ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Change your heart ดักจองหัวใจยัยตัวร้ายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 แค่เพื่อน (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 308
      1
      11 ธ.ค. 59



    THE? FARRY







     








    Chapter 2

    - แค่เพื่อน -

     

             

                      

     

                #พายฟู         

                      

                แนะนำตัวนิดนึงค่ะ ฉันชื่อพายฟูเป็นน้องสาวของพี่ซูเฟล ตอนนี้เรียนอยู่ปีหนึ่ง คณะศิลปศาสตร์ ถึงจะมีพี่สาวเป็นถึงว่าที่คุณหมอแต่ฉันก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถเหมือนพี่หรอกนะ เรามีความสนใจคนละด้านคนละอย่างซึ่งผิดกันอย่างสิ้นเชิง ฉันรักศิลปะ ชอบที่ได้จินตนาการสร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน ตอนนี้ก็มีผลงานภาพวาดในนามปากกาพราว(มาจากชื่อจริงของฉันคือพราวเพลิน) ที่สำคัญผลงานชิ้นเอกที่ฉันบรรจงวาดมันออกมาได้โชว์อยู่ในแกลอรี่ชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจยิบย่อยของครอบครัววัฒนาวิไลกุลหรือครอบครัวของบลูทูธด้วยล่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากๆเรื่องหนึ่งเลย

     

                อย่างที่รู้กันว่าบลูทูธเป็นเพื่อนของฉัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ด้วยความชอบหลายๆอย่างสปาร์คกันเราสองคนเลยสนิทสนมเข้ากันได้ดีจนวันนี้ แม้บลูทูธจะเรียนคณะสถาปัตยศาสตร์คนละคณะกับฉันก็ตามแต่เราก็มีเวลามาพบปะหารือกันอยู่เสมอๆ

     

                วันนี้เป็นวันหยุด ฉันเลยขอคุณแม่มาบ้านบลูทูธ ซึ่งคุณแม่ก็อนุญาตเหมือนเคย คุณแม่ของฉันแอบปลื้มบลูทูธไม่น้อยเลยล่ะก็ดูเจ้าตัวสิทำตัวน่ารักทำตัวออดอ้อน เข้ากับคนง่ายแบบนี้ เขาเลยมีเพื่อนมากและยังมีผู้ใหญ่รักและเอ็นดูมากอีกด้วย

     

                และที่ประจำของฉันก็คือที่ริมระเบียงห้องบลูทูธซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้าน ฉันชอบมานั่งกินลมชมวิวตรงนี้อยู่บ่อยๆในเมื่อที่นี่บรรยากาศดีและมีวิวธรรมชาติสวยๆสบายตา มีแจกันดอกไม้ลายแกะสลักอย่างละเมียด ดอกไม้กลิ่นหอมสีสบายตาวางประดับอยู่บนโต๊ะน้ำชาและยังมีกระถางดอกไม้สองสามใบแขวนเรียงรายอยู่บนเพดาน ลมอ่อนๆก็โชยพลิ้วกระทบกับใบหน้า ร่มรื่นสุดๆ

     

                “จิตรกรตัวน้อยทำไรอยู่”

     

                พูดถึงก็มาเลยแฮะ ^_^

     

                “วาดรูปวิวตรงนั้นน่ะ”ฉันชี้ไปตรงสวนดอกไม้ติดภูเขาบวกกับฟ้ายามพระอาทิตย์ตกบริเวณคฤหาสน์ของครอบครัวบลูทูธซึ่งกินพื้นที่ในละแวกนี้ไปหลายร้อยไร่

     

                “บ้านผมวิวสวยล่ะสิ”

     

                “อื้มสวยมาก ขอบใจนะที่ชวนมา”

     

                “ไม่เป็นไรเลย ถ้าชอบก็มาบ่อยๆนะ"

     

                “อย่าเลย พายเกรงใจ”

     

                ปกติฉันก็มาที่นี่ค่อนข้างบ่อยอยู่แล้ว จนเริ่มคุ้นเคยกับความกว้างขวางและหรูหราของบ้านเขาแล้วแต่ก็ยังจำไม่ได้ทุกซอกทุกมุมหรอกนะเพราะบ้านเขาใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ ฉันเคยเดินคนเดียวจนหลงเลย บ้านหรือเขาวงกตเนี่ย! กลัวแทบแย่ แต่ยังดีที่บลูทูธออกมาตามหาฉันจนเจอได้ในเวลาไม่นานก็มันเป็นบ้านของเขานี่เนอะ เขาเกิดและเติบโตในบ้านหลังนี้ เขาย่อมรู้ทางเป็นอย่างดี นอกจากนี้ฉันยังสนิทกับคนในครอบครัวและแม่บ้านจำนวนหลายสิบคนในระดับหนึ่ง ฉันยอมรับว่ามาที่นี่แล้วสบายใจมากแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ให้มาบ่อยกว่านี้ฉันคงเกรงใจแย่

     

                “เกรงใจอะไรกัน”บลูทูธหยิกแก้มฉันเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

     

                ฉันแกล้งทำหน้าบึ้งใส่ จริงๆก็ไม่พอใจเท่าไรที่ใครๆก็ชอบมองฉันเป็นเด็กน้อยอยู่ตลอดแบบนี้แต่เริ่มชินแล้วล่ะเพราะทุกคนมองฉันเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งคุณแม่กับพี่สาว ถึงฉันจะตัวเล็กแต่ฉันโตเป็นสาวแล้วนะแล้วก็สวยน่ารักมากๆด้วย-.,- (ได้ทีชมตัวเอง)

     

                “เกรงใจคุณหนูบลูทูธอ่ะค้าบบบ”ฉันแกล้งเลียนแบบเสียงบิลทำเราทั้งสองคนขำพร้อมๆกัน

     

                ฮ่าๆ~

     

                “พอๆ ระบายสีต่อเลยค้าบบบ”

     

                ฉันจุ่มพู่กันลงในถาดสีแล้วระบายสีท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตก ปกติฉันชอบวาดรูปวิวธรรมชาติอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยเอาไปโชว์กับเขานักเพราะรูปประเภทนี้มีมากแล้ว ฉันอยากสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มันแปลกใหม่และดูน่าสนใจกว่านี้แต่ฉันยังไม่มีความคิดบรรเจิดเกิดขึ้นเลย

     

                “ดูกี่ทีๆก็...”บลูทูธเว้นวรรคไว้

     

                “ก็...???”ฉันถามพร้อมมองหน้าเขาอย่างใจจดใจจ่อ

     

                “ก็สวยมาก”

     

                “เราต้องเขินสินะ^^”ฉันอมยิ้ม

     

                “รูปภาพเริ่มจะเสร็จสมบูรณ์แบบแล้วนี่ สวยไม่มีที่ติจริงๆ”

     

                “ยังไม่เสร็จจ้ะ เดี๋ยวเสร็จก่อนค่อยชม”

     

                “จะชมตอนนี้หรือตอนไหน ผมก็ยืนยันว่าสวยอยู่ดี”

     

                เคลิ้ม > <

     

                เขามักจะชมผลงานของฉันอยู่เสมอเลยล่ะ มันทำให้มีแรงบันดาลใจและกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันสวยงามแต่ละชิ้นๆออกมาได้ บางครั้งเขาก็แสดงความคิดเห็นวิจารณ์ติชมผลงานบ้างแต่มันก็เป็นเรื่องดีที่ฉันจะได้แก้ไขปรับปรุงให้ผลงานมันดีขึ้นแบบสวยไม่มีที่ตินั่นล่ะ

     

                “ชมจนลอยได้แล้วนะ”

     

                “ก็มันเป็นความจริง”

     

                เพื่อนฉันคนนี้ช่างปากหวานหยาดเยิ้มจนมดขึ้นตลอดเลย

     

                เอ้อ! จริงด้วย

     

                ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าพี่นิวเยียร์ฝากให้ฉันมาคุยเรื่องไปพักผ่อนหน้าร้อนที่รีสอร์ทริมชายหาดซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบ้านบลูทูธนี่ จากที่ฉันได้ยินมารีสอร์ทแห่งนี้อยู่ที่พัทยา จังหวัดชลบุรีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเป็นอย่างมากเพราะนอกจากความหรูหราและบรรยากาศดีแล้ว รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเขาก็ใส่ใจทำให้มันออกมาดีเยี่ยม ฉันประทับใจมากๆเลยล่ะในเรื่องของการออกแบบตัวรีสอร์ท เห็นว่าได้รับการออกแบบจากนักออกแบบชื่อดังขั้นเทพเลยก็ว่าได้ แต่ก็นะต้องให้ไปถึงที่ก่อนจึงจะซาบซึ้งจับใจอย่างแท้จริง ยิ่งคิดก็อยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ>O<

     

                “บลูทูธ ปิดเทอมซัมเมอร์นี้ฉันและพี่ๆจะไปเที่ยวรีสอร์ทของนายที่พัทยาน่ะได้มั้ย”

     

                “ได้อยู่แล้วครับ”

     

                “ยังไงก็ช่วยจัดการจองที่พักไว้ให้ด้วยนะ”

     

                “ไม่ต้องห่วงนะพาย เดี๋ยวผมจัดการให้”

     

                “ใจดีจังนะเนี่ย”

     

                “มีใครไปบ้างหรอ”

     

                “หลายคนเลยทั้งฉัน พี่ซูเฟล พี่วาวา พี่นิวเยียร์ นายจะชวนเพื่อน พี่น้องนายไปด้วยก็ได้นะ”

     

                “น่าสนุกจังนะครับ”

     

                “พักผ่อนทั้งที ก็เลยอยากไปเที่ยวในที่สงบๆ วิวสวยๆน่ะ”

     

                “ให้ผมเป็นไกด์นำเที่ยวให้ก็ได้นะ ผมรู้จักทุกซอกทุกมุมของรีสอร์ทเลย”

     

                “มันก็แน่อยู่แล้วนี่ ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทไม่รู้ได้ยังไงล่ะใช่มั้ย”

     

                “ก็ถูกอีก นี่พายที่นั่นมีวิวสวยๆให้วาดรูปมากมายเลยนะ”

     

                “ตื่นเต้นจัง อยากไปไวๆ”

     

                “อีกไม่กี่วันก็ได้ไปแล้ว ผมจะจัดการทุกอย่างให้อย่างดีเลยครับ”

     

                “ขอบใจนายมากๆ ซึ้งจัง”

     

                “ไม่เป็นไรหรอก พักแบบไม่ต้องจ่ายเงินก็ยังได้”

     

                “นี่ไม่ได้นะ ธุรกิจน่ะ ธุรกิจ!

     

                “พายนี่เกรงใจไปได้”บลูทูธขำอีกครั้งกับท่าทางของฉัน

     

                “ไม่ให้ฉันเกรงใจได้ยังไงล่ะก็นายดีกับฉันตลอดเลย”

     

                “ก...ก็เราเพื่อนรักกันนี่ครับ”

     

                เพื่อนรัก

     

                นั่นสินะ เราสองคนเป็นเพื่อนและคงเป็นได้แค่เพื่อนกันแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เท่านั้นเอง ฉันก็เคยแอบคิดไว้เหมือนกันนะความสัมพันธ์ระหว่างเราจะพัฒนาขึ้นไปได้เกินกว่าคำว่าเพื่อนแต่ฉันก็ต้องเลิกคิดอย่างกะทันหันเพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอก บลูทูธเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา ฐานะ การเรียน กีฬาและอื่นๆอีกมากมาย เขามีผู้หญิงเข้าหาท่วมท้นมากหน้าหลายตามาให้เลือกไม่เว้นแต่ละวันและส่วนใหญ่ก็หน้าตาดี มีชาติตระกูลกันทั้งนั้น แล้วฉันล่ะก็แค่จิตรกรสาวคนหนึ่งที่ไม่ได้มีดีไปกว่าคนอื่นเลยสักนิด ไม่ได้มีอะไรเลิศหรูน่าสนใจมากมาย L

     

                และที่สำคัญเขาคงคิดกับฉันแค่เพื่อนเท่านั้นเอง คงไม่คิดเกินเลยไปกว่านั้นเหมือนที่ฉันคิดหรอก บางทีฉันก็ว่าตัวเองอยู่บ่อยครั้งที่แอบคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิท แต่เรื่องแบบนี้จะให้เลิกคิดกันง่ายๆ ฉันทำไม่ได้หรอก 

     

                ฉันก็ยังไม่แน่ใจนักว่าฉันรู้สึกลึกซึ้งแบบคู่รักกับบลูทูธจริงๆหรือเปล่า แต่การกระทำของเขาทุกอย่างที่ดีกับฉัน มันทำให้ฉันสบายใจ มีความสุขเสมอมาตลอดระยะเวลาที่เรารู้จักกัน แต่มันอาจจะเป็นแค่ความหลงใหลได้ปลื้มชั่ววูบก็ได้มั้ง ตอนนี้ฉันสับสนว้าวุ่นไปหมด อาจจะเพราะว่าไม่เคยมีความรักเป็นจริงเป็นจริงกับเขาด้วย คนมาจีบมันก็มีบ้างหรอก แต่ฉันก็ไม่เคยคิดจะสนใจ ไม่คิดเรื่องหาแฟนในเวลานี้เวลาที่ฉันยังเรียนไม่จบ ฉันก็เลยยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยสักคน ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าความรักมันเป็นยังไงกันแน่ แล้วเรื่องระหว่างฉันกับบลูทูธมันก็เกิดความรู้สึกแบบนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนแรกฉันไม่เคยคิดกับบลูทูธแบบนี้หรอกนะ เมื่อก่อนฉันคิดกับเขาแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเองแต่แล้วเมื่อเวลามันผ่านความรู้สึกมันก็เปลี่ยน

     

                “ใช่มั้ย”บลูทูธเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นฉันนั่งเงียบไปนานหลังจากที่เขากล่าวประโยคเมื่อครู่ขึ้น

     

                “อื้ม เราเป็นเพื่อนกัน”

     

                ความคิดหลายหลากพรั่งหรูเข้ามาในหัวจนทำให้ฉันรู้สึกเสียใจเหมือนจะร้องไห้เสียบัดเดี๋ยวนี้เพื่อระบายมันออกมาพร้อมน้ำตาให้หมด แต่ก็พยายามกลั้นอดทนเอาไว้ ฉันจะไม่แสดงสีหน้าหรือร้องไห้ให้บลูทูธเห็นเด็ดขาด ฉันไม่อยากให้เขาต้องมาลำบากใจหรือคิดมากเพราะฉัน

     

                ไม่พอใจตัวเองเหมือนกันที่แค่คำพูดประโยคเดียวที่ไม่หยาบคายเลยแม้แต่น้อยกลับทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ ฉันนี่มันขี้แยที่สุดเลย

     

                ฉันรีบเก็บข้าวของอุปกรณ์ทุกอย่างเก็บเข้ากระเป๋าเป้อย่างร้อนรนทำให้บลูทูธขมวดคิ้วยุ่งเข้าหากันทันทีด้วยความสงสัย แต่ฉันก็ไม่สนใจ ฝืนยิ้มให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ในตอนนี้

     

                “เรากลับบ้านก่อนนะ”

     

                “รีบร้อนจัง มีอะไรหรือเปล่า”

     

                “ไม่มี”

     

                ฉันรีบพุ่งตัวจะเดินออกจากห้องแต่บลูทูธก็คว้าข้อมือดึงให้ฉันหันไปประจันหน้ากับเขา”เดี๋ยวผมขับรถไปส่งนะ”

     

                “ไม่! ไม่ต้องหรอก”

     

                “ให้บอร์ดี้การ์ดไปส่งก็ได้”

     

                “อื้ม”

     

                ตอนแรกฉันก็กะจะปฏิเสธอยู่หรอกแต่พอคิดพินิจพิจารณาให้ดีแล้ว ให้บอร์ดี้การ์ดของบลูทูธไปส่งดีกว่า ในเมื่อตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วมันอันตราย จะให้ฉันไปโบกแท็กซี่คนเดียวปล่าวเปลี่ยวเดี๋ยวมีใครมาฉุดไปฆ่า ไปข่มขืน ผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่มีอาวุธหรือความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้แม้แต่นิดเดียวอย่างฉัน พวกการชก ต่อย ตบ ตีนั้นฉันไม่ถนัดเลย ฉันคงรับมือกับพวกผู้ร้ายไม่ไหวแน่

     

                บลูทูธเรียกบอร์ดี้การ์ดคู่ใจอีกคนมาแทนบิลที่ไปติดตามพี่ไทม์พี่ชายของเขาอยู่ บิลเป็นบอร์ดี้การ์ดคู่ใจคนโปรดของพี่น้องทั้งคู่รวมถึงน้องสาวคนเล็กที่ชื่อทิชาด้วย ได้ยินมาว่าเขาเป็นบอร์ดี้การ์ดของครอบครัวนี้มาตั้งแต่พี่ไทม์และบลูทูธยังเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่เลย จึงได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างดีให้ช่วยเป็นหูเป็นตาและช่วยดูแลลูกๆทั้งสามคนของคุณลุงคุณป้า

     

                หนุ่มร่างบึกบึนเดินมาหาเขาอย่างว่าง่ายแล้วบลูทูธก็สั่งให้พาฉันไปส่งที่บ้านแต่คำพูดที่เขาเอ่ยออกมาดูเป็นประโยคขอร้องเสียมากกว่า

     

                “ช่วยไปส่งพายฟูให้ถึงบ้านด้วยนะครับ”

     

                “ได้ครับ ไม่มีปัญหา”

     

                “ฝากด้วยนะครับ”

     

                พอบลูทูธตกลงกับบอร์ดี้การ์ดคนนั้นเสร็จ เขาก็เอี้ยวตัวหันมาหาฉันทันควันจนฉันต้องรีบก้มหัวหงุดทำเป็นมองพื้นเพื่อหลบสายตาคู่นั้นที่คุ้นเคย

     

                “พายฟู”

     

                “อือ”

     

                “กลับบ้านอย่างปลอดภัยนะ”พอเขาพูดจดฉันก็พยักหน้ารับ 

     

                 บลูทูธเดินมาส่งฉันที่หน้าบ้านของเขาแล้วไม่นานบอร์ดี้การ์ดหนุ่มร่างสูงที่สวมชุดทักซิโด้ สวมแว่นดำมิดชิดนั่นก็ขับรถบีเอ็มมาจอด เปิดประตูให้ฉันเดินเข้าไปนั่งที่เบาะหลังรถแถมยังโค้งตัวเคารพให้อีกต่างหาก

     

                ฉันไม่หันกลับไปมองบลูทูธอีก ไม่อยากให้ภาพเขามันตรอกย้ำหัวใจของตัวเองซ้ำอีกครั้ง ตั้งแต่วันนี้ไปฉันควรจะพยายามบอกตัวเองไว้ซะว่าเราเป็นได้แค่เพื่อน เพื่อนเท่านั้น

     

                ตลอดทางที่รถแล่นมาภายในรถช่างเงียบสงัด ฉันได้แต่นั่งเหม่อลอยมองภาพข้างทางผ่านกระจกรถไปเรื่อยเปื่อยและสุดท้ายหลังจากบอร์ดี้การ์ดหนุ่มส่งฉันถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้ว น้ำตาที่กลัดกลั้นเอาไว้ก็ไหลรินหยดลงผล็อยๆ ดีนะที่คุณแม่อาบน้ำอยู่ทำให้ฉันเดินขึ้นห้องไปได้โดยไม่ต้องหนีหน้าคุณแม่ให้ท่านต้องเป็นห่วง บ้านของเราอยู่กันสองคนคือฉันกับคุณแม่ส่วนพี่ซูเฟลขอย้ายออกไปอาศัยอยู่คอนโดใกล้โรงพยาบาล ส่วนคุณพ่อของฉันเสียไปด้วยโรคหัวใจตั้งแต่ฉันยังเด็กประมาณสิบสี่ขวบยังเรียนอยู่มัธยมต้น เท่าที่ฉันจำความได้เมื่อก่อนคุณพ่อและคุณแม่ของเรารักกันมาก เป็นความรักที่อบอุ่นและหวานแหววมากจนน่าอิจฉา ถึงจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างแต่ก็ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ด้วยดี สร้างครอบครัวที่อบอุ่นของเราขึ้นมา ถึงแม้จะไม่มีคุณพ่อแล้วแต่คุณแม่ก็ไม่เคยแลเหลียวไปรักผู้ชายหน้าไหนอีกเลย ท่านมอบหัวใจอันบริสุทธิ์ให้คุณพ่อคนเดียวตลอดมา ถ้าฉันมีความรักสวีทหวานแบบคุณพ่อคุณแม่บ้างก็คงจะดี

     

                ฮึก ฮือ TTOTT

     

                เฮ้อ! ความรักที่วาดฝันไว้ดั่งในเทพนิยาย มีเจ้าชายมีเจ้าหญิงมันก็แค่ฝันลมๆแล้งๆเท่านั้นเอง ความรักในความจริงมันไม่ได้ปุ๊บปั๊บง่ายดายเหมือนกันเลยสักนิด

     

                ตู๊ด ตู๊ด~

     

                - บลูทูธ -

     

                แค่เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาก็ทำให้ฉันผวาดผวามากแล้วแต่พอเห็นชื่อปลายสายเท่านั้นล่ะ ฉันแทบหายใจไม่ออกเลยทีเดียว ฉันได้แต่มองหน้าจอและกุมโทรศัพท์ด้วยมือที่สั่นเทาค้างไว้อย่างนั้นแต่ก็ไม่กดรับสาย ถึงจะไม่อยากให้เขาสงสัยหรือคิดมากแต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะรับสายในตอนนี้จริงๆ

     

                ตู๊ด ตู๊ด~

     

                ตู๊ด ตู๊ด~

     

                ติ๊ด

     

                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ฉันต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างลำบากเลยตัดสินใจปิดเครื่องหนีปัญหาเสียเลย

     

                ถึงเขาจะสงสัยแต่ฉันก็ยังมีข้ออ้างมาบอกเขาอยู่ดีว่าทำไมถึงปิดเครื่องและมันคงจะฟังดูน่าเชื่อถือกว่า แต่ถ้าฉันรับสายฉันก็ไม่รู้จะบอกและอธิบายเขาว่ายังไงดี อย่างว่าฉันกับบลูทูธรู้จักกันมาหลายปีทำให้เราต่างรู้นิสัยของกันและกันว่าเป็นยังไงประมาณว่ารู้ถึงไส้ถึงพุงกันเลยแล้วฉันก็โกหกไม่เก่งด้วย ชอบแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาทางสีหน้าและน้ำเสียงตลอดเลย ถ้าเราคุยกันตอนนี้เขาจะต้องจับได้ชัวร์ว่าฉันกำลังร้องไห้

     

                พอเสียงโทรศัพท์เงียบไปแล้ว ฉันค่อยสบายใจขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยแต่มันก็ไม่ได้ดีไปเลยทีเดียว ตอนนี้ฉันนั่งนิ่งคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้เพ้อเจ้อไปตามประสาอยู่บนเตียง จนทำให้มันยิ่งซ้ำเติมตัวเองวกวนไปมาอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งฉันคิดได้ว่าถ้าคุณแม่เข้ามาเห็นฉันในสภาพนี้คงจะไม่ดีแน่ ฉันเลยรีบล้างหน้าล้างตาให้ใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตากลับมาสดใสเหมือนเดิมแม้ว่าในใจจะไม่สดใสตาม

     

                ก๊อก! ก๊อก!

     

                นั่นไง! อย่างที่คาดไว้เลย

     

                 “พายฟูหลับแล้วยังลูก”

     

                “ยังค่ะแม่”

     

                เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อยแต่สามารถเรียกสติสตังของฉันกลับคืนมาได้มากเลยล่ะ ฉันจึงไม่ลีลาชักช้าอยู่รีบปรี่ตัวเดินไปเปิดประตูห้องให้คุณแม่ที่ยืนรออยู่หน้าห้องให้เดินเข้ามา ท่านตรงเข้ามาลูบศีรษะฉันอย่างเอ็นดูด้วยความรักใคร่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย

     

                “เรียนเหนื่อยไหมลูก พักผ่อนบ้างนะเราน่ะ”

     

                “นิดหน่อยค่ะ ส่วนพักผ่อนพายฟูกับพี่ๆนัดกันไปรีสอร์ทที่พัทยาสัปดาห์หน้าค่ะ”ฉันตอบยิ้มๆ

     

                “แม่ต้องอยู่คนเดียวใช่มั้ยเนี่ย -*-

     

                “คุณแม่จะไปด้วยก็ได้นะคะ”

     

                “แม่ล้อเล่นจ้ะ พายฟูได้ไปเที่ยวบ้างแม่ก็ดีใจแล้ว”

     

                “ที่นั่นเป็นรีสอร์ทของครอบครัวบลูทูธเองค่ะ”

     

                “อ๋อ บลูทูธสุดหล่อคนนั้นนี่เอง ดีแล้วเขาจะได้ช่วยดูแลลูกด้วย”

     

                เห็นมั้ย คุณแม่ฉันน่ะชื่นชอบบลูทูธมากๆเลย

     

                “คุณแม่ดูชอบเขาจังเลยนะคะ”

     

                “ก็เขาเป็นเพื่อนที่ดีกับหนูนี่จ้ะ แม่ก็ต้องรักต้องชอบเป็นธรรมดา”

     

                เพื่อน

     

                ฉันสะดุดกับประโยคนี้จนสีหน้าเริ่มเปลี่ยนกลับมาเครียดเหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ มันก็แค่คำพูด มันก็แค่วาจาที่เปล่งออกมาจากปากแล้วก็ลอยหายไปในอากาศเท่านั้นเอง ทำไมฉันถึงต้องแคร์มันมากขนาดนี้ด้วยนะ!?

     

                “ลูกไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดๆ”คุณแม่ซักถามด้วยความเป็นห่วง

               

                “พายฟูแค่มึนๆนิดหน่อย เดี๋ยวนอนหลับพักผ่อนก็น่าจะหายค่ะ”

     

                “ทานยาดีมั้ยจ้ะ”

     

                “ไม่ดีกว่าค่ะ”

     

                “มีอะไรไม่สบายใจก็ระบายให้แม่ฟังได้เสมอนะ”คุณแม่บอกด้วยรอยยิ้ม

     

                “ค่ะ”

     

                ถึงฉันจะรู้สึกอึดอัดที่ต้องอัดอั้นเรื่องราวระหว่างฉันกับบลูทูธไว้ ไม่ยอมบอกเลาสหรือระบายให้ใครฟังไม่ว่าจะคุณแม่หรือพี่สาวก็ตาม ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเขาทั้งสองคนหรอกนะแต่ฉันไม่กล้าพอที่จะเล่าให้ฟังในตอนนี้จริงๆ ฉันอยากเก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียวเพราะยังไงเรื่องระหว่างเราสองคนก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องระหว่างเพื่อนที่ฝ่ายหนึ่งคิดกับอีกฝ่ายเกินเลยไปกว่านั้น ฉันคิดไว้ว่าเมื่อฉันทำใจที่จะเลิกคิดกับเขาแบบนั้นได้เมื่อไร เรื่องราวพวกนี้ก็จะหายไปจากชีวิตฉันเอง ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มนั่งฝันเพ้อเจ้ออยู่บ่อยๆแบบนี้

     

                ทั้งที่ไม่มีหวังแต่ฉันก็ยังคิดอยู่นั่น!

     

                “งั้นแม่ไม่รบกวนแล้วนะ ให้ลูกได้พักผ่อน”

     

                “แม่คะ”

     

                “มีอะไรจ้ะ”

     

                “หนูรักแม่นะคะ”

     

                ฉันเข้าสวมกอดคุณแม่แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง คุณแม่เอื้อมมือเข้ามาลูบหลังปลอบแล้วโอ๋ฉัน มาคิดดูแล้วฉันมันก็เหมือนเด็กอย่างที่คนอื่นว่า ถึงจะอยู่ปี1แล้วแต่ฉันก็ยังอ่อนแอ ร้องไห้ง่ายและแก้ปัญหาไม่เก่ง เหมือนที่ฉันกำลังอยู่ตอนนี้ ฉันทำได้แค่ร้องไห้แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาเลยก็ตาม
     

                “แม่ก็รักลูก นอนได้แล้วนะคนดีของแม่”

     

                “ลูกของแม่ต้องเข้มแข็งรู้ไหม หยุดร้องไห้ได้แล้ว”

     

                หนูจะพยายามค่ะ     

                      

     

                






     





     

     

    ทักทาย
     

    สวัสดีค่าาา มาอัพแล้วตามเม้นนะคะ
    ตอนนี้ออกรส
    ดราม่ากันแล้วตั้งแต่เริ่มเลยแฮะ ^^
    คู่นี้ยังมีดราม่าอีกเยอะค่ะ
    สวีทหวานนั้นมีแน่นอนในไม่ช้านี้
    ถ้าอยากรู้
    ติดตามตอนต่อๆไปแล้วกัน เดี๋ยวจะรู้ว่าคู่นี้จะหวานกัน
    แค่ไหนกันเชียว ฝากด้วยนะคะระหว่างพายฟู บลูทูธ <3

     เม้น = 1 กำลังใจ อย่าให้เมคเกอร์ต้องเสียความตั้งใจ
    ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นค่ะ
    คนเม้นทุกคนเลยนะ เม้นดีๆ โค-ตะ-ระรักเลย
















    M u s i c ' B u r n


     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×