ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Change your heart ดักจองหัวใจยัยตัวร้ายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 แฟนใหม่(?) (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 174
      2
      11 ม.ค. 58


    THE★ FARRY





    Chapter 6

    - แฟนใหม่(?) –

     

     

                “พี่รู้ได้ไงว่าซูเฟลพักที่นี่”

     

                “พี่ให้เพื่อนเช็คให้”

     

                พี่ออทัมเรียนจบคณะการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกา พอเรียนจบไม่นานก็ได้เป็นนักธุรกิจอย่างที่ฝัน เขาเป็นคนเก่งและเฉลียวฉลาดจึงสามารถบริหารบริษัทในระดับบอสได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขามีเพื่อนมากทั้งคนไทยและต่างชาติ ฉันจึงไม่แปลกใจเลยที่เขาจะขอเพื่อนเช็คให้ได้สำเร็จ

     

                “แล้วมาที่นี่ทำไม จบเถอะ”

     

                “พี่มีเรื่องสำคัญต้องคุยกับซูเฟล”

     

                “แต่ซูเฟลไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ ไม่อยากเจอหน้าพี่อีก เราอย่าได้มาพบเจอกันอีกเลยนะ”

     

                “มันเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน

     

                “พูดไม่รู้เรื่องเหรอคะ บอกว่าจบ!”ฉันตะคอกใส่หน้าเขาอย่างหมดความอดทน”ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจบไปนานแล้วและไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

     

                “ใคร?

               

                ฉันหันขวับมองตามพี่ออทัมไปแล้วก็พบกับพี่ไทม์คนที่เพิ่งบอกชอบฉันเมื่อแต่กี้ นี่ฟ้าเล่นตลกอะไรกับชีวิตของผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉันเนี่ย ทำไมต้องให้สองคนนี้มาปะทะกันด้วย โอย...ฉันซีเรียส

     

                ถึงฉันจะรู้ว่าปกติพี่ออทัมไม่ชอบเซ้าซี้และถ้าเขาใช้ลูกอ้อนแบบนี้แสดงว่าเรื่องนั้นต้องสำคัญมากจริงๆแต่ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับแฟนเก่าอย่างเขาอีกแล้ว  

     

                ฉันควรจะตัดเขาออกจากชีวิตสักทีถูกไหม!?

     

                “นี่แฟนใหม่ของซูเฟลเอง”

     

                “ฟะ...แฟน...ใหม่”เขาอึ้งจนพูดติดอ่าง

     

                “ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับซูเฟลได้แล้ว”

     

                “พี่ไม่เชื่อ”

     

                “คุณฟังไม่รู้เรื่องเหรอครับ ผมเป็นแฟนใหม่ของซูเฟล เราเป็นแฟนกัน เลิกยุ่งกับแฟนของผม!!!

     

                สมบทบาทมาก

     

                นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ปิ๊งไอเดียบอกว่าพี่ไทม์เป็นแฟนใหม่(กำมะลอ)เพื่อให้พี่ออทัมตัดใจจากฉันไปซะเพราะคนอย่างเขาที่เป็นถึงนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงคงจะหาแฟนใหม่ได้ไม่ยากจะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับฉันอีก มาทำให้หนักใจอยู่ได้ เพราะยิ่งฉันเจอหน้าเขามากขึ้นเท่าไร ความทรงจำระหว่างเราก็รื้อฟื้นติดตามากขึ้นเท่านั้น มันทรมาน

     

                “ผมไม่เชื่อ”

     

                ฟึ่บ

     

                พอสิ้นเสียงของพี่ออทัมรุ่นพี่ก็เอื้อมมือมาดันตัวฉันให้หันไปเผชิญหน้ากับในระยะประชิดแบบเนื้อต่อเนื้อ แล้วเขาก็ประกบริมฝีปากลงมาทาบทับริมฝีปากของฉันอย่างเร่าร้อนพร้อมโอบกอดฉันแน่น ตอนนั้นฉันตกใจมากจนร่างกายชาวาบไปทั้งตัวไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน แทบจะหยุดหายใจ ให้ตายสิ...ทำไมเขาถึงชอบทำให้หัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นส่ำแบบนี้ด้วยนะ

     

                ไม่ทันที่ฉันจะได้ตั้งตัวตั้งสติ รุ่นพี่ก็ปล่อยฉันออกจากพันธนาการของเขาแล้วหันหน้าไปพูดกับพี่ออทัมด้วยรอยยิ้มกวนๆอย่างที่เขาถนัด”เชื่อแล้วหรือยังครับ J

     

                “...”

     

                แกร๊ก!

     

                พอฉันแน่ใจว่าพี่ออทัมกลับไปแล้ว ฉันก็ไม่รอช้าออกปากว่าพระเอกของเรื่องที่ทำเกินบทบาท“นี่นาย ฉวยโอกาสกับฉันอีกแล้วนะ”

     

                “ก็คนเป็นแฟนกัน เขาก็ทำแบบนี้กันทุกคนนี่ครับ”

     

                “ฉันแค่โกหกเขาเท่านั้น แต่ความจริงแล้วฉันไม่ใช่แฟนนาย นายก็รู้นี่”

     

                “แล้วถ้าผมขอคุณหมอเป็นแฟนล่ะ?

     

                “พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย แล้วก็รู้เอาไว้ด้วยว่านายไม่มีสิทธิ์มาฉวยโอกาสกับฉันแบบนี้”

     

                “คำก็ไม่มีสิทธิ์ สองคำก็ไม่มีสิทธิ์”

     

                “ใช่ รู้ไว้ด้วยว่านายไม่มีสิทธิ์ในตัวฉัน”

     

                “แต่คุณหมอก็ต้องปลื้มผมบ้างแหละน่าไม่เช่นนั้นจะบอกแฟนเก่าเหรอว่าผมเป็นแฟนใหม่ คิกๆ”

     

                “หัวเราะอะไร อย่าได้ใจไปหน่อยเลย ฉันไม่ปลื้มนายสักนิดเดียว” 

     

                “แต่ผมก็จูบเก่งจนคุณหมอเคลิ้มใช่มั้ยล่ะครับ”เขาพูดพร้อมขยิบตา

     

                “พะ...พูดบ้าอะไรของนาย”

     

                “ผมจูบเก่งมั้ยครับคุณหมอ”

     

                “ไม่รู้”

     

                “งั้นลิ้มรสชาติจูบของผมอีกสักรอบดีมั้ยเอ่ย”

     

                เขาไม่เพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้นแต่ยังขยับตัวเข้ามาใกล้ๆจนฉันสะดุ้งโหยงและกระเถิบตัวห่างอย่างไว ฉันจะไม่ยอมให้รุ่นพี่ฉวยโอกาสเป็นครั้งที่สองหรอก ไม่มีวัน! ฉันเผลอทีไรรุ่นพี่ก็ถึงเนื้อถึงตัวตลอดเลย อยู่ใกล้รัศมีคนหล่อเพอร์เฟคแบบเขามันทำให้ฉันหวั่นไหว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะพุ่งออกมาจากอกบ่อยมาก มันจะเกี่ยวกับโรคหัวใจไหมเนี่ยแต่ฉันก็ไม่เคยเป็นเลยสักครั้งนี่เนอะแล้วฉันก็ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอเพราะกลัวจะเป็นโรคหัวใจเหมือนคุณพ่อ ถ้าเป็นขึ้นมาฉันจะเอาเรื่องรุ่นพี่ให้ถึงที่สุดเลย(เอ้า! ไหงเป็นผมไปได้ล่ะนี่)

     

                “ไม่!!! ถ้านายขยับเข้ามาอีก ฉันจะทุ้มนายลงพื้นจริงๆด้วย”

     

                “ฮ่ะๆๆ น่ากลัวจังเลยครับ”

     

                “ขำอะไร”

     

                “เปล่านี่”

     

                “นายนี่มัน... เฮ้อ!

     

                “ผมน่ารักใช่มั้ยครับ ผมรู้ตัวเอง”

     

                “ไม่น่ารักเลยสักนิด”

     

                “แค่พูดว่าน่ารักก็พูดไม่ได้ ปากแข็งชะมัดเลย”

     

                “ฉันพูดความจริงทุกอย่าง ไม่ได้ปากแข็ง กลับบ้านไปได้แล้ว”ฉันกวักมือไล่เขาอีกหน

     

                “พูดความจริงเรื่องที่เราเป็นแฟนกันด้วยสินะครับ”

     

                “ยกเว้นเรื่องนั้น กลับบ้านไป๊”ฉันรีบขัดรุ่นพี่ทันทีจนเขาหุบยิ้มกะทันหัน

     

                “ไม่กลับ ผมจะอยู่กับแฟนสุดที่รักของผม :P

     

                กร๊าซซซ

     

                อยากจะพ่นไฟออกจากปากเผาผมเขาให้ไหม้เกรียมไปสักแถบ คนอะไรกวนประสาทได้โล่

     

                ฉันทำผิดพลาดมหันต์ที่ออกปากบอกว่ารุ่นพี่เป็นแฟนใหม่(กำมะลอ) เขาต้องป่วนชีวิตฉันจนไม่เหลือความสงบสุขอีกต่อไปแน่ T_T 

     

                #พายฟู

     

                วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่ฉันต้องนอนพักฟื้นอยู่ในห้องพักของโรงพยาบาล ก็อย่างที่รู้กันว่าหลังจากฉันกลับจากบ้านบลูทูธก็ร้องไห้หนักจนไม่ได้หลับได้นอนเลยเป็นไข้หวัดใหญ่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่นี่ บลูทูธก็เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่างแม้ว่าฉันจะออกปากปฏิเสธเขาไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หนจนนับไม่ถ้วนแล้วแต่เขาก็ยังยืนยันที่จะทำจนกว่าฉันจะหายดี ถ้าพูดถึงคุณแม่พอเห็นฉันอยู่กับบลูทูธก็หมดห่วงเลยกลับไปทำงานได้ตามปกติโดยไม่ถามความคิดเห็นฉันสักคำ ทิ้งฉันให้อยู่กับเขาสองต่อสองทั้งวัน ถึงฉันจะไว้ใจบลูทูธว่าเขาจะไม่คิดทำอะไรมิดีมิร้ายกับฉันก็ตามแต่การอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้มันส่งผลเสียหัวใจของฉันน่ะสิ

     

                “นายไม่จำเป็นต้องมาดูแลฉันหรอก ฉันอยู่คนเดียวได้จริงๆ”

     

                “อยู่คนเดียวมันเหงา อยู่สองคนนี่แหละดีแล้ว”

     

                “ฉันไม่เหงาหรอก นายไปเรียนเถอะ”

     

                “เรื่องเรียนไม่สำคัญหรอกครับ ผมเป็นห่วงพายมากกว่า”

     

                ปกติบลูทูธเป็นคนที่ทุ่มเทกับการเรียนมากแต่พอเขาพูดขึ้นมาแบบนี้ก็ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาได้มากเลย มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาให้ความสำคัญ ฉันน่ะมีเพื่อนน้อยและบลูทูธก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยก็ว่าได้เพราะเขาไม่เคยทิ้งฉันแม้แต่สักครั้งเดียว ฉันตื้นตันจนน้ำใสๆรื้นไหลออกมาจากดวงตา

     

                “พาย...ร้องไห้ทำไม”

     

                “เปล่า”

     

                “ก็เห็นอยู่”

     

                “ฉันแค่ซาบซึ้งกับคำพูดของนายก็เท่านั้นเอง”

     

                “ขี้แยจริงๆนะเพื่อนคนนี้เนี่ย”บลูทูธขยี้ผมฉันเบาๆ

     

                ฉันควรจะชินกับสถานะเพื่อนระหว่างเราสักทีแต่ก็ไม่เคยทำได้ ฉันคงทำได้แค่แอบคิดอยู่แบบนี้และไม่อาจกล้าบอกเขาไป แม้มันจะเป็นแค่คำพูดสั้นๆแต่มันไม่ได้พูดกันง่ายๆเลยนะ ใช่! ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกเขาไปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเปลี่ยนแปลง เราสองคนอาจจะมองหน้ากันไม่ติดจนต้องกลายเป็นเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกัน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะต้องเสียใจมากแน่ๆ

     

                บลูทูธหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนโปรดที่เขามักพกติดตัวเสมอออกมาแล้วเช็ดน้ำตาให้ฉัน”หยุดร้องไห้ได้แล้วนะ ผมเห็นพายร้องไห้แล้วรู้สึกไม่ดีเลย”

     

                “อื้ม”

     

                “นายไม่เบื่อหรอที่ต้องมาเฝ้าคนป่วยอย่างฉัน”

     

                “ไม่เบื่อเลยครับ คิดมากอีกล่ะนะ เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นอีกหรอก”บลูทูธดุฉันเหรอนี่ เพิ่งเคยเห็นก็วันนี้เอง

     

                “ก็คนมันเป็นห่วงนี่”

     

                “อะไรนะ”เขาได้ยินไม่ชัดจึงถามพร้อมกระตุกคิ้วเข้ากันอย่างสงสัย

     

                “เปล่า”

     

                ของดีมีครั้งเดียว >///<

     

                “ทานอาหารมื้อเช้ากัน”บลูทูธเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นนางพยาบาลมาเสิร์ฟข้าวต้มถึงที่

     

                “นายไม่ได้ทานกับฉันแล้วทำไมต้องพูดคำว่ากัน

     

                “ก็ผมจะป้อนพายไงครับ”

               

                “มะ...ไม่ต้อง ฉันทานเองได้”

     

                “ขอผมป้อนนะครับ นะ นะ”เขาพูดพร้อมส่งสายตาวิ๊งๆ

     

                นานๆทีจะได้เห็นมุมน่ารักมุ้งมิ้งของบลูทูธแล้วมันก็ทำให้ฉันดีใจจนลอยเลยล่ะ ถึงในสายตาของใครหลายคนจะชื่นชอบพี่ไทม์มากกว่าบลูทูธ แต่สำหรับฉันบลูทูธเป็นผู้ชายหล่อที่นิสัยดี สุภาพบุรุษแม้จะดูนิ่งเงียบแต่จริงๆแล้วเป็นคนน่ารักแบบที่เห็น อาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมของเราสองคนด้วยเลยทำให้ฉันรู้สึกดีมากกว่า แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบพี่ไทม์หรอกนะ พี่ไทม์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่เข้าถึงยาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขากำลังจีบพี่สาวฉันอยู่ด้วยในขณะนี้จากที่ได้ข่าวมา

     

                นางพยาบาลยิ้มแป้นที่เห็นบลูทูธทำตัวน่ารักกุ๊กกิ๊กกับฉันเลยไม่อยากเป็นก้างขวางคอจึงรีบเดินออกไปเมื่อทำหน้าที่เสร็จ มีผู้ชายหน้าตาดีมาทำอะไรแบบนี้แถมยังต่อหน้าคนอื่นอีก ฉันเลยเขินอายจนแก้มแดงแปร๊ด

     

                “อายพยาบาล”

     

                 “ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลยครับ”

     

                “นายไม่อายแต่ฉันอายนี่”

     

                “ยังไงพยาบาลก็ไปแล้ว พายก็ไม่ต้องอายแล้วนะ”

     

                “นายก็อย่าทำสิ”ถึงฉันจะรู้สึกดีกับการกระทำของเขาแต่ก็สั่นไหวอยู่ดี

     

                “ทานข้าวต้มดีกว่า อั๊มมม”เขาเป่าข้าวต้มให้อุ่นลงก่อนจะป้อนเข้าปากฉัน

     

                ฉันเคยบอกเขาหลายร้อยรอบแล้วนะว่าฉันโตแล้วไม่ใช่เด็กอนุบาลแต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนมุมมองสักที

     

                ถึงข้าวต้มจะมีรสชาติจืดสนิทแต่พอมีคนมาป้อนให้แบบนี้ ฉันกลับทานได้อย่างไม่อิดออด

     

                “อร่อยล่ะสิ ทานได้เยอะเชียว”

     

                อร่อย...ตรงไหน!?

     

                “อื้ม”

     

                เพิ่งรู้ว่ามีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วย คนที่คิดว่าอาหารของโรงพยาบาลมีรสชาติอร่อย -_-;

     

                “อั๊มมม”

     

                “หมดแล้ว เก่งมากๆ”บลูทูธไม่พูดเปล่าปรบมือแปะๆให้อีกด้วย

     

                เหมือนที่ฉันบอกทุกประการเลยใช่ไหมล่ะ เขามองฉันเป็นเด็กน้อยอยู่ตลอดเวลาทั้งที่ฉันก็บรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้ว

     

                “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะบลูทูธ”

     

                “ไม่ใช่แต่ก็เหมือน^^

     

                “ไม่ๆๆ”ฉันทำหน้าบึ้ง

     

                “ก็พายน่ารักนี่ ยิ้มหน่อยนะ ยิ้มแบบนี้”บลูทูธพูดจบก็ยิ้มยิงฟันพร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นจิ้มที่มุมปากเห็นฟันซี่ขาวๆจนฉันอดยิ้มตามไม่ได้

     

                “นี่ผ้าเช็ดปาก”

     

                “ดื่มน้ำครับ”

     

                “ทานผลไม้มั้ยเดี๋ยวผมปอกเปลือกให้”

     

                ทั้งพี่ไทม์และบลูทูธถึงจะมีฐานะเป็นถึงลูกชายลูกนักธุรกิจหมื่นล้านแต่เขาก็ทำตัวเป็นพ่อบ้านที่ดีเชียวล่ะ ทำอาหาร งานบ้านไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด ฉันเคยไปบ้านของบลูทูธอยู่หลายครั้งเลยได้สังเกตอะไรหลายๆอย่าง และก็สังเกตได้จากในขณะนี้เขาบริการฉันเหมือนกับว่าฉันเป็นเจ้านายเขาอะไรประมาณนั้น

                 

                ไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยปากตอบตกลงหรือปฏิเสธ เขาก็คว้ามีดที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์มาปอกเปลือกแอปเปิ้ลกระต่ายอย่างประณีต นี่เขาปอกผลไม้ให้ฉันทานหรือกำลังประกวดการแข่งขันรายการโทรทัศน์อยู่เนี่ย

     

                “ผมไม่ได้ทำนานแล้ว น่ารักมั้ยครับ”เขายื่นแอปเปิ้ลชิ้นหนึ่งที่ปอกเสร็จแล้วให้ฉันดู

     

                “น่ารักจัง”

     

                พอฉันพูดจบบลูทูธก็ป้อนแอปเปิ้ลใส่ปากฉันแบบไม่ทันได้ตั้งตัวไม่เช่นนั้นฉันคงจะปฏิเสธเขา แต่มันเข้าปากมาแล้วเลยไม่สามารถจะพูดได้ พูดไปก็เป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี จะให้คายก็เสียมารยาทอีก

     

                ฉันไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเขาหรอกแค่เกรงใจก็เท่านั้นเอง ในเมื่อเขาทำดีกับฉันมาโดยตลอด

     

                “อร่อยมั้ย”

     

                “หวานอร่อย แต่ฉันว่านายไม่ต้องบริการฉันขนาดนี้ก็ได้นะ”

     

                “พายไม่ชอบหรอ”

     

                “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันเกรงใจนาย”

     

                “ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมเต็มใจ”

     

                ฉันรู้แต่ฉันก็อดเกรงใจไม่ได้ทุกที

     

                “พาย”

     

                “มีอะไรหรอ?

     

                “คือ...”บลูทูธขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆในระยะประชิด เขาอ้าปากค้างไว้อย่างนั้นเหมือนกำลังพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากรู้เข้าไปอีก

     

                ”อะไร?

     

                “เปล่าไม่มี”

     

                “ต้องมีสิ”

     

                “ช่างมันเถอะ”

     

                 “แค่นี้ก็บอกไม่ได้“ฉันทำหน้าจ๋อยสนิท

     

                “ผมคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควรต่างหากล่ะ เดี๋ยวพายก็รู้เอง”

     

                “บอกตอนนี้เลยไม่ได้หรอ บอกตอนนี้นะ”

     

                “ก็บอกไม่ได้ไงครับ เด็กน้อยคนนี้นี่ดื้อจริงๆเลยนะ”

     

                แล้วนายจะเกริ่นนำมาให้ฉันอยากรู้ทำไมเนี่ย

     

                “ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”

     

                “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ”เขาหัวเราะเบาๆ

     

                “ทำไมนายถึงชอบมองว่าฉันเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย”

     

                “เพราะเธอน่ารัก”

     

                O[ ]o

     

                เขาบอกว่าฉันน่ารัก...

     

                ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม หรือว่าตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่ หรือว่า... หรือว่า... โอย ฉันจะเป็นลม

     

                “นะ...นาย...วะ...ว่าอะไรนะ”

     

                “ฉันบอกว่าเพราะเธอน่ารัก

     

                ฉันกำลังฝันไป ใช่ ต้องใช่แน่ๆ

     

                ฟุ่บ

     

                อยู่ๆโลกทั้งใบก็ดับวูบ...         










    ทักทาย

    สวัสดีจ้า นักอ่านทุกๆคน กลับมาพบกันอีกแล้วเนอะ
    ตอนนี้ส่วนตัวแพรว
    ชอบมากที่สุดเลยจากที่แต่งมา พระเอกเล่นลิ้น
    กวนประสาทได้ใจ มี
    ฉากจูบปากด้วย <3 ฉากจูบตามมาติดๆกันเลยแฮะ
    ช่างน่า
    ชวนฟินอะไรเช่นนี้ คู่รองก็ช่างดูหวานแหววมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว
    และเราก็มี
    ข่าวร้ายคืออัพตอนนี้เสร็จแล้ว อาจจะต้องรออีกนานเลยกว่า
    เราจะกลับมาอัพอีกเพราะ
    ติดเรียน งานยุ่งมว๊ากกก  -__-; แต่สัญญาเลยว่า
    ถ้ามีเวลาจะพยายามอัพให้จนกว่าจะเสร็จตอนที่ 7 ที่สำคัญเราก็มี
    ข่าวดี...
    ไม่บอกดีกว่า มันเป็นเซอร์ไพรส์! ถ้าไม่มีอะไรขัดข้องปลายมกรารู้แน่
    เม้น = 1 กำลังใจ อย่าให้เมคเกอร์ต้องเสียความตั้งใจ
    ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นค่ะ
    คนเม้นทุกคนเลยนะ เม้นดีๆ โค-ตะ-ระรักเลย






     




    M U S I C CAFE : LUN LA



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×