ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vampire Story รักหมดใจ...คุณแวมไพร์ที่รัก (เลิกดองแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 56


     

         บทนำ แรกพบ

       ณ  มุมหนึ่งของประเทศสวิสเซอร์แลนด์    เด็กสาววัย

    แอนนิสวิ่งไปดึงเจ้าพัมมิสให้ออกมาห่างๆเขาคนนั้น   เธอนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก

    “พัมมิส!!    หยุดเห่าได้แล้ว    นี่ฉันเอง...”แอนนิสเรียกชื่อพลางเกาคางของมันอย่างที่เคยทำ   พอมันรู้ว่านายของมันยืนอยู่ ข้างๆ   มันจึงสงบลง
              “นี่สุนัขของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นเอ่ยถามพัมมิส
              “....ค่ะ   แต่ว่า...ปกติพัมมิสไม่เคยเห่าหรือกัดใครนี่นา   มันเป็นเด็กดี” แอนนิสน้อยตอบอย่างใส่ซื่อ
              “แล้วมันชอบเดินสะเปะสะปะแบบนี้บ่อยๆหรือ”เขาถามเสียงเรียบเช่นครั้งแรก  
              “เปล่านะคะ   มันจะเป็นแบบนี้เฉพาะอยู่นอกเขตบ้านเท่านั้น   ถ้ามันชินแล้วก็จะไม่เป้นอย่างนี้ค่ะ   คือ.....มันตาบอดน่ะค่ะ”เธอตอบเสียงอ่อนลงช่วงหลัง
              “แล้วทำไมเจ้าไม่หาเพื่อนตัวใหม่ล่ะ   เล่นกับมันจะสนุกอะไร”เขาถามอีก
              “แล้วทำไมต้องเปลี่ยนด้วยล่ะคะ   เล่นกับมันก็ดีอยู่แล้วนี่”แอนนิสตอบไปอย่างที่ใจคิด   แล้วหันไปลูบขนของพัมมิสที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ   ทำให้เขาคนนั้นหัวเราะหึๆ    
             “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ   ทาทำธุระเหมือนคุณแม่เหรอ”แอนนิสเอียงคอถาม
              “ข้าอาศัยอยู่ที่นี่    แล้ว...แม่ของเจ้ามาทำธุระที่นี่หรือ”
              “ค่ะ   คุณแม่ชอบมาทำธุระที่นี่บ่อยๆ   แล้วก็ชอบปล่อยให้หนูกับเจ้าพัมมิสมาเล่นอยู่ที่นี่”
              “แล้วคุณชอบมานั่งเล่นอยู่ที่นี่บ่อยๆเหรอคะ   หนูไม่เคยเห็นเลย”  
              “ใช่   แต่เราคงคลาดกันตลอด”
              “ถ้าอย่างงั้น....เรามาเป็นเพื่อนกันดีมั๊ย   มาครั้งหน้าเราจะได้มาเล่นด้วยกันไง”แอนนิสพูดอย่างนิสัยเด็กที่รักสนุกและมองโลกในแง่ดี
              “เอาอย่างนั้นหรือ”เขาเลิกคิ้วถาม
              “อื้อ!!”แอนนิสพยักหน้า
              “แอนนิส!!!    ได้เวลากลับบ้านแล้วลูก”เอริน่าตะโกนหาลูกอยูบนยอดเนินซึ่งเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์
              “หนูต้องกลับแล้ว”แอนนิสทำหน้าเสียดาย
              เธอวิ่งไปยังทุ่งลาเวนเดอร์ที่อยู่ไม่ใกลกับต้นโอ๊ค    ก่อนจะเด็ดดอกลาเวนเดอร์สีม่วงๆขึ้นมา
              “อะ...หนูให้ค่ะ   แทนคำสัญญาของเรา”
               ชายหนุ่มรับมันมาอย่างกึ่งงงกึ่งตกใจ   แต่ไม่ทันได้ถามอะไรเธอกับเจ้าสุนัขตัวโตนั่นก็วิ่งไปซะไกลแล้ว   เขามองดอกไม่ในมือแล้วคิดอะไรบางอย่าง   ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองไปที่แอนนิสที่หันมามองเขาเหมือนกัน
               แอนนิสหันมายิ้มให้เขา  แล้วโบกมือลาก่อนจะเดินขึ้นเดินขึ้นเนินต่อไป
                 ..................................................................................................
              “ทำอะไรอยู่ล่ะลูก   แม่เรียกตั้งนาน   ทำไมพึ่งมา”
              “หนูเล่นอยู่กับเพื่อนใหม่ค่ะแม่   นู่นไง....อ้าว”แอนนิสชี้ไปที่ใต้ต้นโอ๊ค    แต่ว่าตอนนี้เขาคนนั้นหายไปซะแล้ว   ตอนเหลียวมองเมื่อกี้ยังอยู่เลย
                       “ไม่เห็นมีเลยลูก    ไปกันเถอะ   ใกล้จะได้เวลาอาหารค่ำแล้ว”  เอริน่าดันหลังลูกสาวให้ขึ้นรถ  โดยมีเจ้าพัมมิสกระโดดขันมาตาม
              แอนนิสหันไปมองยังต้นโอ๊คที่อยู่เบื้องหลังหวังจะได้พบกับเขา   แต่สิ่งที่เห็นก็เป็นเพียงภาพของลมที่พัดกลีบดอกไม้ให้หลุดร่วงแล้วปลิวตามลมไป   ส่วนเขาคนนั้น   แม้แต่เงาก็ไม่มี



    ขวบ ผมสีน้ำตาลทองถูกถักเปียแกะไว้ด้านหลัง   นามว่า         ‘แอนดิส’   นั่งเกาะกระจกรถลีมูซีนคันหรูสีดำเงาอยู่เบาะด้านหลังสุดกับเอริน่าสาววัย 30 ผู้เป็นมารดา      ตาใสๆสีน้ำตาลอ่อนๆคู่นั้นมองตรงไปยังคฤหาสน์วลาดส์เกอร์ที่ตั้งอยู่บนที่ดินนับร้อยไร่        แถบชานเมืองอันหางไกลทางด้านตะวันตกของ สวิสเซอร์แลนด์     ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสนาๆชนิดที่ผู้เป็นเจ้าของได้สั่งให้ปลูกขึ้นเป็นพิเศษ   จนบัดนี้มันกลายเป็นทุ่งดอกไม้ไปเสียแล้ว
           และนั้นก็คือจุดหมายปลายทางของรถลีมูซีนคันนั้น  
           รถแล่นผ่านประตูรั้วที่ดูจะกลายเป็นอุโมงค์เพราะโดนไม้เลื่อยนานาพันธ์ที่ปลูกอยู่ข้างประตูเลื่อยปกคลุมจนทึบ ดำมืดดูน่ากลัวเข้ามา    
           ตัวคฤหาสน์อยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 500เมตร      ตามสองข้างทางเต็มไปด้วยไม้พุ่มสีเขียวสดที่ถูกตัดแต่งเป็นระเบียบสวยงามเป็นทางยาวไปจนถึงตัวคฤหาสน์     
          เมื่อรถจอดสนิท    คนรถลงไปเปิดประตูเอริน่าให้ก้าวลงจากรถ   โดยมีแอนนิสน้อยก้าวตามลงมาพร้อมกับสุนัขพันธ์...ตัวโตขนยาวเฟื่อย
            เอริน่าหันมาหาบุตรสาว
           “แอนนิส!!   แม่จะเข้าไปคุยธุระข้างใน    ลูกไปเล่นกับพัมมิสรอแม่ที่ทุ่งตรงนั้นก่อนได้ไหมจ๊ะ
           เธอบอกลูกสาว
           แอนนิสน้อยชำเลืองไปมองจั้มมิสที่ยังคงยืนนิ่งอย่างไม่รับรู้อะไร
           “ก็ได้ค่ะ   แล้วคุณแม่จะเข้าไปนานมั๊ยคะเธอถามกลับมารดาพลางชำเลืองไปมองคฤหาสน์หลังใหญ่อันเงียบสงบ   เงียบมากจนน่ากลัว    แม้แต่เสียงนกสักตัวก็ไม่มี
            “ไม้นานหรอกจ่ะ   แล้วแม่จะรีบทำธุระให้เสร็จนะ
          เอริน่าขยี้ผมลูกสาวเบาๆอย่างเอ็นดู    ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
           แอนนิสหันไปมองทุ่งกว้างที่อยู่เบื้องล่างแต่ยังอดไม่ได้ที่จะหันหลังไปมองคฤหาสน์อยู่ดี    แต่ด้วยความเป็นเด็ก   ทำให้เธอไม่ได้คิดอะไรนาน   เธอวิ่งลงไปยังทุ่งดอกไม้เบื้องหน้า   มีดอกสีเหลือง  สีแดง   สีส้มเต็มไปหมด   พวกมันส่งกลิ่นโชยตามสายลมเย็นๆไปทั่วบริเวณ    จนลืมหันไปมองเพื่อนเล่นตัวโตที่เธอนำมาด้วย     
          เจ้าพัมมิสตามกลิ่นผู้เป็นนายไม่เจอ      มันจึงเดินสะเปะสะปะชนโน่นชนนี่ไปเรื่อยๆ เพราะโดนกลิ่นดอกไม้กลบไปหมด   มันเดินคลำทางไปเรื่อยๆจนชนเข้ากับสิ่งๆหนึ่งซึ่งมีกลิ่นแปลกๆ    ไม่ใช่กลิ่นของนายมัน   ไม่ใช่กลิ่นดอกไม้   แต่กลับเป็นกลิ่นคาวแปลกๆ   ด้วยสันชาติยานของสุนัข   มันจึงเห่าเสีงดัง   จนทำให้แอนนิสที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับธรรมชาติรู้สึกตัวขึ้นมาได้    ว่าเจ้าเพื่อนตังโตของหลอนหายไป   แอนนิสจึงเริ่มตามเสียงเห่าไป
           “พัมมิส!!   แกอยู่ไหนน่ะ   พัมมิส!!   พัมมิส!!!   พัมมิ....
           แอนิสเจอเจ้าพัมมิสกำลังยืนเห่าผู้ชายใส่ชุดคลุมสีดำอยู่   เขานั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งอยูใต้ต้นโอ๊ค    ใช้ดวงตาสีฟ้า...ไม่สิ!!!   สีเทาต่างหาก  ชำเลืองมองเจ้าพัมมิสสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์   ผิวสีขาวที่ดูเหมือนจะซีดนิดๆโผล่ออกมาจากจากเสื้คลุม    สายตาและใบหน้าและสายตาคมๆคู่นั้นเบนเป้าหมายมายังแอนนิสที่ร้องเสียงดังอยู่เมื่อตะกี้

              “เอ่อออ....ขอโทษนะคะที่สุนัขของหนู่ไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ






    อ๊ากกกกก     ในที่สุดก็ได้เอากลับมาลอีกครั้ง   ดีใจๆ ฝากด้วยนะคะทุกคน ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×