ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7DAY 8NIGHT - ( CHANSOO_ft.KaiBaekKris )

    ลำดับตอนที่ #4 : DAY1 :: KISS

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 57









     

     DAY 1

     

    ทำไมผมต้องเกรงใจคนตรงหน้าด้วยละ ?

    แล้วไอความรู้สึกบ้าๆนี่คืออะไร

     

      รู้สึกผิดงั้นหรอ ?

     

    นายมันบ้าชานยอล  บ้าไปแล้วจริงๆ

    แฟนนายที่นานๆทีจะว่าง แทนที่จะดีใจที่เขาโทรหา  แต่กลับกลายเป็นกลุ้มใจว่าคนตรงหน้านี่จะคิดยังไง

    ให้ตาย นายมันใช้ไม่ได้จริงๆเลยชานยอล

     

    “แฟนโทรมาทั้งทีทำไมถึงหน้าบูดเป็นตูดงั้นละ”  เสียงค่อนขอดที่ดังจากคนตรงหน้าทำให้ชานยอลหยุดจากภวังค์ของตัวเอง  ร่างสูงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่เห็นทีคงจะไม่ทันซะละ

     

    “ก้  เปล่า  ผมแค่...  แค่...”  ถ้าบอกว่าผมแค่กังวลว่าคุณจะคิด มันจะเป็นอะไรมั้ย ?

     

    “แค่อะไร ?”  ผีน้อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ  ชานยอลที่เงยหน้าขึ้นมองตกใจที่อีกคนเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ชานยอลเลยถอยกรูดจนหลังติดเก้าอี้

     

    แค่...   แค่คิดว่านี่จะเย็นแล้ว แล้วผมต้องไปห้องสมุดต่อ ฉะนั้นตอนนี้ผมควรไปจ่ายตังค่าอาหารนี่”  ชานยอลว่าพลางชี้นิ้วลงที่จานอาหาร   คนตัวเล็กถอนใจยาวเมื่อคำตอบที่ได้รับนั้นเป็นเพียงคำตอบที่ต้องการเบี่ยงประเด็น  ชานยอลชายตามองคนตรงหน้าที่แสดงสีหน้าเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัด

     

    “ทำถอนหายใจ เดี๋ยวเถอะ”  แล้วปากเสียๆของเขาก้กัดขึ้นมาทันที 

     

    “ทำไม ?  ทำไมทำไมทำไมทำไม ?”  อีกคนที่ไม่เคยคิดจะยอมแพ้

     

    “ไอผีต่างดาว” ชานยอลสบถเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินลงไปชั้นล่างของร้าน ทิ้งให้ผีน้อยนั่งกระพริบตาปริบๆ

     

    “ไอบ้านี่ !  ผีต่างดาวบ้านแกสิ ”   นี่ชานยอลคงไม่ได้เอาผีกับมนุษย์ต่างดาวมารวมกันใช่มั้ย ?....  เออ คงใช่แหล่ะ

     

     

    “นี่ ชานยอล  คุณจะไปทำอะไรที่ห้องสมุดหรอ”  ที่ถามนี่ไม่ใช่เพราะอยากรู้หรอกนะ  แต่เห็นคนตัวสูงเงียบเป็นเป่าสากตั้งแต่ที่ออกจากร้านนั่นแล้ว   ก้เลยชวนคุยสักหน่อย

     

    “ไปซื้อยาแก้ไอที่ห้องสมุดมั้ง”  น่านนน-///-  ขอล้มเลิกความคิดที่จะชวนคุย    พ่องงงงง  ซื้อยาแก้ไอที่ห้องสมุด !

     

    “ประสาท”  ผีน้อยพูดเบาๆเมื่อรู้ว่าอีกคนไม่ค่อยเต็มใจตอบเขาเท่าไหร่  ก้แค่จะชวนคุยแค่เนี้ย ทำไมต้องกวนด้วยว่ะ ?

     

    “ผมประสาทเพราะคุณนี่แหล่ะ  พูดไม่หยุดไม่หย่อน”  เอ่ากำ   ชานยอลเมนส์มารึเปล่าว่ะ   อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อยชิบ

     

    “ก้ผมมีปากนี่” 

     

    “ผมก้มี  คนอื่นๆก้มี  แต่ไม่เห็นต้องพูดมากเลย”

     

    “ก้ผมเหงาอ่ะ”

     

    “...”

     

    “ผมคุยกับคุณได้แค่คนเดียวนะ  แล้วถ้าผมไม่พูดกับคุณ แล้วจะให้ผมไปพูดกับใครละ”  ชานยอลเงียบปากทันทีที่เห็นผีตัวน้อยพูดออกมาแบบนั้น  เขาลืมไปได้ไงเนี่ย  เห้อออ

     

    “เออ รู้แล้ว อย่าร้องไห้นะ   เอางี้ ผมกำลังจะไปยืมวรรณกรรมจีนที่ห้องสมุด  และจะไปหาหนังสือจำพวก วิธีกลับคืนร่างอะไรแบบนี้ให้คุณด้วย  เผื่อจะช่วยอะไรได้  เคมั้ย ?”   ชานยอลไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องเป็นฝ่ายง้อผีน้อยนี่ตลอดด้วยนะ   รู้แค่ว่าไม่อยากเห็นอีกคนร้องไห้  ไม่อยากเห็นหน้าใสๆต้องเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา

     

    “คุณน่ารักที่สุดอ่ะชานยอล”  จู่ๆผีน้อยก้กระโดดโหยงเหยงเปลี่ยนอารมณ์ราวกับเป็นคนละคน   ชานยอลที่มองอยู่ เผลอยิ้มตามกับความสดใสนั่น

     

    “เหมือนเด็กเลยนะคุณเนี่ย”

     

    “จะบอกว่าผมน่ารักล่ะสิ”  ผีน้อยหยุดกระโดนแล้วยื่นหน้าทะเล้นๆเข้าไปใกล้ร่างสูง

     

    “น่ารักไปถ่วงน้ำจริงๆ ฮะๆ”  ทันทีที่พูดจบ ชานยอลก้เดินตัดหน้าผีน้อยไป ปล่อยให้เจ้าตัวยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น  กว่าจะรู้ตัวว่าโดนแขวะ  ชานยอลก้เลยไปไกลแล้ว    ฮึ่ยยย   ขายาวยังจะก้าวไวอีก

     

    “นี่ ! ชานยอลลลล”

    .

    .

    .

    “สิบวิธีเห็นผี”

     

    “...”

     

    “จิตหลอน”

     

    “...”

     

    “พิธีกรรมเลี้ยงผี”

     

    “...”

     

    “เรียกวิญญาณ”

     

    “...”

     

    “ชานยอล  ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับผมเลยอ่ะ” 

     

    “แล้วใครใช้ให้คุณไปดูเล่มที่มันไม่เกี่ยวละ”

     

    “อ่าว  ก้ผมอยากช่วยคุณหานี่”

     

    “นี่ไง...  ผมเคยอ่านเล่มนี้ มันมีอยู่ตอนนึงที่เขียนเกี่ยวกับวิญญาณที่หลุดจากร่าง”

     

    “นิยายเนี่ยอ่ะนะ ?”

     

    “นิยายมันก้แต่งมาจากเรื่องจริงนะคุณ  ถึงจะมีบ้างที่เป็นจินตนาการก้เถอะ”

     

    “คุณเชื่อที่เขาเขียนหรอ ?”

     

    “ผมไม่เชื่อหรอก”

     

    “อ่าว”  -0-  

     

    “แมลงวันบินเข้าไปแล้วนั่น”  คนตัวเล็กหุบปากที่อ้าค้างทันที  แล้วทำหน้ายักษ์ใส่ร่างสูงที่กำลังมองหนังสือในมือ

     

      ผีน้อยยื่นหน้าไปอ่านหนังสือที่ชานยอลถือ ก่อนจะอ้าปากกว้างอีกครั้ง ร่างสูงหันมามองก่อนจะหัวเราะในลำคอ

     

    “หึ ไง อ่านไม่ออกละสิ”  ครับ อ่านไม่ออก  มันเป็นอังกฤษทั้งเล่มเลยยย

     

    “...”  ไม่อยากยอมรับ มีไรป่ะ ?

     

    “แต่ผมว่ามันช่วยได้แน่  ดูตรงนี้ มันบอกว่า นาฟท์ลอยวนเวียนอยู่รอบร่างไร้วิญญาณของตนเอง เขาพบว่าตนเองนั้นเป็นมวลสาร ที่ลอยคว้างในอากาศ...”

     

    “...”  คนตัวเล็กจ้องร่างสูงที่กำลังแปลข้อความในหนังสือให้เขาฟังอย่างละเอียด

     

    “ก่อนหน้านั้น เขาได้ยินเสียงชายคนหนึ่ง กระซิบเสียงสั่นบอกให้เขากลับคืนร่างภายในเร็ววัน ก่อนที่วิญญาณจะสูญสลาย ร่างกายกลายเป็นเศษธุลี...”

     

    “...”

     

    “เจ็ดวัน..   เจ็ดวันเท่านั้นสำหรับการนี้  ใช้เวลาที่มี ตามหาคนที่สามารถเชื่อมจิตวิญญาณกับความรู้สึกของร่างกายให้เป็นหนึ่ง”

     

    “คนรัก..”

     

    “ใช่ คนรัก”

     

      ชานยอลจ้องดวงตากลมที่ตอนนี้กำลังสั่นระริก  ไม่รู้เพราะเหตุใดวันนี้ ตาคู่กลมของคนขี้สงสัยถึงได้มีประกายชวนมอง  จนเขาไม่อาจจะละสายตาออกไปได้

     

    ตึก ตึก     ตึกตึก

     

      แล้วใจดวงน้อยนี้ละ  ที่เต้นแรงเพราะถูกบังคับจากสายตานั่นด้วยใช่มั้ย ?

     

    “คุณมีคนรักอยู่แล้วใช่มั้ย” 

     

    “ผ ผมไม่รู้”

     

    “... นั่นสิ  คุณจำอะไรไม่ได้นี่”  ชานยอลหลุบตามองหนังสือต่อ  สายตากวาดไล่ดูรายละเอียดก่อนจะปิดมันลงจนทำเอาคนข้างๆตกใจ

     

        ชานยอลเป็นอะไร ? 

        สีหน้าแบบนั้น ไม่บอกก้รู้ว่ากำลังไม่พอใจ

     

      แต่อะไรละ ?  อะไรที่ทำให้ร่างสูงหงุดหงิดขึ้นมาได้   นี่เขาทำอะไรผิดไปรึเปล่านะ ...

     

     

       ร่างสูงเดินออกจากห้องสมุดเงียบๆหลังจากที่เขาทำการยืมหนังสือที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว   แต่บางอย่างก้ต้องทำให้เขาหงุดหงิดใจมากกว่าเดิมคือ เขารู้สึกได้ว่าพี่น้อยที่คอยตามเขานั่นหายตัวไป  

     

       ชานยอลหันมองรอบกายก้ไม่พบร่างเล็กจริงอย่างที่คิดไว้

    “หายไปไหนอีก”  พูดอย่างเหนื่อยอ่อนพลางส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังเอือมระอา  ชานยอลเลยตัดสินใจกลับหอทั้งที่ยังหอโดยที่ไม่สนใจผีน้อยนั้นอีก

     

    “คุณโกรธอะไรผม ชานยอล...”
    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    หลังจากที่กลับมาถึงห้อง  ชานยอลจัดการวางหนังสือและสัมภาระที่เขาแบกมาวางลงบนโต๊ะไม้ตัวเล็กก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน 

     

       เสียงถอนใจดังของเขา มันดังมากกว่าทุกวัน  ไม่รู้ทำไมวันนี้ห้องมันถึงดูเงียบแปลกๆ

     

    เงียบถึงขนาดได้ยิน เสียงจากเครื่องที่กำลังทำงานของตู้เย็น  เสียงไฟเดินจากหลอดไฟ และแอร์ที่กำลังทำงาน  ทุกอย่างมันชัดกว่าทุกวัน   หรือเพราะอะไรกันแน่ ?

     

       กรอบแว่นทรงเหลี่ยมสีดำถูกถอดออกจากโครงหน้า  ถือหน้าลูบหน้าตัวเองครั้งหนึ่งก่อนจะปิดตาลงช้าๆพิงหัวลงกับพนักโซฟา

     

    ไม่รู้ว่าใจที่กำลังว่าวุ่นนี้เกิดจากอะไร   ไหนจะอารมณ์หงุดหงิดหลังจากเขาพูดเรื่องนั้น....

      เรื่องคนรักของคนตัวเล็ก

     

    ไม่รู้ทำใจมันถึงวูบไหวแปลกๆ

     

    แล้วตอนนี้เจ้าตัวปัญหาหายไปไหนซะละ   ทุกทีจะส่งเสียงเจื้อยแจ้วเพื่อสร้างความรำคาญแก่เขา

     

    นี่คงไม่ได้งอนเขาจนไม่ปรากฏตัวหรอกนะ

     

    “หายแบบนี้อีกแล้ว”   เสียงทุ้มพูดเบาๆเหมือนบอกตัวเอง  แต่...

     

    “ผมไม่ได้หาย”   เสียงที่ดังอยู่เหนือใบหน้าทำเอาชานยอลไม่กล้าลืมตา   เขาคิดแล้วว่าหากเจ้าตัวได้ยินคงมาปรากฏตัวแบบแปลกๆอีกแน่   แล้วดูตอนนี้  เสียงที่เขาได้ยินใกล้เพียงเสี้ยวหน้า  แบบนี้ใครจะกล้าลืมตาดู

     

    “แล้วทำไมไม่ปรากฏตัว”  ปากได้รูปยังคงพึมพำทั้งที่หลับตา

     

    “แล้วทำไมคุณไม่ลืมตา”  เสียงเล็กเอ่ยถามกลับ  ชานยอลยกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบ

     

    “ผมรู้ว่าคุณอยู่ตรงหน้าผม  จะหลอกผมหรอ”

     

    “ก้กะอยู่”

     

    “หึ หึ”

     

    “ลืมตาก่อนสิ”  เสียงเล็กเอ่ยพูดอีกครั้ง   ชานยอลค่อยลืมๆขึ้น 

     

       อย่างที่คิด ใบหน้าเล็กกำลังก้มมองเขาอยู่จริง แต่เพียงแค่ใบหน้านั้นอยู่คนละด้านกับใบหน้าเขา   ระยะห่างเพียงแค่คืบนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง  เขาเริ่มจะชินกับสภาวะนี้ซะแล้วละ

     

    “หายไหนมา”   ทั้งคู่คุยกันทั้งที่อยู่ท่าเดิม  ริมฝีรูปหัวใจตอนนี้ใกล้กับหน้าผากของเขามาก   เขยิบอีกนิดมันอาจชิดแทบกันเลยก้ได้

     

    “ผมคิดว่าคุณอาจจะไม่อยากเห็นหน้าผม” 

     

    “ใช่ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ  แล้วคุณปรากฏตัวทำไม”

     

    “นั่นมันเรื่องของคุณ  แต่เรื่องของผมคือ  ผมอยากเห็นหน้าคุณ”

     

    “คิดถึงผมหรอ”

     

    “...”  เสียงเล็กเงียบไป 

     

        ใบหน้าเล็กค่อยๆก้มลง   ชานยอลหลับตาคู่สวยของตัวเองลงอีกครั้ง  เขาไม่รู้ว่าร่างตรงหน้าจะทำอะไร

    แต่แล้วความรู้สึกบางอย่างที่ปลายจมูกเขาก้เกิดขึ้น

     

       ผีน้อยทาบริมฝีปากลงบนจะมูกมนของเขา  ก่อนจะไล่ลงไปทาบที่ริมฝีปาก

    สัมผัสอุ่นร้อนที่ได้รับทำเอาชานยอลเคลิบเคลิ้มไปกับมัน  เขาไม่รู้ว่าร่างตรงหน้ามอบสัมผัสนี้แก่เขาได้อย่างไร

    หากไม่บอกว่าเป็นวิญญาณ ก้คงคิดว่าตรงหน้านี้เป็นคนที่เนื้อหนังมังสาครบสมบูรณ์

      สัมผัสนั่นค่อยๆผละออกไป  ชานยอลลืมตาขึ้นช้าๆพร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่นแก่ร่างตรงหน้า

    ผีน้อยยืดตัวขึ้นตรง  ก่อนจะเดินอ้อมโซฟามาหาร่างสูง  แล้วนั่งลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้า

    ชานยอลดึงตัวขึ้นแล้วมองร่างเล็กด้วยความสงสัย

     

    “คุณสัมผัสผม”

     

    “ผมจูบคุณต่างหากละ”

     

    “คุณทำได้?”

    .
    .
     

    “ชานยอล...   คุณไม่ได้เห็นผมอย่างเดียวหรอกนะ”

     

    “....”

     

    “แต่คุณสัมผัสร่างกายผมได้ด้วย”

     

     

           ว่าแล้ว   ทำไมหมอนข้างมันลูกใหญ่กว่าปกติ....



     







    มันอาจจะสั้นไปนิดนะ  เพราะว่าจะให้ลงตอนโน้นทั้งหมดคงไม่ไหว
    และจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่องๆนะ

    ฟิคทั้งหมดไม่ได้มีแค่ให้ครบเจ็ดวันเน้อ  ไม่งั้นจะสั้นไป ฮ่าๆๆ
    เบื้อลึกเบื้องหลังยังไม่ออก
    ปมยังไม่เยอะเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ

    เดี๋ยวจะกลับมาลงNIGTH2 ให้นะ  อิอิ

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×