ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ส้มหล่น (Rewrite 1)
บทที่ 1 ส้มหล่น
“ลิล ออกมาข้างนอกเถอะ มีจดหมายถึงลูกแน่ะ“ นารีรัตน์เคาะประตูห้องนอนพลาง ร้องเรียกลูกสาว
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากข้างใน เธอลองเอาหูแนบประตู ฟังเสียงความเคลื่อนไหวของเจ้าของห้องอย่างเป็นห่วง
พลันได้ยินเสียงเดินเบาๆจากในห้อง ก่อนบานประตูจะถูกเปิดแง้มออก เผยให้เห็นดวงหน้าคมหวานที่ดูหมองเศร้า โผล่ออกมาระหว่างช่องประตู
“จดหมายอะไรคะ?“ หญิงสาวเอ่ยปากถามมารดาเสียงแหบพร่า น้ำเสียงไร้ความกระตือร้นใดๆ
“ลงมาข้างล่าง มาดูเองดีกว่า เร็ว.. ลิลไม่ได้ลงมาข้างล่างมาหลายวันแล้วนะลูก มา..มา“ นารีรัตน์พูดจบ ก็ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวปฏิเสธ
เธอใช้มือข้างนึงดันประตูห้องนอนให้เปิดกว้างออก อีกข้างจับมือลูกสาวสุดที่รัก จูงให้เดินลงไปชั้นล่างด้วยกัน
นางเป็นห่วงลูกมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ผลเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยออกมา และปรากฏว่าลิลลินสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยที่เลือกไว้ซักแห่งเดียว
หญิงสาวจึงเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน ไม่ออกไปไหนแม้แต่ทานอาหาร
แรกๆเธอก็ตามใจ เมื่อลูกปฏิเสธไม่ทานอาหารมื้อ 2 มื้อ เข้าใจว่าลิลลินเสียใจมากแค่ไหน เพราะทุ่มเทและตั้งใจเรียนอย่างหนักมาตลอดหลายปี
แต่พอลูกไม่ยอมทานอาหารหลายมื้อเข้า เธอเลยต้องใช้สิทธิความเป็นแม่ ยกอาหารมาให้ถึงห้องนอนและบังคับให้ทาน
เธอคิดไว้แล้วว่าจะปล่อยให้ลูกเสียใจและหมกตัวอยู่แต่ในห้องแบบนี้ แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นต้องผลักดันให้หญิงสาวก้าวเดินต่อไป
ผลเอนทรานซ์ไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคตทั้งหมด ถ้ามัวแต่เสียใจกับผลนั้นแล้ว หมกมุ่นไม่ยอมก้าวเดินไปข้างหน้า นั่นแหละชีวิตหมดอนาคตอย่างแท้จริง
บ้านที่สองคนแม่ลูกอาศัยอยู่ตอนนี้เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นหลังไม่ใหญ่มากในเขตปริมณฑล ซึ่งพ่อแม่ของนารีรัตน์ซื้อไว้และปล่อยให้เช่าได้ไม่กี่ปี ก่อนที่เธอจะท้องไม่มีพ่อ พวกท่านจึงบอกยกเลิกกับผู้เช่า และให้เธอมาอาศัยอยู่ตามลำพัง เพื่อหนีเสียงนินทาจากเพื่อนบ้าน
ช่วงแรกๆแม่ของเธอมาอยู่เป็นเพื่อน เพื่อช่วยเลี้ยงหลาน แต่หลังจากทุกอย่างเข้าที่ ท่านก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัด นานๆถึงมาเยี่ยมที
นารีรัตน์มีฝืมือทำเบเกอรี่มาก หลังจากคลอดลูกได้ซักพัก เธอก็เริ่มทำขนมไปฝากขายตามร้านค้า ร้านกาแฟ พอขายดีขึ้น ก็เปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ชื่อ “Lillin“ ซึ่งตั้งชื่อตามลูกสาว
ขนมที่ร้านขายดีมาก จนตอนนี้มีพนักงานหลายคน นอกจากขายที่ร้านแล้ว ยังเปิดบูธ 5 แห่งในห้างสรรพสินค้าใหญ่ด้วย
ตอนนี้ถึงแม้ขนมจากร้าน “Lillin“ จะขายดีมาก แต่นารีรัตน์ก็ไม่อยากขยายกิจการมากกว่านี้ เพราะทำคนเดียวเหนื่อย และเธอก็ไม่มีความรู้ด้านบริหาร กลัวว่าทำใหญ่เกินตัวแล้วจะไปไม่ไหว รายได้จากร้านตอนนี้ก็เพียงพอสำหรับเลี้ยงตัวเองและลูกได้อย่างสบายแล้ว
ลิลลินตั้งใจจะเรียนบริหาร เพื่อจะได้เอาความรู้มาใช้กับกิจการตัวเอง เธอมีความฝันอยากขยายกิจการ มีโรงงานผลิตขนมที่ส่งจำหน่ายให้สาขาทั่วประเทศเลยทีเดียว
แต่ความฝันก็มาสะดุดลงนิดหน่อย เมื่อเธอสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ลิลลินลอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้มารดาเห็น พลางตัดใจ
“เอาน่ะ มหาวิทยาลัยไหนก็ให้ความรู้ได้เหมือนกัน อย่าไปยึดติดสถาบันซีลิลลิน”
เมื่อสองแม่ลูก เดินจูงมือกันมาถึงห้องรับแขกชั้นล่าง นารีรัตน์เดินนำไปที่โซฟายาว ทิ้งตัวลงนั่งพร้อมดึงมือหญิงสาวให้นั่งลงข้างๆ
นางเอื้อมมือไปคว้าซองจดหมายสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก ยื่นส่งให้ลูกโดยไม่ปริปากพูด
ลิลลินรับซองจากมือมารดามาพิจารณา ด้านบนหัวมุมซอง พิมพ์ชื่อ “M Univerity” พร้อมที่อยู่ไว้เด่นชัด ที่อยู่ระบุเมือง Colmar ประเทศฝรั่งเศส
เธอขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อเห็นชื่อมหาวิทยาลัยตรงมุมซอง ด้านหน้าซองจ่าหน้าถึง “Miss Lillin Woranart” จดหมายเป็นของเธอแน่อย่างไม่ต้องสงสัย
หญิงสาวไม่ยอมเก็บงำความสงสัยไว้อีกแม้วินาทีเดียว มือทั้งสองรีบแกะซองจดหมายอย่างรวดเร็ว ด้านในเป็นจดหมายพิมพ์ด้วยกระดาษหัวจดหมาย “M Univerity”
เนื้อความในจดหมายระบุว่า เธอได้รับการตอบรับเข้าเรียนใน “M Univerity” ประเทศฝรั่งเศส ในปีการศึกษานี้
ลิลลินอ่านจดหมายซ้ำอีกรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรือตาฝาด ดวงหน้าคมหวานที่เศร้าหมองมาตลอดสัปดาห์ แจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดขณะอ่านจดหมาย จนมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆอดสงสัยไม่ได้ ต้องเอ่ยปากถาม
“จดหมายอะไรเหรอลูก ท่าทางจะเป็นข่าวดีใช่ไหม? เห็นอ่านไปยิ้มไป”
เธอยื่นจดหมายให้มารดาดู ปากก็เล่าเสียงใสเหมือนเวลาปกติให้นางฟัง
“จ้ะแม่ M Univerity ที่ฝรั่งเศสเขาส่งจดหมายตอบรับเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่นั่นมาหละ ดีจังเลย ลิลสอบไม่ติดที่ไหนแบบนี้ กำลังเคว้งเลยว่าจะเอายังไงกับอนาคตดี อยู่ๆก็จะได้เข้าเรียนที่ฝรั่งเศส ฝรั่งเศสเชียวนะแม่ ประเทศที่แสนโรแมนติค แถมขนมที่นั่นก็ขึ้นชื่อด้วย ลิลจะไปชิมขนมที่ขึ้นชื่อต้นตำรับที่นั่นมาให้หมดเลย แล้วจะเอาสูตรขนมกลับมาฝากแม่เยอะๆเลย”
หญิงสาวพูดรัวรวดเดียวแบบไม่เว้นวรรคหายใจด้วยความตื่นเต้น ปนโล่งอก ก่อนแนบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีน้ำตาลอ่อนตามธรรมชาติ หยักศกเป็นลอนสลวย ลงบนไหล่ของมารดาอย่างประจบประแจง แขนทั้งสองข้างกอดแขนมารดาไว้แน่น
นารีรัตน์ลูบศีรษะที่ซบบนไหล่เบาๆด้วยความเอ็นดู
“ไปถึงฝรั่งเศสเชียวเหรอลูก?” น้ำเสียงที่เอ่ยกับลูก แฝงความเศร้าไว้อย่างปิดไม่มิด จนหญิงสาวจับความรู้สึกได้
“ลิลรู้ว่ามันไกล เราไม่เคยจากกันไปไหนไกลเลย ลิลก็ไม่อยากจากแม่ไปเหมือนกัน แต่ลิลก็อยากไปเรียน มันเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆเลย แม่อนญาตให้ลิลไปเรียนนะ”
มือสองข้างปล่อยจากแขนมารดาที่เธอกอดไว้แน่น เปลี่ยนไปกอดเอวนาง ดวงหน้าคมหวานเลื่อนคางไปวางไว้บนหัวไหล่ ตาคมมองหน้ามารดาจากด้านข้าง พร้อมส่งเสียงออดอ้อนที่เคยใช้ได้ผลกับนางเสมอตั้งแต่จำความได้
“นะแม่น้า แม่สุดที่รักของลิล ให้ลิลไปน้า นะ นะ”
นารีรัตน์เจอไม้ตายนี้เข้าไปได้แต่ถอนใจ แต่ก็ยังไม่รับปากง่ายๆเหมือนทุกที เพราะคราวนี้เป็นเรื่องใหญ่
“เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน เรายังมีเวลาอีกเยอะใช่ไหม? กว่าที่จะให้คำตอบกับทางมหาวิทยาลัยน่ะ” นางถามเพื่อความแน่ใจ
“จ้ะ มีเวลาพอสมควร งั้นเดี๋ยวลิลขึ้นห้องไปหาข้อมูลเรื่องมหาวิทยาลัย มาให้แม่ประกอบการพิจารณาดีกว่า รักแม่ที่สุดในโลกเล้ยยย”
พูดจบหญิงสาวก็โน้มตัวมาหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่ ก่อนกระโดดไปเต้นไป ร้องเพลงอะไรซักอย่างเกี่ยวกับฝรั่งเศสที่นางไม่รู้จักขึ้นบันไดไปห้องนอนตัวเอง
นางทอดสายตามองตามร่างบางพร้อมกับส่ายหัว ยิ้มอย่างระอาปนเอ็นดู ลิลลินนิสัยไม่เปลี่ยนเลยตั้งแต่เด็ก จะว่าใครเอาหัวใจเด็กมาใส่ร่างสาว 18 ก็คงไม่ผิด จิตใจหรือการแสดงออกของเธอช่างบริสุทธิ์และตรงไปตรงมาเหมือนเด็กนัก
เวลานี้สองแม่ลูกกำลังกังวลในเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ต่างมุมมอง
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนลืมนึกไปซะสนิท แถมเป็นเรื่องใหญ่ด้วยก็คือ มหาวิทยาลัยนี้ตอบรับลิลลินเข้าเรียนได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่เคยสมัครเรียนกับที่นี่มาก่อน
ไรเตอร์เริ่มรีไรท์คำที่สะกดผิดกับคำซ้ำ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องนะคะ
ถ้าตอนไหนมีเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องแล้วจะแจ้งอีกที
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น