คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ( Ramayana ) The Golden Plate
( Ramayana ) The Golden Plate
Summary : องค์ภรตและองค์ศัตรุฆน์ทรงระลึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์
ก่อนจะทราบว่าพระเชษฐาองค์รามได้รับคำสั่งจากนางไกยเกยีให้ไปอยู่ป่าถึงสิบสี่ปี
~*~*~*~*~*~
ร่างโปร่งเพรียวและสูงสง่ายิ่งในชุดราชกุมารสีแดงเลือดนกแห่งอโยธยา
กำลังยืนข้างเสาหินอ่อน แรงวายุในยามอรุณกระทบใบหน้าคมคายงามสง่านิ่ง
สงบ ไม่หวั่นต่อสิ่งใดรอบกาย เพียงพระเกศาสีรัตติกาลหยักศกปลิวว่อนเท่านั้น
จนกระทั่งได้สดับเสียงทุ้มใสไพเราะของบุรุษหนุ่มอีกองค์หนึ่ง แววเนตรประกายใส
“ ภรต ! อีกไม่นาน พี่รามจะได้เป็นยุพราชโดยสมบูรณ์ และครองราชย์ต่อจาก
พระราชบิดาของเรา ”
ดวงเนตรงามสีนิลหันมาสบกับของพระอนุชาองค์สุดท้อง
องค์ภรตและองค์ศัตรุฆน์ต่างสนิทสนมมาแต่เยาว์วัย เช่นเดียวกับ
องค์ราม และแฝดผู้พี่ของศัตรุฆน์ คือ ลักษมัณ นั้นเอง พระอัยกาขององค์ภรต
ทรงชราภาพมากแล้ว จึงทรงขอให้พระราชนัดดามาช่วยรับราชการที่นครไกยเกษ
และข่าวสารที่น่ายินดีก็คือ...องค์ราม พระราชโอรสองค์ใหญ่แห่งท้าวทศรถ
กำลังจะได้เป็นกษัตริย์แห่งอโยธยา นี้คือ ความปรารถนายิ่งของพระบิดาและประชาชน
ทั้งปวง พวกเขาต่างรักองค์ราม พระอนุชาที่เหลือต่างก็ได้รับความรักนั้น...
“ อา...ศัตรุฆน์ เจ้าถือเศษจานจารึกนามของเรามาหรือ ? ”
พระอนุชายิ้ม และถวายเศษจานสองส่วนที่สลักพระนามของพระองค์
“ น้องนึกถึงพี่ราม พี่รามผู้มีเมตตากรุณายิ่งกว่าสายธาราทั้งปวงบนโลก
และสว่างไสวดุจสุริยเทพ น้องนึกถึงวันที่เชษฐาใหญ่ของเราประทานให้ซิ ”
องค์ภรตหลับพระเนตรงามนิ่ง เอนวรกายบนระเบียงหินอ่อนแผ่วเบา
พลางกอดชิ้นส่วนของแผ่นจานทองคำ สลักพระนามสีชาดขององค์เองไว้แนบอุระ
เช่นเดียวกับพระอนุชาศัตรุฆน์ ริมพระโอษฐ์งามรำพันในสายลม
“ ราม...เชษฐาที่รักยิ่งของน้อง...”
~*~*~*~*~*~
“ ฮ่ะๆ เย้ๆ ” เสียงของพระกุมารน้อย ฉวีวรรณผ่องดุจสีงาของพญาไอยรา
กำลังวิ่งเล่นไปรอบห้องบรรทม จนชายพระภูษาสีม่วงอ่อนปลิวสะบัด
“ ศัตรุฆน์ ! ศัตรุฆน์ ! เจ้าควรเข้านอนได้แล้วนะ ”
เจ้าชายภรตที่ยังทรงเยาว์วัยตามไล่จับพระอนุชาด้วยพระพักตร์วิตกยิ่ง
“ น้องยังไม่ง่วง เพราะว่าคืนนี้จันทราเต็มดวง และก็ได้ฟังพี่รามเล่านิทานสนุกด้วย
น้องจะเล่นจนกว่าจันทราจะลับฟ้าเลย ! ”
“ พี่ราม พี่ราม ”
พระราชกุมารองค์โต วรกายสีน้ำเงินงดงามดุจกลีบบัวนิลุบลทรงอักษรกับนิทานปรัมปรา
มีเจ้าชายน้อยอีกองค์ พักตร์ละม้ายคล้ายองค์ชายน้อยศัตรุฆน์อิงพระเขนย
ทำท่าว่าจะบรรทมก่อนใครแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงเรียกขององค์ภรต
“ อา..น้องลักษมัณ ท่าทางน้องเล็กของเรายังซุกซนเชียว ”
ดวงเนตรดำขลับของเจ้าชายลำดับสองแห่งอโยธยากระพริบขึ้นลง
“ ศัตรุฆน์ไม่ค่อยฟังน้องเหมือนกัน ปกติเขาฟังแต่พี่ภรต ”
องค์รามสรวลสดใสดังระฆังเงิน “ จริงซิ ภรตจับน้องเล็กของเราให้มานอนเถิดจ๊ะ ”
ราชกุมารลำดับหนึ่งเข้าพระทัยดีว่า น้องคนสุดท้องมักจะซุกซนมากที่สุดเสมอ
“ เห็นไหม พี่รามบอกให้น้องแล้ว”
“ น้องเล็กคนนี้ยังไม่อยากนอน ! ”
องค์ภรตเลยขึ้นสุรเสียงดัง “ พี่สัญญากับพระชนนีสุมิตตราไว้แล้วนะ ว่าดูแลน้องให้ดี ”
เมื่อได้ยินนามของพระมารดาแล้ว ฝีเท้าน้อยจึงหยุดวิ่ง
“ จับน้องเล็กได้แล้ว ! ” แล้วพี่น้องทั้งสี่ก็สรวลยิ้มพร้อมกัน
ดวงเนตรกลมโตไร้เดียงสาของศัตรุฆน์ก็เห็นแผ่นจานใบหนึ่งข้างพระแท่นบรรทม
“ พี่ราม ! นั้นอะไรเหรอ ? ”
ราชกุมารองค์ใหญ่จึงทรงหยิบแผ่นจานใหญ่นั้นให้เหล่าพระอนุชาทอดพระเนตร
“ นี้คือจานทองคำสลักนามของเราทั้งสี่ พระบิดาประทานให้พี่เป็นผู้รักษา
เพราะว่าพระองค์รักพวกเรามากทีเดียวนะ ”
ภาชนะที่ทำจากทองคำประดับอัญมณีเลอค่า และมีพระนามของราชกุมาร
ราม เป็น สีเขียวอมคราม ภรต เป็นสีแดงเข้ม ลักษมัณ เป็นสีเหลืองใส และศัตรุฆน์
เป็นสีม่วงอ่อน ...และองค์ศัตรุฆน์น้อยทรงยกจานมาทอดเนตรให้เห็นชัดขึ้น
“ สวยจัง ! ภรต น้องอยากได้บ้าง ลักษมัณ น้องก็อยากมีบ้าง ”
องค์ชายน้อยลักษมัณถอนพระทัยกับคู่แฝด “ ไม่ได้หรอก ”
“ ทำไมเหรอ ? ”
“ จานแผ่นนี้ พระบิดาให้พี่รามเป็นผู้รักษานะ และมีเพียงจานเดียวด้วย ”
องค์ภรตยืนยัน แต่ดวงตากลมโตก็เว้าวอนพระเชษฐาองค์ใหญ่
“ น้อง...อยาก...”
รอยยิ้มหวานละมุนขององค์รามปรากฏ “ ศัตรุฆน์น้อย อยากได้ พี่ก็ให้นะ ”
“ ไม่ได้ ! ” องค์ภรตว่า “ จานแผ่นนี้เป็นของพี่รามนะ ถวายคืนเดี๋ยวนี้ ! ”
“ แต่พี่รามให้น้องแล้ว ”
หัตถ์บางของลักษมัณก็ดึงจานทองคำจากพระอนุชา แต่องค์ศัตรุฆน์ก็รั้งไม่ให้
“ คืนพี่รามนะ ” และองค์ภรตก็มาถึงขอบจานอีกฝั่งหนึ่งด้วย
“ คืนพี่ชายรามของเราเดี๋ยวนี้เลย ! ”
“ น้องไม่คืน ! พี่รามให้น้องแล้วนะ ”
“ ไม่ถูกต้อง จานนี้เป็นของพระบิดาประทานพี่ราม พี่รามต้องรักษามันไว้ให้ดี
มันเป็นทรัพย์มีค่าของพี่ชายของเรา ไม่ใช่ของเจ้านะ ”
องค์ภรตทรงดุอีก แถมเจ้าชายน้อยลักษมัณก็ดึงจานให้แรงตาม
แรงฉุกยื้อจานของราชกุมารน้อยทั้งสาม จนอุบัติเหตุก็บังเกิด !
เพล้ง ! จานทองคำประดับพระนามร่วงลงสู่พิ้นห้องบรรทมแตกกระจาย
สิ่งล้ำค่าหมดสิ้นแล้ว...องค์ภรตถึงกับพักตร์ซีด
“ พี่ราม...พี่ราม...น้องขอโทษ ศัตรุฆน์ขอโทษพี่ชายเราเดี๋ยวนี้ ! ”
องค์ชายสุดท้องกันแสงไห้อย่างสำนึกผิด แถมพระเชษฐาฝาแฝดทรงเขกกระหม่อมให้อีก
“ น้อง...เสียใจ...น้องขอโทษ...ขอโทษนะ...”
แต่เจ้าชายรามจันทรากลับทรงยิ้มอย่างดีพระทัยยิ่ง
“ ดีออก น้องเรา ”
“ แต่มันแตกแล้ว จานทองคำนี้จะมีค่าอะไรอีกล่ะ ? ” องค์ภรตถาม
“ นั้นซิจ๊ะ พี่ราม ” ลักษมัณเสริม
องค์รามทรงลูบกระหม่อมของพระอนุชาองค์เล็กสุด “ ศัตรุฆน์ได้ทำให้จานแตกออก
เป็นสี่ส่วน และนามของเราก็ถูกแบ่งชัดเจนแล้ว นั้นหมายความว่าน้องๆ ต่างได้เป็น
เจ้าของจานทองคำแผ่นนี้ และพี่ก็คงรักษามันไว้ไม่ได้ หากไม่มีน้องๆ ”
หัตถ์งามน่ารักทรงหยิบเศษจานจากพิ้น ประทานให้กับพระอนุชาทั้งสาม
และของพระนามคือ “ ราม ” ทรงทาบไว้กับพระอุระ
“ น้องๆ ต่างเป็นเจ้าของจานทองคำนี้กับพี่แล้ว ดังนั้น เราจะรักษานครที่รักของเรา
ให้เหมือนกับจานแผ่นนี้ แม้สิ่งใดๆ ในโลกอาจแตกสลาย แต่ว่าความรักของพี่
ยังคงเป็นของน้อง ศัตรุฆน์ ! น้องอย่าร้องไห้อีกนะ เจ้าเป็นผู้ครองจานใบนี้เช่นกัน
รวมถึงลักษมัณกับภรตด้วย อย่าร้องนะ ”
ดัชนีงามเช็ดอัสสุชลใส องค์ชายน้อยศัตรุฆน์จึงทรงแตะพระบาทขององค์ราม
และแตะบนกระหม่อมอีกครั้ง “ น้องขอบพระทัยมาก...น้องรักพี่รามที่สุดเลย”
องค์ชายลำดับหนึ่งแห่งอโยธยาสรวลและทรงดึงร่างน้อยมาจูบพระปราง
“ พี่ก็รักเจ้านะ ศัตรุฆน์ ”
“ น้องด้วยคน น้องจะไม่จากพี่รามไปไหน เลย”
องค์ชายน้อยลักษมัณทรงทำตามคู่แฝด แล้วทั้งสองพระองค์ก็สรวลยิ้มในอ้อมกร
ของพระเชษฐาองค์ใหญ่ โดยองค์ภรตทรงหน้าแดงด้วยความยินดี
และกอดเศษจานชิ้นส่วนที่เป็นนามสีชาดพระองค์ไว้แนบอกบาง
“ ...พระทัยงามและกรุณาจริง...พี่รามของน้อง...”
ราชโอรสแห่งอโยธยาต่างก็ขึ้นพระแท่นบรรทม พระกรประคองกันและกัน
โดยองค์รามทอดเรียวพาหาให้พระอนุชาทั้งสามหนุน และอีกข้างหนึ่งก็ทรงโอบไว้อย่าง
ปกป้อง องค์ภรตยิ้มให้กับพระหัตถ์บางกลีบนิลุบลที่แตะบนกระหม่อม
แล้วเข้าสู่นิทราบนแท่นบรรทมแสนนุ่มและอบอุ่น...
~*~*~*~*~*~*~
นั้นคือเวลาในวัยเยาว์ของพวกเราทั้งสี่คน ผ่านไปเร็วดุจยามอรุณรุ่่นสีทอง
สีทองบริสุทธ์สดใสดังจานที่สลักนามของเรานี้
องค์ราม...น้องเข้าใจแล้ว...พี่รักพวกเรามากเพียงใด ถึงพี่จะเป็นที่โปรดปรานของ
พระบิดามากที่สุด แต่ว่าน้องกลับไม่เคยอิจฉาแม้เพียงครั้งเดียวเลย
ความรักขององค์รามยิ่งใหญ่นัก น้องไม่อาจเปรียบเทียบได้ว่าเท่ากับอะไร
แต่น้องศรัทธา...ศรัทธา...พี่ชายจะเป็นกษัตราผู้ยิ่งใหญ่แห่งอโยธยา
เมื่อนั้น น้องก็มีโอกาสรับใช้พี่เยี่ยงพระบิดา และองค์ราชาของเหล่าประชาราษฎร์
น้องเชื่อ...ถ้าพระองค์ครองราชย์แล้วในอนาคตอันใกล้นี้ น้องจะมีความสุขในดวงใจ
เช่นเดียวกับแผ่นดินแห่งอโยธยา มารดาที่เราเคารพรักยิ่งชีวา...
เราทั้งสามคน ภรต โอรสแห่งไกยเกยี ลักษมัณและศัตรุฆน์ โอรสแห่งสุมิตตรา
รับใช้เคียงราชบัลลังก์สุริยวงศ์...โอ...ราม...ราม...
“ องค์ภรต ! องค์ศัตรุฆน์ ! เร่งเถิด ขบวนรถเทียมอาชาพร้อมแล้วพระเจ้าข้า ”
เจ้าชายแห่งอโยธยาแย้มสรวล พลางจูงพระหัตถ์ให้ขึ้นจากการประทับบนระเบียง
แต่ว่าชิ้นส่วนจานทองคำสองชิ้นต่างร่วงลงสู่พิ้น ราชอนุชาทั้งสองแห่งองค์ราม
ตกพระทัยยิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...เกิดอะไรขึ้น...
คำถามเกิดขึ้นในแววเนตรดำสนิทของศัตรุฆน์ เมื่อสบกับของพระเชษฐา
องค์ภรตก็ทรงพระพักตร์ซีด...มันเป็นลางสังหรณ์อะไร ?...
พระองค์ต้องเร่งกลับอโยธยาให้ได้รับคำตอบ...
นั้นคือ...องค์ราม พระพี่นางสีดาและองค์ลักษมัณจากพระองค์ไปสู่พนาไพร...
~*~*~*~*~*~
จบแล้วครับ พอดีอ่านรามายณะฉบับแปลอยู่เลยต้องปรับพระนามให้ตามหนังสือ
จะได้เข้าบรรยากาศแบบภารตะหน่อย องค์ภรตเนี่ย ไรเตอร์สงสารท่านมากนะ
เพราะว่าต้องได้บัลลังก์มา เพราะว่าพระมารดาไกยเกยีบังคับพระบิดาแท้ๆ
แถมเชิญองค์รามให้ออกไปอยู่ป่า เพื่อให้พระองค์เป็นราชาแทนแบบนี้
...ทำให้พระองค์โศกพระทัยมากแบบว่าทำเช่นนี้ไม่แฟร์เสียเลย ~
ไม่ว่าอะไรที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมขององค์ราม พระภรตก็ไม่ยอมแตะต้อง
จึงเป็นข้อคิดสอนใจว่า แม้เป็นน้องก็ต้องเสียสละตัวเองเพื่อรักษาเกียรติยศของพี่
เพราะมันคือความรักที่ดีงามที่สุดอย่างหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวมีความสุขนั้นเอง...
ความคิดเห็น