คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : The First Sight ตอนที่ 3
เด็กชายที่ชื่อว่า “ ดัมร็อด ” คนนี้พอเห็นร่างเล็กที่เกาะมือเรียวของเจ้าชายเอเรย์นิออน
จึงถาม “ นางเป็นใครเหรอครับ ? องค์ชาย ”
“ เอลวิงไม่ต้องกลัวนะ ”
ดวงตาสีฟ้าใสของเด็กชายร่างสูงเกือบถึงไหล่ของเจ้าชายพรายก็อดสนใจร่างน้อยนี้ไม่ได้
ใบหน้าขาวผ่อง แต่ก็ซีดไปหน่อย และที่สะดุดตาที่สุดก็คือ ดวงตาคู่นั้น...ดวงตาเป็นสีเทา
ที่ดูคล้ายกับของเจ้าชายเอเรย์นิออน แต่ว่าสวยกว่ามากทีเดียว...
“ ข้าชื่อดัมร็อด ”
พอเด็กชายยื่นมือของไปทักทาย พรายสาวน้อยก็หลบหน้ากับผ้าคลุมไหล่สีเทาของเจ้าชายอีกรอบ
เอเรย์นิออนหัวเราะ ด้วยความขบขัน “ ขอโทษทีนะ ดัมร็อด นางเป็นเจ้าหญิงที่ขี้อายและกลัว
คนแปลกหน้า อาการของนางคงเป็นอย่างนี้ไปสักพักนะจ๊ะ ”
เด็กชายตกใจ “ ตายล่ะ ถวายบังคม องค์หญิง ”
เมื่อดัมร็อดทำท่าโค้งขึ้นโค้งลงชวนตลกแบบนี้ นางก็เลยหัวเราะ
“ เจ้าน่ะ ตัวใหญ่กว่าวัวซะอีก ”
“ ใช่ซิ ” เด็กชายยืดอกรับหน้า “ เจ้าก็เป็นกุ้งแห้งนั้นแหละ ”
สาวน้อยจึงตั้งหน้าบูดบึ้ง และทำท่าว่าจะชก จนผู้มีอายุมากที่สุดต้องปรามไว้
“ เด็กๆ ไม่เอา ตัวแค่นี้ยังทะเลาะกันแรง ถ้าพวกเจ้าไม่ชอบการต่อสู้ก็อย่าทำ ”
ดัมร็อดท้ายสะเอว “ กระหม่อมไม่กลัวสงคราม กระหม่อมจะสู้...สู้ ! ...”
เวลาผ่านมาได้สักพัก เอลวิงรู้จักว่าเด็กที่ไว้ผมสีทองสั้น หยิกเป็นขดหลอดยุ่งๆ
ใบหน้าตกกระคนนี้คือ เป็นบุตรชายของนักกวีคนหนึ่งดีร์ฮาเวลที่อยู่ชายฝั่งของชาวมนุษย์
ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของนาง และเจ้าชายเอเรย์นิออนก็เดินจูงนางเดินตาม
เจ้าเด็กผู้ชายท่าทางอวดเก่ง และหมาน้อยสีขาวตามทางของหาดทราย
แม้นางจะต้องแอบประหลาดใจเล็กน้อย พี่หนูกิลเดินได้โดยไม่ทิ้งรอยเท้าเหมือนอย่าง
ชาวเอลดาร์ทั้งหลายต่างจากผู้ร่วมทางสามคนมาก...ราวกับมีปีกที่เท้า...
บ้านของดัมร็อดดูเป็นบ้านริมทะเลที่น่าสบายหลังหนึ่ง หลังคาทำด้วยใบมะพร้าว
ตัวบ้านก็เป็นไม้สีน้ำตาลอ่อน ประกอบกับอิฐแดงเพียงเล็กน้อย
เด็กชายตัวใหญ่คนนั้นก็วิ่งเข้าไปบนระเบียงหน้าบ้าน เอลวิงน้อยจึงสังเกตด้วยสายตาแบบ
พรายของนาง...ว่ามีอีกคนหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิง...
“ พี่ๆ เจ้าชายเสด็จมา ลอสซี่ก็มา ”
“ จริงเหรอ ? ” เสีียงใส แต่ดูนิ่งเรียบ
“ มาดูซิ “
ดวงตาสีเทาของเด็กหญิงตัวน้อยเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเจ้าของบ้านหลังนี้อีกคน
เป็นเด็กหญิงผมสีดำ และดวงตาของนางก็เลื่อนลอยเหนือขึ้นฟ้า เป็นสีฝุ่นหม่นหมอง
...นางตาบอด !...ตาบอด...เป็นลักษณะหนึ่งของมนุษย์ที่ได้ชื่อว่า “ พิการ ”
ร่างสูงใกล้เคียงกับดัมร็อดพยายามจับไม้เท้าเพื่อหาทางลงบันได
“ ไม่ต้อง ข้าจูงมือพี่ได้ ”
ดัมร็อดเปลี่ยนบุคลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เมื่ออยู่กับพี่สาวของตน
พรายหนุ่มก็ผละจากเด็กหญิงไปช่วยพาพี่สาวคนนี้ลงจากบันไดด้านหน้าของบ้าน
“ องค์ชายเพคะ ท่านไม่จำเป็นต้องช่วย ”
“ ข้ามาเพื่อช่วยเหลือเจ้า ดิรีเอล น้องชายเจ้าเหนื่อยมากแล้วนะ ”
“ ไม่เป็นไรเพคะ ” มือซีดแตะบนไหล่ของพรายหนุ่ม “ รบกวนเสียเปล่าๆ
อือ...ข้าได้ยินเสียงหนึ่งแว่วมาจากทางทิศใต้...เป็นเสียงผู้หญิง...ใช่แล้ว...เจ้าหญิงน้อย
ราชธิดาแห่งกษัตริย์ดิออร์แห่งนครโดริอัธใช่ไหม ? ”
พรายสาวน้อยอดประหลาดใจไม่ได้ ทำไมน่ะ...พี่คนนี้ตาบอดแท้ๆ กลับรู้ได้ว่าเราเป็นใคร...
และรู้การมาถึงของเราด้วย ?...นางอยู่ในชุดกระโปรงแบบหญิงชาวบ้าน
กระโปรงสีน้ำตาล เสื้อคลุมดูหมองพอๆ กับของน้องชาย แล้วเป็นครั้งแรกที่เอลวิง
พบว่าผมของนางตัดสั้นยาวเพียงหู หรือเพราะนางมองไม่เห็นเลยไม่ต้องการหวีผมมั้ง ?
“ ใช่ๆ พี่หญิง นางอยู่นั้น ”
ดัมร็อดจูงมือของพี่สาวมาตรงหน้าของเอลวิง และกล่าวแนะนำ
“ เจ้าหญิงตัวเล็กเป็นกุ้งแห้ง นี้คือพี่หญิงฝาแฝดของข้า นางชื่อ...”
“ ให้ตายเถอะ ! น้องคนนี้ นางเป็นถึงเจ้าหญิง ทำไมต้องเรียกนางแบบนี้
นางกุมไม้เท้าและค้อมศีรษะลง “ ประทานโทษเพคะ น้องของหม่อมฉันเป็นเด็กชายปากร้าย
ชอบเปรียบเปรยคนโน่นคนนี้ แม้แต่พ่อเองก็ห้ามไม่ได้ หม่อมฉันจึงต้องค่อยเอาไม้เท้าขู่ทุกวัน
หม่อมฉันชื่อ ดีเรียล บุตรสาวของพ่อดีร์ฮาเวลเพคะ ”
“ หนูชื่อ...เอลน้อย...” เด็กหญิงวางมือเล็กให้กับสาวน้อยที่ตัวสูงกว่า
ดีเรียลจับมือเล็กนั้น และกุมไว้ครู่เดียว “ ท่าน...สวย...มาก...”
“ เอ๊ะ ? ”
“ อยากจะขำให้ได้จริงๆ พี่หญิง ถ้าพี่เห็นกับตา พี่จะรู้ได้ว่านางผอมสุด ไม่เห็นจะสวยเลย”
เจ้าชายเอเรย์นิออนหัวเราะตาม “ เจ้าทักผิดแล้วนะ แม่หนูเนี่ยยังเด็กเกิน ”
“ ไม่ใช่ตอนนี้ซะหน่อย ข้าหมายถึงในวันต่อๆ ไป ท่านจะสวยมากเลย เจ้าหญิงเอลน้อย ”
ริมฝีปากของดิเรียลยิ้มแย้ม และพยายามหรี่ตาเพื่อหาแสงสว่างบนท้องฟ้า
เอลวิงมองดิเรียล และเหลือบไปยังเด็กชายผมหยิกคนนั้นอีกรอบหนึ่ง
ทั้งคู่เป็นฝาแฝดจริงๆ หรือล้อเล่นกัน ? ไม่เห็นจะมีอะไรที่ดูเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว...
เอ่อ...แค่มีผิวขาวอมเหลืองเท่านั้นแหละนะ...
ช่างต่างจากพี่ๆ ของเรา...พี่แฝดของหนู...พี่จ๋า...
หลังจากนั้น พวกเขาก็ไปวิ่งเล่นกันบนชายหาด ซึ่งจริงๆ ก็เล่นเพียงสามคน และอีกหนึ่งตัว...
ดิเรียลก็มานั่ง และนางก็ปรบมือให้จังหวะ พลางหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงว่า
“ จับพี่หนูกิลได้แล้ว ” เอลวิงน้อยดึงชายผ้าคลุมของเจ้าชายพราย ส่วนเจ้าหมาน้อย
อายกลอสตะครุบเจ้าหนุ่มมนุษย์น้อย แถมเลียหน้าให้
“ ไม่เอาๆ เหม็นน้ำลายชะมัด กลอสซี่ ” ดัมร็อดว่าแล้ววิ่งไปหาพรายหนุ่ม
“ องค์ชายกิลๆ ช่วยที ”
แล้วเอลวิงยิ่งหัวเราะให้ดัง เพราะอายกลอสกำลังดึงกางเกงของเขาและจะลากลงทะเล
ให้เป็นของแถม มือทั้งสองข้างลากพิ้นทรายเป็นรอยนิ้วยาวแล้ว !
เจ้าชายพรายต้องไปช่วยดัมร็อดซึ่งตะโกนโวยวาย เมื่อกางเกงขายาวตัวเก่งเป็นรอยขาด
ฝีมือของอายกลอสแท้ๆ เอลวิงก็รีบไปบอกพี่สาวของตนด้วย
“ สมน้ำหน้า ! ชอบแกล้งนัก เจอเอาคืน ซึ้งแล้วใช่ไหม ? ”
“ ข้าน่ะ ดูแลพี่ ช่วยพี่ตลอดเวลา พี่นั้นแหละไม่เคยเห็นเลย เวลาพี่เดินไม่ถูกทาง หรือ
พี่เจ็บโน่นเจ็บนี้ ถ้าไม่ใช่พ่อก็ต้องเป็นข้าคนเดียว ”
ริมฝีปากของดิเรียลจึงหุบรอยยิ้มลง “ พี่ไม่เคยเห็นตั้งแต่จำความได้ เจ้าก็รู้ดี
และข้าก็เป็นฝาแฝดที่เจ้าไม่ต้องการ พี่เสียใจที่เป็นแบบนี้ ”
“ พี่หญิงแย่ๆๆ แย่ที่สุด ! ” ดัมร็อดโวยวาย ใบหน้ากลมแดงจัดขึ้นสีเลือด และวิ่งหนีขึ้นบ้าน
เจ้าชายหนุ่มโนลดอร์ถอนใจ “ เจ้าว่าเขาแรงไป ดัมร็อดรักเจ้ามาก ”
“ องค์ชาย เขาเป็นคนใจร้อน ฉุนเฉียว ทำให้พ่อและหม่อมฉันไม่สบายใจอยู่เนืองๆ...และ...”
เมื่อเด็กหญิงผมดำลุกขึ้น...นางก็ทำไม้เท้าตก และล้มลงทันที
เอลวิงน้อยร้องด้วยความตกใจ เวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของนางก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
วิ่งมาด้วยความเร็วสูง เรือนผมจ้าราวกับทองคำตีสะบัดตามลมทะเลแรงจัด
“ ดิเรียลของพ่อ ! ”
~**~**~**~**~**~
ตอนหน้า...หนูเอลวิงจะพบใครอีกไหมเอ่ย...
ส่วนตัว เออาชอบพี่ดิเรียลน่ะ นางดูฉลาด ^____^
ความคิดเห็น