คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อำลาและเดินทาง (Rewrite 1)
บทที่ 5 อำลาและเดินทาง
“เอ้า.. ชนแก้ว ขออวยพรให้ลิลพบชีวิตรักสุดแสนโรแมนติกในรั้วมหาลัยในฝัน เอ้า..เฮฮฮฮ”
ปาน เพื่อนสาวหุ่นอวบ น่ากอด ที่อารมณ์ดีเป็นนิจ เป็นผู้นำชนแก้วและกล่าวอวยพรเพื่อน ด้วยเสียงที่ดังเหมือนฟ้าผ่า
“บ้า..ยัยปาน ฉันไม่ได้ฝันแบบนั้นซะหน่อย นั่นมันความฝันแกแล้ว”
ลิลลินรีบแก้ตัว หัวเราะคิกคักขำเพื่อนสาว
“ถ้าแกไม่ฝันอย่างนั้น งั้นถ้าเจอหนุ่มหล่อๆ แกก็อย่าลืมยัดใส่กระเป๋าเดินทางกลับมาให้ฉันด้วยนะ เขาว่าหนุ่มฝรั่งเศสหล่อ แล้วก็โรแมนติกนะแก ไม่สนจริงเหรออออ” ปานยังคงลากเสียงล้อเลียน
“ฉันไปเรียนนะยะ ไม่ใช่ไปหาสะมี”
หญิงสาวค้อนเพื่อนตาคว่ำที่พยายามจะยัดเยียดความฝันตัวเองให้เธอให้ได้
“แหม..ของแบบนี้มันทำพร้อมกันได้ย่ะ ไม่เสียหาย ดูๆไว้ก่อน พอเรียนจบปุ๊บแกก็ล็อคคอเขากลับมาแต่งงานที่นี่ปั๊บ ผู้ชายดีๆหาทำพันธุ์ยากจะตาย ไอ้ที่ดูหล่อเนี๊ยบก็กลายเป็นเก้งกวางกันไปซะหมด เสียของจริงๆพวกนี้ ถ้าเจอผู้ชายดีๆแล้วต้องรีบรวบหัวรวบหาง ไม่งั้นเดี๋ยวโดนคนอื่นงาบไปก่อน”
ปานยังคงร่ายทฤษฏีจับผู้ชายให้เพื่อนฟัง เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงจากคนอื่น
“นี่ยัยปาน เดี๋ยวแกก็โดนใบแดงห้ามเข้าบ้านนี้ถาวรหรอก มาเสี้ยมสอนลิลแบบนี้ รู้อยู่ว่าบ้านนี้เขาหวงยัยนี่ยิ่งกว่าอะไร ถ้ามันขึ้นคานซะได้ อากับแม่มันคงฉลองใหญ่ แล้วแกเล็งอาแลคของมันอยู่ไม่ใช่เหรอ ไหนบอกว่าจะมาแอบตีท้ายครัว ตอนมันไปเรียนนอกไง?”
น้ำหวานสาวหน้าหวาน สวยใส สไตล์เกาหลี ที่นิสัยห้าวผิดหน้าตา เตือนเพื่อน
“แกนี่มันไม่รู้อะไรจริงยัยน้ำหวาน ที่ฉันเสือกไสให้ลิลมันมีแฟนเนี่ย ก็เพราะมันจะได้ ไม่มีเวลามาหวงอามัน โอกาสของฉันจะได้มาถึงซะที” ปานพูดลอยหน้าลอยตา ทำตาชวนฝันถึงอนาคตอย่างน่าหมั่นไส้
“หยุดไปเลยนะพวกแก อย่าแม้แต่จะคิด ฉันบอกแล้วนะว่าอาแลคน่ะฉันจองไว้ให้แม่ฉันตั้งแต่ฉันลืมตามาดูโลกแล้ว” ลิลลินหน้าคว่ำ ออกอาการหวงอาขึ้นมาทันที
“ฉันเห็นแกลุ้นอาแลคกับแม่แกมาหลายปีแล้วไม่เห็นจะสำเร็จซักที เอ..ฉันชักจะสงสัยแล้วซี ว่าแกจะเก็บอาแกไว้เองหรือเปล่า?” ปานเริ่มอาการปากเสียเหมือนเคย
“เงียบไปเลยยัยปาน คิดอกุศลจริงๆเลยแกนี่ ฉันรักอาเหมือนพ่อฉันนะ ฉันจะไปคิดอย่างนั้นได้ยังไง บ้า อย่ามาพูดอย่างนี้อีกนะ ฉันโกรธจริงๆด้วย” คนหวงอาเสียงเขียว ออกอาการไม่พอใจอย่างมาก
“ยัยปานแกนี่ก็ปากเสียจริงๆ ลิลมันไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก แต่อาแลคนี่ซีที่ฉันไม่แน่ใจ ท่าทางหวงลิลยิ่งกว่าจงอางหวงไข่อีกนะแก ฉันว่าที่เขาไม่สนใจแม่มันน่ะ เพราะเขากะเลี้ยงต้อยมันมากกว่า อามันเป็นโลลิค่อนแน่ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” น้ำหวานเติมไฟใส่เข้าไปให้ เมื่อเห็นลิลลินเริ่มโกรธ
พวกเธอมีงานอดิเรกอย่างนึงคือชอบแหย่ลิลลินเล่น เพราะเจ้าหล่อนยั่วง่าย หลอกง่าย แหย่เล่นแล้วสนุกที่สุด และหญิงสาวไม่เคยโกรธใครจริงจังซักที เพื่อนๆเลยเอ็นดูเป็นพิเศษ
ลิลลินโมโหเพื่อนหน้าแดงกล่ำ แต่เถียงสู้ไม่ได้เพราะโดนสองคนรุม จึงคว้าหมอนออกมาไล่ตีเพื่อนอุตลุด ตอนนี้เลยกลายเป็นสงครามปาหมอนกันไปแทน ปาร์ตี้เลี้ยงส่งเธอ
หญิงสาวเชิญเพื่อนๆมาที่บ้านเพื่อจัดงานเลี้ยงส่งตัวเองไปเรียนเมืองนอก และเลี้ยงฉลองให้พวกเอ็นทรานซ์ติดด้วย เป็นปาร์ตี้สุดท้ายของพวกเพื่อนๆกลุ่มนี้ก่อนแยกย้ายกันไปเรียนที่อื่น คงอีกนานกว่าจะได้เจอกันอีก
นารีรัตน์ชอบให้เพื่อนๆลูกนัดรวมพลกันที่นี่มากกว่าไปเจอกันที่อื่นที่ไกลหูไกลตาเธอ พวกเด็กๆเลยนัดกันมากินมานอนที่นี่บ่อยๆ จนสนิทกับทั้งนารีรัตน์และธนภัทร แถมบ้านนี้มีขนมอร่อยให้กินไม่อั้นอีกพวกเด็กๆเลยติดใจกันใหญ่
งานวันนี้มีเพื่อนมาร่วมฉลองด้วยเกือบ 20 คน ลิลลินเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง ไม่เรื่องมาก และรักเพื่อน จึงมีเพื่อนมากมายทั้งห้องเดียวกันและต่างห้อง
หญิงสาวจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ดวงตาคม มีแววหวาน ผิวสีน้ำผึ้ง รับกับผมสีน้ำตาลอ่อน หยักศกเป็นลอนสลวย แม้ว่าเธอไม่ใช่คนสวยเด่นแบบที่คนเห็นแล้วต้องเข้ามาจีบหรือหนุ่มต้องมองจนเหลียวหลังเวลาเดินผ่าน แต่เธอมีบุคลิกที่ทำให้คนหลงรักได้ง่าย ด้วยความที่เธอเป็นคนคุยสนุก มีน้ำใจ เข้ากับคนง่าย ใครที่ได้อยู่ใกล้ก็รู้สึกผ่อนคลาย ราวกับเธอเป็นดวงอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว
เพื่อนชายที่มาฉลองกันวันนี้ก็ล้วนเคยแอบหลงรักหญิงสาวมาทั้งนั้น แต่ก็ต้องอกหักกันเป็นแถว เพราะเธอมีให้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น
แถมถ้าคิดจะเป็นแฟนนี่ท่าจะเป็นเรื่องหิน เพราะอาเธอหวงซะขนาดนั้น ไม่เคยปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียวเลยซักครั้ง
พวกเขายังจำได้ตอนที่ชวนหญิงสาวไปแดนซ์ด้วยกันครั้งนึง ลิลลินอ้อนจนอากับแม่ยอมให้ไป แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีธนภัทรตามไปคุมด้วย พวกหนุ่มๆที่กะว่าจะได้โอกาสใกล้ชิดเธอ ต้องพากันนั่งตัวลีบอยู่ห่างๆ เพราะถูกหนุ่มใหญ่มาดเข้มจ้องด้วยสายตาคมกริบเหมือนคอยจับผิดตลอดเวลา
ตอนลิลลินออกไปเต้นกับเพื่อนสาวยิ่งแล้วใหญ่ ธนภัทรยังตามไปเต้นอยู่ใกล้ๆ คุมเชิงอยู่อย่างไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้ตัวหลานสาวคนโปรดได้
วันนั้นพวกสาวๆล้วนถูกใจที่ชายหนุ่มสุดฮอตของพวกเธอมาอยู่ใกล้ชิดแบบนี้ แต่สำหรับพวกหนุ่มๆ นี่มันนรกชัดๆ หมดสนุกกันไปเลยคืนนั้น
จะว่าไปแล้วธนภัทรออกอาการหวงหญิงสาวซะยิ่งกว่าคนเป็นแม่อีก จนพวกเขาชักจะเชื่อที่ปานกับน้ำหวานพูดบ้างแล้ว เจอคู่แข่งเป็นหนุ่มหล่อเทพ มาดเข้มแบบนี้พวกเขาขอถอยทัพดีกว่า เด็กๆอย่างพวกเขาจะไปสู้อะไรกับผู้ชายเพอร์เฟคแบบนั้นได้ โดยเฉพาะสายตาคมกริบราวเครื่องเอ๊กซเรย์นั่น ที่มองพวกเขาแต่ละทีอย่างกับจะจ้องทะลุไปถึงข้างใน ทำเอาพวกเขาหัวหดกันหมด
งานเลี้ยงสุดท้ายของพวกเด็กๆเป็นไปอย่างสนุกสนาน ก่อนพวกเพื่อนๆจะแยกย้ายกันกลับบ้านและกล่าวลาเจ้าของงานกันที่นี่ บางคนที่สนิทมากหน่อยและมีเวลาก็จะตามไปส่งที่สนามบินด้วย อีก 2 วันข้างหน้าที่หญิงสาวจะออกเดินทาง
ลิลลินทั้งตื่นเต้นและใจหายในเวลาเดียวกัน เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอจะจากแม่และอาไปไกล แถมเป็นการเดินทางไกลไปต่างประเทศครั้งแรกคนเดียวด้วย หลังจากได้รับจดหมายตอบรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็วุ่นวายกับการเตรียมตัวเดินทาง ทำพาสปอร์ต ขอวีซ่า ซื้อเสื้อผ้า ของใช้ที่จะติดตัวไปที่โน่นด้วย เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันเดินทาง
ธนภัทรขับรถพานารีรัตน์และลิลลินมาส่งที่สนามบิน พวกเพื่อนๆตามมาส่งกันด้วยหลายคน หญิงสาวตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้ เพราะแค่ไปเรียน แล้วเธอก็ตั้งใจจะกลับบ้านทุกคริสต์มาสและปิดเทอม แค่ไม่กี่เดือนเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว
แต่พอเห็นแม่ตาแดงๆ หญิงสาวก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยโฮนำก่อน ทีนี้แหละแม่และเพื่อนๆเลยพากันร้องตามไปด้วย ธนภัทรต้องเข้ามาเตือนให้เดินเข้าไปข้างใน ก่อนที่จะร้องไห้กันอีกยก ลิลลินหันมากอดมารดาแน่น กล่าวลา เสียงปนสะอื้น
“แม่ดูแลตัวเองดีๆนะ แล้วลิลจะโทรศัพท์มาหาทุกวัน”
ก่อนหันมาทางธนภัทรฝากให้ทำหน้าที่แทนระหว่างที่เธอไม่อยู่
“อาแลคฝากดูแลแม่ด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วง อาจะดูแลอย่างดี ลิลตั้งใจเรียนให้ดีเถอะ” ธนภัทรรับคำให้หลานสาวสบายใจ
ลิลลินหันไปกอดลาธนภัทร ก่อนคว้ากระเป๋าใบเล็ก หันไปโบกมือลาเพื่อนๆ สัญญาว่าเธอจะส่งอีเมล์มาคุยด้วยบ่อยๆ ถ้ากลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่จะโทรหาทุกคนทันที
ธนภัทรอ้าปาก เหมือนจะพูดอะไรกับหญิงสาว แต่แล้วก็หุบปากลงใหม่ เขาโบกมือให้จนร่างบางเดินลับหายไปข้างใน พลางคิดในใจ
“ไม่บอกดีกว่ามั้ง หวังว่าลิลคงไม่โกรธอานะถ้าไปถึงที่โน่นแล้วรู้ว่าที่รับปากเพื่อนกับแม่ไปน่ะมันทำไม่ได้”
ลิลลินเดินทางมาถึงสนามบินชาร์ลเดอโกรล์ที่ปารีสตามกำหนด รับกระเป๋าแล้ว เดินทางต่อด้วยรถไฟไปเมือง
หญิงสาวกำลังตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัว วิวทิวทัศน์ที่เห็นสองข้างทางรถไฟ ดูแปลกตาจนเธอหลับไม่ลง แล้วก็กลัวจะหลับยาวจนนั่งรถเลยสถานีด้วย ที่นั่นจะมีคนมารับ พาเธอไปส่งที่มหาวิทยาลัย ถ้าคลาดกันหละก็เป็นเรื่องแน่ๆ
ชานชลาสถานีรถไฟเมือง
“ถ้าไม่เจอกันจะทำยังไงดีเนี่ย เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ได้ให้ไว้ สงสัยต้องนั่งแท๊กซี่ไปเองหละมั้ง ไกลหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไกลค่าแท๊กซี่คงแพงน่าดู ตังค์จะพอจ่ายไหมเนี่ย” ในใจหญิงสาวเริ่มกังวลคิดไปต่างๆนาๆ
ทันใดนั้นเสียงแหบแห้งเรียกชื่อเธอก็ดังขึ้นข้างตัว
“มิส ลิลลิน”
หญิงสาวตกใจกับเสียงที่อยู่ๆก็ดังขึ้น เธอหันขวับไปมองต้นเสียงทันที เจ้าของเสียงเป็นชายรูปร่างผอมหน้าเสี้ยม จนแก้มตอบ ดวงหน้าไร้ชีวิตชีวา ตาลึกโหล ผิวขาวซีดเซียว ตัดกับสูทสีดำที่สวมใส่ชัดเจน บนหัวสวมหมวกสักหลาดสีดำ
ศีรษะที่ปกคลุมด้วยลอนผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อน ผงกรับแทนคำตอบให้เขา
“เชิญทางนี้”
ชายคนนั้นเดินนำออกไป ยังรถที่จอดรออยู่ด้านนอก เขาช่วยเธอขนกระเป๋าเก็บท้ายรถ แล้วนั่งประจำที่คนขับ ลิลลินเลือกนั่งข้างคนขับ เปิดปากชวนคุย สร้างความสัมพันธัอันดีกับเขา เพื่อให้บรรยากาศอึมครึมน่าอึดอัดนี้หายไป
“จากนี่ไปมหาวิทยาลัยอีกไกลไหมคะ?”
“30 นาที” น้ำเสียงเขาตอบกลับเหมือนเสียไม่ได้
เธอยังชวนคุยต่อโดยไม่ใส่กับน้ำเสียงนั่น
“ไกลเหมือนกันนะเนี่ย ตอนแรกก็กลัวอยู่ ว่าถ้าพลาดไม่เจอคนมารับจะทำยังไง สงสัยต้องนั่งแท๊กซี่ไปเอง แต่ถ้าไกลขนาดนี้ เงินคงไม่พอจ่ายค่าแท๊กซี่แน่ๆ โชคดีจังที่เราไม่คลาดกัน”
จบประโยค ได้รับแต่ความเงียบเป็นคำตอบ แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ให้กำลังใจตัวเองต่อ
“ไอ้ประโยคเมื่อกี้มันเป็นประโยคบอกเล่านี่นะ เขาคงคุยไม่เก่ง คงไม่รู้จะตอบกลับยังไงหละมั้ง ลองใหม่น่ะ”
“คุณเป็นคนที่นี่เหรอคะ?” คราวนี้เธอลองตั้งคำถามเรื่องที่เขาตอบได้แน่ๆ
“เปล่า” คำตอบที่ได้รับสั้นห้วน ไม่มีคำอธิบายใดๆต่อ
“มาจากที่ไหนเหรอคะ?” หญิงสาวยังไม่ยอมแพ้ แม้จะได้รับแต่ท่าทางหมางเมินกลับมา
“ที่ที่ไกลมาก”
เธอหันไปมองหน้าคนขับอึ้งอยู่พักนึง ก่อนเบนหน้าออกไปทางหน้าต่างข้างตัวแอบถอนใจ ยอมแพ้หมดรูปในยกนี้ เล่นตอบคำถามแบบนี้ จะไปชวนคุยอะไรด้วยได้เนี่ย ไปไม่เป็นเลย
เพียงครู่เดียวที่ความเงียบโรยตัวอยู่รอบตัว หญิงสาวรู้สึกได้ถึงบรรยากาศหนักอึ้งในรถ ที่เหมือนบีบรัดตัวเข้ามาจนน่าอึดอัด หนังตาถ่วงหนัก จนไม่สามารถเปิดตาได้อีกต่อไป ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมหยักเป็นลอนเอียงเข้าหากระจกรถ ก่อนกระแทกเบาๆเสียงดังปึก ดับการรับรู้ต่างๆลงเหมือนถูกปิดสวิทช์
คนขับเหลือบตาที่ไร้ชีวิตชีวามามองเพียงแว่บเดียว ก่อนมุ่งหน้าขับรถไปตามจุดหมายเดิม ถนนที่ขับผ่านไปค่อยห่างๆไกลบ้านคนขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็มองเห็นแต่ป่ามืดมิดสองข้างทาง ไม่มีแสงไฟริมทางอีกต่อไป ท้องฟ้าครึ้มด้วยเมฆสีเทา แม้จะยังเป็นเวลากลางวัน แต่กลับไม่มีแสงอาทิตย์ลอดออกมาได้ ถนนโล่งไม่มีแม้รถซักคันสวนผ่านมา
หมอกเริ่มจับตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ จนมองแทบไม่เห็นทางข้างหน้า แต่คนขับก็ยังขับรถด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด
ในที่สุดรถก็ขับมาถึงรั้วเหล็กอัลลอยด์ขนาดสูงใหญ่กว่าปกติหลายเท่าตัว ตัวประตูยึดติดกับรั้วปูนสูงหนาทึบ ป้องกันสายตาคนภายนอกอย่างมิดชิด ตัวรั้วปูนยาวสุดลูกตา มองไม่เห็นว่ามันไปสิ้นสุดตรงที่ใด
ประตูเหล็กค่อยๆแง้มออกช้าๆ ราวกับมีมือยักษ์ล่องหนมาเปิดให้ เมื่อรถแล่นผ่านไปแล้ว มันก็ปิดตัวลงอย่างช้าๆเข้าที่เดิม
รถแล่นผ่านเขตป่าโปร่งบ้าง รกครึ้มบ้างสลับกันไปอีกเกือบ 10 นาทีจึงมองเห็นอาคารสีเทา สูง 2 ชั้น สไตล์ยุโรปคลาสสิค ทอดตัวยาวอยู่เบื้องหน้า เมฆสีดำทะมึน รูปร่างดูประหลาด ปกคลุมอยู่เหนือตัวอาคารทั้งหมด บรรยากาศเหมือนหนังสยองขวัญก็ไม่ปาน
รถเคลื่อนมาหยุดลงที่ประตูทางเข้าอาคาร คนขับเดินลงมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร หญิงสาวยังคงนั่งหลับสนิท ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก อุ้มร่างบอบบางยกขึ้นพาดบ่า เดินตัวปลิวเข้าประตูไป ราวกับเธอตัวเบาเป็นนุ่น ทั้งที่เขารูปร่างเล็กผอมบางจนดูเหมือนไม่น่ามีแรง
เขาพาร่างของเธอเข้าไปในห้องที่อยู่ชั้นสองห้องหนึ่ง ก่อนกล่าวกับเจ้าของห้อง ด้วยเสียงแหบพร่า
“เอาตัวเธอมาแล้วครับท่านแกเบรียล”
“ขอบใจมาก วางเธอไว้ตรงโซฟาโน่น เอากระเป๋าขึ้นมาไว้ที่นี่ หมดหน้าที่เจ้าแล้ว”
เจ้าของห้องกล่าว พลางชี้นิ้วไปที่โซฟาเบด ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่างบานสูงจรดเพดาน มองเห็นวิวด้านหน้าที่พวกเขาเพิ่งขับรถผ่านเข้ามาได้อย่างชัดเจน
เจ้าของห้องเป็นชายร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา แบบคนยุโรป ผิวขาวจนแทบจะเรียกได้ว่าซีด รับกับผมบลอนด์ตัดสั้นดูเนี๊ยบและริมฝีปากชมพูเรื่อตามธรรมชาติ สูทสีขาวที่เขาสวมใส่ตัดเย็บอย่างประณีต ส่งให้เขาดูเหมือนผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ตาสีฟ้ามีประกายบางอย่างที่ดึงดูดใจ
เขาก้มลงพินิจใบหน้าหญิงสาวที่หลับอยู่เงียบๆ ก่อนใช้หลังมือแตะแก้มเธอลูบเบาๆอย่างนุ่มนวล ขณะเอ่ยกับร่างไร้สตินั้น
“ยินดีต้อนรับสู่มหาวิทยาลัย M ของฉันสาวน้อย คืนนี้นอนพักที่นี่ให้สบาย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปมีอะไรสนุกๆรอเธออยู่อีกเยอะ ปีนี้มหาวิทยาลัยเราคงมีอะไรมันส์ๆให้ฉันทำแก้เซ็งบ้าง หึหึ”
ความคิดเห็น