ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7DAY 8NIGHT - ( CHANSOO_ft.KaiBaekKris )

    ลำดับตอนที่ #7 : NIGHT3 :: tonight

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 57


    © themy  butter







    NIGHT 3

     

       19.15

     

    “หิวเป็นบ้าเลย  โชคดีนะเนี่ยที่มาทันเรือน่ะ”  ชานยอลโอดโอยเมื่อจัดแจงเอาของบางส่วนออกมาจากรถ  ตอนนี้ ทั้งเขาและคุณน้องผีนั้น กำลังอยู่บนเรือ  และชานยอลก้ยืนยันที่จะเอารถของตัวเองลงเกาะไปด้วยแม้จะเสียเวลาหน่อยก้เถอะ

    ตอนนี้ก้ทุ่มกว่าแล้ว  ท้องเขาไม่มีอะไรลงไปตั้งแต่บ่าย  เข้าร้านสะดวกซื้อกะว่าจะซื้อของแก้ท้องว่างก้ดันเจอภาพที่ทำเอากินอะไรไม่ลงอีก

     

     แต่ตอนนี้กินลงแล้วละ  เผลอๆ อาจจะกินช้างเป็นๆได้ทั้งตัวเลยนะ

     

    “พนักงานบอกว่าตอนสองทุ่มมีบุฟเฟต์  อดทนไปก่อนนะชานยอล”   ไม่ใช่แค่คำพูดที่แสดงความเป็นห่วง  แต่สีหน้าแววตาแสดงออกชัดเจนจนอดไม่ได้ที่จะแซว

     

    “เป็นห่วงผมหรอ ?”

     

    “ใช่  ผมกลัวคุณจะหิวตายก่อนเจอร่างผมน่ะ   ถ้าคุณตาย ผมต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนแน่ๆ” 

     

       โถ่เอ้ย  นึกว่าเป็นห่วงจริงๆ  ที่แม้ก้ห่วงชีวิตตัวเองนี่เอง

    “เออ ผมไม่ตายง่ายๆหรอก”

     

    “ฮิฮิ” 

     

     “ว่าแต่คุณเถอะ  นี่ไม่คิดจะนึกอย่างอื่นบ้างหรอ  เกาะไม่ใช่เล็กๆเลยนะ แล้วผมจะเริ่มไปหาร่างของคุณที่ไหน”

     

    “ผมก้พยายามอยู่นี่ไง  มองโน่นนี่ไม่เห็นจะมีอะไรคุ้นตาเลยสักนิด”

     

    “ผิดเกาะป่ะเนี้ยยย”  ชานยอลย้อนถามเสียงสูง  หากว่าผิดเกาะจริงๆ บอกได้เลยว่างานนี้เขาไม่พาย้ายเกาะแน่ๆ

     

    “ไม่ผิดหรอกน่า  ถ้าที่คุณพาไปเนี่ยมันเป็นที่เดียวกับที่ผมเห็นในบอร์ดน่ะ”

     

    “หาเรื่องโทษผมจนได้แหล่ะคุณน่ะ”  ชานยอลทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินตรงไปที่บันไดทางขึ้นด้านบนของเรือ  บรรยากาศในล้านจอดรถใต้ท้องเรือไม่เหมาะที่เขาจะอยู่สักเท่าไหร่   ก้อย่างว่า ที่ไหนๆก้มีผีได้ทั้งนั้น   อย่าเสี่ยงเสียดีกว่า

     

    .

    .

    .

     

      ชานยอลนั่งภาวนาในเวลาเดินไปเร็วๆ  หรือไม่ก้ให้เรือแล่นไปเร็วๆก้ได้

    ตอนนี้เขาหิวจนหูตาลาย พูดกับใครไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

     

    “ไหวมั้ยคุณ  ผมว่านี่มันก้ใกล้สองทุ่มแล้วนะ  คุณขึ้นไปรอที่ห้องอาหารเลยคงไม่มีใครว่าหรอก  ผมเห็นนักท่องเที่ยวบางส่วนก้ทยอยไปที่นั่นกันหมดแล้ว”

     

    “คุณนี่ รู้ดีเกินไปแล้วนะ”

     

    “นี่ผมอุตส่าห์ไปดูมาเพื่อคุณนะ  ยังจะมาว่ากันแบบนี้อีก”  ร่างเล็กแหวใส่ทันที  ควมหวังดีของเขานี่ไม่ต่างจากคำว่า เอือก  เลยใช่มั้ย ?

     

    “เพื่อผมเลยหรอ ?”  ชานยอลยิ้มกรุ้มกริ่มพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้  ร่างเล็กเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทางทันที   นี่ชานยอลไม่กลัวคนอื่นหาว่าบ้ารึไง  คุยคนเดียวยิ้มคนเดียวโดยที่ไม่ใส่แม้กระทั่งหูฟังอย่างที่เคยทำทุกที

     

    “คุณไม่กลัวคนอื่นหาว่าบ้ารึไง”

     

    “แล้วมีใครสนใจผมที่ไหนละ”   อย่างที่ชานยอลว่าน่ะแหล่ะ  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ สนใจแต่ทะเลรอบด้านมากกว่าที่จะมาสนใจว่าใครทำอะไรยังไง   อีกอย่าง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก้เป็นชาวต่างชาติ  น้อยคนที่จะฟังออกว่าชานยอลพูดอะไร

     

    “...”

     

    “ว่าไง  ทำเพื่อผมหรอ ?”   ชานยอลยังไม่ลละเลิกความพยายามในการกวนปรสารทผีน้อย   อีกคนมองค้อนนิดๆใส่

     

    “แน่ใจว่านี่เฮิร์ทอยู่”

     

    “ผมไม่ได้เฮิร์ทน่ะ  เรื่องแบคฮยอนน่ะ  ผมชินแล้ว”

     

    “ชิน ?   หมายความว่าเขาทำบ่อยงั้นสิ”

     

    “เรียกว่าประจำเลยจะง่ายกว่า” ชานยอลยกยิ้มสมเพชตัวเองที่ทนกับเรื่องนี้ทั้งๆที่เขาเองก้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทนเพราะอะไร

     

    “ถ้าชินแล้วทำไมไม่ทำเฉยๆ  หรือเลิกไปเลยละ”  อีกคนยังถามต่อ

     

    “เลิกไปยังไง  สุดท้ายเขาก้กลับมาหาผม   และอีกอย่าง  ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะเสียเขาไปแบบนั้นหรอกน่ะ”

     

    “คุณเสพติดแบคฮยอนรึไง”

     

    “เปล่า  ผมเป็นหนี้บุญคุณเขาต่างหาก”

     

    “หะ”

     

       ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่าน รับประทานอาหาร ได้ที่ห้องอาหารชั้นหนึ่งคะ   

     

    “อา   อาหารค่ำของผม”   พูดจบประโยค ชานยอลก้เดินลูบท้องตัวเองแล้วตรงไปยังห้องอาหารทันที  ทิ้งบทสนทนากับคู่สนทนาเมื่อครู่เอาไว้อย่างง่ายดาย

     

      ร่างเล็กได้แต่นิ่งงันกับคำพูดนั่น

     

    บุญคุณงั้นหรอ ?

     

    “แบคฮยอนนั่นน่ะนะ จะมีบุญคุณอะไรกับคุณ ชานยอล “

    .

    .

    .

    .

     

     

       ชานยอลถอนใจโล่งหลังจากที่เดินเลี่ยงจากบทสนทนานั่นไปได้  เขาอยากจะตีปากตัวเองนักที่ไปพูดอะไรแบบนั้นให้คนอื่นฟัง

    ไม่รู้ว่าเจ้าผีน้อยนั่นจะคิดว่าเขาเป็นคนแบบไหน  คบกับแฟนเพราะเขามีบุญคุณ   แต่ความจริงแล้ว นั่นก้ไม่ใช่ทั้งหมดของเหตุที่เขาคบกับแบคฮยอนหรอก  เพราะในตอนเริ่มแรก  แบคฮยอนดีกับเข้าจนเขาไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้  และไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้ด้วยวิธีไหน 

    หลังจากที่ได้แบคฮยอนมาดูแลอย่างใกล้ชิดทุกวันนั้น  จากความเป็นเพื่อน ก้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรัก  

    ใช่แล้ว  เขาไม่เถียงเลยว่าเขารักแบคฮยอน   รวมทั้งตอนนี้ด้วย

     

    แต่ไอการที่ถูกทำลายน้ำใจซ้ำๆซากๆจากคนรักนั้น  ตอนนี้ ความรักที่เคยมีให้อย่างเปี่ยมล้นก้เริ่มแห้งหาย

    ต่อให้บอกว่ายังรัก  มันก้เหลือน้อยเต็มทีแล้วที่จะพูดออกไป

     

      เรื่องระหว่างเขากับแบคฮยอนก้เป็นเหมือนนิยายเรื่องเก่าในหนังสือเล่มหนึ่ง  ต่อให้เริ่มอ่านใหม่อีกกี่ครั้ง ในเมื่อนักเขียนเขียนตอนจบไว้แบบนั้น มันก้ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว  ทุกย่างวนซ้ำไปซ้ำมา  เริ่มต้นเดิมๆ  และจบเดิมๆ

     

      เขาเริ่มจะชินชาเสียแล้ว   มันไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนคราแรกที่ถูกกระทำ  ถึงเขาจะโมโหที่ถูกสวมเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก้ไม่สามารถแก้ไขอะไรให้มันดีขึ้นกว่านี้ได้อีก

     

     หัวใจแห้งเหี่ยวของเขามันเริ่มจะตายซากไปทุกที แต่ตอนนี้มันต่างออกไป

     

    ตั้งแต่วิญญาณตัวน้อยเข้ามา  หัวใจเหี่ยวเฉากลับชุ่มชื่นราวกับได้น้ำเย็นมารดเติมเต็มจนชุ่มฉ่ำ   

    เขาไม่ปฏิเสธเลยว่ารู้สึกดีที่มีอีกคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเช่นนี้ 

     

    แต่สิ่งที่เขาคิดมาตลอดคือ  ไม่มีทางทีวิญญาณจะอยู่กับเขาได้ตลอดไป

    ตรรกะนี้ไม่ต่างจากคนเท่าไหร่

    ไม่มีใครอยู่กับเราตลอดไป  ทุกอย่างมีการลาจาก  ถึงอย่างนั้น  เขาเลยเตรียมใจเอาไว้สำหรับเหตุการณ์นี้ 

      หลังจากที่เขาหาร่างของอีกคนเจอ ทุกอย่างก้จะจบ

       อีกคนได้ความทรงจำเดิมกลับมา  และอาจจะลืมเรื่องราวระหว่างเป็นวิญญาณไปเสียหมด

     

    เรื่องนี้เขาไม่รู้หรอกว่าจริงหรือไม่  แต่เท่าที่อ่านหนังสือและดูหนังเรื่องนั่นนี่มากมาย  มันก้มักจะเป็นแบบนั้น

     

       หน้าที่ของเขาคือช่วยผีน้อยนี่หาร่างให้เจอเท่านั้น  เขาจึงจำเป็นต้องควบคุมความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้เกินเลยไปมากกว่านี้

    ถึงจะหลุดปากบอกรักไปแล้วก้เถอะ

     

     

    “คิดไรอยู่ ..... 
     
     



    40%



     

    “คิดไรอยู่  เหม่อซะ”  เสียงเล็กดังข้างหูทำเอาชานยอลตกใจจนช้อนเกือบหลุดมือ  ร่างสูงมองไปตามเสียงแต่กลับไม่พอร่างของผีน้อย

     

    “คุณอยู่ไหน”

     

    “ผมไม่ปรากฏตัว คุณก้กินข้าวไปทำเป็นคุยกับผมไปดีกว่า  ทำเฉยๆไว้จะได้ไม่มีใครหาว่าคุณบ้า”

     

      มองไปรอบข้างแล้ว ชานยอลเลยพยักหน้าเห็นด้วยกับผีน้อย  คนในห้องอาหารพลุกพล่านเกินไปที่เขาจะคุยคนเดียว

    หูฟังเอามาใส่ไว้ก้คงจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่เพราะบนเรือนี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

     

    “กินอิ่มแล้วเราไปดูดาวกันนะ  อีกราวชั่วโมงกว่า ถึงจะถึงเกาะน่ะ”

     

    “อื้ม ได้สิ”

     

    .

    .

    .

     

    “ว้าว  ดาวสวยจัง”

     

    “ติ๊งต๊องจริงคุณ  ทำอย่างกับไม่เคยเห็นดาว”

     

    “ก้เคยนะ   แค่รู้สึกว่าเคยน่ะ”  ร่างเล็กทำหน้าครุ่งคิดอีกครั้ง ก่อนจะสะบัดหัวไล่มันออกไปจนหมด 

     

    “ผมก้รู้สึกเหมือนเคยดูเหมือนกัน”   ชานยอลพูดขึ้น  เขาเองก็รู้สึกแบบนั้น  ท้องฟ้านี้  จากมุมนี้ เหมือนเขาเคยดูมันมาแล้ว  และความรู้สึกแบบนี้ เหมือนมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

     

    “ตอนนี้ ผมรู้สึก”

     

    “..หืม”   ชานยอลละสายตาจากท้องฟ้ามาเป็นใบหน้าเล็กข้างๆ  ดวงตากลมที่จ้องมองไปด้านบนอย่างไร้จุดหมาย  แววตาที่ไม่สามารถแปลออกได้ว่าเจ้าตัวรู้สึกยังไง

     

    “รู้สึกว่าผมเคยรู้สึกแบบนี้”

     

    “...”

     

    “รู้สึกว่าผมเคยอยู่ตรงนี้”

     

    “...”

     

    “กับใครบางคน”

     

    “...”

     

    “ผมว่า  ผมมาถูกที่แล้วละ”

     

    “ผมก้รู้สึกเหมือนกัน”

     

    “หืม..”  ดวงตาเล็กหันขวับมาจ้องมองทันที  และพบว่า ดวงตาสวยใต้กรอบแว่นนั้นได้มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

     

    “ผมรู้สึกเหมือนกับคุณ  ผมไม่รู้ว่าทำไม  แต่ผมรู้สึกจริงๆ”

     

        แต่มันจะเป็นไปได้ไง   ผมอาจจะเคยมาที่นี่ตอนเด็กๆ  และบังเอิญเป็นที่เดียวกับร่างเล็กนี่ก้ได้  

    แต่ผมก้อดคิดไม่ได้หรอกน่ะ  ว่าใครบางคนที่อีกคน

    อาจจะเป็นผม...

    .

    .

    .

    .

     

       เกือบสี่ชั่วโมงที่เขาติดแหง็กอยู่บนเรือนั่น  กว่าจะรอเอารถออกจากเรือได้ ก้กินเวลาไปมากโข  ดีนะที่จองโรงแรมไว้ล่วงหน้า  ไม่งั้นคงได้นอนหน้าหาดเป็นแน่

     

    “อีกไกลมั้ยกว่าจะถึงโรงแรมน่ะ”   ร่างเล็กที่นั่งข้างๆ เอาแต่ชะเง้อมองข้างทางอย่างร้อนรน   เพราะตลอดทางที่ชานยอลขับมา มันเปลี่ยวขึ้นทุกที

     

    “จากจีพีเอสมันก้ขึ้นว่าไม่ไกลนะ  แต่ทำไมมันมือขนาดนี้เนี่ย  “  ตามจริงแล้ว เกาะมันน่าจะมีร้านรวงที่เปิดไฟหลากสีสันตลอดทั้งคืนไม่ใช่หรอ  แต่นี่ทำไมทางไปโรงแรมที่เขาจองไว้ถึงได้เปลี่ยวแบบนี้ละ   รถนักท่องเที่ยวก้ไม่เห้นมีตามมาสักคัน

     

    “คุณจองโรงแรมผีสิงรึไง  ไม่เห็นจะมีใครออกจากเรือแล้วมาทางเดียวกับคุณเลย”

     

    “ถึงเป็นโรงแรมผีสิง  คนที่กลัวก้น่าจะเป็นผม ไม่ใช่คุณ”

     

    “ย่าห์ ชานยอล !  ถึงผมจะเป็นผี  แต่การเจอผีที่ไม่ได้หน้าตาน่ารักเหมือนผม มันก้ไม่ไหวเหมือนกันนะ”

     

       เมื่อกี้ถ้าฟังไม่ผิด เจ้าผีน้อยนี่ชมตัวเองว่าน่ารักใช่มั้ย ?

     

    เออๆ  น่ารักก้ได้ว่ะ !

     

    “นั่งไง ไฟข้างทาง  น่าจะเป็นทางเข้าโรงแรมแล้วนะ”   ชานยอลไม่รอช้า รีบเลี้ยวรถไปตามทางที่จีพีเอสบอกทันที และเมื่อเห็นไฟประดับสองข้างทาง ยังทำให้พอใจชื้นได้ว่านี่จะไม่ใช่โรงแรมผีสิงอย่างที่อีกคนว่า

     

       ขับเข้ามาได้สักพักก้พบป้ายหรูขนาดใหญ่วางเด่นอยู่ตรงหน้า  มีประตูทางเข้า-ออกสองข้างป้าย  ชานยอลรีบเหยียบคันเร่งบึ่งเข้าไปทันที

     

      เสร็จสับ พอเข้ามาในโรงแรมร่างข้างหายถึงกับร้องหวู ให้กับความหรูหรา   ไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพัก  เพราะโรงแรมที่ชานยอลจองไว้เป็นโรงแรมห้าดาว  ราคาค่อนข้างแพงเอาเรื่องเลยละ

     

    “โห  ทำไมคุณเลือกแรมได้โคตรหรูแบบนี้อ่ะ”  

     

       ชานยอลไม่ตอบคำถามนั่น  แต่รับด้วยการยักคิ้วให้แทน 

     

     ขายาวตรงไปเช็กอินที่ล็อบบี้ทันที  หลังจากที่รูดบัตรเสร็จเรียบร้อย บ๋อยของโรงแรมก้เข้ามาขนกระเป๋าสัมภาระพร้อมกับขอกุญแจรถเพื่อนำรถไปเก็บที่โรงจอดให้อย่างดี

     

      ชั้นที่เขาอยู่คือชั้น8  ซึ่งนับได้ว่าเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรมนี้  ชานยอลเลือกห้องที่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจน  เขาอยากให้ตัวเองรู้สึกว่าได้พักผ่อนมากที่สุดในช่วงเวลา5วัน

     

      หลังจากที่ขนกระเป๋าเข้ามาเรียบร้อยแล้ว  ชานยอลก้ถึงกับทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที  เตียงนุ่มๆนี่ทำเอาขาไม่อยากลุกไปไหนเลยทีเดียว   แต่ติดที่ว่า...

     

    “เหม็นอย่างกับหมาเน่ายังกล้านอนอีกหรอ ?”   นั่นไง  ไม่แขวะสักวันจะตายมั้ยห้ะ !   (ตายอยู่แล้ว)

     

    “ผมจ่ายค่าห้อง  นี่ห้องผม  เตียงนี่ก้ของผม”

     

    “พูดงี้จะไม่อาบ ?” 

     

    “อาบดิ”       

     

       ถึงกับหัวเราะให้กับคนชอบเถียง  เขากับชานยอลนี่เถียงกันได้24ชั่วโมงเลยจริงๆ   ไอเขาน่ะมันเป็นพวกไม่ยอมอยู่แล้ว  ส่วนหมอนั่นน่ะ  ขอให้ได้เถียง

     

       นึกๆแล้วก้ขำดีเหมือนกัน  คนเราจะเถียงกันได้ขนาดนี้ ก้ต้องสนิทกันมามากๆ หรือไม่ก้รู้จักกันมาได้พอสมควร แต่นี่เขากับชานยอลเถียงกันตั้งแต่วันแรกที่เจอกันด้วยซ้ำ  นี่มันก้ผ่านมาแค่ไม่กี่วัน  และถ้านับเรื่องที่เขาเถียงกันนี่  คงต้องนั่งนับอีกหลายคืนเลยละ  ฮะๆ 

     

      น่าเสียดายที่เขามีเวลาที่จะเถียงชานยอลอีกแค่ไม่กี่คืน...

     

    .

    .

    .

    .

     

       ชานยอลเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เสร็จธุระส่วนตัวทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  แต่แล้วก้ต้องชะงักทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า   ชานยอลยิ้มน้อยๆกับสิ่งที่เห็น

     

    “หลับซะแล้ว  ผมเข้าไปอาบน้ำแปปเดียวเองนะ”     ขายาวก้าวเข้าไปใกล้เตียงกว้างมากขึ้น 

     

       ชานยอลย่อตัวลงนั่งมองร่างเล็กที่ตอนนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง  คงจะเหนื่อยจากการเดินทาง  หรือไม่ก้เหนื่อยเพราะพูดตลอดทางมาที่นี่

      คนอะไรพูดได้พูดดี พูดไม่หยุดไม่หย่อน

     

    ร่างสูงยิ้มอีกครั้ง  เขาชอบมองใบหน้าตอนหลับนี่จริงๆ  ช่างดูไร้เดียงสาจนน่าปกป้อง  ไหนจะแพขนตางามงอนกับริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอีก

     

      ตึก ตึก  ตึกตึก ตึกตึก

     

    มือหนาทาบลงบนอกซ้าย  นี่เขาคิดอะไรผิดไปจนหัวใจเต้นผิดปกติละเนี่ยย

     

    “มองหน้าผมแล้วใจเต้นเลยหรอ ?”   ชานยอลเบิกตากว้างหลังจากได้ยินประโยคทักทายจากร่างตรงหน้า

     

      พูดขึ้นมาทั้งที่หลับตาอยู่  แสดงว่าไม่ได้หลับตั้งแต่แรกงั้นสิ

    “แกล้งหลับหรอ”   ชานยอลพูดขึ้นหลังจากที่ถดตัวออกห่างผีจอมอันตรายนั่นพอสมควร  นี่เขาโดนผีหลอกใช่มั้ยละเนี่ยย

     

    “เปล่านะ  ผมหลับจริงๆ  แต่ตื่นตอนที่คุณเปิดประตูห้องน้ำน่ะแหล่ะ”  

     

    “นั่นแหล่ะที่เรียกว่าแกล้งหลับ”  ชานยอลยู่หน้าใส่ ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่นอกห้องนอนนี่ทันที

     

        ให้ตาย  หวั่นไหวกับผีไม่พอ  ยังโง่ให้ผีจับได้อีกนะ ไอชานยอลเอ้ยยยย !

     

    “ชานยอลลลลล !”   แต่ไม่ทันที่ร่างสูงจะได้มองหากระเป๋าสัมภาระ  เสียงตะโกนไล่หลังก้ดังมาเสียก่อน

     

    “ว่าไง  อยู่กันแค่นี้ทำไมต้องตะโกน”  ไม่วายทำหน้ายั้วะใส่อีกครั้ง

     

    “ผมจะบอกว่า  ผมจัดเสื้อผ้าคุณเข้าตู้หมดแล้ว  และโน่น  ตู้เสื้อผ้า”  นิ้วเล็กชี้ไปยังห้องเล็กๆอีกห้อง ที่อยู่ติดกับครัว

      ชานยอลมองตามก่อนจะหันมาสบตากลมนั่น  อีกฝ่ายยักคิ้วขึ้นมาอย่างจงใจจะกวนประสาท  และฉันพลัน ชานยอลจึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้

     

    “นี่คุณจับกางเกงในผมอีกแล้วใช่มั้ย ?!!!!!” 

     

    “ฮิฮิ  ผมก้ใช้ปลายนิ้วจับ  แบบนี้ไง”  ไม่ได้พูดแค่อย่างเดียว  แต่ทำท่าจับโดยใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้งำท่าหยิบขึ้นให้ดูอีกด้วย

     

    “นี่ !!  ผมบอกแล้วไงอย่ายุ่งกับกางเกงในผมมมมมมม”

     

       ชานยอลหนีความอายวิ่งไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

     

    “อะไรกัน  กางเกงในตัวนิดเดียว  ทำเป็นหวงไปได้  ฮ่าๆ” 

     

    “หมายความว่าไง กางเกงในตัวนิดเดียวนะหา !!!!!”    

     

       ขนาดเดินเข้าไปในห้องแล้ว ยังตะโกนกลับมาต่อปากได้อีกนะ 


     

      

    100%  






    เอาพอหอมปากหอมคอก่อนนอน
    อ่านหนังสือเสร็จก้มาแต่งฟิคเลยนะเนี่ย  อิอิ
    กางเกงในชานยอลอาจจะไม่ได้เล็กอย่างที่โดนว่าก้ได้เนาะ
    หรือว่าเล็กจริง ?
    ฮ่าๆๆๆๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×