ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชัลลุกา:คำสาปมรณะ

    ลำดับตอนที่ #2 : โรงเรียน S

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 49


    4 สิงหาคม 2549

    08.14 . โรงเรียนหมายเลข 0

     

    “ 7 ศพนักเรียนปริศนาโรงเรียนหมายเลข 0 ตายเวลาเดียวกัน แพทย์ชันสูตรไม่ยืนยันสาเหตุ

               

    นี่ ตาต้า นายอ่านกี่รอบแล้ววะเนี่ยฮะ เราล่ะเบื่อจะฟังจริงๆเด็กชายหน้าค่อนข้างเหมือนเกย์แต่ใส่แว่นปกปิดตัวตนบ่นออกมาเปรยๆ

                นายไม่เครียดเลยหรือไง ลูกหมี นักเรียนโรงเรียนเราตายไปตั้ง 7 คนเชียวนะ ข่าวหนังสือพิมพ์เขาประกาศกันโครมๆเนี่ย นายไม่รู้จักรักโรงเรียนบ้างเลย แล้ว 2 ใน 7 นั้นก็มีนักเรียนห้องเราอยู่ด้วยนะ นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือเด็กชายตาต้าหรือชื่อเต็มๆว่าทรงพร ศุกร์เมาเสาร์นอนบ่นกลับ

                เออ เรารู้ว่าว่าแกรักโรงเรียน แต่ไม่เห็นต้องมาพูดมากเลยนี่ ส่วนเรื่องแป้งกับพีทน่ะ พวกเราก็เสียใจนะ แต่ไม่มีใครเหมือนแกหรอก พอได้ข่าวเมื่อวานก็ทำท่าจะร้องไห้ ตลกสิ้นดีว่ะเด็กที่ชื่อลูกหมีด่ามาอีก

                เออๆ พอๆ หยุดเถียงแล้วมาคิดดีกว่าไหม ทรงพรกล่าวตัดบท ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าแป้งกับพีทมันจะตายยังไงหว่าเขาถามความคิดเห็น ซึ่งตอนนี้กลุ่มสนทนาเขามากขึ้นเพราะมีคนสนใจมาก

                เห็นในหนังสือพิมพ์บอกว่าหมอที่ตรวจบอกว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันไม่ใช่หรอเป้กางหนังสือพิมพ์ออกแล้วกวาดสายตาอ่านข่าวทั้งหมด

                แต่ที่น่าแปลกคืออะไรรู้ไหมลูกหมีโพล่งขึ้นมา

                อะไรล่ะทุกคนถามพร้อมกัน

                ฟังนะลูกหมีเรียกความสนใจจากทุกคนก็คือว่า ศพทุกศพน่ะมีรอยเหมือนถูกอะไรกัดเป็นแผลฉกรรจ์ทั่วร่างเลย แล้วยังพบอีกว่าศพที่พบทั้งหมดน่ะมีปริมาณเลือดภายในร่างกายเหลือไม่ถึง 10 % กล่าวคือถูกสูบเลือดออกไปจนเกือบหมด

                ไม่เห็นมีในหนังสือพิมพ์เลยทรงพรถามอย่างสงสัย แล้วนายไปตรัสรู้มาจากไหนล่ะเนี่ย หา

                ก็เพราะเราเก่งไง

                ตอบดีๆสิทรงพรเร่งเร้า

                ก็เพราะว่าเขาปิดข่าวไง นายถึงไม่รู้ ส่วนที่เรารู้ได้ก็เพราะพ่อเราเป็นตำรวจไง

                อ๋อ อืม~ งั้นก็เป็นคดีที่แปลกมากคดีหนึ่งเลยนะเนี่ย สูบเลือดหรอ……คงไม่ได้เกิดจากการฆาตกรรมธรรมดาแน่ๆเป้เปรยๆออกมา ตอนนี้ทุกคนกำลังคิดหาเหตุผลที่ทำให้แป้งต้องเคราะห์ร้ายเช่นนี้

                กิ๊ง-ก่อง

                ได้เวลาเรียนแล้ว เราไปเรียนก่อนเร็ว ชั่วโมงแรกภาษาไทย อ.รัฐด้วย เดี๋ยวจะไม่ทันส่งงานที่อุตสาห์ปั่นการบ้านคำราชาศัพท์เมื่อคืน

                งั้นไปๆแล้วทุกคนก็เข้าไปในห้องเรียนพร้อมๆกัน

     

                หลังจากต้องนั่งท่องคำราชาศัพท์ของครูรัฐอยู่นานแสนนาน วันนี้เด็กๆก็สอบเกี่ยวกับคำสุภาพเช่นว่า คนป่วย ต้องเปลี่ยนเป็น ผู้ป่วย , แมลงวัน ต้องเปลี่ยนเป็น มัขขิกา ,ปลิง ต้องเปลี่ยนเป็น ชัลลุกา , แตงโม ต้องเปลี่ยนเป็น ผลอุลิด ส่วนข้อสอบนั้นสายภาษาไทยของโรงเรียนหมายเลข 0 นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่ายากมากๆ

                นี่ลูกหมี นายมานี่กับเราหน่อยสิอยู่ทรงพรก็โพล่งขึ้นมาหลังออกมาจากห้องเรียนในเวลาพักเที่ยงทำเอาลูกหมีถึงกับสะดุ้ง

                ทำไมหรอ

                เหอะน่า นายตามมาได้แล้วตาต้าเดินนำไปให้ลูกหมีตามมา ซึ่งลูกหมีก็รีบวิ่งตามมาทันที ทรงพรนำลูกหมีไปยังใต้ต้นหูกวางแล้วมองซ้ายมองขวาแล้วเห็นว่าไม่มีใครจึงนั่งลงแล้วเปิดฉากสนทนา

                นายแน่ใจนะว่ารูปคดีมันมีแค่นี้น่ะ ไหนนายลองเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดมาให้ฉันฟังซิ

                อ๋อ นายเรียกเรามาด้วยเรื่องแค่นี้เองหรอลูกหมีบ่นไม่เห็นต้องทำตัวลับๆล่อๆ เลยนี่นา นายทำไมไม่พูดต่อหน้าคนอื่นไปเลยเผื่อจะได้ความคิดดีๆบ้างน่ะ

                ก็เพราะเรื่องนี้เราจะทำกันอย่างเป็นความลับไงล่ะทรงพรบอก

                แล้วทำไมเราต้องทำอย่างเป็นความลับด้วยล่ะลูกหมีถามด้วยสีหน้างุนงง

                เพราะถ้าใครรู้เข้าอาจจะต้องห้ามเราไงล่ะ เข้าใจ?”

                อ่อ แล้วทำไมต้องห้ามด้วยล่ะเอ่อ ต้องบอกนึดนึงว่าลูกหมีเป็นโรคออทิสติค เวลาพูดจะไม่สบตา และชอบถามคำถามไร้สาระอยู่เรื่อย แต่ว่าเด็กออทิสติกก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เพราะเขาจะเป็นคนซื่อสัตย์ต่อเพื่อนเป็นอย่างมาก แถมบางคนอาจจะมีสมองที่ฉลาดปราดเปรื่องกว่าคนธรรมดาก็เป็นได้

                เอาเหอะ ตอบคำถามนายไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย ขั้นแรกที่เราจะทำในวันนี้นั่นคือ เราจะศึกษาอย่างละเอียดก่อนว่าทั้ง 7 ศพนั่นตายได้อย่างไร

                โอเคครับผมลูกหมีขานรับด้วยสีหน้าขึงขัง

                เอาล่ะ นายลองเล่าทั้งหมดซิ

                เอาล่ะนะลูกหมีควักสมุดจดที่แนบเอกสารมา ผู้ตายคนแรก ชื่อว่า วิจิตรกานต์พัฒนา แซ่ซือ อายุ 13 ปี สาเหตุที่ตาย- เนื่องจากหัวใจล้มเหลวฉับพลัน จากการสอบปากคำพยานทั้งหมดคือ มีพยานพบเห็นเธอครั้งสุดท้ายซึ่งตอนนั้นเธอกำลังอยู่กับชื่อว่า สาธิต เกษตร ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งจำนวนผู้เคราะห์ร้ายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีรอยแผลจำนวนมากที่คาดว่าจะเกิดจากเขี้ยวของสัตว์จำพวกทากดูดเลือด

                ทากดูดเลือด?”

                ก็อย่างเช่นพวกปลิงอะไรทำนองนี้น่ะลูกหมีอธิบายก่อนจะทิ้งท้ายแบบเหน็บแนมนายยังซื่อบื้อไม่เปลี่ยนเลยนะ

                 อ้อ งั้นหมายความว่าปลิงบุกเชียงใหม่งั้นสิประชด

                ไม่ใช่หรอก ปลิงอาจจะเป็นแค่เครื่องมือแพร่ไวรัสก็ได้

                ไวรัส? ปลิงบ้านป้าแกสิเป็นไวรัสน่ะสิทรงพรพูดออกมาอย่างขำๆ

                ไม่รู้สิ แต่รุ่นพี่ที่ตายที่อยู่ม.3 น่ะทิ้งไดอิ้งเมสเสจเอาไว้ว่า ไวรัสและการทำลายล้างเผ่าพันธุ์

                ธรรมชาติของไวรัสก็คือ มันจะเพิ่มจากสองเป็น สี่ สี่เป็นแปด แปดเป็นสิบหก ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น

                ถ้างั้นรุ่นพี่คนนั้นต้องการจะสื่อหมายความว่าความตายที่เกิดขึ้นต้องจากเพียงจุดเดียว แล้วแพร่ไป 7 คน ว่างั้นสิ?” ทรงพรออกความเห็น

                คงงั้นมั้ง

                งั้นเราไปบ้านแป้งกันดีกว่า เผื่อจะมีเบาะแสอะไรบ้าง

                โอเคๆ งั้นเย็นเจอกัน

    ทั้งสองคนตกลงกันเรียบร้อยว่าจะไปค้นบ้านวิจิตรกานต์พัฒนา หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่าแป้ง ตอนเย็นของวันนี้หลังจากทั้งสองเลิกเรียนแล้ว เพื่อสืบหาของคดีมรณะที่ทั้งสองยังไม่รู้ซึ้งว่าได้เดินเข้าไปใกล้อีกขั้นหนึ่งในดินแดนที่เรียกว่า มิติลึกลับ

     

    4 สิงหาคม 2549

    08.14 . โรงเรียนหมายเลข 0

     

    “ 7 ศพนักเรียนปริศนาโรงเรียนหมายเลข 0 ตายเวลาเดียวกัน แพทย์ชันสูตรไม่ยืนยันสาเหตุ

               

    นี่ ตาต้า นายอ่านกี่รอบแล้ววะเนี่ยฮะ เราล่ะเบื่อจะฟังจริงๆเด็กชายหน้าค่อนข้างเหมือนเกย์แต่ใส่แว่นปกปิดตัวตนบ่นออกมาเปรยๆ

                นายไม่เครียดเลยหรือไง ลูกหมี นักเรียนโรงเรียนเราตายไปตั้ง 7 คนเชียวนะ ข่าวหนังสือพิมพ์เขาประกาศกันโครมๆเนี่ย นายไม่รู้จักรักโรงเรียนบ้างเลย แล้ว 2 ใน 7 นั้นก็มีนักเรียนห้องเราอยู่ด้วยนะ นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือเด็กชายตาต้าหรือชื่อเต็มๆว่าทรงพร ศุกร์เมาเสาร์นอนบ่นกลับ

                เออ เรารู้ว่าว่าแกรักโรงเรียน แต่ไม่เห็นต้องมาพูดมากเลยนี่ ส่วนเรื่องแป้งกับพีทน่ะ พวกเราก็เสียใจนะ แต่ไม่มีใครเหมือนแกหรอก พอได้ข่าวเมื่อวานก็ทำท่าจะร้องไห้ ตลกสิ้นดีว่ะเด็กที่ชื่อลูกหมีด่ามาอีก

                เออๆ พอๆ หยุดเถียงแล้วมาคิดดีกว่าไหม ทรงพรกล่าวตัดบท ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าแป้งกับพีทมันจะตายยังไงหว่าเขาถามความคิดเห็น ซึ่งตอนนี้กลุ่มสนทนาเขามากขึ้นเพราะมีคนสนใจมาก

                เห็นในหนังสือพิมพ์บอกว่าหมอที่ตรวจบอกว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันไม่ใช่หรอเป้กางหนังสือพิมพ์ออกแล้วกวาดสายตาอ่านข่าวทั้งหมด

                แต่ที่น่าแปลกคืออะไรรู้ไหมลูกหมีโพล่งขึ้นมา

                อะไรล่ะทุกคนถามพร้อมกัน

                ฟังนะลูกหมีเรียกความสนใจจากทุกคนก็คือว่า ศพทุกศพน่ะมีรอยเหมือนถูกอะไรกัดเป็นแผลฉกรรจ์ทั่วร่างเลย แล้วยังพบอีกว่าศพที่พบทั้งหมดน่ะมีปริมาณเลือดภายในร่างกายเหลือไม่ถึง 10 % กล่าวคือถูกสูบเลือดออกไปจนเกือบหมด

                ไม่เห็นมีในหนังสือพิมพ์เลยทรงพรถามอย่างสงสัย แล้วนายไปตรัสรู้มาจากไหนล่ะเนี่ย หา

                ก็เพราะเราเก่งไง

                ตอบดีๆสิทรงพรเร่งเร้า

                ก็เพราะว่าเขาปิดข่าวไง นายถึงไม่รู้ ส่วนที่เรารู้ได้ก็เพราะพ่อเราเป็นตำรวจไง

                อ๋อ อืม~ งั้นก็เป็นคดีที่แปลกมากคดีหนึ่งเลยนะเนี่ย สูบเลือดหรอ……คงไม่ได้เกิดจากการฆาตกรรมธรรมดาแน่ๆเป้เปรยๆออกมา ตอนนี้ทุกคนกำลังคิดหาเหตุผลที่ทำให้แป้งต้องเคราะห์ร้ายเช่นนี้

                กิ๊ง-ก่อง

                ได้เวลาเรียนแล้ว เราไปเรียนก่อนเร็ว ชั่วโมงแรกภาษาไทย อ.รัฐด้วย เดี๋ยวจะไม่ทันส่งงานที่อุตสาห์ปั่นการบ้านคำราชาศัพท์เมื่อคืน

                งั้นไปๆแล้วทุกคนก็เข้าไปในห้องเรียนพร้อมๆกัน

     

                หลังจากต้องนั่งท่องคำราชาศัพท์ของครูรัฐอยู่นานแสนนาน วันนี้เด็กๆก็สอบเกี่ยวกับคำสุภาพเช่นว่า คนป่วย ต้องเปลี่ยนเป็น ผู้ป่วย , แมลงวัน ต้องเปลี่ยนเป็น มัขขิกา ,ปลิง ต้องเปลี่ยนเป็น ชัลลุกา , แตงโม ต้องเปลี่ยนเป็น ผลอุลิด ส่วนข้อสอบนั้นสายภาษาไทยของโรงเรียนหมายเลข 0 นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่ายากมากๆ

                นี่ลูกหมี นายมานี่กับเราหน่อยสิอยู่ทรงพรก็โพล่งขึ้นมาหลังออกมาจากห้องเรียนในเวลาพักเที่ยงทำเอาลูกหมีถึงกับสะดุ้ง

                ทำไมหรอ

                เหอะน่า นายตามมาได้แล้วตาต้าเดินนำไปให้ลูกหมีตามมา ซึ่งลูกหมีก็รีบวิ่งตามมาทันที ทรงพรนำลูกหมีไปยังใต้ต้นหูกวางแล้วมองซ้ายมองขวาแล้วเห็นว่าไม่มีใครจึงนั่งลงแล้วเปิดฉากสนทนา

                นายแน่ใจนะว่ารูปคดีมันมีแค่นี้น่ะ ไหนนายลองเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดมาให้ฉันฟังซิ

                อ๋อ นายเรียกเรามาด้วยเรื่องแค่นี้เองหรอลูกหมีบ่นไม่เห็นต้องทำตัวลับๆล่อๆ เลยนี่นา นายทำไมไม่พูดต่อหน้าคนอื่นไปเลยเผื่อจะได้ความคิดดีๆบ้างน่ะ

                ก็เพราะเรื่องนี้เราจะทำกันอย่างเป็นความลับไงล่ะทรงพรบอก

                แล้วทำไมเราต้องทำอย่างเป็นความลับด้วยล่ะลูกหมีถามด้วยสีหน้างุนงง

                เพราะถ้าใครรู้เข้าอาจจะต้องห้ามเราไงล่ะ เข้าใจ?”

                อ่อ แล้วทำไมต้องห้ามด้วยล่ะเอ่อ ต้องบอกนึดนึงว่าลูกหมีเป็นโรคออทิสติค เวลาพูดจะไม่สบตา และชอบถามคำถามไร้สาระอยู่เรื่อย แต่ว่าเด็กออทิสติกก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เพราะเขาจะเป็นคนซื่อสัตย์ต่อเพื่อนเป็นอย่างมาก แถมบางคนอาจจะมีสมองที่ฉลาดปราดเปรื่องกว่าคนธรรมดาก็เป็นได้

                เอาเหอะ ตอบคำถามนายไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย ขั้นแรกที่เราจะทำในวันนี้นั่นคือ เราจะศึกษาอย่างละเอียดก่อนว่าทั้ง 7 ศพนั่นตายได้อย่างไร

                โอเคครับผมลูกหมีขานรับด้วยสีหน้าขึงขัง

                เอาล่ะ นายลองเล่าทั้งหมดซิ

                เอาล่ะนะลูกหมีควักสมุดจดที่แนบเอกสารมา ผู้ตายคนแรก ชื่อว่า วิจิตรกานต์พัฒนา แซ่ซือ อายุ 13 ปี สาเหตุที่ตาย- เนื่องจากหัวใจล้มเหลวฉับพลัน จากการสอบปากคำพยานทั้งหมดคือ มีพยานพบเห็นเธอครั้งสุดท้ายซึ่งตอนนั้นเธอกำลังอยู่กับชื่อว่า สาธิต เกษตร ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งจำนวนผู้เคราะห์ร้ายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีรอยแผลจำนวนมากที่คาดว่าจะเกิดจากเขี้ยวของสัตว์จำพวกทากดูดเลือด

                ทากดูดเลือด?”

                ก็อย่างเช่นพวกปลิงอะไรทำนองนี้น่ะลูกหมีอธิบายก่อนจะทิ้งท้ายแบบเหน็บแนมนายยังซื่อบื้อไม่เปลี่ยนเลยนะ

                 อ้อ งั้นหมายความว่าปลิงบุกเชียงใหม่งั้นสิประชด

                ไม่ใช่หรอก ปลิงอาจจะเป็นแค่เครื่องมือแพร่ไวรัสก็ได้

                ไวรัส? ปลิงบ้านป้าแกสิเป็นไวรัสน่ะสิทรงพรพูดออกมาอย่างขำๆ

                ไม่รู้สิ แต่รุ่นพี่ที่ตายที่อยู่ม.3 น่ะทิ้งไดอิ้งเมสเสจเอาไว้ว่า ไวรัสและการทำลายล้างเผ่าพันธุ์

                ธรรมชาติของไวรัสก็คือ มันจะเพิ่มจากสองเป็น สี่ สี่เป็นแปด แปดเป็นสิบหก ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น

                ถ้างั้นรุ่นพี่คนนั้นต้องการจะสื่อหมายความว่าความตายที่เกิดขึ้นต้องจากเพียงจุดเดียว แล้วแพร่ไป 7 คน ว่างั้นสิ?” ทรงพรออกความเห็น

                คงงั้นมั้ง

                งั้นเราไปบ้านแป้งกันดีกว่า เผื่อจะมีเบาะแสอะไรบ้าง

                โอเคๆ งั้นเย็นเจอกัน

    ทั้งสองคนตกลงกันเรียบร้อยว่าจะไปค้นบ้านวิจิตรกานต์พัฒนา หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่าแป้ง ตอนเย็นของวันนี้หลังจากทั้งสองเลิกเรียนแล้ว เพื่อสืบหาของคดีมรณะที่ทั้งสองยังไม่รู้ซึ้งว่าได้เดินเข้าไปใกล้อีกขั้นหนึ่งในดินแดนที่เรียกว่า มิติลึกลับ

     

    4 สิงหาคม 2549

    08.14 . โรงเรียนหมายเลข 0

     

    “ 7 ศพนักเรียนปริศนาโรงเรียนหมายเลข 0 ตายเวลาเดียวกัน แพทย์ชันสูตรไม่ยืนยันสาเหตุ

               

    นี่ ตาต้า นายอ่านกี่รอบแล้ววะเนี่ยฮะ เราล่ะเบื่อจะฟังจริงๆเด็กชายหน้าค่อนข้างเหมือนเกย์แต่ใส่แว่นปกปิดตัวตนบ่นออกมาเปรยๆ

                นายไม่เครียดเลยหรือไง ลูกหมี นักเรียนโรงเรียนเราตายไปตั้ง 7 คนเชียวนะ ข่าวหนังสือพิมพ์เขาประกาศกันโครมๆเนี่ย นายไม่รู้จักรักโรงเรียนบ้างเลย แล้ว 2 ใน 7 นั้นก็มีนักเรียนห้องเราอยู่ด้วยนะ นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือเด็กชายตาต้าหรือชื่อเต็มๆว่าทรงพร ศุกร์เมาเสาร์นอนบ่นกลับ

                เออ เรารู้ว่าว่าแกรักโรงเรียน แต่ไม่เห็นต้องมาพูดมากเลยนี่ ส่วนเรื่องแป้งกับพีทน่ะ พวกเราก็เสียใจนะ แต่ไม่มีใครเหมือนแกหรอก พอได้ข่าวเมื่อวานก็ทำท่าจะร้องไห้ ตลกสิ้นดีว่ะเด็กที่ชื่อลูกหมีด่ามาอีก

                เออๆ พอๆ หยุดเถียงแล้วมาคิดดีกว่าไหม ทรงพรกล่าวตัดบท ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าแป้งกับพีทมันจะตายยังไงหว่าเขาถามความคิดเห็น ซึ่งตอนนี้กลุ่มสนทนาเขามากขึ้นเพราะมีคนสนใจมาก

                เห็นในหนังสือพิมพ์บอกว่าหมอที่ตรวจบอกว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันไม่ใช่หรอเป้กางหนังสือพิมพ์ออกแล้วกวาดสายตาอ่านข่าวทั้งหมด

                แต่ที่น่าแปลกคืออะไรรู้ไหมลูกหมีโพล่งขึ้นมา

                อะไรล่ะทุกคนถามพร้อมกัน

                ฟังนะลูกหมีเรียกความสนใจจากทุกคนก็คือว่า ศพทุกศพน่ะมีรอยเหมือนถูกอะไรกัดเป็นแผลฉกรรจ์ทั่วร่างเลย แล้วยังพบอีกว่าศพที่พบทั้งหมดน่ะมีปริมาณเลือดภายในร่างกายเหลือไม่ถึง 10 % กล่าวคือถูกสูบเลือดออกไปจนเกือบหมด

                ไม่เห็นมีในหนังสือพิมพ์เลยทรงพรถามอย่างสงสัย แล้วนายไปตรัสรู้มาจากไหนล่ะเนี่ย หา

                ก็เพราะเราเก่งไง

                ตอบดีๆสิทรงพรเร่งเร้า

                ก็เพราะว่าเขาปิดข่าวไง นายถึงไม่รู้ ส่วนที่เรารู้ได้ก็เพราะพ่อเราเป็นตำรวจไง

                อ๋อ อืม~ งั้นก็เป็นคดีที่แปลกมากคดีหนึ่งเลยนะเนี่ย สูบเลือดหรอ……คงไม่ได้เกิดจากการฆาตกรรมธรรมดาแน่ๆเป้เปรยๆออกมา ตอนนี้ทุกคนกำลังคิดหาเหตุผลที่ทำให้แป้งต้องเคราะห์ร้ายเช่นนี้

                กิ๊ง-ก่อง

                ได้เวลาเรียนแล้ว เราไปเรียนก่อนเร็ว ชั่วโมงแรกภาษาไทย อ.รัฐด้วย เดี๋ยวจะไม่ทันส่งงานที่อุตสาห์ปั่นการบ้านคำราชาศัพท์เมื่อคืน

                งั้นไปๆแล้วทุกคนก็เข้าไปในห้องเรียนพร้อมๆกัน

     

                หลังจากต้องนั่งท่องคำราชาศัพท์ของครูรัฐอยู่นานแสนนาน วันนี้เด็กๆก็สอบเกี่ยวกับคำสุภาพเช่นว่า คนป่วย ต้องเปลี่ยนเป็น ผู้ป่วย , แมลงวัน ต้องเปลี่ยนเป็น มัขขิกา ,ปลิง ต้องเปลี่ยนเป็น ชัลลุกา , แตงโม ต้องเปลี่ยนเป็น ผลอุลิด ส่วนข้อสอบนั้นสายภาษาไทยของโรงเรียนหมายเลข 0 นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่ายากมากๆ

                นี่ลูกหมี นายมานี่กับเราหน่อยสิอยู่ทรงพรก็โพล่งขึ้นมาหลังออกมาจากห้องเรียนในเวลาพักเที่ยงทำเอาลูกหมีถึงกับสะดุ้ง

                ทำไมหรอ

                เหอะน่า นายตามมาได้แล้วตาต้าเดินนำไปให้ลูกหมีตามมา ซึ่งลูกหมีก็รีบวิ่งตามมาทันที ทรงพรนำลูกหมีไปยังใต้ต้นหูกวางแล้วมองซ้ายมองขวาแล้วเห็นว่าไม่มีใครจึงนั่งลงแล้วเปิดฉากสนทนา

                นายแน่ใจนะว่ารูปคดีมันมีแค่นี้น่ะ ไหนนายลองเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดมาให้ฉันฟังซิ

                อ๋อ นายเรียกเรามาด้วยเรื่องแค่นี้เองหรอลูกหมีบ่นไม่เห็นต้องทำตัวลับๆล่อๆ เลยนี่นา นายทำไมไม่พูดต่อหน้าคนอื่นไปเลยเผื่อจะได้ความคิดดีๆบ้างน่ะ

                ก็เพราะเรื่องนี้เราจะทำกันอย่างเป็นความลับไงล่ะทรงพรบอก

                แล้วทำไมเราต้องทำอย่างเป็นความลับด้วยล่ะลูกหมีถามด้วยสีหน้างุนงง

                เพราะถ้าใครรู้เข้าอาจจะต้องห้ามเราไงล่ะ เข้าใจ?”

                อ่อ แล้วทำไมต้องห้ามด้วยล่ะเอ่อ ต้องบอกนึดนึงว่าลูกหมีเป็นโรคออทิสติค เวลาพูดจะไม่สบตา และชอบถามคำถามไร้สาระอยู่เรื่อย แต่ว่าเด็กออทิสติกก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เพราะเขาจะเป็นคนซื่อสัตย์ต่อเพื่อนเป็นอย่างมาก แถมบางคนอาจจะมีสมองที่ฉลาดปราดเปรื่องกว่าคนธรรมดาก็เป็นได้

                เอาเหอะ ตอบคำถามนายไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย ขั้นแรกที่เราจะทำในวันนี้นั่นคือ เราจะศึกษาอย่างละเอียดก่อนว่าทั้ง 7 ศพนั่นตายได้อย่างไร

                โอเคครับผมลูกหมีขานรับด้วยสีหน้าขึงขัง

                เอาล่ะ นายลองเล่าทั้งหมดซิ

                เอาล่ะนะลูกหมีควักสมุดจดที่แนบเอกสารมา ผู้ตายคนแรก ชื่อว่า วิจิตรกานต์พัฒนา แซ่ซือ อายุ 13 ปี สาเหตุที่ตาย- เนื่องจากหัวใจล้มเหลวฉับพลัน จากการสอบปากคำพยานทั้งหมดคือ มีพยานพบเห็นเธอครั้งสุดท้ายซึ่งตอนนั้นเธอกำลังอยู่กับชื่อว่า สาธิต เกษตร ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งจำนวนผู้เคราะห์ร้ายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีรอยแผลจำนวนมากที่คาดว่าจะเกิดจากเขี้ยวของสัตว์จำพวกทากดูดเลือด

                ทากดูดเลือด?”

                ก็อย่างเช่นพวกปลิงอะไรทำนองนี้น่ะลูกหมีอธิบายก่อนจะทิ้งท้ายแบบเหน็บแนมนายยังซื่อบื้อไม่เปลี่ยนเลยนะ

                 อ้อ งั้นหมายความว่าปลิงบุกเชียงใหม่งั้นสิประชด

                ไม่ใช่หรอก ปลิงอาจจะเป็นแค่เครื่องมือแพร่ไวรัสก็ได้

                ไวรัส? ปลิงบ้านป้าแกสิเป็นไวรัสน่ะสิทรงพรพูดออกมาอย่างขำๆ

                ไม่รู้สิ แต่รุ่นพี่ที่ตายที่อยู่ม.3 น่ะทิ้งไดอิ้งเมสเสจเอาไว้ว่า ไวรัสและการทำลายล้างเผ่าพันธุ์

                ธรรมชาติของไวรัสก็คือ มันจะเพิ่มจากสองเป็น สี่ สี่เป็นแปด แปดเป็นสิบหก ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น

                ถ้างั้นรุ่นพี่คนนั้นต้องการจะสื่อหมายความว่าความตายที่เกิดขึ้นต้องจากเพียงจุดเดียว แล้วแพร่ไป 7 คน ว่างั้นสิ?” ทรงพรออกความเห็น

                คงงั้นมั้ง

                งั้นเราไปบ้านแป้งกันดีกว่า เผื่อจะมีเบาะแสอะไรบ้าง

                โอเคๆ งั้นเย็นเจอกัน

    ทั้งสองคนตกลงกันเรียบร้อยว่าจะไปค้นบ้านวิจิตรกานต์พัฒนา หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่าแป้ง ตอนเย็นของวันนี้หลังจากทั้งสองเลิกเรียนแล้ว เพื่อสืบหาของคดีมรณะที่ทั้งสองยังไม่รู้ซึ้งว่าได้เดินเข้าไปใกล้อีกขั้นหนึ่งในดินแดนที่เรียกว่า มิติลึกลับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×