คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter: 2 รองเท้าแก้ว กับ ภารกิจตามหานางซิน
Chapter: 2 รองเท้าแก้ว กับ ภารกิจตามหานางซิน
หลังจากพิธีส่งมอบตำแห่งเจ้าชายสิ้นสุดลง ร่างของผู้ดำรงตำแหน่งก็ยังคงนั่งเอ๋อแดกไม่ยอมลุกออกไปไหน ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยดอกไม้ดอกเล็กๆที่โปรยลงมาตอนที่มงกุฎสวมลงบนหัว
“นายเป็นอะไรรึเปล่า?” คำถามแรกหลังจากที่ฮารุโยะนิ่งไปกว่าครึ่งชั่วโมงหลุดออกจากปากของชายหนุ่มที่เป็นตัวการจับแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วลากเธอมานั่งอยู่ตรงนี้
“ไม่เป็นอะไรซะที่ไหนละไอ้เบื้อก! นี่มันเรื่องอะไรกันหะตำแหน่งเจ้าชงเจ้าชายอะไรนั้นหมายความว่ายังไง!?!” อารุโยะพูดเสียงแหบต่ำอย่างอารมณ์ขึ้น
“................” โทยะนิ่งไปพักใหญ่กับคำเรียกที่หญิงสาวยกให้ ก่อนคว้าข้อมืออีกฝ่ายแล้วกระชากลากถูไปอย่างไม่ปราณีพร้อมทำเสียงฮึมๆในลำคอ
“นายดูนี่!” โทยะออกแรงดึงอีกครั้งเพื่อรั้งร่างสูงพอกันๆ แล้วจับไหล่บางทั้งข้างหมุนไปยังตำแหน่งบอร์ดของโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าหอประชุม
นัยน์ตาสีอ่อนเบิกกว้างอย่างตะลึง น...นี่ๆมันอะไรกันทำไมถึงมีรูปเราติดอยู่ตรงนี้ได้ แล้วนั่นอีกๆๆ ซวยฉิบเอามาจากไหนฟะ? แล้วฮารุโยะก็กวาดตาดูโดยรอบไม่ใช่มีรูปเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แปะหลาอยู่ แต่มีรูปชายหนุ่มหน้าตีอีกนับสิบติดเรียงรายอยู่แถมพร้อมด้วยประวัติและข้อมูลส่วนตัวโดยย่อเรียงกันตามเบอร์อย่างกับการสมัครการประกวดหนุ่มหล่อแห่งปี แต่น่าแปลกที่ไม่ยักกะเห็นรูปไอ้โรคจิตข้างๆนี้แหะ
“ทำไมไม่มีนาย?” ฮารุโยะหันมาถามโทยะ ชายหนุ่มเพียงเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามอะไร มีเพียงรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากเท่านั้น
“ตามฉันมาทางนี้” ยังไม่ทันได้ตอบรับอะไรร่างทั้งร่างของฮารุโยะก็ถูกลากไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วก่อนเดินชนร่างสูงที่เดินนำหน้าเพราะดันหยุดเดินกะทันหัน
“นายจะหยุดเดินก็บอกกันหน่อยซิ”ฮารุโยะลูบปลายจมูกตัวเองเบา แล้วก็ต้องมองไปตามสายตาของโทยะที่ดูตื่นๆชอบกล
จู่สาวๆก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อนทีละคนสองคนจนมากขึ้นเรื่อยๆอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะแห่กันมาปิดล้อมรอบทิศทางเพื่อรอพบกับเจ้าชาย พอเห็นอย่างนี้แล้วสมกับเป็นทุ่งดอกไม้งามจริงๆเพราะแต่ละคนต่างสวยน่ารักกันทั้งนั้น อย่างกับโรงเรียนนี้คัดคนเข้าเรียนโดยเลือกจากหน้าตา ขณะที่กำลังมองดูสาวๆที่เริ่มปิดล้อมอย่างเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อลมหายใจของใครบางคนเป่ารดลงมาที่หลังใบหู
“น...นี่นาย!?!”
“อย่าเพิ่งโวยวายแล้วอยู่ใกล้ๆฉันเอาไว้” มือใหญ่ของคนสูงกว่าโอบจับที่สะโพกของหญิงสาวแล้วกระชับให้เดินใกล้ชิดกันแทบดูเหมือนคู่รักที่เดินประคองกัน
“มันเรื่องอะไรกัน?”
“ฉันบอกให้เงียบก็เงียบสิ”โทยะส่งเสียงขู่ในลำคอ แต่เพราะความอึดอัดและความรู้สึกไม่คุ้นเคยกับการที่มีใครโดยเฉพาะผู้ชายมายืนเบียดอย่างนี้ ทำให้อารุโยะพยายามแกะมืออีกฝ่ายที่จับบริเวณสะโพกตัวเองออกพลางใช้ศอกดันร่างหนาให้เขยิบออกไปไกลๆ โทยะนิ่วหน้ารำคาญใช้มือข้างที่เหลือจับที่ต้นแขนหญิงสาวแล้วออกแรงบีบจนเรียกเสียงครางเบาๆ
“นายทำบ้าอะไร ฉันเจ็บนะ!” ฮารุโยะโวยเบาๆ
“นึกว่านายเจ็บอยู่คนเดียวรึไง ศอกแหลมๆไร้เนื้อหนังของนายก็โดนสีข้างฉันจนเจ็บอยู่เหมือนกัน ถ้านายไม่อยากโดนฮายีน่าตัวเมียพวกนี้รุมทึ้งละก็ทำตัวดีๆหน่อย ห้ามยิ้ม ห้ามทักทายแล้วเดินไปเรื่อยๆอย่าหยุด.....”ชายหนุ่มพูดเน้นหนักแต่ไม่ทันจบประโยคดีก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาเสียงหวาน
“ท่านปริ้นซ์ค่ะฉันชื่อ มามิเนะค่ะเลือกฉันเป็นคู่ของท่านด้วยนะคะ”
“ส่วนฉันมิเอโกะค่ะ เลือกฉันเป็นคู่ด้วนนะคะ” ต่อจากนั้นสาวๆทั้งหลายที่รายล้อมอยู่ก็เริ่มแนะนำตัวทีละคนๆในขณะที่ทั้งคู่เดินผ่าน โดยมีการรักษาระยะห่างซึ่งดูเหมือนว่าโทยะนั้นเองที่เป็นคนสร้างบาเรียกั้นไว้ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่นัยน์ตาเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือสาวๆพวกนั้นมักจะจบประโยคที่ว่าเลือกฉันเป็นคู่ด้วยนะค่ะเสมอ เลือกเป็นคู่อะไรฟะฉันไม่รู้เรื่อง ฮารุโยะหันไปถามร่างสูงที่เดินคู่กับเธอ
“มันเรื่องอะไรกัน?”
“ไม่มีอะไรหรอกเดินไปเรื่อยๆอย่าหยุดก็พอ”
“แต่ฉันอยากรู้นี่น่า” หญิงสาวกล่าวอย่างดื้อดึง โทยะชักสีหน้าเครียดทันทีจะดื้อตอนไหนไม่ดื้อดันมาดื้อตอนที่ฮายีน่ารวมฝูงกันอย่างนี้มันน่าจับตีก้นจริงๆ
“ถ้าอยากรู้เรื่องนี้ละก็เดินไปให้พ้นแม่พวกฮายีน่านี้เร็วๆเถอะยิ่งเร็วยิ่งดี”ยังไม่จบประโยคดีเท่าไหร่ พวกผู้หญิงที่โทยะเรียกว่าฮายีน่าก็แผลงฤทธิ์ทันที โดยเริ่มจากวงล้อมที่แคบลงเรื่อยๆสายตาที่ใช้ปราบหญิงสาวเริ่มไม่เป็นที่สนใจซะแล้ว เพราะตอนที่โทยะก้มลงตอบคำถามของฮารุโยะก็ได้เปิดโอกาสให้เหล่าฮายีน่าทันที เพราะอะไรนะเหรอ? ก็เพราะแววตาเย็นชาและแข็งกร้าวในตอนแรกจะลดลงทุกครั้งที่ปริ้นซ์คนล่าสุดเอ่ยปากถามชายหนุ่ม ก่อนที่มือไม้นับร้อยจากหญิงสาวจะมาจากทุกทิศแล้วลูบคล้ำจับโน่นจับนี่มั่วกันไปหมด
“เฮ้ยอะไรกันวะเนี้ย!?!... เหว้ยใครจับก้นฉันนะ... เดี๋ยว!อย่าดึงเสื้อสิ...โอ้ย!หัวฉัน...เอ๊ะ!อย่าล้วงเข้ามานะ” คำอุทานต่างๆที่อารุโยะพูดออกไปต่างเรียกเสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆได้เป็นอย่างดี ขนาดโทยะเองที่อยู่ด้วยกันยังไม่พ้นมือนางเหล่านั้น
โธ่โวย! ยัยแรดพวกนี้ชักจะได้ใจเกินไปแล้วนะ
โทยะสบถในใจมือที่จับต้นแขนฮารุโยะทำหน้าที่ปัดป้องมือสาวโรคจิตแทน ไอ้คนที่ตัวเล็กกว่ามีสภาพเละยิ่งกว่าตัวเขาซะอีก
ชายหนุ่มกลัวว่าองค์ชายคนใหม่จะช้ำตายซะก่อน และตอนนี้ตัวเองก็ชักทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันจึงตะโกนลั่นอย่างฉุนเฉียวจนสาวๆทั้งหลายตกใจหดมือกลับทันที
“ถอยออกไปให้พ้น จับได้ว่าใครล้วงเข้ามาในเสื้อละก็...ตาย!” โทยะฉวยโอกาสตอนที่สาวๆเผลอ รีบดึงฮารุโยะออกจากฝูงฮายีน่าทันทีอย่างไม่รอช้า กว่าจะหนีออกมาได้เล่นซะหมดสภาพความหล่อ
“มัน...มันอะไรกันหะแฮ่กๆๆ...สาวๆพวกนั้นน่า....น่ากลัวจริงๆแฮ่กๆๆ” ฮารุโยะพูดไปหอบไปมองคู่หูดูโอ้ที่สภาพโทรมไม่ต่างกัน ก่อนพากันทิ้งตัวลงนั่งโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
“นาย...ขอบใจ” สายตาเย็นชาเหลือบมองคนพูดชั่วครู่ แล้วเอ่ยเสียงเรียบไร้อารมณ์
“ก็มันหน้าที่ฉัน”
“หน้าที่นาย?...อะไร?” ฮารุโยะพยายามจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนที่ใบหล่อหวานจะซีดเผือกลงราวกับสีของกระดาษ
ตายโหง!?! โดนล่วงเข้ามาด้านในเลยนี่หว่า
หญิงสาวรีบสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยอาการกระวนกระวายทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้ารำคาญตา
“นาย...เลิกทำอย่างนั้นซะที”
“ทำแบบไหนกัน?”
“ก็ไอ้ท่าทางที่เหมือนผู้หญิงเวอร์จิ้นสำรวจร่างกายตัวเองทันที หลังจากที่ตื่นมาแล้วรู้ว่ามีผู้ชายนอนอยู่ข้างๆนะสิ” ฮารุโยะมองคนพูดตาขวาง คำต่อว่าที่หญิงสาวจะเอ่ยออกไปต้องหยุดกลางคันเมื่อมีคนอื่นเอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน
“ไปทำสงครามกันที่ไหนมารึหนุ่มๆ” เสียงแหบแห้งของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น พร้อมกับร่างที่เดินถือถ้วยชามาอย่างสบายอารมณ์
“สงครามฮายีน่า” โทยะบอกสั้นๆมือไม้จัดเสื้อผ้าเข้าที่ เรียกรอยยิ้มจากคนที่อายุมากกว่าได้เป็นอย่างดีก่อนละสายตาจากชายหนุ่มไปมองอีกคนที่เหลืออย่างอ่อนโยน
“สวัสดีจ๊ะฉันอิชิคาว่า ซาเอะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน Aid-de-camp ยินดีที่ได้รู้จัก” ฮารุโยะรีบยืนขึ้นทำความเคารพอย่างรวดเร็วและนั่งลงตามคำเชิญของเจ้าของห้อง
เมื่อเห็นว่าการส่งมอบตัวเสร็จสิ้นโทยะลุกขึ้นยืนพลางสะบัดผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง ใบหน้าเรียบขรึมแต่นัยน์ตากลับมีแววหงุดหงิดแสดงชัดเจน
“ไปละ”
“นายจะไปแล้วเหรอ?” ฮารุโยะถาม พลางส่งสายตาอ้อนว่าอย่าเพิ่งไปดิ ชายหนุ่มเพียงถอนหายใจหนักๆแล้วเดินออกไป
“ไม่ต้องกลัวหรอกจ๊ะฉันไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว” ผอ.สาวส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“มีเรื่องอะไรรึคะ?” ฮารุโยะถามเสียงแผ่วนั่งตัวลีบ
“ขอโทษเรื่องเมื่อวานกับเมื่อเช้าด้วยนะจ๊ะที่ลูกชายฉันทำให้หนูเดือนร้อน”
“ไม่เป็นไรคะ” หญิงสาวยิ้มแหยงๆ “ขอถามหน่อยได้มั้ยคะ?” ซาเอะเลิกคิ้วสูงแล้วพยักหน้าให้
“ได้ซิจ๊ะ”
“คือ...คือว่าทำไมคุณถึงเลือกหนูเข้าโรงเรียนนี้ละค่ะ?”
“ความเหมาะสม....เธอมีพร้อมทุกอย่างย่างที่เราต้องการ ความสง่างาม ความภูมิฐาน ประวัติการเรียนที่ยอดเยี่ยมและการได้รับความนิยมอย่างล้นเหลือ” หญิงสาวนิ่วหน้าคิดหนัก
ความสง่างาม? ฉันมีด้วยเหรอ?
ความภูมิฐาน? ฐานนะยากจนอย่างนี้นี่นะ?
ประวัติการเรียนยอดเยี่ยม? อันนี้ยอมรับได้เพราะเราสอบได้ที่ 1 ทุกครั้ง แต่ว่าไอ้ที่บอกว่า
ได้รับความนิยมอย่างล้นเหลือนี่มันดูแปลกๆนะ
“ฉันไม่นึกเลยจริงๆว่าเธอจะได้รับเลือกให้เป็นเจ้าชาย ผิดคาดจากที่ฉันคิดจริงๆ” ฮารุโยะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น จริงสิเรื่องเจ้าชาย?
“ผอ.เรื่องเจ้าชายนั้นมันหมายความว่ายังไงค่ะฉันไม่เข้าใจ”
“อ้าว!โทยะยังไม่ได้บอกหนูอีกรึ?” ฮารุโยะส่ายหน้าดิก ทำเอาคนถามถอนหายใจเฮือกใหญ่ เจ้าลูกดื้อคนนี้นิทำอะไรก็ไม่ทำให้เรียบร้อย
“คืองี้จ๊ะ....ประเพณีของโรงเรียนเราจะมีการโหวตปีละครั้งเพื่อมอบตำแหน่งให้ชายหนุ่มที่ดีที่สุดมาเป็นเจ้าชาย คะแนนโหวตที่ได้ถือเป็นเอกฉันท์ที่สุด ชายหนุ่มที่ถูกเลือกจะถูกบังคับให้เป็นไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตามเพื่อทำภารกิจตามหาซินเดอเรลา”
เจ้าชาย? ซินเดอเรลา?
เหอะๆๆหวังว่าคงไม่มีรองเท้าแก้วอย่างที่ในนิยายมีนะ? ฮารุโยะคิดได้ไม่นานนักก็คอตกทันทีที่ผอ.กล่าวประโยคถัดมา
“แน่นอนว่าเมื่อมีเจ้าชาย มีซินเดอเรลาแล้ว ก็ต้องมีร้องเท้าแก้วด้วย”
“ขอโทษอีกทีเถอะคะ ตำแหน่งนี้มอบให้กับชายหนุ่มใช่มั้ยค่ะ?”
“จ๊ะ” ซาเอะยิ้มกว้าง
“แต่หนูเป็นผู้หญิง”
“จ๊ะ” ฮารุโยะเบิกตากว้าง รู้แล้วทำไมยังให้ข้าพเจ้าเป็นอีกละฟะ?
“รู้ว่าเป็นผู้หญิงแล้ว...แล้วทำไมยังให้เป็นเจ้าชายอีกละ?”
“ก็ฉันจะให้หนูเข้าเรียนที่นี่ในฐานะผู้ชายนะสิ” ผอ.กล่าวอย่างยิ้มๆ แต่ตัวของฮารุโยะนั้นแทบเป็นลมล้มพับ
บ้า! บ้า! บ้าไปแล้ว!
เสียงกรีดร้องดังอยู่ภายในใจ ยัยผอ.นี้มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆนี่ฉันยังหลับไม่ตื่นอยู่อีกรึไง ต้องรีบตื่นๆ ฮารุโยะหยิกแก้มตัวเองทันทีแต่ความเจ็บปวดที่ได้รับมันเป็นหลักฐานว่าเธอไม่ได้ฝันแล้วพูดออกไปอย่างห้าวหาญ
“ขอปฏิเสธ”
“ไม่ได้!” เสียงตอบสวนขึ้นมาทันทีอย่างรู้ทัน
“อย่าได้ปฏิเสธในสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้” เสียงที่แสดงความอ่อนโยนในตอนแรกเหี้ยมขึ้นอย่างน่ากลัว ใบหน้าที่ระบายด้วยรอยยิ้มหายวับไปกับตา ถึงตอนนี้ฮารุโยะก็รู้ได้ทันทีเลยว่าไอ้โรคจิตบ้านั้นเหมือนใครกันก็ตอนนี้แหละ น่ากลัวฉิบ...
“เรื่องที่หนูเข้าเรียนที่นี่ในฐานะผู้ชายจะให้อื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาเดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการเองไม่ต้องห่วงเป็นอันตกลงนะ?” ฮารุโยะนั่งนิ่งเงียบยอมรับโดยดุสดี ไม่ให้รับได้อย่างไรในเมื่อไอเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากร่างผอ.ซะขนาดนั้นถ้าปฏิเสธต้องตายแน่ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ ซาเอะจึงเอ่ยต่ออย่างอารมณ์ดี
“ถ้างั้นเราไปเอาร้องเท้าแก้วกันเถอะ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบตกลงอย่างเศร้า
ฮารุโยะเดินตามผอ.ไปยังอีกห้องหนึ่งที่อยู่ถัดไปแต่แทนที่มันจะเป็นห้องเปล่าๆกลับมีกองรองเท้ากองสูงเป็นภูเขาซะงั้น
“อะ...เอ่ออย่าบอกนะว่าให้หารองเท้าแก้วเอาเองในนี่”
“ใช่จ๊ะ” ซาเอะตอบหน้าระรื่นผิดกับอีกคนที่ใบหน้าซีดขาวเป็นกระดาษไปแล้ว
“ฉันขอมอบภารกิจแรกของการเป็นเจ้าชายให้เธอ คือ ตามหารองเท้าแก้วให้ครบคู่ภายในหนึ่งอาทิตย์ให้ได้”
“หา!?!” ฮารุโยะตะโกนออกมาสุดเสียง ให้หารองเท้าแก้วครบคู่ในกองรองเท้าที่มีเป็นพันๆข้างนี่นะ พระเจ้าช่วยลูกด้วยร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นน้ำตาคลอ ส่วนผอ.โรงเรียนก็ได้แต่ยืนหัวเราะอย่างสุขใจ
ความคิดเห็น