ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คุณอาสุดที่รัก (Rewrite 1)
บทที่ 2 คุณอาสุดที่รัก
“อาแลค หวัดดีค่ะ คิดถึงอาจังเลย ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”
ลิลลินยกมือไหว้ ก่อนวิ่งเข้าไปกอดเอวธนภัทรเป็นการทักทาย เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้ามายังห้องรับแขก เหมือนอย่างที่ทำทุกครั้งที่เจอกัน
“ไหนให้อาดูชัดๆหน่อยซิ ยอมลงมาให้ยลโฉมแล้วเหรอ ไม่ได้เจอกันหลายวัน โตขึ้นเยอะนี่เรา แต่ท่าทางจะโตแต่ตัวนะ สมองยังเหมือนเด็กห้าขวบเหมือนเดิม” อาหนุ่มกอดตอบหลานสาวคนโปรดแน่น หัวเราะลั่นเมื่อได้แซวเธอเล่นเหมือนเคย
“โห…อาแลคก็พูดเกินไป ลิลน่ะกำลังจะเข้ามหาลัยแล้วนะ เด็กห้าขวบที่ไหนเรียนได้ก็อัจฉริยะหละ แถมวันนี้ยังได้จดหมายตอบรับให้ไปเรียนที่มหาลัยในฝรั่งเศสด้วย”
หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบโต้อาหนุ่ม อย่างไม่ยอมแพ้
“ฝรั่งเศสเชียวนะ ฝรั่งเศสน่ะ เริ่ดใช่ไหมล่ะ อาเคยไปหรือเปล่า อ๊า…”
เจ้าของเสียงโวยวายเสียงดัง หลังจากถูกชายหนุ่มเอาแขนข้างนึงล็อคคอ แล้วใช้มืออีกข้างหนีบจมูกแรงๆ เพราะหมั่นเขี้ยว
ร่างบางดิ้นดีดตัวออกมาจากวงแขนที่ล็อคคอไว้ได้สำเร็จ หลังจากทั้งทุบทั้งตีต่อสู้กับอาหนุ่มอึดใจนึง จนเขาเจ็บหลังไปหมด เลยยอมคลายแขนที่ล็อคคอไว้ออก ปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
ดวงหน้าคมหวาน หายใจหอบนิดๆ หน้าแดง หัวฟูยุ่งเหยิง หลังผ่านศึกย่อยมาหมาดๆยืนห่างออกไปจากธนภัทรเล็กน้อย พยายามใช้มือลูบผมที่ยุ่งให้เข้าที่เหมือนเดิม
“ทางโน้นเขาจ่าหน้าซองผิดหรือเปล่า ไม่งั้นเขาก็คงยังไม่รู้จักเราดีพอ ไม่แน่พอไปถึงโน่นแล้ว เข้าเรียนได้ไม่ถึงอาทิตย์เขาคงรีบส่งตัวกลับแทบไม่ทัน”
“โห..อาแลคเคยเห็นความสามารถของหลานรักบ้างปะเนี่ย ลิลงอนแล้วนะเนี่ย” เสียงหวานตัดพ้อ บอกความน้อยใจที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง
“เห็นซี อาน่ะรู้อยู่แล้วว่าหลานอาเก่งขนาดไหน เอาน่าเลิกแกล้งงอนได้แล้ว เสียเวลาเปล่าๆ คราวนี้อยากได้อะไรก็บอกมา ถ้าเป็นบัญชาขององค์หญิง ถึงแม้ต้องแลกด้วยชีวิตกระหม่อมก็ยินดีเสมอ”
ร่างสูงโค้งศีรษะลงเอามือแตะหน้าอก ทำท่าเลียนแบบอัศวินในโทรทัศน์หลังพูดจบประโยค
“ไม่ต้องถึงกับแลกด้วยชีวิตหรอกค่ะ แต่ไม่แน่หลังจากทำภารกิจนี้แล้วอาอาจจะอยากฆ่าตัวตายก็ได้” หญิงสาวหัวเราะคิกคักอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก
“มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ธนภัทรทำท่าสยดสยองกับภารกิจที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร
“แหม..ย้อเย่น ไม่ยากหรอกน่า แค่อยากให้อาไปช่วยเลือกเสื้อผ้าสำหรับหน้าหนาวที่จะเอาไปเรียนที่โน่นด้วยกันหน่อย ไปกับอาแล้ว สาวๆแย่งกันบริการเต็มที่ ลิลช๊อบ ชอบ”
หญิงสาวพูดจบก็กระโดดกอดแขนชายหนุ่ม ทำท่าประจบทันที
“แล้วแม่เราเขายอมให้ไปแล้วเหรอ?”
ร่างสูงเหลือบตามองเสี้ยวหน้าหลานสาว ที่ซุกอยู่กับท่อนแขนเขา ขณะเปิดปากถาม
“แม่ยังไม่ได้รับปากหรอกค่ะ แต่ลิลมั่นใจว่าแม่ต้องให้ไปแน่ๆ ถ้าอาช่วยพูด”
กล่าวจบ ดวงหน้าหวานก็เงยขึ้น ดวงตาคมใสแจ๋วสบตาอาหนุ่ม ฉายแววออดอ้อน ขอความช่วยเหลืออย่างที่ใช้กับเขาได้ผลเสมอ
ชายหนุ่มยกมือขึ้นโอบไหล่ ดึงตัวหญิงสาวให้แนบใกล้ยิ่งขึ้น ขณะเอ่ย
“ได้ซิ องค์หญิง กระหม่อมทุ่มสุดตัว สำหรับภารกิจนี้ แต่ตอนนี้ขอเติมพลังก่อน หิวจนจะกินช้างได้อยู่แล้ว”
“มาเลยค่ะ อาหารพร้อมแล้ว วันนี้ลิลลงมาช่วยแม่ทำมื้อเย็นด้วยนะ แถมมีของโปรดของอาเป็นของหวานด้วย แต่ไม่มีช้างหรอกนะเสียใจด้วย”
ลิลลินยังคงกอดแขนอาหนุ่มไว้ หัวเราะเสียงใส ขณะพาเขาเดินไปทางห้องครัวซึ่งเป็นครัวแบบเปิด มีเคาน์เตอร์ทำอาหารที่ด้านบนปูด้วยหินอ่อนคั่นกลางห้อง แบ่งส่วนทำอาหารซึ่งมีอุปกรณ์ทำอาหารทันสมัยครบครัน และโต๊ะกินข้าวขนาดสี่คนแยกจากกันอย่างมีสไตล์
หญิงสาวปล่อยให้อาหนุ่มลงนั่งที่ประจำ ส่วนตัวเองเดินอ้อมเคาน์เตอร์ในครัว ไปช่วยแม่ยกอาหารและจานมาตั้งบนโต๊ะ
ปล่อยให้แม่กับอานั่งลงสนทนาภาษาผู้ใหญ่กันพักนึง โดยมีเธอทำหน้าที่เป็นนางเสิรฟประจำบ้าน ตักข้าวเสริฟน้ำให้ทั้งสองคน
เมื่อทุกคนเริ่มลงมือทานอาหารกัน หญิงสาวแอบลอบมองแม่และธนภัทรเป็นพักๆ ระหว่างทั้งสองคุยกัน
ธนภัทร หรือชื่อเล่นที่เธอเรียกติดปากตั้งแต่เด็กว่า “อาแลค” ไม่ได้เป็นญาติที่มีสายเลือดเดียวกับพวกเธอแต่อย่างใด เขาเป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านติดกัน ตั้งแต่แม่ตั้งท้องเธอและย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ตามลำพัง แต่ทั้งสองครอบครัวใกล้ชิดสนิทสนม เหมือนกับเป็นญาติสนิทกันก็ไม่ปาน
ในวันที่เธอเกิด ก็ธนภัทรนี่แหละที่เป็นคนขับรถไปส่ง และอยู่ดูแลแม่ของเธอ ผลัดเวรกันกับยาย จนแม่ออกจากโรงพยาบาล
เขาเอ็นดูเธอมาก ดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนเป็นพ่อเลยทีเดียว ทั้งไปรับ-ส่งโรงเรียนทุกวัน ร่วมกิจกรรมต่างๆในฐานะผู้ปกครองร่วมกับแม่ของเธอ พาไปเที่ยวในวันหยุด จนใครๆก็คิดว่าเขาเป็นพ่อเธอทั้งนั้น ยกเว้นพวกเพื่อนๆเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นแค่เพื่อนบ้าน
ถึงแม้หญิงสาวจะไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกมีปมด้อยแต่อย่างใด กลับรู้สึกอบอุ่นจนบางครั้งอาจจะมากเกินคนที่มีพ่อแท้ๆซะด้วยซ้ำ
ธนภัทรเป็นอาที่เธอภาคภูมิใจมาก ยิ่งเวลาเขาลงจากรถยุโรปคันหรูมารอรับเธอเลิกเรียน สายตาทุกคู่ในบริเวณนั้นจับจ้องเขาอย่างกับมองดารา รู้สึกได้ถึงสายตาชื่นชมแกมอิจฉามองมายังเธอ ที่เป็นคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดชายหนุ่ม
ยิ่งพวกบรรดาแม่ๆที่มารอรับลูกเหมือนกันหรือครูที่โรงเรียนนี่มองกันตาเยิ้มอย่างกับเห็นขนมหวานก็ไม่ปาน บางคนก็ทำเนียนเอาเรื่องเธอมาบังหน้า หาเรื่องเข้ามาคุยด้วย เพื่อหาทางสนิทสนมกับอาสุดเท่ของเธอ แต่อย่าแม้แต่จะคิดเพราะเธอหวงธนภัทรไว้ให้แม่เธอเท่านั้น
นอกจากบรรดาผู้ปกครอง และครูสาวๆแล้ว ยังมีพวกเพื่อนแก่แดดบางคนที่จ้องจะงาบอาของเธออยู่ด้วย
ธนภัทรมีรูปร่างสูงใหญ่ได้สัดส่วนที่ผู้ชายแท้ๆ ยังอิจฉา หน้าตาหล่อคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ผมสีน้ำตาลเข้มตัดเข้ารูปเนี้ยบอยู่เสมอ ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้ม มีแววอ่อนโยน ชวนฝันสำหรับสาวๆ แม้อายุจะย่างเข้าสี่ 40 แล้ว แต่หน้าเขาดูอ่อนกว่าอายุจริงเยอะ
ลิลลินยังจำเหตุการณ์ครั้งนึงสมัยอายุ 8 ขวบได้ดี ธนภัทรพาเธอไปว่ายน้ำที่สระใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกใช้อย่างคับคั่ง
อาของเธอตกเป็นอาหารตาของคนในบริเวณนั้นทันที เมื่อย่างเท้าเข้าไปบริเวณสระว่ายน้ำ แถมยังโดนทั้งสาวๆและหนุ่มๆใช้สายตาแทะโลมซิกแพคสุดเซ็กซี่อีกด้วย แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือมีพวกใจกล้าเปลี่ยนหน้ากันเข้ามาทำความรู้จักกับชายหนุ่มอีกหลายคน จนพวกเธอแทบจะไม่ได้ว่ายน้ำกันเลย
สุดท้ายเธอทนไม่ไหว ต้องออกอาการนางมารน้อย ปกป้องอาจากเหล่าแมลงวันหัวเขียวทั้งหลาย จำได้ว่าวันนั้นแกล้งเรียกอาว่าพ่อตลอด แล้วยังเล่าให้พวกนั้นฟังถึงเรื่องคุณแม่สุดสวย ที่ตอนนี้กำลังจะมีน้องใหม่กับพ่ออีกคน และกำลังมารับพวกเธอที่นี่ แค่นี้พวกแมลงวันหัวเขียวก็แตกกระเจิงอย่างกับโดนยาฆ่าแมลงพ่นใส่
ธนภัทรหัวเราะชอบใจยกใหญ่ที่เห็นเธอในร่างนางมารน้อย เพราะเขาเองก็เหนื่อยจะรับแขกเหมือนกัน
นอกจากเขาจะดูแลเธออย่างดีไม่ต่างกับพ่อแท้ๆแล้ว ธนภัทรยังให้ความเคารพและดูแลแม่เธออย่างดีเช่นกัน จนหญิงสาวอดลุ้นให้ทั้งสองคนรักกันไม่ได้
ทางธนภัทรนั้นไม่เคยเห็นเขามีแฟนหรือควงใครเลยซักครั้ง นอกจากเวลาทำงานกับเวลานอนชีวิตทั้งหมดของเขาก็จะมาหมกอยู่ที่บ้านเธอ ถ้าไม่ได้ชอบแม่เธอก็ไม่รู้ว่าจะคิดเป็นอะไรได้อีก
ส่วนแม่หรือก็เป็นโสดมาตั้งแต่เธอเกิดจนป่านนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะชอบพอใครหรือคิดแต่งงานใหม่เลย ทั้งที่แม่เองก็ยังสาว ยังสวยอยู่ หุ่นดีขนาดไม่มีใครเชื่อว่าจะมีลูกโตอายุขนาดเธอ ถึงแม้จะอายุมากกว่าธนภัทรถึงห้าปี ก็ไม่น่าเป็นปัญหา
แต่น่าแปลกทั้งๆที่มีหนุ่มหล่อ โสด หน้าที่การงานดี คุณสมบัติถูกใจแม่ยกอย่างธนภัทรมาสนิทสนมขนาดนี้ แม่เธอยังไม่หวั่นไหวซักนิด จนคนลุ้นแทบจะถอดใจอยู่แล้ว
หรือว่าแม่จะยังไม่ลืมพ่อกันนะ หญิงสาวเคยถามถึงพ่อครั้งนึงตอนที่ยังเด็ก ที่ถามก็เพราะสงสัย อยากรู้ว่าพ่อแท้ๆของตัวเองเป็นใครกันแน่ ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วก็เท่านั้นแหละ เพราะเธอไม่เคยได้รับการเยี่ยมเยียนหรือได้ข่าวจากพ่อเลยตั้งแต่เด็กจนโต แม้แต่รูปสักใบก็ไม่เคยเห็น
แม่เพียงแต่ตอบคำถามนี้กับเธอด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“พ่อของลูกเขาเป็นคนที่อยู่สูงเกินกว่าแม่จะเอื้อมถึง แม่คิดว่าเขาคงมีชีวิตที่มีความสุขอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ ไม่แน่ซักวันลูกอาจจะมีโอกาสได้เจอเขาก็ได้”
คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้หญิงสาวหายสงสัยในชาติกำเนิดตัวเองเท่าไหร่นัก แต่เพราะไม่อยากให้แม่ต้องเศร้าอีก เธอจึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่ขุดเรื่องนี้ขึ้นมาถามอีกเลย
แต่ก็เคยแอบจินตนาการอย่างเด็กๆว่าไม่แน่พ่ออาจจะเป็นผู้ดีมีตระกูลที่ไหนซักแห่ง ที่บังเอิญมาพบและตกหลุมรักแม่เข้า จนทั้งสองให้กำเนิดเธอขึ้นมา
แต่ทางฝ่ายปู่ย่าเธอไม่ยอมรับคนธรรมดาอย่างแม่ จึงพรากทั้งสองจากกัน ตามพลอตนิยายน้ำเน่าทั่วไปนี่แหละ
ลิลลินเผลอตัวถอนหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ทั้งสองคนและชาติกำเนิดที่น่าสงสัยของตัวเอง แต่เสียงออกจะดังไปนิด จนทั้งแม่และอาหันมามองเธอพร้อมกัน
แต่หญิงสาวยังคงหมกมุ่นอยู่กับความคิดตัวเอง เลยมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับจานข้าวจนไม่ได้สังเกตทั้งสองคน ที่หลังจากหันมามองหน้าเธอแล้ว ทั้งสองหันมาสบตากันเหมือนจะสื่อความหมายอะไรกันซักอย่าง
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ลิลลินรับหน้าที่ล้างจาน ปล่อยให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกันในห้องรับแขก ถึงแม้บ้านเธอจะมีแม่บ้านที่มาทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับทุกวัน แต่งานเล็กๆน้อยๆพวกนี้ พวกเธอก็ทำกันเองเสมอ
ล้างจานเสร็จหญิงสาวก็ยกคาราเมลพุดดิ้งของโปรดของอาที่วันนี้เธอลงมือทำเอง กะว่าจะติดสินบนให้ช่วยเกลี้ยกล่อมแม่ ให้อนุญาตให้เธอไปเรียนที่ฝรั่งเศส
“มาแล้วค่า คาราเมลพุดดิ้งเทพ เพราะวันนี้นางฟ้าเป็นคนลงมือทำเอง”
เสียงหัวเราะใสดังออกมาจากในครัวก่อนเจ้าตัวจะมาถึง
นารีรัตน์และธนภัทรยิ้มรับหญิงสาวที่เพิ่งยกถาดขนมวางลงบนโต๊ะรับแขก
“คาราเมลพุดดิ้งเทพเลยเหรอ? ไม่ใช่คาราเมลพุดดิ้งนรกแน่นะ เพราะอาว่าไม่ใช่นางฟ้าแต่เป็นนางมารน้อยมากกว่าที่ลงมือทำน่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ชายหนุ่มไม่ปล่อยโอกาส เมื่อมีช่องให้แซวหลานสาวได้
“แหม..นางมารที่ไหนจะสวยขนาดนี้กันเล่าอาก้อ” ลิลลินก็ไม่ยอมแพ้ ต่อปากต่อคำอา พร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวตรงกลางระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสอง
หญิงสาวหันไปสบตาชายหนุ่มเหมือนจะส่งสัญญาณให้เขาเริ่มคุยเรื่องไปเรียนต่างประเทศของเธอ เขารับสัญญาณนั้น แล้วเอ่ยปากถาม
“ไหนลิลบอกว่าได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่ฝรั่งเศสใช่ไหม รายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เห็นเล่าให้อาฟังเลย”
”มหาลัยที่ว่าอยู่ที่เมือง Colmar ค่ะ ห่างออกไปทางตะวันออกของปารีส ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 3 ชม. เมืองสวยน่ารักมากเลยค่ะ อาดูรูปเมืองซี ลิลเพิ่งหาข้อมูลมาเมื่อบ่ายนี้เอง” คนเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมโน้มตัวลงหยิบเอกสารข้างใต้โต๊ะรับแขกมาชูให้อาและแม่ดู
“นี่ลิลหาข้อมูลของมหาลัย M ในกูเกิ้ลด้วยนะ แต่แปลกที่หาเว็บไซด์ของมหาลัยไม่ได้เลย ไม่น่าเป็นไปได้ที่มหาลัยระดับนี้จะไม่มีเว็บไซด์ของตัวเอง”
คิ้วคนพูด ขมวดน้อยๆอย่างครุ่นคิด เธอหันไปมองหน้าอา ก่อนพูดต่อ
“มีเรื่องน่าสงสัยอีกอย่าง ตอนบ่ายลิลก็มัวแต่ดีใจไม่ทันได้นึกถึงเรื่องสำคัญ ว่าทางมหาลัยรับลิลเข้าเรียนได้ยังไง ก็ลิลไม่เคยสมัครเรียนที่นี่ อาว่านี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า หรือว่าใครเล่นตลกส่งจดหมายบ้าๆมาแกล้ง”
ดวงตาคมหวานเริ่มมีแววกังวล กลัวความฝันที่จะได้ไปเรียนเมืองนอกจะพังไปในเวลาอันรวดเร็ว
หญิงสาวส่งสายตาเป็นเชิงขอความเห็นจากธนภัทร เขานิ่งไปอึดใจเหมือนกำลังหาคำอธิบายเหมาะๆ ก่อนหันไปสบตานารีรัตน์
“มหาวิทยาลัย M มีจริงๆ และจดหมายที่ส่งมาก็เป็นเรื่องจริง ที่นี่มีระบบพิเศษที่ไม่เหมือนที่อื่น จะไม่มีการสอบเข้า แต่จะรับนักศึกษาจากการแนะนำของศิษย์เก่าที่จบจากที่นั่น”
“การแนะนำจากศิษย์เก่า!”
หญิงสาวทวนคำ ดวงตาเหลือบขึ้นมองข้างบนอย่างครุ่นคิด
“แล้วใครแนะนำลิลเข้าไปเรียนที่นี่ล่ะคะ? ลิลไม่เห็นรู้จักใครที่เคยเรียนฝรั่งเศสมาก่อนเลย”
เธอหันหน้าไปขอความเห็นแม่ที่นั่งข้างๆ หวังว่าจะได้คำตอบ
แต่นารีรัตน์กลับไม่ได้กำลังมองเธออยู่ สายตานางจับจ้องอยู่ที่ธนภัทร ลิลลินหันมองตามสายตาแม่ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าอาของเธอเช่นกัน
ชายหนุ่มสบตาทั้งสองคู่ ก่อนเฉลยข้อข้องใจนั้น
“อาเองแหละที่เป็นคนแนะนำไป”
“ฮ้า….!!”
ลิลลินอุทานลั่น อ้าปากค้าง ชายหนุ่มทนมองไม่ไหว จึงยื่นมือไปจับปลายคางหลานสาวดันให้หุบปากลง
ประโยคต่อมาเหมือนเขาจะอธิบายกับมารดาเธอมากกว่า
“ผมเห็นว่าที่นี่เหมาะสมกับลิลที่สุด และจะช่วยส่งเสริมความสามารถของเธอได้เป็นอย่างดี เลยตัดสินใจส่งจดหมายแนะนำลิลไปให้ที่มหาวิทยาลัยโดยพลการ พี่นารีคงไม่โกรธผมนะครับ”
ลิลลินชำเลืองตามองหน้ามารดา ก็เห็นนางทำหน้าตึง เธอจึงรีบชวนธนภัทรคุย เพื่อทำลายบรรยากาศมาคุนี้
“อาเคยเรียนที่ฝรั่งเศสด้วยเหรอ? ไม่เห็นเคยเล่าให้ลิลฟังเลย ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ แนะนำศิษย์น้องหน่อยซีศิษย์พี่”
หญิงสาวพยายามทำเสียงร่าเริงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศสุดฤทธิ์
“อาว่าที่นี่ก็ดีนะ เมืองสวยอย่างที่ลิลเห็นในรูปน่ะแหละ แต่มหาวิทยาลัยจะอยู่นอกตัวเมืองออกไปอีก อยู่กลางป่าเลย เหมือนตัดขาดโลกภายนอก นักศึกษาทุกคนต้องอยู่หอพักที่มหาวิทยาลัยจัดไว้เท่านั้น และต้องทำตามกฏอย่างเคร่งครัด”
ชายหนุ่มเลื่อนตัวไปหยิบพุดดิ้งของโปรดมาตักใส่ปาก ก่อนอธิบายด้วยเสียงสบายๆต่อ
“ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายทุกอย่างมหาวิทยาลัยออกให้หมด ยกเว้นพวกของใช้ส่วนตัวกับค่าเดินทางไปที่โน่นเท่านั้นที่ต้องออกเอง”
“โอ้โฮ..ดีจัง อย่างนี้ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย แล้วอาแลคสมัครเรียน MBA ให้ลิลไว้ใช่ไหมคะ?”
“ไม่ต้องห่วง อาเลือกสิ่งที่เหมาะกับลิลที่สุดไว้ให้แล้ว พุดดิ้งนี่อร่อยจริงๆ เก่งใหญ่แล้วนะเรา อีกไม่นานก็เก่งเท่าแม่แล้ว ”
ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูดกระทันหัน วางถ้วยขนมที่ทานหมดแล้วบนโต๊ะ มือข้างที่อยู่ใกล้ตัวหญิงสาว ถูกยกขึ้นมาขยี้ผมเธอจนยุ่งเหยิง
“อาแลค อย่ามาหลอกเช็คมือบนหัวลิลนะ พึ่งจะสระผมมาด้วย”
หญิงสาวสะบัดเสียงงอนใส่อา เอียงศีรษะหนีมือใหญ่ที่ยังตามมาขยี้ผมต่ออย่างไม่ลดละ
“รู้ด้วยแฮะว่าอาหลอกเช็ดมือ ช่วยไม่ได้อยากไม่เตรียมผ้ามาให้เช็ดมือเองนี่”
ชายหนุ่มหัวเราะร่า มือข้างที่ขยี้ผมเมื่อครู่ เปลี่ยนมาดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอก ก่อนหอมฟอดใหญ่บนหน้าผากมน
“เอาหละ ไปนอนได้แล้วเรา เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดนอนดึก”
“ค่า”
หญิงสาวลากเสียงยาวรับคำอย่างล้อเลียน เธอรับปากอย่างว่าง่ายเพราะเพลียจากการอดนอนมาหลายคืนแล้ว
ร่างบางหันไปกอดมารดา หอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนกล่าวราตรีสวัสดิ์คนที่เธอรักที่สุดทั้งคู่
เมื่อเดินออกจากห้องรับแขกแล้ว หญิงสาวรีบเอาตัวเข้าแอบหลังผนังห้องอีกด้าน โผล่หัวผ่านกรอบประตู ทำปากพะงาบๆ พูดแบบไม่มีเสียงกับอาของเธอ จับใจความได้ว่า “อย่าทะเลาะกันนะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา พร้อมโบกมือไล่ให้รีบขึ้นไปข้างบนซะ
เมื่อหญิงสาวจากไป ความเงียบก็เข้ามายึดพื้นที่ในห้องรับแขกจนบรรยากาศน่าอึดอัด
“พี่นารี”
เป็นธนภัทรที่ทนต่อบรรยากาศแบบนี้ไม่ไหว จึงทำลายความเงียบก่อน
“พี่ไม่ได้โกรธเธอหรอก พี่รู้ว่าเวลานี้ต้องมาถึงเข้าซักวัน เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ซีนะ”
นารีรัตน์หันมาสบตาชายหนุ่ม ดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ธนภัทรดึงตัวเธอเข้ามาซบไหล่ กอดเอาไว้หลวมๆ เพื่อปลอบโยน
“ครับ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลานั้นมาถึงแล้ว พี่นารีไม่ต้องห่วง พวกเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลิลแล้ว และเราจะปกป้องเธอด้วยชีวิต พี่วางใจได้”
“นี่ลิลหาข้อมูลของมหาลัย M ในกูเกิ้ลด้วยนะ แต่แปลกที่หาเว็บไซด์ของมหาลัยไม่ได้เลย ไม่น่าเป็นไปได้ที่มหาลัยระดับนี้จะไม่มีเว็บไซด์ของตัวเอง”
คิ้วคนพูด ขมวดน้อยๆอย่างครุ่นคิด เธอหันไปมองหน้าอา ก่อนพูดต่อ
“มีเรื่องน่าสงสัยอีกอย่าง ตอนบ่ายลิลก็มัวแต่ดีใจไม่ทันได้นึกถึงเรื่องสำคัญ ว่าทางมหาลัยรับลิลเข้าเรียนได้ยังไง ก็ลิลไม่เคยสมัครเรียนที่นี่ อาว่านี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า หรือว่าใครเล่นตลกส่งจดหมายบ้าๆมาแกล้ง”
ดวงตาคมหวานเริ่มมีแววกังวล กลัวความฝันที่จะได้ไปเรียนเมืองนอกจะพังไปในเวลาอันรวดเร็ว
หญิงสาวส่งสายตาเป็นเชิงขอความเห็นจากธนภัทร เขานิ่งไปอึดใจเหมือนกำลังหาคำอธิบายเหมาะๆ ก่อนหันไปสบตานารีรัตน์
“มหาวิทยาลัย M มีจริงๆ และจดหมายที่ส่งมาก็เป็นเรื่องจริง ที่นี่มีระบบพิเศษที่ไม่เหมือนที่อื่น จะไม่มีการสอบเข้า แต่จะรับนักศึกษาจากการแนะนำของศิษย์เก่าที่จบจากที่นั่น”
“การแนะนำจากศิษย์เก่า!”
หญิงสาวทวนคำ ดวงตาเหลือบขึ้นมองข้างบนอย่างครุ่นคิด
“แล้วใครแนะนำลิลเข้าไปเรียนที่นี่ล่ะคะ? ลิลไม่เห็นรู้จักใครที่เคยเรียนฝรั่งเศสมาก่อนเลย”
เธอหันหน้าไปขอความเห็นแม่ที่นั่งข้างๆ หวังว่าจะได้คำตอบ
แต่นารีรัตน์กลับไม่ได้กำลังมองเธออยู่ สายตานางจับจ้องอยู่ที่ธนภัทร ลิลลินหันมองตามสายตาแม่ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าอาของเธอเช่นกัน
ชายหนุ่มสบตาทั้งสองคู่ ก่อนเฉลยข้อข้องใจนั้น
“อาเองแหละที่เป็นคนแนะนำไป”
“ฮ้า….!!”
ลิลลินอุทานลั่น อ้าปากค้าง ชายหนุ่มทนมองไม่ไหว จึงยื่นมือไปจับปลายคางหลานสาวดันให้หุบปากลง
ประโยคต่อมาเหมือนเขาจะอธิบายกับมารดาเธอมากกว่า
“ผมเห็นว่าที่นี่เหมาะสมกับลิลที่สุด และจะช่วยส่งเสริมความสามารถของเธอได้เป็นอย่างดี เลยตัดสินใจส่งจดหมายแนะนำลิลไปให้ที่มหาวิทยาลัยโดยพลการ พี่นารีคงไม่โกรธผมนะครับ”
ลิลลินชำเลืองตามองหน้ามารดา ก็เห็นนางทำหน้าตึง เธอจึงรีบชวนธนภัทรคุย เพื่อทำลายบรรยากาศมาคุนี้
“อาเคยเรียนที่ฝรั่งเศสด้วยเหรอ? ไม่เห็นเคยเล่าให้ลิลฟังเลย ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ แนะนำศิษย์น้องหน่อยซีศิษย์พี่”
หญิงสาวพยายามทำเสียงร่าเริงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศสุดฤทธิ์
“อาว่าที่นี่ก็ดีนะ เมืองสวยอย่างที่ลิลเห็นในรูปน่ะแหละ แต่มหาวิทยาลัยจะอยู่นอกตัวเมืองออกไปอีก อยู่กลางป่าเลย เหมือนตัดขาดโลกภายนอก นักศึกษาทุกคนต้องอยู่หอพักที่มหาวิทยาลัยจัดไว้เท่านั้น และต้องทำตามกฏอย่างเคร่งครัด”
ชายหนุ่มเลื่อนตัวไปหยิบพุดดิ้งของโปรดมาตักใส่ปาก ก่อนอธิบายด้วยเสียงสบายๆต่อ
“ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายทุกอย่างมหาวิทยาลัยออกให้หมด ยกเว้นพวกของใช้ส่วนตัวกับค่าเดินทางไปที่โน่นเท่านั้นที่ต้องออกเอง”
“โอ้โฮ..ดีจัง อย่างนี้ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย แล้วอาแลคสมัครเรียน MBA ให้ลิลไว้ใช่ไหมคะ?”
“ไม่ต้องห่วง อาเลือกสิ่งที่เหมาะกับลิลที่สุดไว้ให้แล้ว พุดดิ้งนี่อร่อยจริงๆ เก่งใหญ่แล้วนะเรา อีกไม่นานก็เก่งเท่าแม่แล้ว ”
ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูดกระทันหัน วางถ้วยขนมที่ทานหมดแล้วบนโต๊ะ มือข้างที่อยู่ใกล้ตัวหญิงสาว ถูกยกขึ้นมาขยี้ผมเธอจนยุ่งเหยิง
“อาแลค อย่ามาหลอกเช็คมือบนหัวลิลนะ พึ่งจะสระผมมาด้วย”
หญิงสาวสะบัดเสียงงอนใส่อา เอียงศีรษะหนีมือใหญ่ที่ยังตามมาขยี้ผมต่ออย่างไม่ลดละ
“รู้ด้วยแฮะว่าอาหลอกเช็ดมือ ช่วยไม่ได้อยากไม่เตรียมผ้ามาให้เช็ดมือเองนี่”
ชายหนุ่มหัวเราะร่า มือข้างที่ขยี้ผมเมื่อครู่ เปลี่ยนมาดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอก ก่อนหอมฟอดใหญ่บนหน้าผากมน
“เอาหละ ไปนอนได้แล้วเรา เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดนอนดึก”
“ค่า”
หญิงสาวลากเสียงยาวรับคำอย่างล้อเลียน เธอรับปากอย่างว่าง่ายเพราะเพลียจากการอดนอนมาหลายคืนแล้ว
ร่างบางหันไปกอดมารดา หอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนกล่าวราตรีสวัสดิ์คนที่เธอรักที่สุดทั้งคู่
เมื่อเดินออกจากห้องรับแขกแล้ว หญิงสาวรีบเอาตัวเข้าแอบหลังผนังห้องอีกด้าน โผล่หัวผ่านกรอบประตู ทำปากพะงาบๆ พูดแบบไม่มีเสียงกับอาของเธอ จับใจความได้ว่า “อย่าทะเลาะกันนะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา พร้อมโบกมือไล่ให้รีบขึ้นไปข้างบนซะ
เมื่อหญิงสาวจากไป ความเงียบก็เข้ามายึดพื้นที่ในห้องรับแขกจนบรรยากาศน่าอึดอัด
“พี่นารี”
เป็นธนภัทรที่ทนต่อบรรยากาศแบบนี้ไม่ไหว จึงทำลายความเงียบก่อน
“พี่ไม่ได้โกรธเธอหรอก พี่รู้ว่าเวลานี้ต้องมาถึงเข้าซักวัน เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ซีนะ”
นารีรัตน์หันมาสบตาชายหนุ่ม ดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ธนภัทรดึงตัวเธอเข้ามาซบไหล่ กอดเอาไว้หลวมๆ เพื่อปลอบโยน
“ครับ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลานั้นมาถึงแล้ว พี่นารีไม่ต้องห่วง พวกเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลิลแล้ว และเราจะปกป้องเธอด้วยชีวิต พี่วางใจได้”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น