คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : NIGHT1 :: เห็นผมหรอ ?
วันนี้ผมมีเรียนตอนเก้าโมง แต่เพราะฝนตกรถติดและปัญหาสัพเพเหระที่ต้องเจอ ทำให้ผมเข้าคลาสสาย และก้..
ครับ เข้ามาเรียนแล้วก้แม่งไม่รู้เรื่อง...
ผมชื่อปาร์คชานยอล อายุ22ปี เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ปี4
ผมเดินออกมาจากห้องทั้งที่เข้าเรียนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ผมก้เป็นอย่างนี้แหล่ะ ถ้าเรียนไม่รู้เรื่องแล้วก้ไม่อยากจะเรียน ค่อยไปขอเลคเชอร์เพื่อนมาลอกละกัน
ผมเดินไปตามทางเดินฟุตทางในมหาลัยเรื่อยๆ ตอนนี้ทำได้แค่หาอะไรทำคั่นเวลา เพื่อรอเรียนอีกทีช่วงบ่าย ยกขึ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือ
เพิ่ง11โมง ผมจะทำอะไรดีเนี่ยย กว่าจะบ่ายโมง
ผมเดินไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ ห้องสมุด และตัดสินใจเดินเข้าไปทันที ห้องสมุดน่ะเงียบพอทีจะอ่านหนังสือ และ..
หลับ
แต่วันนี้ผมไม่ได้เข้ามาหลับน่ะ อย่ามองปาร์คชานยอลคนนี้ไม่ดีสิ ถึงจะเรียนบ้างไม่เรียนบ้างแต่ผลการเรียนของผมมักออกมาดีจนถึงขั้นที่เรียกว่าดีมากเสมอ ก้ตอนสมัยเรียนมัธยมผมเรียนได้ที่หนึ่งของสายมาตลอดจนอาจารย์หลายๆคนบอกให้ผมไปสอบหมอ
ครับ ผมติดหมอขอมหาลัยดัง แต่ผมสละสิทธิ์ ผมดูโง่ใช่มั้ย ที่สอบติดหมอแล้วแท้ๆแต่ดันมาเรียนเศรษฐศาสตร์แทน
อยากฟังเหตุผลจริงๆมั้ยละ ?
เพราะ สัมผัสที่หก หรือเรียกง่ายๆว่าเห็นผีนั่นแหล่ะ แล้วคิดดูสิ ถ้าผมเรียนหมอ ผมคงไม่มีเวลาไปดูแลคนไข้หรอก คงได้ดูแลแต่บรรดาคุณผีทั้งหลายที่เดินขวักไขว่ในโรงพยาบาล ผมคงเป็นบ้าตายก่อนแน่ๆ
ฉะนั้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง ผมเลยเลือกมาเรียนเศรษฐศาสตร์ จบมาเจอคนไม่มากเพราะวันๆเจอแต่ตัวเลขและการคำนวณการผลิตและบริโภคเรื่อยเปื่อย แต่มันก้เป็นแค่วิธีการหลีกเลี่ยงวิธีหนึ่งเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมมักเจอคนที่ไม่ใช่คนตลอด ผมพยายามไม่มองหรือสบตาใครถ้าไม่จำเป็น และแว่นสายตากรอบดำนี้มันช่วยผมได้มากเลยละ
....
ชานยอลเดินเข้ามาในห้องสมุดที่วันนี้มีคนอยู่แค่ประปราย ชานยอลวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหยิบหนังสือวรรณกรรมที่เคยเข้ามาอ่านเมื่อสองสามวันก่อน โชคดีที่มันยังอยู่ที่เดิม ชานยอลหยิบหนังสือเล่นนั้นแล้วหมุนตัวกลับมายังที่นั่งของตน แต่แล้วสายตาก้เหลือบไปเห็นใครบางคน
แต่ว่าไม่ใช่คน เพราะคงไม่มีคนที่ไหนไปกล้าไปนั่งห้อยขาอยู่บนชั้นหนังสือหรอก ชานยอลก้มหน้าลงก่อนจะขยับกรอบแว่นเลนส์หนาของตนเองแล้วเดินกลับมา
สิ่งที่เขาเห็นเมื่อกี้มันค่อนข้างชินตา เพราะเขาเห็นอยู่บ่อยครั้งในมหาลัย และในห้องสมุดแห่งนี้เขาไม่ได้เพิ่งจะเห็นเธอเป็นครั้งแรก เธอเป็นหญิงสาวในเรื่องเล่าสยองขวัญของมหาลัย เธอเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย สาเหตุก้คงไม่พ้นเรื่องความรัก เธอถูกแฟนทิ้งก่อนที่จะเรียนจบไม่กี่วัน จากนั้นเธอก้กระโดดระเบียงห้องสมุดที่สูงเท่าตึก4ชั้นลงมา
บางทีก้ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าความรักทำให้คนเราคิดอะไรสั้นๆอย่างนั้นได้ยังไง ทำไมคนมีความรักแล้วต้องมาฆ่าตัวตายแบบนี้ แค่คนๆเดียวทิ้งไปทำไมต้องจบชีวิตตัวเองไปด้วย ?
ชานยอลส่ายหัวกับความคิดไร้สาระของตัวเองแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่หยิบมาต่อไป
ในช่วงบ่าย ชานยอลเข้าเรียนตามปกติ เขาขอสมุดเลคเชอร์จากคริส แล้วก้โดนหมอนั่นบ่นไปไม่น้อย
ก้เพราะนอกจากเขามาสายแล้ว ยังออกจากห้องก่อนโดยไม่บอกคริสอีกต่างหาก
ใครใช้ให้นายตั้งใจเรียนจนไม่เห็นว่าฉันเดินออกมากันละ
กว่าเลิกคลาสก้ปาไปเกือบห้าโมงเย็น ชานยอลเก็ยสัมภาระลงกระเป๋าเป้ใบโปรดแล้วเดินออกจากห้องโดยมีคริสเดินขนาบข้าง ขายาวของคนทั้งก้าวไปตามทางเดินของมหาลัย ชานยอลตั้งใจจะกลับบ้าน ปากกำลังจะเอ่ยบอกคริสแต่ก้ต้องเงียบลงเพราะอีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ แต่แล้วก้ต้องชะงักเมื่อคริสพูดบางอย่าง ในขณะที่คุยโทรศัพท์
“ห้ะรถคว่ำ ครับ ที่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปครับ” คริสมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า ชานยอลยังไม่เข้าใจอาการของเพื่อนเท่าไหร่จึงเอ่อยถาม
“ใครรถคว่ำว่ะ “
“ไอจงอิน รถคว่ำเมื่อวาน” จงอิน เพื่อนสนิทในกลุ่มที่อยู่ต่างคณะ จงอินเรียนคณะนิเทศตามความชอบของมัน แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คริสบอกว่ามันรถคว่ำ ?
“มันเป็นไรมากมั้ยว่ะ” รีบถามออกมาเพราะความตกใจและเป็นห่วงเพื่อน ถึงจะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แต่เขากับจงอินก้นับว่ารู้ใจกันพอสมควร รวมทั้งไอคริสด้วย
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แม่มันโทรมาบอก กูจะไปเยี่ยมมัน มึงไปมั้ย ?” คริสถามพลางเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
“เอ่อ ไปๆ กูไปด้วย”
โรงพยาบาลงั้นหรอ ? นี่เขาต้องก้าวขาเข้าโรงพยาบาลจริงๆหรอ ?
เอาก้เอาว่ะ ! เพื่อนยังไงก้สำคัญกว่า...
สำคัญกว่าชีวิตตัวเอง...
...
ชานยอลและคริสเดินเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชนที่ใครๆต่างก้บอกว่าค่ารักษาแพงหูฉี่ แต่ก้นะ
บ้านไอจงอินมันอ่ะโคตรรวย เออ ต้องใช้คำนี้แหล่ะ พ่อเป็นถึงเอกอัครราชทูตจะให้ลูกนอนโรงพยาบาลรัฐก้คงไม่สมฐานะเท่าไหร่ จริงมั้ย?
นี่ผมกำลังค่อนขอดเพื่อนรึเปล่า ?
ชานยอลเดินตามคริสโดยที่ไม่แม้จะหันซ้ายแลขวา สายตาทอดมองไปข้างหน้าโดยไม่สนใจว่าใครจะเดินผ่านตัวเขาไป เมื่อย้ายตัวเข้ามาอยู่ลิฟท์ ชานยอลเลือกที่จะยืนที่หน้าปุ่มกดเลือกชั้น ไม่แม้จะจะหันข้างหรือหันหลังไปมองแต่อย่างใด
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะคิดว่าลิฟท์นี่โล่งสบายเนื่องจากมีคนเข้าอยู่แค่สี่คน แต่สำหรับชานยอลมันไม่ใช่ ลิฟท์ทั้งตู้เต็วไปด้วยผู้คนที่ไม่ใช่คนยืนอัดแน่นเบียดเสียดจนเขาแทบหายใจไม่ออก มือของคริสเอื้อมมากดเลือกชั้น 12A ทำให้ชานยอลต้องถอนใจอีกครั้ง
เขาต้องทนจนกว่าจะถึงชั้น 12A เลยหรอว่ะเนี่ยย
ไอจงอิน ทำไมมึงไม่อยู่ชั้น 1ว่ะ บ้านมึงรวยนี่ !
คริสได้แต่ยืนมองแล้วแอบยิ้มขำ เขารู้ว่าเพื่อนเขากำลังเจอกับอะไร สนิทกันมาตั้งแต่ประถมทำไมเรื่องนี้ชานยอลจะไม่บอกให้เขาฟัง แต่สิ่งที่เขาควรทำคือยืนเฉยๆเหมือนกับอีกคน เพราะหากว่าเขาเกิดพูดอะไรที่ทำให้ ผี พวกนนั้นรู้ว่าชานยอลเห็นละก้...
ไม่ใช่แค่ชานยอลที่ซวย มันจะรวมถึงเขาด้วย.. (ถูกกระทืบ)
เวลาสามนาทีเหมือนสามชั่วโมง ชานยอลถอนใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ออกมาจากลิฟท์ตัวนั้น คริสส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเดินนำชานยอลไปยังห้องพักผู้ป่วยของจงอิน
ภายในห้องสีขาวดูสะอาดตาเป็นอย่างมา มีร่างคุ้นเคยกำลังนอนหลับสนิทโดยมีเครื่องช่วยหายใจกับสายโน่นนี่เต็มไปหมด
ไหนไอคริสบอกว่าปลอดภัยว่ะ ? สภาพตอนนี้ไม่น่าจะใช้คำนั้นได้เลยนะ
ชานยอลและคริสโค้งให้พ่อและแม่ของคริสที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วย ชานยอลก้าวขาเข้าไปใกล้ผู้เป็นเพื่อนก่อนเอ่ยถาม
“จงอินมันยังไม่ฟื้นหรอครับ?”
“ยังเลยลูก” แม่จงอินเอ่ยตอบ คริสเดินไปที่อีกฟากของเตียงแล้วพูดขึ้น
“หมอว่าไงบ้างครับ”
“กระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดทะลุ หมอเลยต้องใช้เครื่องช่วยตลอด... %$#@#^ ” หูชานยอลไม่ได้ฟังในสิ่งที่แม่ของจงอินพูดอีก เพราะสายตาเขาเหลือไปเห็นใครคนหนึ่งที่กำลังยืนมองจ้องเขาจากช่องหน้าประตูห้องของจงอิน ชานยอลรู้สึกใจวาบขึ้นเพราะเขาได้สบตากับคนผู้นั้นไปแล้ว
ไม่รู้ว่าคนหรือผี มงไปอีกทีคนๆนั้นหายไปแล้ว
ตายแล้วไอชานยอล ผีแน่ๆ ผีแน่ๆ
“เอ่อคริส กูลืมไปว่ากูมีธุระ กูต้องรีบไปก่อนนะ” พูดอย่างร้อนรนก่อนจะหันไปพูดกับพ่อแม่จงอินต่อ
“ผมไปก่อนนะครับ ไว้ผมจะมาเยี่ยมจงอินใหม่” โค้งให้ทั้งสองท่านก่อนจะก้าวขายาวๆสาวออกจากห้องไป พอปิดประตูห้องลง ชานยอลมองซ้ายมองขวาก้ไม่เห็นใคร ตัดสินใจเดินไปทางบันไดเพื่อจะลงไปข้างล่างแต่ก้ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอีกไม่ไกลจากลิฟท์ คนๆนั้นค่อยเงยหน้าขึ้นมามองเขาที่ตอนนี้ตกใจเป็นอย่างมาก เขาเผลอทำเป็นคนๆนั้นเข้าแล้ว
“คุณ...” เสียงทุ้มเล็กดังขึ้นเหมือนเป็นการทักชานยอลก่อนท่เจ้าตัวจะลุกขึ้นวิ่งมาทางเขา ชานยอลถอยกรูดจนหลังติดฝา
“ผ ผมไม่เห็น” ชานยอลหลับลงแน่น พยายามกลั้นหายใจเพื่อระงับความตื่นตระหนกของตัวเอง แต่เหมือนจะไม่ได้ผล
“คุณ เห็นผมใช่มั้ย คุณลืมตาสิ” คนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยเสียงดัง นั่นทำให้ชานยอลรู้ตัวว่า ยังไงเขาก้ปกปิดเรื่องนี้ไมม่ได้เสียแล้ว
ถอนใจเฮือกใหญ่ให้กับความโง่ของตัวเอง ค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า
ผีตัวนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด เขาเหมือนคนปกติทั่วไปมากจนชานยอลแทบแยกไม่ออก มือหน้าขยับกรอบแว่นก่อนเบี่ยงหน้าไปอีกทาง
“ผมเห็นคุณ แต่คุณช่วยอย่ามาใกล้ผมได้มั้ย” เอ่ยเสียงเบาราวกับกระซิบ ร่างตรงหน้าเหมือนจะไม่เข้าใจแต่ก้ยอมถอยห่างออกมาก้าวนึง ชานยอลยืดตัวขึ้นแล้วตั้งท่าจะก้าวลงบันได ที่เขาเลือกลงบันได เพราะเป็นที่ที่คิดว่ามีผีน้อยที่สุดตั้งแต่ที่พบเจอมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่มันก้ดีกว่าการลงลิฟท์ละนะ
“ทำไมคุณเห็นผม แต่คนอื่นๆไม่เห็นผมละ” เสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่ชานยอลก้าวลงบันได
“ผมเห็นผี” ชายอลเอ่อยเสียงเรียบ มือหนาหยิบหูฟังขึ้นมาต่อกับโทรศัพท์แล้วเสียบเข้าที่หูตัวเอง
“ห้ะ ห หมายความว่าไง ผ ผมเป็นผีหรอ? ผมตายแล้วหรอ” ผีน้อยพูดออกมาเสียงเบา น้ำเสียงสั่นเครือราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังประสบ
ชานยอลเดินลงบันไดมาเรื่องโดยมีผีตนนั้นเดินตาม พลางถามโน่นนี่ แต่เขาก้ตอบ
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมชานยอลเอาหูฟังขึ้นมาใส่ เพราะหากเขาเจอผีหรือคนในขณะที่เขากำลังคุยกับผีตนนี้ละก้..
ไม่โดนหาว่าบ้า ก้โดนผีตัวอื่นนตามมาอีกแน่ๆ
“คุณ คุณ” เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง ชานยอลปรายตามองใบหน้านั้นก้ต้องตกใจ ตอนนี้ดวงตาโตแดงก่ำเพราะการร้องไห้ ปากอิ่มสั่นระริกแถมยังมีเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ ทั้งที่ตอกแรกชานยาลไม่ได้ยิน
“อย่าร้องไห้สิ คนเราตายเป็นเรื่องธรรมดา คุณก้แค่รอให้เวลาที่จะไปในที่ของคุณแค่นั้น” สิ่งที่ชานยอลพูดเหมือนเป็นการปลอบใจร่างเล็ก เขาไม่รู้จะทำยังในเมื่อคนตายไปแล้ว ได้แต่บอกให้ยอมรับความจริงเท่านั้น แต่ดูเหมือนร่างเล็กจะไม่เข้าใจ
“ผมตายได้ไง ฮึก ผมตายยังไง” ประโยคเค้าเสียงร่ำไห้ทำให้ชานยอลต้องหยุดฝีเท้าหันมามองร่างเล็กอีกครั้ง
“ผมไม่รู้ คุณเลิกตามผมได้แล้วนะ ถึงผมจะเห็นคุณ แต่ผมก้ไม่รู้หรอกนะว่าคุณตายยังไง” พูดจบชานยอลก้เร่งฝีเท้าลงบันไดทันที อีกตั้ง5ชั้น ขาลากแน่ๆ
มือหนากดเปิดเพลงเสียงดังเพื่อทำให้ตัวเองเลิกสนใจผีตนนั้น ในที่สุดเขาก้ลงมาถึงชั้นหนึ่ง ชานยอลรีบตรงออกจากโรงพยาบาลทันทีโดยไม่ทันเห็นว่า ผีน่ารักตนนั้น ยังตามเขาอยู่...
ขายาวก้าวเดินไปตามถนนเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ชานยอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดปิดเพลงจัดการเก็บหูฟังลงกระเป๋า
รถเมล์ที่เขารอมาจอดหยุดอยู่ที่หน้าป้าย ขายาวก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เลือกนั่งที่ริมในสุดหลังสุดเพราะเป็นมุมที่เขาจะได้ไม่ต้องนั่งมองไปทางไหน ไม่ต้องเห็น...
“คุณ !!” ชานยอลตะโกนลั่นจนคนบนรถหันมามองเขาเป็นตาเดียว เมื่อรู้ตัว คนตัวสูงรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วก้มลมหยิบโทรศัพท์แนบหูอย่างเนียนๆ
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ” คนตัวเล็กก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด ชานยอลยังคงเอาโทรศัพท์แนบหูไว้อย่างเดิม นั่งมองคนที่นั่งๆข้างก่อนจะถอนใจออกมา
ดีนะที่คนบนรถไม่เยอะ แถมแถวหลังสุดยังไม่มีใครนั่งอีกนอกจากเขา
“ตาผมมาทำไม” ทำท่าเป็นว่าคุยโทรศัพท์ในขณะที่คุยกับคนตรงหน้า ร่างเล็กหัวเราะเบาๆกับพฤติกรรมนั้น
“ก้ ผมไม่รู้จะไปไหนนี่ ไม่มีใครเห็นผมสักคน”
“แล้วตามมาเนี่ยนะ” ชานยอลเผลอเอานิ้ชี้มาทางตัวเองแล้วพูดขึ้น นักเรียนหญิงคนที่นั่งถัดไปจากเขาสี่แถวหันมามองพลางทำหน้าสงสัย ชานยอลรีบเก็บมือลงแล้วทำเป็นคุยโทรศัพท์ต่อ ผีตัวน้อยหัวเราะออกมาลั่น ชานยอลเลยมองตาขวางใส่ซะ
“ขำมากมั้ย” ถามเสียงเขียวแต่ก้ไม่ได้ทำให้ผีนั้นหยุดหัวเราะเขาเลย
“ไม่มากๆ ฮ่าๆ “ ชานยอลเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า กะว่าจะไม่คุยกับผีตนนี้อีก กล้าดียังไงมาหัวเราะเขา เขาอุตส่าห์คุยด้วยแท้
“นี่ คุณ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกแล้ว ชานยอลทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงนั้น และตอนนี้เขาขี้เกียจจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแกล้งคุยแล้วด้วย ปล่อยให้ผีนั่นพูดคนเดียวไปเถอะ
“คุณๆ ได้ยินผมมั้ยเนี่ย เฮ้”
“...”
“คุณ ตอบผมหน่อยสิ” เสียงนั่นเริ่มอ่อนลง ชานยอลปรายตามองร่างเล็กที่ตอนนี้ทำเพียงนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆเขา
“อือ” ทำเสียงในลำคอเบาๆแทนการตอบ คนข้างๆเงยหน้าขึ้นมามองตาเป็นประกาย
“ทำไมผมไม่รู้ตัวเลยละว่าตัวเองตายแล้ว”
“...” ชายยอลส่ายหน้าไปมาเป็นการบอกว่าเขาไม่รู้
“แล้วผมควรจะทำไง”
“....” ชานยอลยังคงส่ายหัวเช่นเดิม ผีตนนั้นนิ่วหน้าอย่างขัดใจ
ชานยอลหยิบโทรศัพท์ออกจากเป้อีกครั้ง ปลดล็อคแล้วกดยิกๆลงบนจอ แล้วยื่นให้แก่ร่างตรงหน้า
[คุณชื่ออะไร] อ่านแล้วทำท่าคิด
“ผมไม่รู้” เขานึกไม่ออกจริงๆว่าตัวเองชื่ออะไร แล้วก้เป็นใครด้วย เพราะรู้ตัวอีกที เขาก้อยู่ในโรงพยาบาลนั่นเสียแล้ว
มือหนาดึงโทรศัพท์กลับมา ก่อนจะพิมถามอีก
[มากจากไหน จำอะไรได้บ้าง]
“ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าผมเดินอยู่ในโรงพยาบาล แล้วก้เห็นคุณที่หน้าลิฟท์ ผมเดินเข้าไปใกล้ คุณก้ทำเป็นไม่สนใจผมแต่ผมรู้ว่าคุณเห็นผม ผมเลยลองตามคุณไปเรื่อยๆจนคุณเข้าห้องนั่น ผมเลยแอบดูคุณที่กระจกและคิดว่าถ้าคุณเห็นผมคุณต้องหันมา แล้วคุณก้หันมาจริงๆอ่ะ”
[งั้นนายก้เงียบปาก อย่าถามอะไรฉันตอนนี้ ถึงห้องแล้วค่อยคุยกัน]
“โอเคครับคุณ...” คนตัวสูงถอนใจอีกครั้งแล้วกดพิม
[ชานยอล]
“โอเคครับคุณชานยอล” พูดพลางยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ดูสดใสผิดจากผีทั่วไปที่เขาเคยเห็นทำเอาชานยอลเผลอยิ้มตาม แต่ดูๆแล้วคนข้างๆนี่ไม่เหมือนผีเลยสักนิด ถ้าดูผ่านๆเขานึกว่าคนเสียอีก ทุกอย่างดูไม่มีอะไรน่ากลัวเลย มีแค่ความน่ารัก(แค่บอกให้ฟัง ไม่ได้จะชม) ร่างกายทุกส่วนดูชัดเจนจนเขาเองก้แปลกใจ
หรือว่า...
จริงๆแล้วนายยังไม่ตาย
อัพแล้วตอนแรก ฮ้าาาาา ยังมีคอรออ่านอยู่ใช่มั้ยย?
ไรท์อดใจไม่ไหวอยากแต่ง ช่วงนี้จิ้นชานซูเอามากๆฮะฮะ
มาดูกันว่าชานยอลจะน่าสงสารหรือน่าอิจฉา
ที่มีผีน้อยน่ารักชื่อ.... (ชื่อไรหว่า? ยังไม่รู้ !)
มาทำตัวน่ารักใส่ขนาดนี้
อ่านแล้วก้เม้นให้กำลังใจกันหน่อยนะฮะ
รักและคิดถึงรีดเดอร์จุ๊บ ><
ติดแท็ก #ฟิคผีเจ็ดวัน
ความคิดเห็น