ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กุสิตา อาณาจักรแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : องครักหญิง

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 52



    องครักษ์หญิง

     

                    งานอภิเษกอันยิ่งใหญ่ของพระราชธิดาสองพระองค์ในเจ้าหลวงศิขราธิราชถูกจัดขึ้นพร้อมกัน ผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศต่างมาร่วมในงานครั้งนี้กันอย่างเนืองแน่น  แต่มีจุดๆหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวต่างมารอกันอย่างใจจดใจจ่อ  จนลานกว้างแคบลงไปถนัดตา บรรยากาศในงานอภิเษกอบอวลไปด้วยความรัก คู่บ่าวสาวในฉลองพระองค์สีขาวบริสุทธิ์สองคู่ จูงมือกันมาที่ลานกว้างหลังเสร็จพิธี ในมือของเจ้าสาวถือช่อดอกไม้กันคนละช่อ ตามประเพณีปฏิบัติใครรับช่อดอกไม้ได้ ว่ากันว่าจะได้เป็นคู่แต่งงานคู่ต่อไป ผู้คนต่างพากันมารอรับช่อดอกไม้ด้วยหวังว่าต่อไปคงจะถึงทีของตัวเองบ้าง

                    เขาไปรออะไรกันเหรอลลนา เสียงหวานในชุดองครักษ์สีขาวบริสุทธิ์เอ่ยถามสหายในชุดองครักษ์เช่นเดียวกัน

                อยากรู้ก็ต้องไปดู ลลนาสหายองครักษ์ดึงมือเรียววิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป

                    ไหนเห็นหรือยังลลนา คนตัวเล็กเอ่ยถามเพราะมองอะไรไม่เห็นนอกจากผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกัน

                    ใจเย็นซิมาหยาผู้คนเยอะชะมัดมองอะไรไม่เห็นเลย เสียงสหายเอ่ยขึ้นมาอย่างหงุดหงิด พลางแหวกผู้คนเข้าไปอีกจนบรรลุจุดประสงค์

                    เห็นแล้ว! เห็นแล้ว!”

                    เห็นอะไรล่ะเสียงเล็กๆเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ หากแต่ผู้เป็นสหายไม่สนใจที่จะตอบ แต่กับนับบางอย่างพร้อมๆกับคนอื่นๆ

                    หนึ่ง สอง สาม

                    ควับ!

                    เสียงนับสิ้นสุดลง แทนที่ด้วยเสียงปรบมือที่ดังก้องทั่วทั้งลานกว้าง พร้อมกับคำถามในใจของหญิงสาวดอกไม้มาอยู่ในมือ...ได้อย่างไรแล้วเสียงดนตรีก็พลันดังขึ้นแทนทีที่เสียงปรบมือ ลลนาและคนอื่นๆดันร่างอรชรที่ยังงงกับเหตุการณ์ ให้ขยับไปจนชนกับบุรุษร่างใหญ่ในชุดเต็มพระอิสริยายศ ที่ในมือถือดอกไม้สีหวานเช่นเดียวกับนาง

                    ชายสูงศักดิ์ส่งรอยยิ้มพร้อมค้อมกายขอหญิงสาวเต้นรำอย่างให้เกียรติ โปรดให้เกียรติเป็นคู่เต้นรำกับเราด้วย ชายสูงศักดิ์โยนดอกไม้ให้องครักษ์คนสนิท แล้วส่งพระหัตถ์มาให้มาหยาหญิงสาวหน้าแฉล่มในชุดงานพิธีของราชองครักษ์ สายตาทุกคู่มองมาแทบเป็นตาเดียว มาหยาอึกอักในลำคอครั้นจะปฎิเสธก็คงจะไม่ได้จึงส่งมือนุ่มให้แต่โดยดี

                    บรรยากาศเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน มือนุ่มถูกกุมไว้อย่างอบอุ่น สายตาแว่วหวานถูกส่งมาเป็นระยะๆ จนคนถูกมองหลบสายตาอย่างอายๆ ครั้นเมื่อจบเพลงหญิงสาวในชุดองครักษ์ก็ค้อมกายลงเคารพแล้วรีบปลีกตัวออกไป โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันจะได้มีโอกาสถามชื่อเสียงเรียงนาม...

     

                    เสียงขิมพลิ้วผ่านสายลมออกมาจากห้องพักขององครักษ์หญิงในตำหนักภิรมย์รังสรรค์ แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านเนื้อบางเบาเข้ามาในห้อง ร่างผอมเพรียวกำลังบรรเลงเพลงโปรดด้วยใจลอยๆ ดอกไม้ช่อโตสีชมพูหวานที่ได้มาเมื่อวันวานยังวางอยู่บนเตียง ความรู้สึกในใจลึกๆนึกหวนถึงเรื่องในวันนั้น

                    นั่นแน่ะ กำลังคิดถึงใครอยู่มาหยา เสียงลลนาเย้าเพื่อนสาวที่กำลังใจลอย

                    เปล่าซะหน่อย

                    โกหก

                    จริงๆ

                    งั้นเหรอ นึกว่ากำลังคิดถึงองค์ชายรูปงามอยู่เสียอีก โปรดให้เกียรติเป็นคู่เต้นรำกับเราด้วย ลลนาทำท่าประกอบล้อเลียนสหายคนสนิท

                    บ้าไปกันใหญ่แล้วลลนา

                    บ้าอะไรกันเล่า ใครเขาก็รู้ก็เห็นมีแต่คนอิจฉาเจ้ากันทั้งนั้น แม้แต่ข้าเองก็เถอะ ทำไมดอกไม้ช่อนั้นมันไม่มาตกในมือของข้าก็ไม่รู้ลลนาทำตาชวนฝัน

                    เลิกฝันหวานได้แล้ว ต้องไปเข้าเวรไม่ใช่เหรอ ไปได้แล้วเดี๋ยวก็โดนอาละวาดอีกหรอก มาหยาปลุกสหายจากฝันลมๆแล้งๆ

                    รู้แล้วน่าไปก็ได้ ต้องไปอยู่กับคนบ้าขออารมณ์ดีหน่อยก็ไม่ได้ ลลนาทำหน้าเบื่อโลก แล้วเดินออกจากห้องไป แต่ก่อนจะพ้นประตูห้อง ก็ยังมิวายหันกลับมาล้อเลียนสหายรัก

                    โปรดให้เกียรติเป็นคู่เต้นรำกับเราด้วย

                    มาหยาอมยิ้มบางๆให้กับความขี้เล่นของสหายองครักษ์ ก่อนจะเก็บขิมตัวโปรดลงกล่องไม้ลายวิจิตร แล้วร่างผอมเพรียวในชุดองครักษ์ทะมัดทะแมงก็ก้าวออกจากห้องไปสำรวจที่อยู่ใหม่

     

                กุสิตานครดูยิ่งใหญ่กว่าที่นางคิดนัก ...ปรางค์ปราสาทราชวังดูงามจับตา สนมนางกำนัลเดินกันให้ขวักไขว่ กำลังทหารก็ดูคุ้มกันแข็งแกร่งเกรียงไกร มาหยาเดินสำรวจที่อยู่ใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป การเข้ามาเป็นองครักษ์พิทักษ์คนบ้าจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยากอยู่ แค่พึ่งเข้ามาทำหน้าที่ได้ไม่กี่วัน เนื้อตัวก็มีร่องรอยจากการถูกอาละวาดอย่างหนัก จากองค์หญิงรัชนีกรกาลที่สติไม่ค่อยสมประดีหรือที่ลลนาเรียกว่าบ้านั่นแหละ

                    ร่างผอมเพรียวเดินคิดอะไรไปเพลินๆ ก่อนจะหยุดพักเหนื่อยที่ม้านั่งข้างๆทาง ครู่หนึ่งก็ได้ยินกับเสียงบางอย่างดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่นางพัก

                    เหมี๊ยว เหมี๊ยว เหมี๊ยว เหมี้ยว

                    เสียงแมวนี่ ทำไมถึงมาร้องอยู่แถวนี้ได้องครักษ์มาหยาสอดส่ายสายตามอง ก่อนจะตามไปยังต้นตอของเสียง แล้วหยักยิ้มให้กับเจ้าของเสียง แมวน้อยสีขาวขนปุกปุยปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดชีวิต ขนปุกปุยสีขาวกระดำกระด่างเปอะเปื้อน ที่ขาของมันมีรองรอยการถูกทำร้าย

                    เจ้าแมวน้อยไม่ต้องกลัวนะ ลงมานี่ซิเร็วๆเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า

                    เร็วซิ ไม่ต้องกลัวข้าหรอกข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก คำพูดของมาหยาดูจะไม่เป็นผล เมื่อแมวน้อยยังไม่ยอมขยับตัวเอาแต่ร้องเหมี๊ยวๆ ร่างผอมเพรียวจึงสวมวิญญาณลิงปีนขึ้นต้นไม้ไปจับแมว

                    อยู่เฉยๆนะเจ้าเหมียวไม่ต้องกลัวข้ามาช่วยแล้ว บาดเจ็บด้วยเหรอเรา โธ่น่าสงสารจริงๆใครน๊าช่างใจร้ายทำเจ้าได้ลงคอเสียงบ่นอุบอิบรู้ทั้งรู้ดีว่าที่แมวน้อยบาดเจ็บนี่เพราะอะไร ด้วยที่นี่คืออาณาเขตพระราชวังการที่มีสัตว์เข้ามาเดินเพ่นพ่านเป็นสิ่งที่ไม่บังควร เจ้าแมวตัวนี้ก็คงถูกทหารนายใดนายหนึ่งทำร้ายมาเป็นแน่ ร่างผอมเพรียวพาเจ้าตัวปุกปุยลงจากต้นไม้ มือหนึ่งอุ้มแมวอีกมือเกาะกิ่งไม้ไว้ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆทุลักทุเล

                    นั่นใครน่ะ...เราถามว่านั่นใครสุรเสียงดุดันเอ่ยถาม

                    ซวยแล้วซิเรา ปากอิ่มสวยสบถเบาๆ พลางมองลงไปเบื้องล่างตามเสียง ร่างสูงใหญ่กอดอกยืนฟังคำตอบอยู่

                    เราถามว่านั่นใคร จะตอบหรือไม่ตอบ จะลงมาดีๆหรือจะลงมาด้วยน้ำตาเสียงขู่ดังมาอีกคำรบ

                    ลงแล้วเพคะลงแล้วมาหยาตอบพร้อมลงมาอย่างลนลาน

                    ป๊อก! เสียงกิ่งไม้หักแล้วตามด้วยเสียงร้อง ว๊าย!

                    ร่างผอมเพรียวพลันล่วงหล่นสู่อ้อมแขนแข็งแรงเบื้องล่าง ร่างใหญ่รั้งร่างเพรียวไว้แน่น ก่อนจะปล่อยนางลงสู่พื้นโดยอิสระ หากแต่ทันทีที่ทรงวางนางถึงพื้น นางก็รีบเอาบางอย่างที่พระองค์มองเห็นไม่ค่อยถนัด ไปซ่อนไว้ด้านหลังเหมือนเด็กหนีความผิด

                    เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรตรงนี้ สุรเสียงเรียบๆเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัยและคลับคล้ายคลับคลากับคนตรงหน้านี้เหลือเกิน แต่คิดอย่างไงก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

                    หม่อมฉันมาหยาองครักษ์ตำหนักภิรมย์รังสรรค์เพคะ มาหยาก้มหน้าก้มตาตอบ

                    เป็นองครักษ์แล้วมาทำอะไรอยู่ตรงนี้

                    หม่อมฉันมา...เดินเล่นเพคะ

                    มาเดินเล่นบนต้นไม้เนี่ยนะ

                    โกหกชัดๆ เจ้าซ่อนอะไรไว้ข้างหลังเอาออกมาเดี๋ยวนี้ น้ำเสียงฉุนขาดดังขึ้น แต่คนร่างเพรียวก็ยังจะดันทุรังโกหก

                    เปล่ามีเพคะ

                    เอา ออก มา เดี๋ยว นี้องค์ชายผู้สูงศักดิ์ทวนคำอย่างช้าๆ หากแต่องครักษ์หญิงก็ดื้อก้มหน้าก้มตาส่ายหัวไม่ยอมให้ท่าเดียว ด้วยรู้ว่าผิดกฎจึงรู้ชะตาของเจ้าขนปุยด้านหลังดี ว่าหากทรงจับได้มันต้องตายแน่เชียว

                    องค์ชายศิขรินทร์เห็นท่าทางคนตรงหน้าว่าดื้อเอาการอยู่ นางคงไม่ยอมส่งมาให้โดยดีแน่นอน จึงถือวิสาสะตรงเข้าไปแย่ง องครักษ์หญิงมาหยาถอยหนีจนล้มลงกับพื้นหญ้ากอดลูกแมวตาดำๆไว้แน่น สายตาตัดพ้อแกมหวั่นเกรงถูกส่งมาให้แด่องค์ชาย

                    เจ้านั่นเอง องครักษ์ที่เต้นรำกับเราวันนั้นเสียงองค์ชายศิขรินทร์อุทานขึ้นอย่างดีพระทัย เมื่อมองเห็นหน้าหญิงสาวอย่างชัดๆ ใบหน้ารูปไข่สวยหวาน ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวนวลเนียนลออตาผิดแพรกไปจากคนอื่นๆ ยามเข้าใกล้กลิ่นหอมอ่อนๆยังติดตรึง ครานั้นยังไม่ได้ไถ่ถามแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม ครานี้พระองค์จะไม่ปล่อยให้นางหนีไปดื้อๆเป็นแน่ พระหัตถ์นุ่มถูกส่งไปให้คนที่ล้มอยู่กับพื้น แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับไม่รับ ค่อยๆชันกายขยับลุกขึ้นเอง

                    เจ็บตรงไหนหรือเปล่าน้ำเสียงดุถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงห่วงใย

                    ไม่เพคะ

                ไม่ก็ดีแล้ว เจ้าขนปุยนั่นคงเป็นเหตุผลซินะ สงสัยเราคงจะต้องลงโทษกันหน่อยแล้วมั้งท่านองครักษ์องค์ชายมองไปยังลูกแมวตาดำๆและสาวน้อยนัยน์ตาคม

                    หม่อมฉันขอน้อมรับแต่โดยดี หากแต่ใคร่ขอให้ละชีวิตวิฬาร์น้อยตัวนี้ด้วยหญิงสาวต่อรองพลางมองแมวน้อยในอ้อมแขน

                    ให้ตายซิ ผู้หญิงนะผู้หญิงเป็นเหมือนกันทุกคน ใจอ่อน อ่อนใจจริงๆองค์ชายศิขรินทร์ถอนใจยาว ไม่รู้จะเอาอย่างไงดี ร่างสูงจึงนิ่งคิดอยู่ครู่แล้วจึงตรัสออกไปด้วยเหตุผล

                    เจ้าเป็นองครักษ์ เป็นผู้คุมกฎ เจ้าก็น่าจะรู้ว่ากฎก็คือกฎ

                    ส่งมันมาให้เราเถอะ โทษหนักจะได้เป็นเบา

                    หม่อมฉันรู้ว่ากฎก็คือกฎ หากแต่พระองค์คือเจ้าชีวิต จะทรงเมตตาไว้ชีวิตสักชีวิตมิได้หรือ มันหาได้ทำอะไรผิดไม่ เพียงแต่อยู่ผิดที่ผิดทางก็เท่านั้น ร่างผอมเพรียวคร่ำครวญ แต่เจ้าของร่างใหญ่ยังยืนยันคำเดิม

                    ส่งมันมาให้เรา...เดี๋ยวนี้ มาหยาทอดมองไปยังชายสูงศักดิ์ด้วยสายตาตัดพ้อ แล้วทอดมองแมวน้อยในอ้อมแขนอย่างสงสาร ก่อนที่จะตัดสินใจส่งมันให้กับชายร่างใหญ่ตรงหน้า ชายสูงศักดิ์รับมันมาถือไว้ในมือแล้วเดินออกไปโดยไม่ใส่ใจกับสายตาตัดพ้อ เมื่อก้าวออกไปได้สองสามก้าวก็มีเสียงรับสั่งตามมา

                    ตามไปรับโทษของท่านด้วย ท่านองครักษ์หญิงมาหยา มาหยาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ ช่วยเจ้าขนปุยก็ไม่ได้มิหนำซ้ำตัวเองยังต้องโทษอีก คนอะไรใจร้ายชะมัด

                   

                    ร่างสูงใหญ่เดินนำหน้าร่างผอมเพรียวมายังตำหนักวิมานเมฆ  ชุดทำแผลชุดเล็กๆถูกหยิบมาวางบนโต๊ะเพื่อทำแผลให้เจ้าตัวขนปุย เมื่อทำแผลเสร็จองค์ชายศิขรินทร์ก็ส่งมันคืนให้หญิงสาว พร้อมกับความสงสัยของนาง

                    ฝ่าบาทไม่ทรงฆ่ามันแล้วหรือ

                    ทำไมถึงคิดแบบนั้น เจ้าคิดว่าเราเป็นคนโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรือ

                    เจ้ารู้จักเราดีแค่ไหนเชียว

                    ก็ตอนนั้น ฝ่าบาททำให้หม่อมฉันรู้สึกอย่างนั้น

                    งั้นหรือ แล้วตอนนี้ล่ะ ร่างสูงย้อนถาม

                    หม่อมฉันมิอาจทราบ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เวลาเพียงแค่นี้ไม่อาจสรุปได้ว่าจะร้ายหรือดี

                    ก็จริงอย่างเจ้าว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ

                    แต่ตอนนี้เรารู้อะไรอย่างหนึ่งแล้วแหละ

                    รู้อะไรเพคะ มาหยาถามอย่างสงสัย

                    ก็รู้ว่าเจ้าบาดเจ็บไง ส่งแขนมาซิเดี๋ยวเราทำแผลให้

                    อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกเพคะ ไกลหัวใจเยอะ ร่างผอมเพรียวตอบพลางใช้มือปัดที่แผลอย่างไม่ใส่ใจ

                    อย่าดือซิ ผู้หญิงสวยน่ะเขาไม่ดื้อกันหรอกนะ สายตากรุ้มกริ่มถูกส่งไปให้หญิงสาวอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน หญิงสาวหลบสายตาและส่งแขนให้อย่างขัดไม่ได้ แต่สายตากรุ้มกริ่มก็ยังไม่เลิกมองอยู่ดี ด้วยความสดใสน่ารัก และความกล้าพูดกล้าเถียงของนาง ทำให้พระองค์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่ไม่เหมือนใคร

                ฝ่าบาท...ฝ่าบาทจะไม่ลงโทษหม่อมฉันกับวิฬาร์น้อยตัวนี้จริงๆหรือเพคะ เสียงเล็กๆเอ่ยถามทำลายความเงียบ

                    อืมม์...ร่างสูงพยักหน้าตอบ

                    แต่...เจ้าต้องรับปากว่าจะเอามันไปไว้ที่อื่น

                    แล้วจะให้หม่อมฉันเอามันไปไว้ที่ไหนล่ะเพคะ

                    เจ้านี่ถามแปลก ก็เอาไปไว้ที่บ้านที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่

                    บ้านหม่อมฉันอยู่ชายแดนโน่น กว่าจะไปจะกลับก็นานโขอยู่ ถ้าอย่างงั้นหม่อมฉันขอฝากไว้กับฝ่าบาทสักวันสองวัน หาเจ้าของให้มันได้แล้วเดียวหม่อมฉันจะมารับคืน

                    อ้าว! เอาเข้าไปนี่ตำหนักเราไม่ใช่กรงขังแมวนะ และที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตช่วยมันแล้วจะยกให้คนอื่นงั้นหรือ

                    เพคะ ก็เจ้าตัวปุยนี่ไม่ใช่ของหม่อมฉันซะหน่อย เอากลับบ้านก็ไกลฝากไว้ก็ไม่ได้ แล้วจะให้หม่อมฉันเอามันไปเก็บไว้ที่ไหน

                    อ้าว! เวรกรรมแมวก็ไม่ใช่ของตัวแล้วไปช่วยมันไว้ทำไม

                    ชีวิตใครๆก็รัก หม่อมฉันไม่อยากเห็นใครหรืออะไรต้องมาตายต่อหน้าโดยที่เราไม่ช่วย

                    เราควรทำอย่างไรกับเจ้าดีฮึท่านองครักษ์ เจ้านี่กล้าบ้าบิ่นดีแท้ กล้าปีนต้นไม้ไปช่วยแมวที่ไม่ใช่ของตัว กล้ารับโทษแทนแมว มิหนำซ้ำยังมาขอฝากให้เราเลี้ยงแมวให้อีก เห็นทีคงต้องลงโทษกันจริงๆซะแล้วมั้ง องค์ชายศิขรินทร์ตรัสพลางส่ายพระเศียรให้กับคนตรงหน้า

                    ก็สุดแท้แต่พระองค์ เสียงหวานตอบอย่างเศร้าๆ คนตัวใหญ่พันผ้าที่แขนเรียวต่อจนเสร็จ แล้วประทับยืนมองคนตัวเล็กกับแมวน้อยตาดำๆว่าจะทำอย่างไรดี

                แมวน้อยตัวนี้ไม่มีเจ้าของใช่ไหม แล้วถ้าเราของรับเป็นเจ้าของมันเอง เจ้าจะขัดข้องหรือไม่

                    จะทรงเลี้ยงได้หรือเพคะ หญิงสาวย้อนถาม

                    ได้ซิ เราหาคนช่วยเลี้ยงไว้แล้วองค์ชายตรัสพลางมองมายังร่างผอมเพรียวของมาหยา

                    ใครหรือเพคะ

                    ก็เจ้าไง ไหนๆก็ช่วยชีวิตมันแล้ว ก็ช่วยเลี้ยงมันให้เราด้วยแล้วกัน

                    แต่...

                    ไม่มีแต่ กฎก็คือกฎทำผิดกฎก็ต้องโดนลงโทษ และโทษของเจ้าก็คือเป็นคนเลี้ยงแมวให้เรา เข้าใจไหมท่านองครักษ์หญิง องค์ชายสรุปให้ฟัง

                    ก็ไม่มีทางเลือกแล้วนี่เพคะ ให้ทำอะไรก็คงต้องทำ ขอบพระทัยที่ทำแผลให้หม่อมฉันและทรงไว้ชีวิตวิฬาร์ตัวนี้

                ว่าแต่ว่าจะประทานชื่อให้มันว่าอะไรหรือเพคะ ถ้าหม่อมฉันขอเรียกมันว่ายิหวา จะได้ไหมเพคะ ยิหวาแปลว่าดวงใจเป็นภาษาพื้นเมืองของหมันหยา

                    ก็เพราะดี ยิหวา มาหยา อืมม์คล้องจองกันดี แต่ทำไมเหมือนเจ้ารู้จักเมืองหมันหยาดีนัก รู้แม้กระทั่งภาษาพื้นเมืองที่คนทั่วไปไม่น่าจะรู้จักด้วยซ้ำ

                    ก็บ้านหม่อมฉันอยู่ชายแดนติดกับเมืองหมันหยาโน่น เข้าออกหมันหยาเป็นว่าเล่น ทำไมจะไม่รู้จักถ้าไม่รู้จักนี่ซิแปลก หญิงสาวตอบเหมือนท่องจำ

                    แล้วเจ้าเคยเห็นเจ้าหลวงบายันต์ และพระขนิษฐาบ้างหรือเปล่า ร่างสูงเอ่ยถามอย่างใคร่รู้

                    เคยเพคะบ่อยไป

                    บ่อยเลยหรือ แล้วคำที่เขาร่ำลือว่าพระขนิษฐาของเจ้าหลวงงดงามนักจริงดังว่าหรือเปล่า

                    ไม่ทราบซิเพคะ คงแล้วแต่คนมอง มองว่าสวยก็สวยมองว่างามก็งาม หากมองแล้วว่าไม่สวยไม่งามก็สุดแท้แต่ใจ

                    เจ้านี่ตอบยอกย้อนยิ่งกว่าองครักษ์อินคุปเสียอีก ถ้าไม่รู้จักอินคุปมาก่อนเราคงคิดว่าเจ้าเป็นน้องสาวของอินคุปแน่ๆ

                    แล้วพระองค์ไม่เคยเห็นนางหรือเสียงเล็กๆย้อนถาม

                    เคย...แต่นานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่นางยังเด็กอยู่ และในสถานการณ์ที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ องค์ชายศิขรินทร์ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น แล้วหยิบของชิ้นหนึ่งส่งให้นาง

                    พระธำมรงค์ประจำพระองค์ หญิงสาวรับแหวนมาอย่างงง

                อืมม์ แหวนเราเอง ถ้าใครมีปัญหากับเจ้าและยิหวาตัวปุยของเรา ก็เอาของสิ่งนี้ให้เขาดูแล้วจะไม่มีใครเอาความกับเจ้าได้ ว่างๆเราจะแวะไปหา ฝากเจ้ายิหวาตัวปุยด้วย

                    รับด้วยเกล้าเพคะ

                    ใกล้เวลาเปลี่ยนเวรที่ตำหนักแล้ว หม่อมฉันทูลลา

                    ร่างผอมเพรียวค้อมกายลงเคารพชายสูงศักดิ์ แล้วอุ้มแมวน้อยออกไปจากตำหนัก ท่ามกลางสายตาของบรรดานางกำนัลที่มองมาอย่างริษยา ส่วนองค์ชายศิขรินทร์เสด็จไปที่หน้าต่างทอดมององครักษ์หญิงที่อุ้มแมวน้อยออกไป จนนางหายลับไปในตำหนักภิรมย์รังสรรค์

     

    งามดุจดั่งดอกไม้แรกแย้ม

    งามแฉล้มดุจดั่งจันทร์ฉาย

    งามแย้มยิ้มช่างพริ้มพราย

    งามที่กายมิเท่าเจ้างามใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×