คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7
Chapter
7
[นอนได้แล้ว]
“อือออ”
[พี่ไปแล้วนะ ฝันดี--]
“อย่าเพิ่ง!”
[หือ..]
“แทรักพี่นะ..ฝันดีครับ”
[อ่า ฮะๆ..ฝันดีครับ]
ตู๊ด..
แทฮยอนกดวางสายจากคนรัก
มือเล็กวางโทรศัพท์ลงก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปปิดไฟห้องนอนที่เปิดสว่างจ้าอยู่เพื่อเตรียมตัวเข้านอน
เป็นอีกคืนหนึ่งที่หอมหวานเหลือเกิน..
‘ฝันดีนะพี่มินโฮ..’
ท้องฟ้าแสนสดใสในยามเช้าช่างแตกต่างกับจินวูที่เดินเข้าโรงเรียนในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ร่างบางเดินอย่างสะลึมสะลือเหมือนกับคนที่เพิ่งลุกมา
จากเตียงนอนโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟันให้ความง่วงที่มีอยู่หายไป พูดง่ายๆก็คือ ยังไม่ตื่นเลยนั่นเอง
‘โอ้ย ง่วงเป็นบ้าเลย’
“จินววววู!”
เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้จินวูต้องหันกลับไปหาที่มาของเสียง คนตัวเล็กที่วิ่งตามมาต้อยๆกำลังโบกมือให้เขาอยู่ จินฮวานหอบแฮ่กด้วย
ความเหนื่อย
“เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน บอกให้รอก่อนๆ โอย”
“อ่าว ไม่ได้ยิน โทษทีๆ แหะๆ”
ง่วงจนหูตึงเลยก็มีแฮะ..
“วันนี้คาบแรกพรีเซนต์งาน ครั้งนี้ฉันทำเอง นายทำงานอื่นมาเยอะแล้ว”
“จะไหวเหรอ ให้ไอจุนดีกว่า หน้าโหดๆปากหมาๆอย่างมันน่าจะมีคนตั้งใจฟังเยอะ”
“เออ ก็จริงแฮะ ฮ่าๆ”
ในขณะที่จินวูและจินฮวานกำลังเดินคุยกันอยู่นั้น ก็มีบางอย่างทำให้จินฮวานหยุดหัวเราะทันที เขาหลบสายตาใครบางคนที่เดินสวนไปอย่าง
รวดเร็วจนจินวูสังเกตได้
จินวูจึงหันกลับไปมองคนที่ทำให้เพื่อนของเขาหน้าซีดลงได้ขนาดนี้
ไอ้สารเลวนั่น..
“นี่ จินฮวาน ไม่ต้องไปสนใจมันนะ ช่างมัน”
“อ..อื้อ เข้าใจแล้ว”
“ระวังตัวไว้ตลอดนะ มีอะไรต้องบอกพวกเราก่อนเลยนะ โอเคไหม?”
จินฮวานพยักหน้าหงึกๆ สีหน้าที่ดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดทำเอาจินวูต้องดึงคนเป็นเพื่อนมากอดปลอบขวัญเอาไว้ จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรล่ะ
จินฮวานก็เป็นเพื่อนเขาทั้งคน ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นขึ้น จินฮวานก็ดูจะระแวงเพื่อนนอกกลุ่มไปเสียหมด ทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนคนอื่นๆ
พาลไม่ดีไปด้วย
“ถ้าจะไปไหน แล้วทุกคนไม่ว่าง ก็ขอให้บอกไอจุน”
“…”
“ไอนั่นมันว่างให้แกเสมอแหละ”
เมื่อออดเข้าเรียนดังขึ้น นักเรียนที่สนามก็ต่างพากันแยกย้ายขึ้นชั้นเรียนไปอย่างเป็นระเบียบ คาบแรกของจินวูในวันนี้เป็นชั่วโมงพรีเซนต์งาน
วิชาการตลาด
แต่ครั้งนี้จุนฮเวกับบ๊อบบี้เป็นคนจัดการ
หน้าที่ของจินวูในวันนี้เลยกลายเป็นคนจดสรุปส่งอาจารย์เหมือนเพื่อนๆในห้อง
แต่จินวูไม่มีสมาธิในการจดสรุปครั้งนี้เลย ในหัวของเขามีแต่เรื่องของซึงยุนวนเวียนอยู่เต็มไปหมด ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นๆที่ตอนนี้จดสรุปลงใน
กระดาษไปได้เกือบครึ่งแผ่นแล้ว
‘พี่เป็นห่วง เข้าใจไหมจินวู’
อ่า..
เป๊าะ!
“เฮ้ จินวู”
“ห..ห๊ะ”
แทฮยอนดีดนิ้วเข้าที่ใกล้ๆกับใบหน้าหวาน จินวูถึงกับหลุดออกจากภวังค์เมื่อครู่แล้วหันไปมองคนด้านข้างทันที
“เหม่ออะไรวะ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”
“ป..เปล่าๆ โทษที”
แทฮยอนจ้องไปที่หน้าของจินวู ถึงจะโกหกเก่งแค่ไหนแต่จินวูไม่เคยโกหกเขาสำเร็จเลย ทั้งสองสนิทกันมาก มากกว่าใครในกลุ่มเลยด้วยซ้ำ ทั้ง
ยังอยู่ด้วยกันมานานที่สุดในกลุ่ม
ทำไมแค่นี้เขาจะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายมีปัญหาหรือทุกข์ใจอะไรอยู่
แค่ไม่ได้บอกเล่าให้เขาฟังเท่านั้นเอง
“ทำไมไม่บอก ปิดบังอะไรอยู่”
“…เสร็จคาบนี้แล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟัง เอาที่จดมาลอกก่อน”
คำโกหกทุกคำ..
ไม่เคยรอดพ้นสายตาแทฮยอนได้เลย..
“คาบต่อไป ส่งชีทคณิตปะวะ”
“เออออออว่ะ ยังไม่เสร็จเลยย”
“ไอจิน มึงเสร็จยังวะ”
“มึงเรียกจินไหน กูจินวูคนไม่เก่งคณิต”
จินวูกับกลุ่มกำลังทานข้าวกันอยู่ที่โรงอาหาร นี่เป็นเวลาพักกลางวันของนักเรียน แต่แล้วแทฮยอนผู้ความจำดี(โคตรๆ)ก็พูดเรื่องที่ทำให้ทั้งโต๊ะ
เกือบสำลักข้าวออกมาเป็นเลือด ทุกคนต่างกระตือรือร้นขึ้นมาทันตาเห็นเพราะวิชาคณิตศาสตร์แสนรักเป็นวิชาสุดโปรดปรานของทั้งกลุ่ม (ความ
จริงคือตรงกันข้ามตะหาก) และจะขึ้นเรียนในคาบต่อไป
จินวูที่ถึงจะเก่งแทบทุกวิชาแต่วิชานี้เขาคงต้องขอโบกมือบ๊ายบายเพราะวิชานี้..
เขาแทบจะครองที่โหล่ของห้องเลยก็ว่าได้..
“จินฮวานนน คิมจินฮวานนนนอ่ะ แหม่”
“เอออ กูเสร็จแล้ว จะรีบขึ้นไปลอกกันปะ?”
“เออดิ รอพ่อใครมาตัดริบบิ้นล่ะ”
“อยู่ในกระเป๋า แฟ้มสีเหลืองอ่ะ”
ทุกคนต่างพากันลุกขึ้น ในมือถือจากคนละใบแล้วนำไปวางที่จุดคืนภาชนะ จากนั้นไม่รีรอ ต่างคนต่างใส่เกียร์ทรีนหมาวิ่งเร็วยิ่งกว่าอะไร คนนำ
หน้าจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากจินวูนี่เอง มีแค่บ๊อบบี้กับจินฮวานสองคนที่สโลว์โมชันในการเก็บจาน เพราะสองคนนี้ทำชีทที่จะส่งเสร็จแล้ว
จินฮวานเป็นต้นฉบับเพียงคนเดียว แต่บ๊อบบี้..
มือไวในการลอกมาก..
“อ่าว จินฮวาน แล้วไม่ขึ้นไปกับพวกมัน?”
“อ่า ก็ทำเสร็จแล้วนี่”
“แต่ กูจะไปยิมนะ ไปซ้อมบาสต่อ”
“เออ นั่นแหละ ไปด้วย”
“ห า ?”
บ๊อบบี้ถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย คิมจินฮวานคนที่ไม่เคยไปโรงยิมในเวลาว่างมาเป็นปีจะไปทำอะไรที่นั่นกัน มีแค่นักกีฬาโรงเรียนกับพวก
เชียร์ลีดเดอร์เท่านั้นแหละที่จะไปเหยียบที่นั่นในเวลาว่าง
“เออ ไปด้วยน่า”
จินฮวานออกแรงดันตัวบ๊อบบี้ให้เดินนำเขาไปด้านหน้า ในขณะที่บ๊อบบี้ก็ยังคงไม่เข้าใจว่าจินฮวานไปทำอะไรที่โรงยิมอยู่ดี
“งั้นฝากไปเก็บเสื้อที่ล็อกเกอร์ให้หน่อยไหนๆก็มาละ”
บ๊อบบี้พูดจบ ก็เดินไปวอร์มอัพร่างกายในโซนที่พวกนักกีฬากำลังซ้อมกันอยู่ ทิ้งให้จินฮวานยืนเอ๋ออยู่อย่างนั้น เขาแค่ต้องเดินไปที่ตู้ล็อกเกอร์
แล้วเก็บเสื้อผ้าให้บ๊อบบี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
แต่ปัญหาก็คือ เขาจำไม่ได้ว่าล็อกเกอร์พวกนั้นอยู่ที่ไหน
บ๊อบบี้ก็ไม่ทันได้อยู่ให้เขาถามเลย
‘เอาวะ เดินมั่วๆดู’
ตัดสินใจดังนั้นแล้ว จินฮวานจึงลองเดินไปรอบๆดู กลางห้องโถงมีเหล่านักกีฬากำลังวอร์มอัพร่างกายกันอยู่หลายสิบคน บนอัฒจันทร์มีพวก
เชียร์ลีดเดอร์นั่งรออะไรอยู่สักอย่าง ถ้าให้เดาก็คงรอนักกีฬาชายซ้อมแล้วก็เตรียมกรี๊ดกร๊าดกันตามสเต็ป แต่ที่เขามาที่นี่ตอนนี้ไม่ได้ว่าอยากเห็น
อะไรแบบนี้หรอกนะ
เขามาหารุ่นพี่คนหนึ่งตะหาก..
“หรือว่าวันนี้จะไม่มานะ หรืออาจจะขึ้นเรียนไปแล้ว..”
คนตัวเล็กบ่นพึมพำกับตัวเองในขณะที่สายตายังคงสอดส่องมองหา’คนคนนั้น’อยู่ตลอด แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นวี่แววของเขาคนนั้น
เลย
จินฮวานถอนหายใจ คนตัวเล็กเดินมาจนสุดโรงยิมแล้วแต่ก็ยังไม่เจอเลย
“อ๋า เดินมาถึงไหนแล้วเนี่ย”
รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องซึ่งมีป้ายกำกับไว้ด้านบนว่า ’Rest room’ จินฮวานมองไปทางซ้ายและขวา ไม่มีตรงไหนในโรงยิมแล้วที่มีตู้
ล็อกเกอร์ คงเป็นในห้องนี้แหละ
คิดได้ดังนั้นมือเล็กจึงเปิดประตูเข้าไปก่อนจะพบว่าด้านในมีตู้ล็อกเกอร์อยู่จริงๆ
‘ตู้ที่มีติ้กเกอร์หมีพูแปะอยู่อ่ะ เข้าไปเดี๋ยวก็หาเจอ’
จินฮวานค่อยๆมองไล่ไปทีละตู้ ดูเหมือนว่าตู้ของบ๊อบบี้น่าจะอยู่ด้านในมากกว่า คนตัวเล็กไม่รอช้า รีบเดินตรงไปด้านในซึ่งมีทางแยกเป็น
ห้องน้ำ
“อ๊ะ เจอแล้ว”
จินฮวานเปิดประตูตู้ล็อกเกอร์ แล้วจัดการยัดเสื้อนักเรียนเข้าไปในตู้ทันที แต่ในขณะที่เขากำลังจะปิดประตูตู้ล็อกเกอร์ ตู้ล็อกเกอร์ข้างๆของใคร
บางคนกลับถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงที่จินฮวานอยากจะได้ยินมันมากที่สุด
“ว้า ลืมเอาผ้าเช็ดหน้ามาเหรอเนี่ย”
เสียงนั่น..
รุ่นพี่ฮันบิน!
“อ้าว นี่ตู้ของบ๊อบนี่..นั่นใครน่ะ?”
คิมฮันบินรุ่นพี่คนสนิทของบ๊อบบี้คนนี้นี่เองที่เป็นคนขโมยหัวใจดวงน้อยๆของจินฮวานไป มือหนาของอีกฝ่ายจับมาที่ประตูล็อกเกอร์ของบ๊อบบี้
ที่ตอนนี้บังร่างของจินฮวานไว้อยู่
ฮันบินมองมาด้วยความสงสัย เขาถามอีกคนด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
“เฮ้ ถามว่าใคร? นี่ ขโมยเหรอ!”
“ม..ไม่ใช่นะครับ!”
“แล้วถามว่าใคร ก็ตอบเส้ ยืนเงียบเป็นเป่าสากอยู่ได้”
“ผม..เอ่อ เป็นเพื่อนของบ๊อบบี้เองครับ..มาเก็บของให้มัน”
ฮันบินไม่ได้พูดอะไร เขายอมปล่อยมือออกจากประตูล็อกเกอร์แต่โดยดี จินฮวานจึงรีบปิดล็อกเกอร์แล้วเดินก้มๆหลบหน้าอีกคนไปด้วยความ
เขิน
แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมือหนาของคนด้านหลังได้กอบกุมไว้ที่แขนของคนตัวเล็กก่อนจะออกแรงดึงให้เขาเซถลากลับมาด้านหลังอีกครั้ง
แถมอยู่ในอ้อมอกแกร่งอีกด้วย..
ตึกตัก ตึกตัก..
“นายเป็นใคร ชื่ออะไร?”
“ช..ชื่อ จินฮวานครั..บ”
“อ๋อ..คนที่ตอนนั้นบ๊อบแนะนำแล้วฟุบอยู่ที่โต๊ะสินะ”
“ค..ครับ..”
“แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงขนาดนี้?”
ชิบ..
ชิบหายแล้ว..
ระยะห่างระหว่างจินฮวานกับอกแกร่งของฮันบินแทบจะห่างกันไม่กี่เซนฯเลยก็ว่าได้ คนตัวเล็กก้มหน้าเล็กน้อย หน้าร้อนผ่าวแถมเหงื่อยังแตก
พลั่กออกมาอีก นี่เกิดมาเขายังไม่เคยได้เข้าใกล้คิมฮันบินขนาดนี้มาก่อน แต่นี่มันก็ใกล้เกินไป ตอนนี้ตัวเขาแทบจะถูกหลอมละลายไปด้วยความ
ร้อนในร่างกายอยู่แล้ว
“ผม..ไม่สบายนิดหน่อย..”
“อ่าวหรอ รีบขึ้นห้องเรียนรึเปล่า กินยามารึยัง?”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก..
“ครับ..”
“หืม? ให้พี่พาไปห้องพยาบาลไหม
ท่าทางเราดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
ตึกตักตึกตักตึกตักตึกตัก..
‘อ..อ้ากกกกกก’
“ผมขอตัวก่อนนะครับ!”
พูดจบจินฮวานก็ใส่เกียร์ทรีนหมา(เหมือนเดอะแก๊งค์)วิ่งจู๊ดออกจากห้องไปอย่างฝุ่นตลบ ทิ้งให้ฮันบินยืนงงงวยอยู่แบบนั้น นี่เขาทำอะไรผิดรึ
เปล่า
แค่จะพาไปห้องพยาบาลเท่านั้นเอง ไม่ได้จะพาไป..
“อ่า”
คิดอะไรไปได้..
‘แต่ก็..น่ารักดีแฮะ..’
“งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อน อาทิตย์หน้าส่งงานด้วยนะ”
“ครับบ/ค่าา”
“เลิกคลาสจ่ะ”
นักเรียนทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพคุณครูประจำวิชาสุดท้าย ก่อนคุณครูจะเดินออกไปและเสียงออดเลิกเรียนจะดังตามมา ทุกคนต่างคน
ต่างเก็บข้าวของและทยอยออกจากห้องกันไปเป็นกลุ่ม รวมไปถึงกลุ่มของจินวูก็ด้วย
“วันนี้ไปกินไรโรงหารกันปะวะ”
“เอาดิ ใครกลับก่อนปะเนี่ย”
“กูๆ วันนี้กลับเร็วนิดนึง”
จินวูเงยหน้าขึ้นมาพูดแวบนึงในขณะที่มือทั้งสองข้างก็กำลังง่วนอยู่กับเก็บของใส่เป้นักเรียน ทุกคนในกลุ่มตกลงไปนั่งที่โรงอาหารกันแต่วันนี้จิ
นวูต้องกลับบ้านก่อน
“โอเค เจอกันมึงง”
“เจอกันๆ”
“สู้นะไอจิน”
แทฮยอนตบบ่าคนตัวเล็กก่อนจะเดินตามเพื่อนในกลุ่มไป
จินวูถอนหายใจออกมา วันนี้เขาจะจบเรื่องที่อึดอัด’อยู่ภายในใจ’นี่ได้เสียที
‘ถ้าชอบ ก็บอกไปเหอะ’
‘กลัวจะกลับไปคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้มากกว่า’
‘กลัวพี่เขาหายไป?’
‘อือ..’
จินวูนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับแทฮยอนเมื่อตอนเช้า เขาเล่าให้แทฮยอนฟังหมดทุกอย่างเกี่ยวกับซึงยุนและความรู้สึกของเขาที่ขจัดมันออกไปไม่
ได้สักที
‘บอกไปเถอะ อย่างน้อยก็ถือว่าได้บอกนะ’
“เฮ่อ..”
ยิ่งคิดก็ยิ่งต้องถอนหายใจออกมา เขาไม่เคยจะต้องมาหนักใจเรื่องไร้สาระอะไรแบบนี้เลย ซึงยุนเป็นใครทำไมถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจของเขานัก..
บ้าที่สุดเลย..
ตกเย็นเป็นอันได้เวลาอาหารเย็น วันนี้จินวูรีบกลับมาทำการบ้านให้เสร็จจะได้มีเวลาช่วยคุณแม่ทำอาหารเย็น คุณแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก
จนเกินไปเพราะลำพังเลี้ยงลูกชายสองคนตัวคนเดียวก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว
“แม่ทำอะไรในครัวอ่ะครับ หอมจังเลย”
“หิวแล้วเหรอซึงฮุน รอก่อนนะลูก”
ซึงฮุนนั่งอ่านหนังสืออย่างหนักทุกสัปดาห์ ปีนี้เขาจะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็เลยต้องตั้งใจเป็นพิเศษแต่ด้วยความที่เป็นคนหัว
ดีอยู่แล้วจึงไม่เป็นภาระสำหรับเขาเท่าไหร่
“หิวคร้าบบ เหนื่อยด้วยอ่ะฮะ”
“จ้าา จ้ะ จินวูหยิบถ้วยสีฟ้ามาที”
“ครับบ”
จินวูช่วยคุณแม่ทำข้าวเย็นจนเสร็จ สามคนแม่ลูกนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข แต่ในหัวของจินวูตอนนี้คิดแต่เรื่องของซึงยุนเท่านั้น เพราะนี่ก็
ทุ่มครึ่งแล้ว อีกคนน่าจะถึงบ้านแล้ว
เขาควรจะบอกไปใช่ไหม?
“อ่าา จินวู นี่อัลบั้มใหม่ของบิ๊กแบงอ่ะ เรายังไม่ได้ซื้อเลยนะ”
“รู้แล้วน่า อยากซื้อก็เอาตังค์มาเส้”
“แม่ครับ ฮุนอยากได้อัลบั้มรุ่นพี่บิ๊กแบงอ่ะ”
“ได้ลูก เดี๋ยวแม่ซื้อให้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ”
“อ๋าาา..”
ตอนนี้ทั้งสองยังต้องขอเงินคุณแม่อยู่เพราะตั้งแต่ซึงฮุนขึ้นมัธยมปลายปีสาม เขาก็เอาเวลาที่มีไปอ่านหนังสือจนหมด ไม่ได้ทำงานพาทไทม์
เหมือนที่เคยทำจึงไม่มีเงินเก็บเป็นของตัวเอง ส่วนจินวูนั้น..
ไม่ทำอะไรเลย..
“เก็บเงินไว้ไปคอนดีว่า”
“เออใช่ว่ะ จะมีคอนที่โซลลล”
“ใช่ อยากไป อยากไปครับแมมม่”
จินวูหันไปส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องอย่างเป็นประกายให้คุณแม่ ในขณะที่สีหน้าของคุณแม่ดูไม่ค่อยจะชอบใจกับสิ่งที่ทั้งสองคนพูดขึ้นมาสัก
เท่าไหร่
“ทำตัวดีๆ เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
“เยส!/ยะฮุ้ว!”
อยากไปใจจะขาดอยู่รอนรอน!
ตึ๊ง!
[KSY: อาบน้ำรึยังจินวู? ]
จินวูที่ทำภารกิจทุกอย่างเสร็จก็มาจับโทรศัพท์เล่นอย่างสบายใจเฉิบ คนตัวเล็กที่กำลังเลื่อนทามไลน์ทวีตเตอร์เลื่อนนิ้วไปตอบคนในไลน์เมื่อครู่
JW: อาบแล้ว
KSY:
วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง
JW:
ก็ดีนะ สนุกดี
KSY:
นี่หายโกรธอะไรพี่รึยัง
JW:
พี่ซึงยุน
KSY:
ว่าไง
JW:
พี่เคยมีแฟนไหมอ่ะ
‘ถามอะไรของตูวะเนี่ย..’
KSY:
อ่า เคยสิ
KSY:
ทำไมเหรอ
JW:
อ่า เวลามีแฟนมันเป็นยังไงเหรอ
KSY:
ก็มีความสุขเวลาคุยกัน 5555
KSY:
ทำไม จินวูมีแฟนแล้วเหรอ
“จะบ้าเหรอ มีอะไรกันล่ะ”
JW:
หึย ไม่มี
KSY:
ก็เห็นถาม นึกว่ามี
JW:
แต่อยากมีอ่ะไม่แน่
“โอ๊ย พิมพ์ไรของกูวะ”
จินวูสบถ
เขารู้สึกไม่อยากที่จะพิมพ์อะไรต่อแล้ว ยิ่งคุยยิ่งพิมพ์อะไรแปลกๆตามมา ให้ตายเถอะ
นี่แค่จะบอกชอบมันยากเย็นขนาดนี้เลยเหรอ..
KSY:
หืม ชอบใครอยู่รึเปล่า? J
อ่า..
JW: อื้ม มีแล้วล่ะ
KSY:
อ่า คนคนนั้นต้องโชคดีมากแน่ๆเลย
อือ..
JW: อื้อ
JW: ผมชอบพี่
…..
KSY:
หือ อะไรกันจินวู
KSY:
ล้อกันเล่นรึเปล่า
JW:
ไม่ได้ล้อเล่น ผมพูดจริงๆ
อ่า..บอกไปแล้ว..
จินวูละสายตาจากหน้าจอไปมองเพดานห้อง อ่ามัน ช่างดูว่างเปล่าเหมือนกับหัวใจของเขาในตอนนี้เหลือเกิน
จะเป็นอย่างไรต่อ..
ตึ๊ง..
เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นอีกครา
เรียกให้ใบหน้าหวานก้มลงมองน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง
[KSY: ทำไมจินวูถึงชอบพี่ล่ะ?]
จะให้ตอบยังไงดี..
JW:
ไม่รู้สิ..ถ้าบอกว่าชอบก็คือชอบนั่นแหละ..
ก็มันไม่มีเหตุผลจริงๆนี่นา..
KSY:
งั้นเหรอ
KSY:
นี่ จินวูรู้ไหม ที่เมื่อกี๊เราบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วน่ะ
KSY: ใจพี่แป้วเลย
“ท..ทำไมล่ะ”
KSY: เพราะว่าพี่เองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วเหมือนกัน
KSY:
แล้วคนคนนั้นก็คือ..
คือ..
!!!
“จินวู พรุ่งนี้มีไปไหนไหม?”
ฟุ่บบ
ตุ้บ!
“โอ๊ยยย”
ด้วยความตกใจ จินวูสะดุ้งโยนโทรศัพท์ลอยขึ้นฟ้า(?) แถมยังกลิ้งตัวตกลงมาจากเตียงอีกสองตลบ คุณแม่ที่ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้
เคาะประตูรู้สึกผิดที่ตอนนี้ลูกชายของเขาตกลงมาอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะน่าดูเท่าไหร่..
เท้าชี้ไปบนฟ้าเอง..
“ป..เป็นอะไรไหมลูก แม่ขอโทษ”
“จินวูจำได้ว่าล็อคประตูไว้แล้วนะ...เจ็บหัว”
“ขอโทษที่แม่ลืมเคาะประตูนะ”
“ฮะ..อ่า พรุ่งนี้อยู่บ้านครับ ไม่ได้ไปไหน”
“โอเคจ่ะๆ ค่อยๆลุกนะ”
จินวูค่อยๆลุกขึ้นมา มือเล็กยังคงกุมหัวป้อยๆด้วยความเจ็บ บอกตรงๆเลยว่าช็อตเมื่อกี๊นี้ทำเอาเขามึนยิ่งกว่าเครื่องเล่นโหดๆที่สวนสนุกหลาย
เท่าตัว
พอคุณแม่เดินออกจากห้องไป
จินวูก็รีบควาญหาโทรศัพท์มือถือที่สะดุ้งตกใจขนาดที่โยนลอยฟ้าขึ้นไปกันเลยทีเดียว
คือใครกันนะ..
“อ๊ะ อยู่นี่ไง”
ตึ๊ง..
[KSY: หายเลยเหรอ 555]
มือเล็กรีบกดเข้าไปตอบคนในแชททันที นี่ถ้าบอกว่าเมื่อกี๊ตกใจจนตกเตียงลงมา
คงได้โดนล้อยันชาติหน้าแน่ๆ
JW:
โทษที พอดีเมื่อกี๊มีอะไรนิดหน่อย
JW:
แล้วใครเหรอ?
KSY:
พิมพ์ไปแล้ว ย้อนขึ้นไปอ่านสิ J
จินวูรีบมากจนไม่ได้อ่านข้อความก่อนหน้า นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอขึ้นไปอ่านข้อความก่อนหน้านี้ด้วยความตื่นเต้น จะเป็นใครกันนะที่ขโมยหัวใจ
ซึงยุนไปแล้ว..
“ห..ห๊ะ อะไร..ล้อเล่นรึเปล่า..เนี่ย..”
เมื่อเห็นข้อความก่อนหน้านี้ที่ซึงยุนส่งมา คนตัวเล็กก็ถึงกับตาเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจ อ้าปากค้างนานอยู่หลายวิ นี่มันอะไรกันเนี่ย เขา
ฝันไปรึเปล่า ทุกอย่างมันจะบังเอิญลงตัวเหมาะเจาะในเวลาที่เหมาะสมขนาดนี้เลยเหรอ
เขาโชคดีขนาดนี้เลยเหรอ..
KSY: ก็คือจินวูนั่นแหละ J
เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม..
ตึกตัก..ตึกตัก..ตึกตัก
“อ่ะ อ่า..”
KSY:
อือ เห็นแล้วใช่ไหม
JW:
พี่ล้อเล่นปะเนี่ย..
KSY:
ไม่ล้อเล่นสิ พี่โตแล้วนะ พี่จริงจัง
KSY:
จริงจังจริงๆ เพราะงั้นแล้ว…
จินวูถึงกับตัวสั่น ความรู้สึกดีใจและตกใจปนเปกันไปหมด เขาทำอะไรไม่ถูกเลย นี่เขาโชคดีมากแค่ไหน จะมีใครบ้างที่เราชอบเขาแล้วเขาจะ
ชอบเรากลับในเวลาเดียวกัน แล้วยิ่งไปกว่านั้น ซึงยุนเป็นคนดี ความจริงนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กวางน้อยตัวนี้ใจอ่อนปล่อยให้หมาป่าย่างกราย
เข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเปิดประตูหัวใจทิ้งไว้เมื่อใด
ดีใจจัง..ดีใจ
แต่ข้อความต่อมาที่ซึงยุนส่งมานั้น ทำให้จินวูแทบจะระเบิดตัวเองออกเป็นเสี่ยงๆ อยากจะกรี๊ดลั่นบ้านให้รู้แล้วรู้รอดไปถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นผู้ชาย
แล้วคุณแม่อยู่ข้างล่างล่ะก็นะ
‘KSY: เป็นแฟนพี่นะ ขอโอกาสให้พี่ดูแลเราได้ไหม?’
ตอบแบบไม่คิดเลยครับ..
JW:
เป็นก็เป็นสิ บ้า
#ยูนวูรักออนไลน์ ♡
_________________________________________________________________________________________________________
Talk ><
หวัดดีค่าา รีดเดอร์ทุกคนนน
มาต่อกันให้แล้วนะคะ เห็นไหม ไม่หายไปนานแล้วเนอะ♡
พาทที่แล้วๆเห็นไม่มีบีจิน เลยจัดบีจินไปยาวเลยค่ะ แต่งเองเขินเอง อิ้__อิ้
ในที่สุด ยุนวูก็สารภาพรักกันแล้ววว เย่ๆ //จุดพลุ 55555 เขินแทน แงงงง
นัมซงอาจจะมานิดเดียวรอก่อนนะรอก่อน อุอิ > <
เหมือนเดิมค่าา คอมเมนต์ = กำลังใจ♡
*ไรท์เห็นยอดปักหมุดเพิ่มขึ้นด้วย* ดีใจมากๆค่ะ U-U แต่ไม่เมนต์บอกไรท์กันเลย งอนแล้วววว (ได้เหรอ) ไรท์เลยไม่รู้ว่ามีข้อติชมอะไรบ้างอ่าา
สกรีมฟิคติดแท๊กทวีตเตอร์ #ยูนวูรักออนไลน์
ยังไงก็อยากให้ติดตามกันต่อไปนะคะ ยืนยันว่าจะเขียนให้จบอย่างแน่นวล!
รักรีดเดอร์เน้อ ♡
ความคิดเห็น