ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7DAY 8NIGHT - ( CHANSOO_ft.KaiBaekKris )

    ลำดับตอนที่ #10 : DAY3 :: Trust(2)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 58


    © themy  butter





    DAY3

     

    คุณก้รักผมสิ

     

    คุณก้รักผมสิ

     

    คุณก้รักผมสิ

     

     

    “โอยยยยยย  เอาคำนี้ออกไปจากหัวผมที”   ชานยอลมองตามด้วยความตกใจที่เห็นร่างข้างๆ นั่งส่ายหัวไปมาพลางเอามือยีผมตัวเองจนมันฟูฟ่องไม่เป็นทรง 

     

    “นี่ นี่”  ชานยอลเอามือไปจับแขนเล็กนั่นให้หยุดทำร้ายตัวเอง  เพราะตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมา เขาต้องมานั่งเก็บกระเป๋าไป และคอยห้ามผีข้างๆไม่ให้ทำร้ายด้วยเองไปด้วย

     

      เป็นอะไรก้ไม่ยอมบอก  เอาแต่ทำร้ายตัวเองมาเป็นชั่วโมงๆ

     

    “ฮือออ   ไอบ้าชานยอล”   ผีน้อยยอมลดละแต่โดยดี  ก่อนจะหันมาว่าเขา

     

    “อ้าว  ผมทำไรผิดอ่ะ”   ชานยอลงงเป็นไก่ตาแตก  นี่หมายความว่า ที่ผีน้อยนั่งทำร้ายตัวเองเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แบบนี้เพราะเขางั้นหรอ ?

     

       เขาไปทำอะไรให้ ?

     

    “คุณมันบ้า  งือออออ  ไอบ้า “   อ้าว    ทำหน้าจะร้องไห้แล้วนั่น 

    “เห้  อย่าร้องไห้นะ”

     

    “ฮือออ”

     

       เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าอย่าร้องให้ไง

     

    “คุณเป็นอะไร บอกผมก่อนสิ อย่าเพิ่งร้อง”  ชานยอลเอามือลูบกลุ่มผมนุ่มๆนั่นเบาๆเป็นการปลอบ  ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด  แต่นี่เป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดตอนนี้

     

     

    “...ฮึก  เปล่า” 

     

    “อ้าว”   อะไร  มาโวยวายร้องไห้จะเป็นจะตาย  สุดท้ายมาบอกว่าเปล่า

     

        ชานยอลรู้สึกได้ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่เขาทำผิดไปโดยไม่รู้ตัว เลยทำให้ผีน้อยเป็นแบบนี้  ร่างสูงตัดสินเลื่อนตัวลงจากเตียงนอน ลงมานั่งคุกเข่าที่พื้นพรมต่อหน้าร่างเล็กทันที  มือหน้าเอื้อมมากุมมือเล็กสองข้างไว้แนบแน่น จ้องลึกเข้าในดวงตากลมโตที่ตอนนี้มันแดงก่ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ

     

    “บอกผมสิ  คุณเป็นอะไร”  ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และนั่นทำให้ร่างเล็กสงบลงกว่าเมื่อครู่มากเลยทีเดียว

     

    “...ฮึก  ผมเปล่า”  แต่ยังปากแข็งเหมือนเดิม  

       ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูดหรอกน่ะ  แต่แบบ  ถ้าพูดออกไปชานยอลคงได้เขกหัวเขาเป็นแน่  

    มันเป็นเรื่องไร้สาระเอามากๆ ที่เขามานั่งร้องให้เพราะคำพูดนั่นที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัวไม่รู้จักจบจักสิ้นจนสติแทบแตก

    ทั้งที่เขากับชานยอลก้เล่นกันอยู่แบบนี้บ่อยครั้ง  แต่ทำไมคราวนี้ถึงได้รู้สึกบ้าๆขึ้นมาก้ไม่รู้

     

    “ไม่ไว้ใจผมหรอ ?”   ชานยอลเลือกที่จะใช้ประโยคที่คนตัวเล็กเคยถามเขาเมื่อกลางวัน  และเหมือนจะได้ผล  ร่างเล็กชายตามองหน้าร่างสูงทันที 

     

    “...ไว้ใจสิ”   พูดออกมาเสียงแผ่วเบา 

       นี่เขาต้องบอกจริงๆใช่มั้ย   ?

     ว่าไออาการที่เป็นอยู่นี่เพราะคำพูดเมื่อตอนกลางวันนั่นน่ะ  

     

    “บอกผมนะ  ถึงมันจะเล็กน้อยแค่ไหนก้บอกผมเถอะ”   ชานยอลเหมือนรู้ใจ  ร่างเล็กเม้มปากเข้าหากันอย่างชั่งใจ 

     

    “ผม   ผมเอาแต่คิดถึงคำพูดของคุณ”  ปากเล็กค่อยๆเอ่ยมันออกมา  

     

    “หืม ?”  ชานยอลดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างเล็กพูดเท่าไหร่

     

    “ที่คุณบอกให้ผม    รักคุณ”  

     

    “...อ๋อ”  ชานยอลผุดยิ้มขึ้นมาทันที  

     

    “ผมรู้ว่ามันไร้สาระ  แต่มันไม่ยอมออกไปจากหัวผมสักที”  ร่างเล็กเริ่มส่ายหัวไปมาอีกครั้ง  คราวนี้ชานยอลเลยใช้ฝ่ามือใหญ่ของตัวเองจับให้มันอยู่กับที่

     

    “เปล่าเลย  มันไม่ได้ไร้สาระ”

     

    “....”

     

    “ผมอยากรู้ ว่าคุณคิดถึงมันทำไม” 

     

    “..หือ ?” 

     

     

     

    “คุณอยากรักผมมั้ย ?”   ชานยอลถามออกไป  ตอนนี้ใบหน้าของเขาไม่ได้ล้อเล่นเหมือนอย่างที่ชอบทำ  แต่กลับเป็นสีหน้าและแววตาที่ดูจริงจังและคาดหวังเอาคำตอบจากคนตรงหน้านี้เอามากๆ

     

    “...”

     

    “ว่าไงละ” 

     

    “ผม...”  ร่างเล็กอ้ำอึ้ง 

     

      เขาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดคำใดออกไปในเวลาแบบนี้   ถ้าเขาบอกว่าไม่ มันจะเกิดอะไรขึ้น

     

    และถ้าเขาบอกว่าใช่  มันจะเป็นยังไงกันน่ะ ?

     

    เขาไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเลยตอนนี้

     

     

     

    “หืม?”

     

    “ผม..

        ...รักคุณไม่ได้หรอก”

     

    “...”  ชานยอลมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  คนที่เพิ่งเอ่ยออกไปรู้สึกตัวชาวาบทันที

     

    “ผมรักคุณไม่ได้หรอกชานยอล”

     

    “ทำไมละ”

     

    “คุณก้รู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว”

     

        ใช่   ผมรู้...

    .

    .

    .

    .

     

     

       ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องที่มันไม่มีทางเป็นไปได้นี่ดีนะ ? 

     

      ทั้งที่ตัวผมเองก้รู้ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า  หากคนที่ผมนั่งกุมมืออยู่นี้เจอร่างกายของตนเอง  ถึงตอนนี้ ผมก้จะไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว

     

      เรื่องทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงความทรงของผม   

      ใช่ แค่ของผม...

     

    เท่าที่ผมเคยรู้มา คนที่ได้กลับคืนร่างมักจะจำอะไรที่เกิดขึ้นตอนเป็นวิญญาณไม่ได้    นั่นคือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น

     

      บอกเลยว่าตอนนี้ใจผมไม่ได้อยากให้เขาเจอร่างอีกแล้ว

     

      ผมยอมรับ ว่าผมเกิดความรู้สึกบางอย่างกับวิญญาณตรงหน้านี้

     

      ที่ผมสามารถบอกเลิกแบคฮยอนได้โดยง่าย  มันก้มาจากปัจจัยไม่กี่อย่าง  และหนึ่งในปัจจัยนั้นก้เพราะเขาคนนี้

     

      ผมแค่รู้สึกเหมือนเจอสิ่งที่ตัวเองตามหามานาน

     

      สิ่งที่มันเป็นของผม   และผมก้เป็นของเขา

     

      แต่ดูเหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งผมรุนแรงไปหน่อยนะ  ที่ให้เวลาผมแค่เจ็ดวันเนี่ย

     

      ถ้าเขาไม่เจอร่าง  เขาจะยังอยู่กับผมแบบนี้ต่อไปได้มั้ย ?

     

      หรือวิญญาณเขาจะสูญสลายอย่างที่หนังสือเล่มนั้นว่าจริงๆ 

     

      ผมรู้ว่า มันอาจจะเป็นไปได้ และอาจจะเป็นไปไม่ได้

     

      แต่ตอนนี้...

     

      ผมอยากจะหยุดเวลาทั้งหมด ไว้แค่นี้จริงๆ

     

      หยุดไว้แค่เวลาที่มีผมกับเขา   ต่อให้เราจะไม่รู้ว่าเราเป็นใคร   จะไม่รู้ว่ามาจากไหน

     

      แต่ผมก้อยากให้มันมีแค่นี้  ผมว่ามันเพียงพอแล้ว

     

     

    “มันเป็นไปไม่ได้สินะ”

     

    “....”

     

    “ผมไม่รู้หรอก ว่าทำไมคุณถึงรักผมไม่ได้”

     

    “...”

     

    “แต่ผมรักคุณนะ”

     

    “...”

     

    “และก่อนที่คุณจะหายไป”

     

    “...”

     

    “ผมก้อยากให้คุณรักผมเหมือนกัน”

     

    “...ชานยอล”

     

    “....”

     

    “คุณรู้ใช่มั้ย  สุดท้ายมันอาจจะเหลือแค่คุณที่รู้สึก”

     

    “...อืม ผมรู้”

     

    “ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ”

     

    “...”

     

    “...”

     

    “ผมรู้ว่าคุณรู้สึก  ใช่มั้ย?”

     

    “...”

     

    “จำไว้ว่าผมจะไม่เป็นไร”

     

    “...”

     

    “รักผมเถอะนะ”

     

    “....อืม

       ....ผมรักคุณ”

     

     

     

       สี่วันที่เหลือ  ผมขอทำตามใจตัวเองแล้วกันนะ....

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

        6 โมงเย็น...

     

     

           ผมว่าผมและเขามาถูกที่แล้วละ   ไม่ใช่แต่เขาที่รู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้  ผมก้ด้วย

     

    “ที่นี่มีสองห้องนอน”  เสียงเล็กพูดขึ้น  ผมเลยลองเดินดู  

     

       ใช่  สองห้องนอน

     

    “รู้ได้ไง?”

     

    “คุณจะเลือกนอนห้องทิศเหนือใช่มั้ย?”

     

    “หะ ?”  รุู้ได้ไง ?

     

    “แสงอาทิตย์จะเข้าทางนั้นตอนเช้า”

     

       ชานยอลจัดการวางของทั้งหมดลงกลางบ้าน  และนั่งลงบนโซฟาตัวยาวสีขาว เพื่อรอดูว่า ผีน้อยจะพูดอะไรที่ทำให้เขาประหลาดใจอีก

     

    “ไหน  จำอะไรได้อีก ?”

     

    “สนามหญ้านอกบ้านมีดอกเดซี่”  ไม่รอช้า  ชานยอลรีบตรงดิ่งไปดูทันที 

     

    ก่อนจะเดินกลับเข้ามา

     

    “มันไม่มีดอกเดซี่”   ทันทีที่จบประโยค  ผีน้อยก้รีบออกไปดูทันที

     

    “มันไม่มีจริงด้วย”  เสียงเล็กแผ่วลงเล็กน้อย  

      ร่างเล็กหลับตาลงสนิท

     

    “เก้าอี้ไม่สีขาวที่ระเบียงหลังบ้าน”

     

      ชานยอลวิ่งตรงไปตามที่อีกคนบอกทันที

     

    “มีแฮะ”

     

    “ที่นี่ไม่มีกระจกเงา”

     

    “หะ?”  ชานยอลงงทันที   บ้านที่ไหนจะไม่มีกระจกเงา  อย่างน้อย ไม่มีกระจกเต็มตัวก้น่าจะมีในห้องน้ำบ้างแหล่ะน่า

     

      ชานยอลเดินไปรอบบ้าน  เข้าห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ครัว ระเบียงบ้าน ทุกทีๆ  

     

    “ไม่มีใช่มั้ย ?”  เสียงเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ชานยอลกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม

     

    “ใช่”

     

    “...”

     

    “ผมว่า  เรามาถูกที่แล้วละ”   








     

     

    100%


     

        เหลือสี่วันละเน้ออ
      ตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่เลย 
    และการลงฟิค ก้คือการพักสายตา  ฮ่าๆๆ
    ช่วงนี้ลาป่วยการเมืองแบบยาวๆ
    รร.ไม่ไปแล้ว 5555

    แล้วเจอกัน NIGHT4
    อยากเขียนNC แต่สงสารชานยอล5555
    หรือจะดราม่าดี ?

    ติดแท็กหน่อยฮะ #ฟิคผีเจ็ดวัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×