ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7DAY 8NIGHT - ( CHANSOO_ft.KaiBaekKris )

    ลำดับตอนที่ #1 : NIGHT1 :: เห็นผมหรอ ?

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 57








     
    night 1
     

       วันนี้ผมมีเรียนตอนเก้าโมง  แต่เพราะฝนตกรถติดและปัญหาสัพเพเหระที่ต้องเจอ ทำให้ผมเข้าคลาสสาย  และก้..

    ครับ        เข้ามาเรียนแล้วก้แม่งไม่รู้เรื่อง...

     

       ผมชื่อปาร์คชานยอล   อายุ22ปี    เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ปี

       ผมเดินออกมาจากห้องทั้งที่เข้าเรียนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง



               ผมก้เป็นอย่างนี้แหล่ะ ถ้าเรียนไม่รู้เรื่องแล้วก้ไม่อยากจะเรียน  ค่อยไปขอเลคเชอร์เพื่อนมาลอกละกัน




      ผมเดินไปตามทางเดินฟุตทางในมหาลัยเรื่อยๆ  ตอนนี้ทำได้แค่หาอะไรทำคั่นเวลา เพื่อรอเรียนอีกทีช่วงบ่าย ยกขึ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือ 




        เพิ่ง11โมง  ผมจะทำอะไรดีเนี่ยย กว่าจะบ่ายโมง 

     ผมเดินไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ ห้องสมุด และตัดสินใจเดินเข้าไปทันที  ห้องสมุดน่ะเงียบพอทีจะอ่านหนังสือ และ..

     



             หลับ





      แต่วันนี้ผมไม่ได้เข้ามาหลับน่ะ อย่ามองปาร์คชานยอลคนนี้ไม่ดีสิ   ถึงจะเรียนบ้างไม่เรียนบ้างแต่ผลการเรียนของผมมักออกมาดีจนถึงขั้นที่เรียกว่าดีมากเสมอ  ก้ตอนสมัยเรียนมัธยมผมเรียนได้ที่หนึ่งของสายมาตลอดจนอาจารย์หลายๆคนบอกให้ผมไปสอบหมอ 



    ครับ  ผมติดหมอขอมหาลัยดัง  แต่ผมสละสิทธิ์     ผมดูโง่ใช่มั้ย ที่สอบติดหมอแล้วแท้ๆแต่ดันมาเรียนเศรษฐศาสตร์แทน 



      อยากฟังเหตุผลจริงๆมั้ยละ ?



       เพราะ   สัมผัสที่หก  หรือเรียกง่ายๆว่าเห็นผีนั่นแหล่ะ  แล้วคิดดูสิ ถ้าผมเรียนหมอ   ผมคงไม่มีเวลาไปดูแลคนไข้หรอก คงได้ดูแลแต่บรรดาคุณผีทั้งหลายที่เดินขวักไขว่ในโรงพยาบาล  ผมคงเป็นบ้าตายก่อนแน่ๆ



       ฉะนั้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง ผมเลยเลือกมาเรียนเศรษฐศาสตร์ จบมาเจอคนไม่มากเพราะวันๆเจอแต่ตัวเลขและการคำนวณการผลิตและบริโภคเรื่อยเปื่อย  แต่มันก้เป็นแค่วิธีการหลีกเลี่ยงวิธีหนึ่งเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมมักเจอคนที่ไม่ใช่คนตลอด ผมพยายามไม่มองหรือสบตาใครถ้าไม่จำเป็น และแว่นสายตากรอบดำนี้มันช่วยผมได้มากเลยละ 




    ....

      




     

           ชานยอลเดินเข้ามาในห้องสมุดที่วันนี้มีคนอยู่แค่ประปราย  ชานยอลวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหยิบหนังสือวรรณกรรมที่เคยเข้ามาอ่านเมื่อสองสามวันก่อน      โชคดีที่มันยังอยู่ที่เดิม   ชานยอลหยิบหนังสือเล่นนั้นแล้วหมุนตัวกลับมายังที่นั่งของตน  แต่แล้วสายตาก้เหลือบไปเห็นใครบางคน



      แต่ว่าไม่ใช่คน  เพราะคงไม่มีคนที่ไหนไปกล้าไปนั่งห้อยขาอยู่บนชั้นหนังสือหรอก ชานยอลก้มหน้าลงก่อนจะขยับกรอบแว่นเลนส์หนาของตนเองแล้วเดินกลับมา 




      สิ่งที่เขาเห็นเมื่อกี้มันค่อนข้างชินตา  เพราะเขาเห็นอยู่บ่อยครั้งในมหาลัย  และในห้องสมุดแห่งนี้เขาไม่ได้เพิ่งจะเห็นเธอเป็นครั้งแรก  เธอเป็นหญิงสาวในเรื่องเล่าสยองขวัญของมหาลัย เธอเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย สาเหตุก้คงไม่พ้นเรื่องความรัก  เธอถูกแฟนทิ้งก่อนที่จะเรียนจบไม่กี่วัน จากนั้นเธอก้กระโดดระเบียงห้องสมุดที่สูงเท่าตึก4ชั้นลงมา




       บางทีก้ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าความรักทำให้คนเราคิดอะไรสั้นๆอย่างนั้นได้ยังไง  ทำไมคนมีความรักแล้วต้องมาฆ่าตัวตายแบบนี้   แค่คนๆเดียวทิ้งไปทำไมต้องจบชีวิตตัวเองไปด้วย ?

       ชานยอลส่ายหัวกับความคิดไร้สาระของตัวเองแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่หยิบมาต่อไป    

     

     

    ในช่วงบ่าย ชานยอลเข้าเรียนตามปกติ เขาขอสมุดเลคเชอร์จากคริส แล้วก้โดนหมอนั่นบ่นไปไม่น้อย 

    ก้เพราะนอกจากเขามาสายแล้ว ยังออกจากห้องก่อนโดยไม่บอกคริสอีกต่างหาก 



       ใครใช้ให้นายตั้งใจเรียนจนไม่เห็นว่าฉันเดินออกมากันละ

     



    กว่าเลิกคลาสก้ปาไปเกือบห้าโมงเย็น  ชานยอลเก็ยสัมภาระลงกระเป๋าเป้ใบโปรดแล้วเดินออกจากห้องโดยมีคริสเดินขนาบข้าง  ขายาวของคนทั้งก้าวไปตามทางเดินของมหาลัย ชานยอลตั้งใจจะกลับบ้าน ปากกำลังจะเอ่ยบอกคริสแต่ก้ต้องเงียบลงเพราะอีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ   แต่แล้วก้ต้องชะงักเมื่อคริสพูดบางอย่าง ในขณะที่คุยโทรศัพท์

     

    “ห้ะรถคว่ำ   ครับ ที่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปครับ”   คริสมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า  ชานยอลยังไม่เข้าใจอาการของเพื่อนเท่าไหร่จึงเอ่อยถาม


    “ใครรถคว่ำว่ะ “ 


    “ไอจงอิน รถคว่ำเมื่อวาน”    จงอิน เพื่อนสนิทในกลุ่มที่อยู่ต่างคณะ  จงอินเรียนคณะนิเทศตามความชอบของมัน แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คริสบอกว่ามันรถคว่ำ  ?


     “มันเป็นไรมากมั้ยว่ะ”  รีบถามออกมาเพราะความตกใจและเป็นห่วงเพื่อน  ถึงจะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แต่เขากับจงอินก้นับว่ารู้ใจกันพอสมควร รวมทั้งไอคริสด้วย


    “ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แม่มันโทรมาบอก กูจะไปเยี่ยมมัน มึงไปมั้ย ?”  คริสถามพลางเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า


    “เอ่อ   ไปๆ กูไปด้วย”  




       โรงพยาบาลงั้นหรอ ?   นี่เขาต้องก้าวขาเข้าโรงพยาบาลจริงๆหรอ    ?


    เอาก้เอาว่ะ !   เพื่อนยังไงก้สำคัญกว่า...

     

        สำคัญกว่าชีวิตตัวเอง...




     

    ...

     




       ชานยอลและคริสเดินเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชนที่ใครๆต่างก้บอกว่าค่ารักษาแพงหูฉี่  แต่ก้นะ

        บ้านไอจงอินมันอ่ะโคตรรวย   เออ ต้องใช้คำนี้แหล่ะ   พ่อเป็นถึงเอกอัครราชทูตจะให้ลูกนอนโรงพยาบาลรัฐก้คงไม่สมฐานะเท่าไหร่ จริงมั้ย?

     

      นี่ผมกำลังค่อนขอดเพื่อนรึเปล่า ?



    ชานยอลเดินตามคริสโดยที่ไม่แม้จะหันซ้ายแลขวา สายตาทอดมองไปข้างหน้าโดยไม่สนใจว่าใครจะเดินผ่านตัวเขาไป  เมื่อย้ายตัวเข้ามาอยู่ลิฟท์ ชานยอลเลือกที่จะยืนที่หน้าปุ่มกดเลือกชั้น ไม่แม้จะจะหันข้างหรือหันหลังไปมองแต่อย่างใด

     


       ถ้าเป็นคนอื่นคงจะคิดว่าลิฟท์นี่โล่งสบายเนื่องจากมีคนเข้าอยู่แค่สี่คน แต่สำหรับชานยอลมันไม่ใช่ ลิฟท์ทั้งตู้เต็วไปด้วยผู้คนที่ไม่ใช่คนยืนอัดแน่นเบียดเสียดจนเขาแทบหายใจไม่ออก  มือของคริสเอื้อมมากดเลือกชั้น 12A ทำให้ชานยอลต้องถอนใจอีกครั้ง 



        เขาต้องทนจนกว่าจะถึงชั้น 12A  เลยหรอว่ะเนี่ยย 



      ไอจงอิน ทำไมมึงไม่อยู่ชั้น 1ว่ะ    บ้านมึงรวยนี่ ! 

     


    คริสได้แต่ยืนมองแล้วแอบยิ้มขำ  เขารู้ว่าเพื่อนเขากำลังเจอกับอะไร  สนิทกันมาตั้งแต่ประถมทำไมเรื่องนี้ชานยอลจะไม่บอกให้เขาฟัง  แต่สิ่งที่เขาควรทำคือยืนเฉยๆเหมือนกับอีกคน  เพราะหากว่าเขาเกิดพูดอะไรที่ทำให้ ผี  พวกนนั้นรู้ว่าชานยอลเห็นละก้...

     


        ไม่ใช่แค่ชานยอลที่ซวย  มันจะรวมถึงเขาด้วย..    (ถูกกระทืบ)

     

    เวลาสามนาทีเหมือนสามชั่วโมง  ชานยอลถอนใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ออกมาจากลิฟท์ตัวนั้น  คริสส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเดินนำชานยอลไปยังห้องพักผู้ป่วยของจงอิน



       ภายในห้องสีขาวดูสะอาดตาเป็นอย่างมา  มีร่างคุ้นเคยกำลังนอนหลับสนิทโดยมีเครื่องช่วยหายใจกับสายโน่นนี่เต็มไปหมด   



          ไหนไอคริสบอกว่าปลอดภัยว่ะ ?   สภาพตอนนี้ไม่น่าจะใช้คำนั้นได้เลยนะ

      ชานยอลและคริสโค้งให้พ่อและแม่ของคริสที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วย   ชานยอลก้าวขาเข้าไปใกล้ผู้เป็นเพื่อนก่อนเอ่ยถาม

     



    “จงอินมันยังไม่ฟื้นหรอครับ?” 


    “ยังเลยลูก”   แม่จงอินเอ่ยตอบ คริสเดินไปที่อีกฟากของเตียงแล้วพูดขึ้น



    “หมอว่าไงบ้างครับ”


    “กระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดทะลุ  หมอเลยต้องใช้เครื่องช่วยตลอด... %$#@#^ ”  หูชานยอลไม่ได้ฟังในสิ่งที่แม่ของจงอินพูดอีก  เพราะสายตาเขาเหลือไปเห็นใครคนหนึ่งที่กำลังยืนมองจ้องเขาจากช่องหน้าประตูห้องของจงอิน  ชานยอลรู้สึกใจวาบขึ้นเพราะเขาได้สบตากับคนผู้นั้นไปแล้ว



       ไม่รู้ว่าคนหรือผี   มงไปอีกทีคนๆนั้นหายไปแล้ว

    ตายแล้วไอชานยอล  ผีแน่ๆ  ผีแน่ๆ

     


    “เอ่อคริส   กูลืมไปว่ากูมีธุระ  กูต้องรีบไปก่อนนะ”  พูดอย่างร้อนรนก่อนจะหันไปพูดกับพ่อแม่จงอินต่อ


    “ผมไปก่อนนะครับ ไว้ผมจะมาเยี่ยมจงอินใหม่”  โค้งให้ทั้งสองท่านก่อนจะก้าวขายาวๆสาวออกจากห้องไป  พอปิดประตูห้องลง ชานยอลมองซ้ายมองขวาก้ไม่เห็นใคร  ตัดสินใจเดินไปทางบันไดเพื่อจะลงไปข้างล่างแต่ก้ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอีกไม่ไกลจากลิฟท์     คนๆนั้นค่อยเงยหน้าขึ้นมามองเขาที่ตอนนี้ตกใจเป็นอย่างมาก   เขาเผลอทำเป็นคนๆนั้นเข้าแล้ว

     

    “คุณ...”   เสียงทุ้มเล็กดังขึ้นเหมือนเป็นการทักชานยอลก่อนท่เจ้าตัวจะลุกขึ้นวิ่งมาทางเขา  ชานยอลถอยกรูดจนหลังติดฝา 


    “ผ ผมไม่เห็น”  ชานยอลหลับลงแน่น พยายามกลั้นหายใจเพื่อระงับความตื่นตระหนกของตัวเอง   แต่เหมือนจะไม่ได้ผล


    “คุณ เห็นผมใช่มั้ย  คุณลืมตาสิ”  คนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยเสียงดัง นั่นทำให้ชานยอลรู้ตัวว่า ยังไงเขาก้ปกปิดเรื่องนี้ไมม่ได้เสียแล้ว   



       ถอนใจเฮือกใหญ่ให้กับความโง่ของตัวเอง ค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า  

    ผีตัวนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด   เขาเหมือนคนปกติทั่วไปมากจนชานยอลแทบแยกไม่ออก  มือหน้าขยับกรอบแว่นก่อนเบี่ยงหน้าไปอีกทาง


    “ผมเห็นคุณ  แต่คุณช่วยอย่ามาใกล้ผมได้มั้ย”  เอ่ยเสียงเบาราวกับกระซิบ  ร่างตรงหน้าเหมือนจะไม่เข้าใจแต่ก้ยอมถอยห่างออกมาก้าวนึง   ชานยอลยืดตัวขึ้นแล้วตั้งท่าจะก้าวลงบันได    ที่เขาเลือกลงบันได เพราะเป็นที่ที่คิดว่ามีผีน้อยที่สุดตั้งแต่ที่พบเจอมา  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  แต่มันก้ดีกว่าการลงลิฟท์ละนะ


    “ทำไมคุณเห็นผม แต่คนอื่นๆไม่เห็นผมละ”  เสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่ชานยอลก้าวลงบันได 


    “ผมเห็นผี”   ชายอลเอ่อยเสียงเรียบ มือหนาหยิบหูฟังขึ้นมาต่อกับโทรศัพท์แล้วเสียบเข้าที่หูตัวเอง


    “ห้ะ  ห หมายความว่าไง  ผ ผมเป็นผีหรอ?  ผมตายแล้วหรอ”  ผีน้อยพูดออกมาเสียงเบา  น้ำเสียงสั่นเครือราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังประสบ



         ชานยอลเดินลงบันไดมาเรื่องโดยมีผีตนนั้นเดินตาม พลางถามโน่นนี่  แต่เขาก้ตอบ   


    ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมชานยอลเอาหูฟังขึ้นมาใส่  เพราะหากเขาเจอผีหรือคนในขณะที่เขากำลังคุยกับผีตนนี้ละก้..



         ไม่โดนหาว่าบ้า  ก้โดนผีตัวอื่นนตามมาอีกแน่ๆ 



    “คุณ คุณ”   เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง   ชานยอลปรายตามองใบหน้านั้นก้ต้องตกใจ  ตอนนี้ดวงตาโตแดงก่ำเพราะการร้องไห้ ปากอิ่มสั่นระริกแถมยังมีเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ   ทั้งที่ตอกแรกชานยาลไม่ได้ยิน

     


    “อย่าร้องไห้สิ  คนเราตายเป็นเรื่องธรรมดา  คุณก้แค่รอให้เวลาที่จะไปในที่ของคุณแค่นั้น”   สิ่งที่ชานยอลพูดเหมือนเป็นการปลอบใจร่างเล็ก  เขาไม่รู้จะทำยังในเมื่อคนตายไปแล้ว  ได้แต่บอกให้ยอมรับความจริงเท่านั้น   แต่ดูเหมือนร่างเล็กจะไม่เข้าใจ 


    “ผมตายได้ไง  ฮึก  ผมตายยังไง”  ประโยคเค้าเสียงร่ำไห้ทำให้ชานยอลต้องหยุดฝีเท้าหันมามองร่างเล็กอีกครั้ง


    “ผมไม่รู้  คุณเลิกตามผมได้แล้วนะ  ถึงผมจะเห็นคุณ แต่ผมก้ไม่รู้หรอกนะว่าคุณตายยังไง”   พูดจบชานยอลก้เร่งฝีเท้าลงบันไดทันที   อีกตั้ง5ชั้น  ขาลากแน่ๆ

     


       มือหนากดเปิดเพลงเสียงดังเพื่อทำให้ตัวเองเลิกสนใจผีตนนั้น  ในที่สุดเขาก้ลงมาถึงชั้นหนึ่ง ชานยอลรีบตรงออกจากโรงพยาบาลทันทีโดยไม่ทันเห็นว่า ผีน่ารักตนนั้น ยังตามเขาอยู่...

     

    ขายาวก้าวเดินไปตามถนนเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์  ชานยอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดปิดเพลงจัดการเก็บหูฟังลงกระเป๋า 

      รถเมล์ที่เขารอมาจอดหยุดอยู่ที่หน้าป้าย ขายาวก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เลือกนั่งที่ริมในสุดหลังสุดเพราะเป็นมุมที่เขาจะได้ไม่ต้องนั่งมองไปทางไหน ไม่ต้องเห็น...

     

    “คุณ !!”  ชานยอลตะโกนลั่นจนคนบนรถหันมามองเขาเป็นตาเดียว  เมื่อรู้ตัว คนตัวสูงรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วก้มลมหยิบโทรศัพท์แนบหูอย่างเนียนๆ


    “ผมขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ”  คนตัวเล็กก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด  ชานยอลยังคงเอาโทรศัพท์แนบหูไว้อย่างเดิม นั่งมองคนที่นั่งๆข้างก่อนจะถอนใจออกมา   


       ดีนะที่คนบนรถไม่เยอะ แถมแถวหลังสุดยังไม่มีใครนั่งอีกนอกจากเขา



    “ตาผมมาทำไม”  ทำท่าเป็นว่าคุยโทรศัพท์ในขณะที่คุยกับคนตรงหน้า  ร่างเล็กหัวเราะเบาๆกับพฤติกรรมนั้น 


    “ก้ ผมไม่รู้จะไปไหนนี่  ไม่มีใครเห็นผมสักคน” 


    “แล้วตามมาเนี่ยนะ”  ชานยอลเผลอเอานิ้ชี้มาทางตัวเองแล้วพูดขึ้น  นักเรียนหญิงคนที่นั่งถัดไปจากเขาสี่แถวหันมามองพลางทำหน้าสงสัย   ชานยอลรีบเก็บมือลงแล้วทำเป็นคุยโทรศัพท์ต่อ   ผีตัวน้อยหัวเราะออกมาลั่น ชานยอลเลยมองตาขวางใส่ซะ


    “ขำมากมั้ย”  ถามเสียงเขียวแต่ก้ไม่ได้ทำให้ผีนั้นหยุดหัวเราะเขาเลย


    “ไม่มากๆ  ฮ่าๆ  “  ชานยอลเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า กะว่าจะไม่คุยกับผีตนนี้อีก  กล้าดียังไงมาหัวเราะเขา เขาอุตส่าห์คุยด้วยแท้


    “นี่ คุณ”   เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกแล้ว  ชานยอลทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงนั้น และตอนนี้เขาขี้เกียจจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแกล้งคุยแล้วด้วย  ปล่อยให้ผีนั่นพูดคนเดียวไปเถอะ


    “คุณๆ  ได้ยินผมมั้ยเนี่ย เฮ้” 


    “...”


    “คุณ ตอบผมหน่อยสิ”  เสียงนั่นเริ่มอ่อนลง  ชานยอลปรายตามองร่างเล็กที่ตอนนี้ทำเพียงนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆเขา 


    “อือ”   ทำเสียงในลำคอเบาๆแทนการตอบ  คนข้างๆเงยหน้าขึ้นมามองตาเป็นประกาย


    “ทำไมผมไม่รู้ตัวเลยละว่าตัวเองตายแล้ว”


    “...”  ชายยอลส่ายหน้าไปมาเป็นการบอกว่าเขาไม่รู้  


    “แล้วผมควรจะทำไง”


    “....” ชานยอลยังคงส่ายหัวเช่นเดิม  ผีตนนั้นนิ่วหน้าอย่างขัดใจ




        ชานยอลหยิบโทรศัพท์ออกจากเป้อีกครั้ง  ปลดล็อคแล้วกดยิกๆลงบนจอ  แล้วยื่นให้แก่ร่างตรงหน้า

     

    [คุณชื่ออะไร]     อ่านแล้วทำท่าคิด  


    “ผมไม่รู้”   เขานึกไม่ออกจริงๆว่าตัวเองชื่ออะไร  แล้วก้เป็นใครด้วย   เพราะรู้ตัวอีกที เขาก้อยู่ในโรงพยาบาลนั่นเสียแล้ว



        มือหนาดึงโทรศัพท์กลับมา ก่อนจะพิมถามอีก


    [มากจากไหน  จำอะไรได้บ้าง


    “ผมไม่รู้  รู้แต่ว่าผมเดินอยู่ในโรงพยาบาล แล้วก้เห็นคุณที่หน้าลิฟท์ ผมเดินเข้าไปใกล้ คุณก้ทำเป็นไม่สนใจผมแต่ผมรู้ว่าคุณเห็นผม  ผมเลยลองตามคุณไปเรื่อยๆจนคุณเข้าห้องนั่น ผมเลยแอบดูคุณที่กระจกและคิดว่าถ้าคุณเห็นผมคุณต้องหันมา  แล้วคุณก้หันมาจริงๆอ่ะ”



    [งั้นนายก้เงียบปาก   อย่าถามอะไรฉันตอนนี้ ถึงห้องแล้วค่อยคุยกัน]


    “โอเคครับคุณ...”   คนตัวสูงถอนใจอีกครั้งแล้วกดพิม


    [ชานยอล]



    “โอเคครับคุณชานยอล”  พูดพลางยิ้มกว้าง  รอยยิ้มที่ดูสดใสผิดจากผีทั่วไปที่เขาเคยเห็นทำเอาชานยอลเผลอยิ้มตาม  แต่ดูๆแล้วคนข้างๆนี่ไม่เหมือนผีเลยสักนิด  ถ้าดูผ่านๆเขานึกว่าคนเสียอีก  ทุกอย่างดูไม่มีอะไรน่ากลัวเลย  มีแค่ความน่ารัก(แค่บอกให้ฟัง ไม่ได้จะชม)  ร่างกายทุกส่วนดูชัดเจนจนเขาเองก้แปลกใจ  

    หรือว่า...

     


        จริงๆแล้วนายยังไม่ตาย  





     






    อัพแล้วตอนแรก ฮ้าาาาา   ยังมีคอรออ่านอยู่ใช่มั้ยย? 
    ไรท์อดใจไม่ไหวอยากแต่ง ช่วงนี้จิ้นชานซูเอามากๆฮะฮะ
    มาดูกันว่าชานยอลจะน่าสงสารหรือน่าอิจฉา
    ที่มีผีน้อยน่ารักชื่อ....  (ชื่อไรหว่า? ยังไม่รู้ !)
    มาทำตัวน่ารักใส่ขนาดนี้  

    อ่านแล้วก้เม้นให้กำลังใจกันหน่อยนะฮะ
    รักและคิดถึงรีดเดอร์จุ๊บ ><

    ติดแท็ก #ฟิคผีเจ็ดวัน
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×