ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักข้ามพิภพ

    ลำดับตอนที่ #9 : รูมเมทที่ไม่น่าพิศมัย (ต่อ) (Rewrite 1)

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 55


    บทที่ 7 รูมเมทที่ไม่น่าพิศมัย (ต่อ)

    มื่อออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง ตาคมหวานเหลือบมองไปยังเตียงอีกฟากนึง ก็เห็นหนุ่มหล่อเพื่อนร่วมห้องยังนอนอ่านหนังสืออยู่ท่าเดิม เขายังคงทำเหมือนเธอเป็นอากาศ ไม่เหลือบตาแลมาทางเธอซักนิด

    ร่างบางลงมือเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ ก่อนยกกระเป๋าเดินทางเปล่าเก็บหลังตู้เสื้อผ้า หยิบนาฬิกาข้อมือขี้นมาดูเห็นว่าใกล้ 6 โมงเย็นแล้ว

    ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เราไปกินด้วยกันไหม? ลิลลินกล่าวชวนอย่างมีน้ำใจ อย่างน้อยอยู่ห้องเดียวกันก็ควรสร้างความสนิทสนมไว้ เพราะต้องพึ่งพากันไปอีกหลายปี

    เงียบไม่มีอาการตอบรับจากคนที่นั่งเอนหลังอ่านหนังสืออยู่ ลิลลินเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว เขาทำเหมือนเธอเป็นตัวน่ารำคาญไม่อยากจะเสวนาด้วย ทั้งๆที่ก็แค่ชวนดีๆแท้ๆ

    ร่างบางเดินเร็วเข้าไปยืนชิดข้างเตียง ก้มหน้าลงจนเกือบชิดใบหู ตะโกนประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง

    ทำอะไรของเธอ!!เสียงต่ำคำรามถาม กรามขบกันแน่นเป็นสัน มือใหญ่ถูกยกขึ้นกดหู ลดอาการปวดแก้วหูข้างใน ดวงตาที่เคยเย็นชาจ้องมองตัวป่วนตาลุกวาวด้วยความโกรธ ทำเอาคนโดนมองรู้สึกเย็นวาบทั้งแผ่นหลัง

    อ้าว ฉันก็นึกว่านายหูไม่ดี ต้องพูดดังๆถึงจะได้ยิน

    ลิลลินพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่ให้เห็นว่าเธอกลัวสายตาเขา ที่เหมือนจะเข้ามาขย้ำคอเธอซะให้ได้

    ก็ยังดีว่านายรู้จักโกรธกับเขาด้วย นึกว่าจะทำเป็นแต่หน้าตาเย็นชาซะอีกเสียงหวานยังคงยั่วต่อพยายามทำหน้าตารื่นเริง รู้สึกเหมือนถือไพ่เหนือกว่าที่สามารถทำให้เขาแสดงอารมณ์อีกแบบได้

    แต่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาขย้ำคอเธออย่างที่กลัว ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้น ราวกับระฆังพักยกช่วยเธอไว้ทันเวลา ร่างบางรีบเดินหนีไปที่ประตู

    แต่ประตูกลับถูกเปิดออกก่อนที่มือบางจะทันได้เปิดรับผู้มาเยือน โลคิยืนยิ้มสดใสอยู่หน้าประตู ขณะเอ่ยชวนทั้งคู่

    ไปกินข้าวเย็นกันดีกว่า หิวจะแย่แล้ว

    แชคซ์ลุกเดินเฉียดตัวหญิงสาวผ่านประตูออกไปก่อน หน้าบึ้งตึง โดยไม่กล่าวอะไรกับชายหนุ่มที่มาใหม่

    เฮ้ย..เป็นไรไปวะนั่น โกรธอะไรมา? ไม่ได้เห็นเจ้านี่โกรธมานานแล้วนะเนี่ย โลคิขมวดคิ้วมุ่น มองตามหลังเพื่อนอย่างสงสัย

    ก่อนหันไปหาลิลลินก็เห็นเธอกำลังอมยิ้ม ท่าทางสนุกสนาน ดวงตาเป็นประกาย

    เธอไปทำอะไรมันหรือเปล่า?

    หญิงสาวเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่เธอแกล้งยั่วแชคซ์ขณะเดินไปโรงอาหารด้วยกัน โลคิทำตาโตด้วยความตกใจ

    เธอนี่มันกล้าจริงๆนะ แต่ฉันว่าท่าทางจะโง่มากกว่ากล้าแฮะ โลคิว่าแบบไม่เกรงใจ แถมหัวเราะลั่นปิดท้าย

    มาว่าฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันโง่ตรงไหนกัน? ดวงหน้าคม บูดบึ้งที่ถูกเพื่อนซึ่งรู้จักยังไม่ข้ามวันด่าเข้าให้

    ก็ไม่มีใครเขากล้ายั่วให้หมอนี่โกรธกันหรอก นอกซะจากคนนั้นจะโง่หรือว่าบ้าเท่านั้น ชายหนุ่มว่าต่อ ยังหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก

    แต่ฉันก็ว่าดีนะ มีคนยั่วให้หมอนี่โกรธซะบ้างก็ดี ไม่งั้นวันๆทำแต่หน้าตาเย็นชาไร้ความรู้สึก เห็นแล้วมันหงุดหงิด

    ท่าทางโลคินี่จะมีนิสัยเดียวกับเราเลยแฮะ พวกไม่ชอบเห็นคนวางท่าเก๊กแบบนี้ เห็นไม่ได้เป็นต้องแหย่ ให้รู้จักทำหน้าอย่างอื่นซะบ้าง ชีวิตคนเรามีเรื่องสนุกๆให้ทำเยอะแยะ จะมาทำหน้าเบื่อโลกอยู่ได้ไง เห็นแล้วมันหงุดหงิด

    ลิลลินคิดในใจหลังฟังเขาพูด

    วกเขาเดินมาถึงโรงอาหารขนาดใหญ่ นักศึกษาที่กำลังทานอาหารกันอยู่มีมากกว่าที่เธอเห็นในห้องประชุมเมื่อเช้าหลายเท่า

    โรงอาหารมีโต๊ะยาวและเก้าอี้ไม้ที่ต่อติดกับตัวโต๊ะ สำหรับนั่งทั้งสองด้านของโต๊ะ แต่ละโต๊ะมีคนจับจองอยู่เป็นกลุ่มๆ พวกเขาชำเลืองมองมายังเธอด้วยสายตาแปลกๆ

    หญิงสาวพยายามไม่สนใจเพราะเธอก็เป็นจุดเด่นของที่นี่จริงๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างคนเอเชียที่ไม่เหมือนใคร ผิวสีน้ำผึ้งตัดกับคนอื่นที่ผิวขาวซีด แถมหน้าตาออกจะขี้เหร่ที่สุด ถ้าเทียบกับทุกคนที่นี่

    แกะดำตัวจริงเลยเราเนี่ย ท่าทางจะต้องฟ่าฟันอย่างหนักกว่าจะเรียนจบ ลิลลินคิดในใจ ขณะลอบถอนหายใจเบาๆ

    หลังอาหารเย็นโลคิชวนไปเดินสำรวจรอบมหาวิทยาลัย พวกเขาคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก่อนลิลลินจะขอตัวกลับห้อง ส่วนโลคิแวะเข้าไปคุยกับสาวอีกกลุ่มนึงที่เดินผ่านมา

    ท่าทางจะเพื่อนเยอะมากเลยหมอนี่ ทั้งๆที่เพิ่งเข้ามาวันแรกเหมือนกัน เห็นทักเขาไปซะหมด หญิงสาวรำพึงกับตัวเองขณะเดินกลับห้องพัก

    ผิดกับเพื่อนร่วมห้องของเธอ รายนั้นเห็นนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวบนโต๊ะยาว แถมเวลาคนอื่นเดินผ่าน พวกนั้นก็เอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมสบตากับเขาอีก ท่าทางคนจะกลัวหมอนี่มากจริงๆ ทั้งๆที่ก็เพิ่งเป็นเด็กปีหนึ่ง สงสัยตระกูลเขาคงจะมีอิทธิพลมากแน่ๆ ไม่งั้นหมอนั่นก็เป็นตัวอันตราย จนใครๆไม่กล้าเข้าใกล้

    ลิลลินกลับเข้าห้องมาเจอแชคซ์นั่งอ่านหนังสืออยู่ท่าเดิม อย่างกับเขาไม่ได้ย่างเท้าออกจากห้องไปไหนมาก่อน

    เห็นหมอนี่แล้วรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยแฮะ หญิงสาวอมยิ้มคิดขำๆอยู่คนเดียว

    เธอจัดการธุระส่วนตัวก่อนเตรียมตัวเข้านอนแต่หัวค่ำ อาการเจ็ทแลค (การอ่อนเพลียจากการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานและร่างกายยังปรับไม่ได้กับเขตเวลาใหม่) ยังมีอยู่

    ราตรีสวัสดิ์นะแชคซ์

    ลิลลินกล่าวเสียงหวานหยดแกล้งยั่วเขาเต็มที่ ไม่ได้เห็นปฏิกริยาอะไรจากเขาดังคาด แต่ก็ยังจับอาการได้ว่าเขาเกร็งตัวนิดๆ ตอนเธอพูด

    แหย่หมอนี่ ท่าทางจะสนุกกว่าที่คิดแฮะ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นทำท่าทางกลัวเขากันนักเธอคิดในใจอย่างรื่นเริง ก่อนล้มตัวลงนอนผลอยหลับไปอย่างรวดเร็ว

    แชคซ์ถอนใจอย่างโล่งอกที่ตัวป่วนหลับไปซะได้ เขาทอดสายตาจับจ้องร่างที่นอนอยู่ไม่ห่างขณะคิด

    ยัยคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงไม่เกรงกลัวเขาเหมือนคนอื่นๆ

    ที่ผ่านมาเขาถูกคนอื่นปฏิบัติตัวอย่างพิเศษด้วยตลอด ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาหรือพยายามทำตัวสนิทสนมด้วยอย่างเพื่อนปกติ

    พวกที่เข้ามาพยายามตีสนิทล้วนอยากใช้ประโยชน์จากตัวเขาทั้งนั้น หรือไม่ก็ พอเจอท่าทางไม่อยากผูกมิตรด้วยของเขาเข้า พวกนั้นก็ถอยห่างไม่กล้าตอแยด้วยอีก

    จะว่าไปก็มีอยู่คนนึงที่เป็นตัวป่วนเขาแบบยัยนี่ โลคิ หมอนั่นเรียนกับเขามาตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียนมัธยม พยายามเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับเขา แม้เขาจะไม่ได้ทำตัวสนิทสนมกับหมอนี่มากนัก ยังคงเย็นชาเหมือนปกติ แต่หมอนั่นก็มาคอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขาไม่ห่าง

    ก็คงนับได้ว่าโลคิเป็นเพื่อนสนิทที่สุดตั้งแต่เขาโตมาก็ว่าได้ หมอนั่นกล้าแหย่หรือคุยเล่นกับเขา แม้เขาจะไม่ตอบสนอง ก็ไม่ยอมแพ้ นิสัยหมอนั่นเป็นแบบนั้นแหละ

    ส่วนเธอที่นอนหลับสบายอยู่เตียงข้างๆทั้งๆที่ตอนแรกกลัวไม่กล้าอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายแท้ๆ ก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าเข้าใกล้เขา ถ้าไม่นับพวกพยายามลวนลามหรือทอดสะพานให้เพื่อหวังจะแต่งงานด้วย จะว่าไปเธอก็มีนิสัยคล้ายโลคิอยู่เหมือนกัน เขาจับตามองร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่พักนึง ก่อนล้มตัวลงนอนตามคนข้างๆในไม่ช้า  

    ลิลลินถูกปลุกให้ตื่นจากการนอนที่แสนสบาย ด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ เธอลุกขึ้นแต่งตัวไปเข้าเรียน ไม่เห็นเพื่อนร่วมห้องแล้วตั้งแต่ตื่นขึ้นมา

    ไปเรียนเร็วจังแฮะ แล้วก็ไม่ยักกะมีน้ำใจเรียกเราบ้าง อีตาชาเย็นนี่ ถ้าฉันไปเรียนสายตั้งแต่วันแรกนะ ฉันจะจองล้างจองผลาญนายไปตลอด 4 ปีเลยหญิงสาวบ่นเพื่อนร่วมห้องกระปอดกระแปดแต่เช้า

    เมื่อก้าวผ่านประตูห้องเรียนเข้าไป ลิลลินมองเห็นโลคิกวักมือเรียกเธอให้ไปนั่งด้วยข้างๆ ติดกับโลคิเป็น อีตาชาเย็น ที่เธอตั้งชื่อให้เขาซะใหม่ ดวงตาคมกริบตวัดมองเธอแว่บเดียว ก่อนหันหน้าไปทางอื่น ทำท่าเฉยชาเหมือนเดิม

    หญิงสาวหย่อนตัวลงนั่งข้างๆหนุ่มอารมณ์ดี กล่าวทักเขาเสียงใส ก่อนเอ่ยทักเลยไปยังคนนั่งข้างๆเขาด้วย

    สวัสดีแชคซ์ ตื่นเช้าจังเลยนะ ตื่นก่อนก็ไม่ยังกะเรียกกันบ้าง ใจร้ายจริงๆเลย

    เธอแกล้งทำเสียงกระเง้ากระงอดเพื่อนร่วมห้องที่ยังคงนั่งเงียบทำเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ แต่แอบเห็นเขาทำคอแข็ง ดวงตาคมหวานหันไปมองหน้าโลคิเหมือนเข้าใจความนัยกัน ก่อนยกมือขึ้นตีกันราวนักกีฬาที่เพิ่งทำแต้มได้สำเร็จ แถมท้ายด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก

    เหมือนกันจริงๆ สองคนนี้ ให้ตายทำไมฉันต้องได้โลคิภาคผู้หญิง มาเป็นเพื่อนร่วมห้องนะ แชคซ์คิดอย่างหัวเสียในใจ

    ก่อนที่ทั้งสองคนจะมีโอกาสแหย่เขาต่อ อาจารย์สาวสวย ท่าทางดูลึกลับ ก็เยื้องกรายเข้ามาในห้องราวลอยเข้ามา ร่างสูงอวบอิ่มอยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำ ยาวจรดพื้น ตัวเสื้อเป็นคอวี คว้านลึก เผยให้เห็นหน้าอกใหญ่ แทบล้นทะลักออกมานอกเสื้อ ผมดำยาวเป็นมันสลวยถึงกลางหลัง ผิวขาวซีด ปากแดงจัดอย่างกับสีเลือดตัดกับผิวและชุดเด่นชัด

    นี่ขนาดอาจารย์ที่นี่ยังสวยเอ๊กซ์ขนาดนี้เลยเหรอ ฉันรู้สึกขี้เหร่จริงๆเวลาอยู่ที่นี่ เสียงบ่นจากสาวน้อยที่นั่งข้างๆเขา ทำให้โลคิอดหัวเราะไม่ได้

    แต่เมื่ออาจารย์เริ่มสอน กลับเป็นภาษาที่ลิลลินไม่เข้าใจอีกแล้ว

    นี่ไหนว่าที่นี่เรียนภาษาสากลไง สอนเป็นภาษาฝรั่งเศสแบบนี้ฉันจะเข้าใจได้ยังไง เสียงหวานหันไปเอ่ยกับโลคิหน้าเสีย

    นี่ก็ภาษาสากลนะ ภาษาปีศาจไงดวงตาสีฟ้ามองเธอด้วยสายตางุงงงเช่นกัน

    เมื่อกี้ว่าอะไรนะ? ภาษาปีศาจเหรอ? ภาษาอะไรไม่เคยได้ยิน คนฟังยิ่งงงกับคำตอบของชายหนุ่มเข้าไปใหญ่

    ก็ภาษาสากลที่พวกเราใช้กันในโลกปีศาจไง โลคิขมวดคิ้ว เขม้นมองหน้าคนนั่งข้างๆ

    โลกปีศาจ!!” หญิงสาวทวนคำ ไม่เข้าใจเรื่องที่เขากำลังบอกซักนิด สมองมึนงงกับคำบอกเล่าไปหมด

    ใช่ ก็ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยสำหรับปีศาจเสียงทุ้มยังคงอธิบายต่อ สงสัยว่าทำไมเธอถามอะไรฟังดูงี่เง่าสำหรับเขาแบบนี้

    มหาวิทยาลัยปีศาจ? นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย ดวงหน้าคมหวานสับสนกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินอย่างเห็นได้ชัด

    ไม่บ้าหละ แล้วนี่เราก็กำลังเรียนวิชาแรก วิชา เพิ่มทักษะพลังปีศาจ กันอยู่

    สิ้นคำร่างโลคิก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นหมาป่า ขนสีทองงอกขึ้นปกคลุมใบหน้าและตำตัว ดวงตาโตสีเหลือง ตาดำเหลือเพียงขีดเล็ก ดูดุร้าย ปากอ้าเผยให้เห็นเขี้ยวยาวแหลมคมเต็มปาก

    หัวใจหญิงสาวกระหน่ำเต้นเร็วแรงอย่างหวาดกลัวกับภาพตรงหนา หูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ หน้าซีดเผือด รู้สึกตัวเย็นไปถึงปลายเท้า สมองไม่สั่งการใดๆ

    ลิลลินกวาดตามองร่างคนอื่นที่อยู่รอบตัวเธอ ที่ต่างเปลี่ยนสภาพจากหนุ่มหล่อสาวสวยที่เธอเห็น เป็นปีศาจรูปร่างประหลาด หน้าตาสยดสยองดูน่ากลัว สายตาโหดเหี้ยมของอมนุษย์ทั่วทั้งห้องมองมาที่เธอเพียงจุดเดียว

    ขณะเธอผุดลุกพรวดขึ้น กรีดเสียงร้องด้วยความตกใจสุดขีดกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ได้เห็น ก่อนภาพทุกอย่างตรงหน้าจะบิดเบี้ยว เลือนลางจนดับวูบลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×