ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Change your heart ดักจองหัวใจยัยตัวร้ายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : Prolouge (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 58




    © Tenpoints!

















     

    Prologue
     

    อย่าให้ตัวเองจมปลักอยู่กับอดีต
    อย่าปล่อยให้ชีวิตนั้นท้อแท้หมดหวัง
    เมื่อความรักที่ได้มาไม่จีรัง
    ก็ใช่ว่า ชีวิตต้องพังตามกันไป
    สูดลมหายใจเข้าไปให้ชุ่มปอด
    ให้อากาศมันเล็ดลอด เพื่อทำให้ใจนั้นสงบเข้าไว้
    แม้วันนี้เจ็บ แต่ยังมีพรุ่งนี้ ให้ก้าวเดินต่อไป
    แค่บอกตัวเอง ลุกขึ้นสู้เพื่อวันใหม่ ที่เข้ามา





     

     

     

     

                วันครบรอบสามปีของเรามาถึงแล้วสินะ ฉันมองดูปฏิทินที่โต๊ะข้างเตียงอย่างเหม่อลอย ทำไมอย่างนั้นเหรอที่ฉันดูแย่เช่นนี้ก็เพราะคนคนนั้นเขาได้จากฉันไปแล้วน่ะสิ เราเลิกกันมาได้เกือบสามปีแล้วแต่ไม่รู้ทำไมไม่ว่าวันเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานสักเท่าไร มันก็ไม่สามารถลบเลือนความเจ็บช้ำในใจของฉันไปได้ ความทรงจำเก่าๆที่เราเคยทำด้วยกันมันมักหวนย้อนคืนมาทำให้น้ำตาของฉันต้องหยดผล็อยลงมาอย่างยากที่จะห้าม ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมยังลืมเขาไม่ได้สักที

     

                โฮ T^T~

     

                จากที่เมื่อก่อนเคยคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม พูดได้เลยว่าฉันเคยมองโลกในแง่ดีมากๆ มองโลกทั้งใบเป็นสีชมพูแต่ตอนนี้มันพลิกพลัน โลกของฉันตอนนี้คงเป็นสีเทาหรือไม่ก็สีดำ มันหม่นหมองมืดมิดไม่มีทางออกให้กับปัญหาหัวใจ ไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดมาให้สัมผัส ทำให้ฉันกลัวการเริ่มต้นกับความรักครั้งใหม่ไปเสียดื้อๆ ฉันไม่เคยคิดว่าการจากลาของเขาจะมีอิทธิพลต่อชีวิตฉันมากขนาดนี้เพราะฉันไม่เคยคิดว่ามันจะมีวันนี้น่ะสิ วันที่เราต้องเลิกราพลัดพรากจากกัน เมื่อก่อนเรารักกันมากจนคนรอบข้างอิจฉาตาร้อนกันเลยทีเดียว เราใส่ใจกันตลอดและไม่เคยมีปัญหาหนักหนาอะไรแต่สุดท้ายความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบไม่มีชิ้นดี เมื่อเขามาบอกเลิกโดยไม่ให้สาเหตุและเราก็ไม่ได้คุยหรือถามไถ่อะไรกันอีกเลยเพราะเขาบินไปเรียนต่อเมืองนอกหลังจากวันนั้นสองสามวัน ฉันเคยสงสัยมากถึงมากที่สุดว่าทำไมเขาถึงต้องทิ้งฉันไป แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปฉันก็เลิกสงสัยไปเอง ไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาอีกแล้ว

     

                ถึงตอนนี้ฉันจะโสดสนิท แต่ฉันก็ยังไม่พร้อมหรอกที่จะเปิดใจรับใครอีก ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อคนมันยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ ยังไม่พร้อมที่จะลองเสี่ยงกับความเจ็บปวดช้ำใจอีก ฉันกลัวว่าอดีตมันจะซ้ำรอย ตอนคบเป็นแฟนกันมันก็หวานละลาย แต่ตอนเลิกมันแตกต่างกันสุดขั้วฟ้ากับเหว โดยเฉพาะการที่จะต้องลืมคนที่เรารักมากๆคนหนึ่งไปจากใจ ไปจากความทรงจำมันโคตรยากเลย

     

                ฉันระบายอารมณ์ไปกับน้ำตาพักใหญ่จนปวดตาแปลบๆ จึงเลื่อนมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ถอนหายใจช้าๆเพื่อสะบัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ออกไป เฮ้อ! หงุดหงิดตัวเองเป็นบ้าเลย กี่ครั้งแล้วนะที่ฉันต้องเสียน้ำตาเพราะเขา กี่ครั้งแล้วนะที่ฉันต้องหวนคิดแต่เรื่องเก่าๆ ความทรงจำของเราในเมื่อเขาคงไม่มีวันกลับมา จริงๆฉันควรจะเกลียดเขาสิ ถูกมั้ย แต่ทำไมก็ไม่รู้ฉันไม่เคยทำได้เลย

               

                #หลายวันต่อมา

                SP’Sweet Café

               

                กริ๊งๆ

     

                เสียงโมบายหน้าSP’Sweet Cafeดังขึ้นเมื่อฉันสาวเท้าเข้าไปพร้อมๆกับยิ้มทักทายพนักงานในชุดเครื่องแบบสีชมพูของร้าน พนักงานบาร์เทนเดอร์หนุ่มและพนักงานสาวเสิร์ฟหน้าตาดีของร้านยิ้มรับและโบกมือทักทายกลับอย่างอารมณ์ดี เอ่อ...ฉันลืมบอกไปว่าร้านคาเฟ่แห่งนี้เป็นธุรกิจเล็กๆของครอบครัวฉันเอง เป็นร้านที่บริการเครื่องดื่ม ขนมหวาน อาหารเรียกน้ำย่อยตามคาเฟ่ปกติแต่ที่ไฉไลกว่าคือสไตล์ของร้าน เน้นสีชมพูหวานแหวว ตกแต่งร้านด้วยไม้แขวน ไม้ประดับให้บรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะเป็นสถานที่สำหรับคู่รักคู่เลิฟ

     

                เนื่องจากที่ตั้งของร้านอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยACT จึงได้รับความนิยมจากนักศึกษาของสถาบันชื่อดังแห่งนี้อย่างนี้มาก มหาวิทยาลัยACTเป็นสถาบันที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงไปทั่วเอเชีย เด็กส่วนใหญ่มักใฝ่ฝันอยากจะมาเรียนที่นี่ด้วยความหรูหรา ความสะดวกสบาย การศึกษาที่ได้คุณภาพและหนุ่มสาวสุดฮอตที่มากไปด้วยความสามารถ แต่เพราะค่าเทอมเหยียบแสนต่อปี นักเรียนส่วนใหญ่จึงเป็นลูกเศรษฐี นักธุรกิจคนใหญ่คนโต ส่วนน้อยก็เป็นนักเรียนทุน ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉันชื่อซูเฟลเรียนอยู่ปีสี่ คณะแพทยศาสตร์

     

                ฉันเดินเข้าไปหลังร้านเห็นคุณแม่กำลังดูแลความเรียบร้อย จดโน้ตนู่นนี่นั่น ทำบัญชีรายรับรายจ่ายแปะไว้ที่กระดานอย่างหมกมุ่น โพสอิทสีสันแปะเต็มไปหมดจนฉันลายตาเลยล่ะ แม่ฉันละเอียดยิบจริงๆ ขอบอก

     

                ลืมบอกไปว่าร้านคาเฟ่เป็นเพียงธุรกิจเสริมรายได้ของครอบครัวเท่านั้นเองแต่อาชีพหลักที่หารายได้ให้ครอบครัวก็คือสถาปนิก เห็นคุณแม่ฉันยังสวยยังสาวแบบนี้เธอถือเป็นนักออกแบบที่เก่งมากคนหนึ่งเลยล่ะ เคยได้รับรางวัลเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งก่อสร้างต่างๆมามากมาย ตอนนี้คุณแม่พักผ่อนไม่ค่อยรับงานออกแบบแล้วแต่ถ้าเป็นลูกค้าประจำก็ยินดีรับงานอยู่เรื่อยๆ

     

                “สวัสดีค่ะคุณแม่”

     

                “เป็นไงบ้างลูก ขึ้นวอร์ดเหนื่อยมั้ย”

     

                “เหนื่อยมากเลยค่ะ”

     

                “พักผ่อนบ้างนะลูก แม่เป็นห่วง”

     

                “ค่ะ ว่าแต่พายฟูหายไปไหนหรอคะ”ฉันถามด้วยความสงสัย เพราะปกติเลิกเรียพายฟูก็จะปรี่ตัวมาอยู่ที่นี่ทันที

     

                พายฟูคือน้องสาวสุดน่ารักของฉันเอง เรามีกันอยู่สองคนพี่น้อง จึงไม่ต้องแปลกใจที่ฉันห่วงน้องสาวของตัวเองเป็นพิเศษ และฉันมักคอยเกาะติดสถานการณ์ทราบข่าวคราวความเป็นไปของน้องสาวอยู่ตลอดเวลาจนบางทีคนรอบข้างก็มักบอกว่ามันเกินไปแต่ในเมื่อน้องสาวฉันไม่ว่าอะไร ฉันก็ไม่แคร์คำพูดเหล่านั้นหรอก  ฉันกับพายฟูถึงจะมีหน้าตาที่คล้ายๆกันแต่นิสัยของฉันกับพายฟูแตกต่างกันมากเลยล่ะ ฉันเป็นพวกร่าเริง เฮฮาปาร์ตี้ถึงจะเป็นนิสิตแพททย์ปีสี่ก็เถอะ ส่วนพายฟูเป็นสาวบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา เธอเรียนสายศิลป์-ภาษา เห็นไหมล่ะนิสัย ความคิดของเรามันแตกต่างกันสุดขั้วเลย

     

                “เห็นโทรมาบอกว่าไปกับบลูทูธ สักพักเดี๋ยวก็คงกลับจ๊ะ”

     

                บลูทูธเป็นเพื่อนสนิทของพายฟู เขาเป็นหนุ่มหล่อสุดฮอตของมหาลัย ทั้งนิสัยดี สุภาพบุรุษ หล่อโฮกกก >.,< ที่สำคัญบ้านรวยมาก ย้ำอีกทีว่ารวยมาก!!! บลูทูธเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวเศรษฐีที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศ ประมาณว่ามีเงินที่ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด คุณพ่อกับคุณแม่ของเขาทำธุรกิจการท่องเที่ยว ทั้งรีสอร์ท บังกะโลซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมห้าดาวที่ทั้งหรูหรา อำนวยความสะดวกและให้บรรยากาศโรแมนติคจึงไม่แปลกใจที่ส่วนใหญ่ติดเป็นสถานที่เที่ยวสุดฮิตของจังหวัดนั้นๆที่ทุกคนต้องไม่พลาด

     

                “งั้นหนูขอตัวนะคะ”

     

                “จ๊ะ”

     

                ฉันเดินออกมาเอนหลังลงบนเก้าอี้บริเวณสวนหย่อมข้างร้าน ขอสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอดหน่อยเถอะ ตั้งแต่ฉันเข้ามหาลัยก็ไม่ค่อยได้นอนเต็มอิ่มอยู่แล้ว ยิ่งขึ้นปีสี่แล้วทุกๆวันของฉันแทบจะนอนไม่ถึงห้าชั่วโมงด้วยซ้ำ มันเหนื่อยล้ามากมาย ขนาดฉันย้ายออกจากบ้านไปพักที่คอนโดใกล้โรงพยาบาลแล้วนะ แต่ก็รู้สึกว่ามันเหนื่อยสุดๆอยู่ดี -O-;; ขึ้นวอร์ดตั้งแต่เช้ายันเย็นมันเป็นอะไรที่นักศึกษาคณะแพทย์ควรทำใจไว้แต่เนิ่นๆ ขอเตือนไว้เลย ณ บัดนี้

     

                งีบแป๊ป

     

                ฟึ่บ

     

                ผลัก...

     

                “เธอตื่น ตื่นก่อนสิ”

     

                พรึบ!

     

                ฉันปรือตามองคนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ฉันอุส่าห์จะงีบหลับสักหน่อยทำไมต้องมาปลุกให้ฉันตื่นด้วยเนี่ย แต่พอเห็นเขาเท่านั้นแหละ ฉันต้องกระพริบตาปริบๆด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง พยายามมองหน้าเขาให้ชัดเจนขึ้นอีก กรี๊ด! คนตรงหน้าฉันหล่อสุดๆไปเลย คนอะไรหล่อเป็นบ้า >O<~ เขาหล่ออย่างกับเทพบุตรจุติลงมายังโลก ทำฉันตาค้างเลยนะเนี่ย เขาเป็นหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองรับกับใบหน้าคมได้รูป นัยน์ตาสีนิลน่าหลงใหล จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสีแดงธรรมชาตินั่นทำให้ผิวขาวๆของเขาน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าตอนนี้เขาจะทำหน้าตาไม่เป็นมิตรกับฉันสักเท่าไหร่ เขาทำหน้านิ่งเรียบเหมือนจะเป็นเด็กเนิร์ดก็ไม่ใช่ ว่าจะเป็นนักเลงก็ไม่เชิง

     

                ดูไปดูมา ฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขาอย่างบอกไม่ถูก แต่คิดกี่รอบๆก็คิดไม่ออก แต่ให้เดาจากลักษณะรูปร่างหน้าตาและบุคลิกท่าทางเท่าที่เห็น เขาน่าจะเป็นหนุ่มฮอตที่โด่งดังในมหาลัยอยู่ไม่น้อยเลย และไม่ใช่นิสิตคณะเดียวกับฉันแน่เพราะหนุ่มหล่อคณะเราเนี่ยผ่านหูผ่านตาฉันมาหมดแล้วไง

     

                “เธอจะมองหน้าผมอีกนานมั้ย”เพียงแค่เขาพูดออกมาแค่ประโยคเดียว ความหลงใหลได้ปลื้มของฉันก็พังทลายลงทันที ถึงจะหน้าตาดี หล่อลากขนาดไหนแต่ถ้าพูดแบบนี้มา ฉันก็คงต้องตรอกกลับแบบเดียวกัน อย่างที่เขาว่าดีมาดีไป ร้ายมาร้ายไปทำนองนั้น

     

                “เอ่อม..แล้วนายมีธุระอะไรไม่ทราบ”

     

                “เธอน่ะช่วยขยับขาไปหน่อยได้มั้ยคับ มันขวางทางเดิน”เขาพูดเรียบๆอย่างให้เกียรติแต่แทงใจดำฉันสุดๆไปเลย

     

                แต่ที่เขาว่าก็จริง เพราะตอนนี้ฉันนอนขาลอยยืดไปสุดตัวจนทำให้เขาสะดุดล้มหน้าคว่ำเลยทีเดียวล่ะจากการสังเกตรอยบวมช้ำที่ใบหน้าและรอยถลอกที่ข้อศอก แต่รวมๆก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ถึงขั้นบวมช้ำจนเขียว หรือมีเลือดไหลซิกๆ  ฉันเห็นก็กระหยิ่มยิ้มย่องนิดนึงเพื่อกวนประสาทเขาให้หมั่นไส้เล่นๆแต่ฉันก็เก็บขาเข้าทันทีตามคำขอ

     

                เขาไม่ได้อยากจะด่าว่าอะไรฉันหรอกแต่แค่เพียงไม่อยากให้ใครมาหน้าคว่ำเหมือนเขาอีกคนเพราะเขาไม่ได้เอาเรื่องหรือตำหนิอะไรฉันเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกพอใจเขาแม้แต่น้อย คนอะไรภูมิฐานเยอะเกินไปแล้ว นึกว่าเป็นพระเอกหนังช่อง 7 หรือยังไงไม่ทราบ(อคติส่วนตัวค่ะ อคติส่วนตัว)

     

                “งานนี้นายคงจะโทษฉันไม่ได้หรอกนะ เพราะนายไม่ระมัดระวังเอง ช่วยไม่ได้”ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ฉันก็แอบสงสารเขาเหมือนกัน รู้สึกผิดนิดหน่อย(นิดหน่อยจริงๆ)

     

                (._.)

     

                เขาปรายสายตามองหน้าฉันนิ่งๆอย่างหน่ายๆและไม่โต้แย้งอะไรฉันต่อ เขาเดินจากไปอย่างขี้เกียจจะคุยด้วยทิ้งความขุ่นเคืองไว้ในใจฉัน ฉันว่าการปรายตาด้วยสายตาดูหมิ่นอย่างนั้นมันเป็นการตอบรับที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ ถ้าจะมองหน้ากันอย่างนั้นมาตบหน้าฉันเลยไหม เจ็บน้อยกว่ากันเยอะ ฉันขึงตามองหลังคนที่เดินจากไปอย่างหมั่นไส้

     

                อยากจะรู้นักว่าเขาเป็นใคร!?

     

                      





     





    ทักทาย
     

    สวัสดีจ้าาาทุกคน เปลี่ยนพล็อตรีไรท์เรื่องใหม่หมด
    แต่ชื่อตัวละครยัง
    เหมือนเดิมทุกคนค่ะ ยังไงก็อย่าถอดใจ
    เลิกติดตามกันนะ ช่วยเป็น
    กำลังใจให้กันต่อไป >O<///รักทุกคน
    ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มีให้กันค่ะ
    ติดตามตอนต่อไปกับ
    การพบเจอจริงๆจังกับคู่พระนาง คู่นี้บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่มีใครยอมใคร
    จริงๆ เตรียม
    ฟินไว้ได้เลยค่ะ ขอเกริ่นไว้เพียงเท่านี้ บ๊ะ บ๊าย :P
    1 เม้น = 1 กำลังใจ อย่าให้เมคเกอร์ต้องเสียความตั้งใจ
    ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นค่ะ คนเม้นทุกคนเลยนะ เม้นดีๆ โค-ตะ-ระรักเลย

       




     













     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×