุจ

     

    หยาดเพชรและสะท้อนออกมาเป็นสีรุ้ง มองให้ไกลออกไปเสียหน่อยก็เห็นอะไรๆ ที่เป็นสีขาวๆ

     

    นั้นคือ...อะไรคะ ? ” นิ้วเล็กชี้ไปเบื้องหน้า

     

    นั้นก็ เรือใบ ท่านอาจารย์เกณฑ์พวกพรายชาวเทเลรีให้ช่วยกันสร้างเรือเพื่อการประมง

     

    และก็...ไปยังแดนนิรันดร์...ก็ยังไม่มีใครได้ไปจริงๆ หรือไม่งั้นก็ไม่ได้กลับมา ”

     

    จมลงไปใช่ไหม...ทะเลนั้น...น้ำเยอะมาก...มาก...เอลวิงกลัว...”

     

    ใบหน้าเล็กซบไหล่ของพรายหนุ่มหนีอีกรอบแล้ว

     

    ถ้าเจ้าไม่ดื้อกับพี่...ไม่กลัว...ทะเลจะไม่มีวันทำร้ายเจ้า...พี่สวดมนต์ต่อเทพอุลโมทุกคืน

     

    เชื่อไหม ? พี่เคยจมน้ำไปรอบหนึ่ง แล้วพี่ก็...ว่ายน้ำเป็นตลอดแล้ว ”

     

    สาวน้อยผู้แสนขี้กลัวถามต่อ “ พี่สอนให้หนูว่ายน้ำได้ไหม ? ”

     

    รอยยิ้มบนริมฝีปากบางหยักขอบได้รูปก็ยิ้ม “ ได้อยู่แล้วซิ เอ้อๆ เจ้าลองเดินบนหาดทรายดูซิ ”

     

    ทราย...” ดวงตาสีเทามองเบื้องล่าง “ มันไม่เหมือนหญ้าเลย หนูจะเจ็บไหม ? ”

     

    เดินดูซิ ไม่เจ็บหรอก ”

     

    แต่...หนูก็เคยถูกหญ้าบาด และอด๊าต้องมาทำแผลให้ ”

     

    มือใหญ่กว่าก็วางสาวน้อยเจ้าปัญหาลง เมื่อฝีเท้าเล็กสองข้างลงบนพิ้นทราย...

     

    นางก็รู้สึกถึงความนุ่มละมุนของวัตถุที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน

     

    ยอดเลย ! พี่หนูกิล สบายเท้าจัง ”

     

    ลองวิ่งดูซิ ลองวิ่ง เอลน้อย ” เด็กหนุ่มกำชับ “ กลอสซี่ไปวิ่งกัน ! ”

     

    ร่างเล็กในชุดสีขาวก็วิ่งด้วยความเร็วเท่าที่ฝีเท้าคู่นี้จะมีแรงวิ่งไว้ สายลมก็ตีฮู้ดของนางออกจาก

     

    ศีรษะ ปลายผมสีดำขลับหยักศกน้อยๆ ตีแผ่ออกตาม และอายกลอสก็วิ่งน้ำหน้าไปก่อนแล้ว

     

    กลอสซี่ ! ” เอลวิงน้อยเรียก แต่เจ้าลูกสุนัขก็ยังวิ่งต่อไปเรื่อยๆอีก

     

    พี่หนูกิล กลอสซี่ หนีไปแล้ว ”

     

    พรายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ เขาหนีไปตามเพื่อนน่ะซิ เดี๋ยวก็มา ”

     

    เพื่อนเหรอ ?...”

     

    เด็กผู้ชายอีกคน เขาเป็น...เอ่อ...มนุษย์เอไดน์...เชื้อสายเดียวกับเจ้า ”

     

    เอลวิงน้อยก็เถียงตอบ “ หนูเป็นเอลฟ์ต่างหากล่ะ ถึงจะมีปู่เป็นมนุษย์ก็เถอะ ”

     

    เอาน่า...” เอเรย์นิออนลูบศีรษะน้อย และปัดผมออกจากแก้ม “ เจ้าเป็นเอลฟ์

     

    และเจ้าก็เป็นหลานสาวของเจ้าหญิงพรายที่งดงามที่สุดในแผ่นดิน เมื่อเจ้าโตขึ้น

     

    เจ้าต้องสวยมาก สวยไม่แพ้นางแน่ๆเลย ”

     

    หนูไม่อยากเหมือนย่า...ไม่อยากเหมือน...และไม่อยากตายด้วย ”

     

    ดวงตาสีน้ำเงินอมเทาของเอเรย์นิออนก็แน่นิ่งบ้าง เมื่อเห็นความดื้อรั้นไม่เลิกของสาวน้อย

     

    หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แต่ว่ามีความทรงจำที่คงจะให้ลืมได้ยากยิ่ง...

     

    เพราะนางคือเจ้าหญิงกำพร้าบิดามารดา และญาติพี่น้อง อาณาจักร...ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว...

     

    เสียงกังวานของเด็กชายคนหนึ่งก็เรียก “ เจ้าชายเอเรย์นิออน ! ”

     

    พรายหนุ่มลุกขึ้นโบกมือตอบ “ ข้าอยู่นี้ ”

     

    เอลวิงจึงเห็นอายกลอสวิ่งกลับมา พร้อมกับเด็กชายร่างสันทัด และแสงแดดก็สะท้อน

     

    เส้นผมของเขาเป็นสีของทองคำเปลวประกายระยิบระยับ พร้อมกับรอยยิ้มแป้น

     

    และเด็กชายคนนั้นก็สวมชุดเสื้อและกางเกงสีขาว มีผ้าผูกคอสีน้ำเงินเป็นเกลียว

     

    ดัมร็อด ! มาทักทายนางหน่อย แม่เอลน้อย เอลวิงแห่งโดริอัธ ! ”

     

    พรายหนุ่มวัยรุ่นตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงร่าเริงแตกต่างเมื่อครู่นี้

     

    และเป็นครั้งแรกที่เอลวิงจับมือของผู้ใหญ่ที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็น “ พี่ชาย ” ของนาง...

     

    ~*~*~*~*~*~

     

    หนูเอลน้อยเริ่มน่ารักขึ้นบ้างแล้ว...^_____^

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×