คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter: 1 ฉันนะหรือคือเจ้าชาย?
Chapter : 1 ฉันนะหรือคือเจ้าชาย?วันนี้มารับตัวซายะจังเร็วจังนะค่ะ ”
“
“ พอดีมีธุระต่อที่อื่นนะคะ ” ฮารุโยะยิ้มให้อย่างคุ้นเคยแต่สะกิดใจสาววัย 30 ได้อย่างรุนแรงแก้มงี้ร้อนผ่าวจนขึ้นสีเป็นสีแดงทั้งหน้า แม้แต่ครูคนอื่นๆที่ตามมาดูก็เหมือนกัน
“ พี่ค่ะ! ” เด็กสาวตัวเล็กๆน่ารักผมยาวสลวยวิ่งกระโจนใส่อย่างคิดถึง แล้วก็ร้องวี้ดว้ายเป็นการใหญ่เมื่อพี่สาวอุ้มขึ้นแล้วเหวี่ยงร่างเล็กๆนั้นก่อนหอมแก้มนิ่มๆเสียฟอดใหญ่
“ วันนี้พี่เลี้ยงไอติมนะอยากกินมั้ย? ” เด็กสาวพยักหน้าแล้วฉีกยิ้มกว้างแก้มแดงระเรื่อ
“งั้นเราไปกันเลย...ขอบคุณที่ดูแลซายะนะค่ะ”ฮารุโยะกล่าวลาทั้งๆที่ยังอุ้มน้องสาวอยู่ก่อนเดินจากไป
“ ถ้าพี่มีแฟนยังงี้รักตายเลย ”
“ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยคะ คิดถูกจริงๆที่ออกเสียงโหวตให้ ”
“ นั้นสิคะ ” เหล่าครูอนุบาลต่างทำท่าเคลิ้มฝันเป็นการใหญ่ ก็ทั้งหล่อ ทั้งดูดี แถมยังสุภาพเรียบไม่เหมือนพวกผู้ชายคนอื่นๆที่เคยเจอ น่าเสียดายนักเชียวที่เกิดเป็นผู้หญิงไม่งั้นไม่รอดมือหรอกเชื่อเถอะหึหึหึ.....
ฮารุโยะที่เดินไปซื้อไอติมให้น้องสาวเสียวหลังวูบอย่างไม่รู้สาเหตุหันหลังมองซ้ายก็แล้วขวาก็แล้ว แต่พอเห็นน้องสาวที่นั่งรออยู่โบกมือให้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นสาวขายไอติมหน้าแดงซ่านไปถึงใบหูยื่นไอติมแบบเยอะเกินพิกัดมาให้ แล้วก็ต้องรับมาแบบอึดอัดก็เล่นโดดคนนับสิบคนบริเวณนั้นหันมามองนัยน์ตาแวววับแล้วชักนึกสยองเกล้าพิกล
“ พี่เหมือนเจ้าชายเลย ”
“ เอ๋...จริงเหรอคะแต่พี่อยากจะเป็นเจ้าชายมากกว่านะ ” ฮารุโยะยื่นไอติมให้ซายะ ก่อนนั่งลงแล้วอุ้มร่างเล็กๆนั้นขึ้นวางบนตัก
“ ถ้าหนูมีแฟนจะเลือกให้เหมือนพี่เลย ”
“ แก่แดดจริงนะเรา ”
“ ฮิๆๆ ” ซายะหัวเราะร่าค่อยๆเลียครีมที่กองสูงอยู่บนโคนแต่เลียแรงไปนิดตั้งครีมจึงหล่น แต่ฮารุโยะก็รับไว้ได้ทันก่อนที่มันจะเลอะกระโปรงเด็กสาว
“ ว้ามือพี่เลอะเลยนี่แนะ ” หญิงสาวป้ายครีมที่ปลายจมูกเล็กๆนั้นแล้วหัวเราะร่า
“ นี่แนะ ” ซายะก็ใช่เล่นป้ายครีมที่แก้มของฮารุโยะบ้างเป็นการตอบแทน
“ แสบจริงนะเรา ” มือเรียวยาวเชยคางมนเล็กขึ้นแล้วก้มลงเลียครีมที่ปลายจมูกก่อนจะยื่นหน้าของตนเองให้อีกฝ่ายแล้วชี้ข้างแก้มที่ทำแบบป่องๆให้ให้เด็กสาวทำตามอย่างที่ตนทำ ซายะได้แต่หัวเราะคิกคักแต่ก็เลียครีมที่แก้มพี่สาวให้อย่างไม่โต้แย้ง เป็นภาพที่ใครต่อใครที่เดินผ่านมาเห็นแล้วก็ต้องเดินอมยิ้มไปตามๆกัน
“ เธอดูนั้นสิหนุ่มหล่อ ”
“ ไหนๆ...ว้ายจริงๆด้วยหล่อจังเลย ” สาวสุดเปรี้ยวหันมองตามมือคนชี้ เห็นหนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ไม่ไกลพลางส่งเสียงวี้ดว้ายเสียงดัง ทั้งๆที่มือนั้นยังเกาะแขนแฟนหนุ่มไม่ปล่อย
“ นี่เธอมีฉันอยู่ทั้งคนยังสนใจผู้ชายคนอื่นอยู่รึ? ”
“ แหม...อย่าอารมณ์เสียสินั่นก็แค่อาหารตาเท่านั้นเองจะเทียบกับกับเธอได้ยังไง เธอนะยังไงก็เป็นที่หนึ่งเสมอแหละ ” หญิงสาวรับประจบเป็นการใหญ่โดยใช้ร่างกายอันอวบอั๋นด้วยเนื้อนมไข่กระแซะเบียดกับแขนแข็งแรงแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นจุ๊บที่แก้มเบาๆเป็นการปลอบขวัญ แต่ว่าชายหนุ่มก็เสียความรู้สึกไปแล้วจึงผลักร่างบางออกทีแบบขยะแขยง
“ ว้าย!เธอผลักฉันทำไมนะ ”
“ โทษนะฉันเกลียดผู้หญิงอย่างเธอที่สุดไสหัวไปซะ! ” ชายหนุ่มตวาดไล่อย่างไม่ใยดีก่อนเดินผละจากมาอย่างรวดเร็ว
“ เดี๋ยวก่อนสิโทยะกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ” หญิงสาวเต้นแร้งเต้นกาเป็นการใหญ่เมื่อหนุ่มที่จับตัวแสนจะยากบอกเลิกกันง่ายๆเพียงคบกันได้ไม่ถึงอาทิตย์ ส่วนอีกคู่หนึ่งที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆไม่ได้ให้ความสนใจกับเธอแม้แต่น้อย
“ เป็นอะไรของเค้ากันนะ? ”
“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวนี้อารมณ์มันไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่ แต่ว่า ”แฟนหนุ่มเว้นระยะไว้ ก่อนเหลือบตามองหนุ่มหล่อไม่สิ!เรียกว่าหนุ่มรูปงามจะเหมาะกว่า ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“ เธอเห็นหมอนั้นหล่อกว่าฉันจริงๆเหรอ? ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะคิกคักก่อนตอบ
“ ก็นะ...แต่นั้นก็ไม่ไช่สเป็กของฉันซะหน่อยมันต้องอย่างเธอนี้ถึงจะใช่ แต่เมื่อกี้ฉันก็แค่แกล้งยัยฮิเมะเท่านั้นแหละเกลียดขี้หน้ายัยนี้เต็มทนเอาแต่บ้าคนหล่ออยู่ได้เห็นแล้วหมั่นไส้ ยังนึกอยู่ว่าเจ้าโทยะเอามันมาเป็นแฟนได้ยังไงจริตเสียจริง ”
แฟนหนุ่มได้ยินยังงั้นก็หัวเราะเสียงดังก็อย่างที่หญิงสาวพูด ยัยฮิเมะนะไม่ได้รักโทยะเลยสักนิดที่มาคบด้วยก็เพียงเพราะจะเอาไปโพนทะนาว่า ฉันนี่แหละแฟนของอิชิคาว่า โทยะลูกชายคนโตของเจ้าของบริษัทชื่อดังทำให้ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามต่างหวังที่จะตกถังข้าวสาร แต่ก็ต้องผิดหวังทุกรายเพราะเจ้าตัวสับเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น
“ นั้นนายจะไปนะ!?! ” เมื่อเห็นว่าเส้นทางที่เพื่อนรักกำลังเดินอยู่นั้นพุ่งตรงไปยังชายหน้าหวานที่เป็นต้นเหตุให้โทยะเลิกกับอดีตแฟนที่ยังยืนกรี้ดเมื่อกี้นี่จึงรีบเข้าไปรั้งตัวทันที
“ ปล่อยฉันโวย ทาคากิ, เซกะ! ”
“ ไม่! ”ทั้งคู่ตอบพร้อมกันแล้วยังช่วยกันหิ้วปีกคนละข้างของชายหนุ่มออกมา
“ ปล่อยสิวะ ” ทั้งสามเยื้อยื้อฉุดกระชากกันไปมา จนทาคากิชักทนไม่ไหวใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่ถือติดตัวมาฟาดกะบาลเข้าให้สุดแรง ทำให้ร่างโทยะเซถลาหัวโหม่งกับต้นไม้ดังแอ๊กสลบเหมือดคาที
“ ตายแล้ว! ” เซกะรีบเข้าไปดูอาการโทยะทันทีเมื่อเห็นว่าไม่ได้สติก็หันไปมองหน้าแฟนหนุ่มอย่างตำหนิ
“ อย่ามองแบบนั้นสิที่รัก ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็หยุดมันไม่ได้นะสิ เธอก็รู้ว่ามันบ้าแค่ไหน มาเดี๋ยวฉันแบกมันกลับเอง ” ทาคากิแบกโทยะไว้ที่หลังแล้วพากลับบ้านทั้งๆอย่างนั้น
“ เค้าเป็นอะไรเหรอคะ? ” ซายะจ้องมองพวกที่เดินจากไปตาแป๋ว
“ สงสัยเค้าไม่สบายมั้งคะอย่าไปสนใจเลยคะเรากลับบ้านกันดีกว่าสายแล้ว ” ฮารุโยะอุ้มซายะลงจากตักแต่ตาก็ยังเหล่มองพวกเมื่อกี้ที่ทำท่าจะเข้ามาหาเรื่อง โชคยังดีที่หนึ่งในนั้นรั้งตัวเอาไว้ได้ไม่งั้นคงเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆยิ่งเจอเป็นประจำซะด้วยสิ
“ กลับมาแล้วค่ะ...เฮ้ย!?! ” ฮารุโยะเปิดประตูเข้าบ้านมาก็ต้องนิ่งค้างเมื่อเห็นกล่องกองอยู่หน้าประตูราว 4-5 กล่องใหญ่ที่จ่าหน้าถึงเธอจากโรงเรียน Aid-de-camp
“ นี่มันอะไรกันคะ!?! ” หลังจากพาซายะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วอารุโยะก็มานั่งมองกล่องที่พ่อของเธอค้นเอามาไว้ที่ห้องให้อย่างนึกฉงน
“ พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันหลังจากที่ลูกออกจากบ้านไปไม่ถึง 5 นาทีก็มีพนักงานส่งของขนเข้ามาให้ จะแกะออกดูก็ใช่ที่พ่อก็เลยรอจนกว่าลูกจะกลับมานี่แหละ ” ฮารุโยะมองไล่กล่องแต่ละกล่องอย่างหนักใจ แล้วลงมือแกะกล้องที่อยู่ใกล้มือสุด แล้วก็ตกแปลกใจเมื่อพบว่าสิ่งที่นอนอยู่ในกล่องนั้นเป็นชุดฟอร์มอย่างดีแต่ทว่า .
ชุดสำหรับผู้ชาย!?!
หญิงสาวเอามือฟาดหน้าตัวเองอย่างหมดแรง นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี้ยเอาแบบฟอร์มของผู้ชายส่งมาได้ไงกันน่าตัดมือคนส่งให้กุดหมดทั้งสองข้างเลยฮารุโยะคิดในใจอย่างเดือดดาน เมื่อหยิบชุดพวกนั้นขึ้นมาแผ่นกระดาษใบหนึ่งก็ร่วงลงมาเธอจึงหยิบขึ้นมาดูแล้วก็อุทานเสียงแหบพร่าสมชายจนคนยืนดูอยู่สะดุ้ง
“ มันอะไรกันวะ! ”
“ อ...อะไรเหรอลูก? ” หญิงสาวยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้พ่อ ซึ่งก็มีปฏิกิริยาแทบไม่ต่างกัน
“ พวกนั้นได้ขนาดตัวหนูมาได้ยังไงกัน? ” ฮารุโยะรีบลองชุดทันทีแล้วก็พบว่าขนาดพอดีตัวเป๊ะ ฮิโตมุที่ดูอยู่ถึงกับเช็ดเหงื่ออย่างหนักใจก็ลูกสาวของเขานะสิใส่ชุดนี้แล้วช่าง...ช่างหล่อเหลือร้าย!
ชุดสีขาวทั้งตัวดิ้นด้วยไหมสีทองที่ปลายแขนเสื้อและคอเสื้อโดยสานไขว้กันอย่างสวยงาม แถมอ๊อฟชั่นด้วยกระบี่เล่มยาวเล็กปลอกสีเงินทองคล้องไว้ที่เอว ดูโดยแล้วคล้ายชุดของพวกองครักษ์รึไม่ก็เครื่องแบบของทหาร ส่งผลให้ร่างที่สวมอยู่ดูสง่างามและภูมิฐาน...เหอะๆๆลูกสาวเราแมนได้ใจจริงๆ
ฮิโตมุไม่รู้ว่าตัวเองจะภูมิใจดีรึเปล่าที่เกิดมามีลูกสาวหล่อกระชากใจ จนสาวน้อยสาวใหญ่หลงแทบโงหัวไม่ขึ้นแถมอนาคตยังขึ้นคานชัวร์ไม่มัวนิ่ม โชคยังดีที่บ้านนี้มีซายะอยู่ไม่งั้นคงไม่ได้อุ้มหลานแน่ๆ แต่แล้วความคิดก็ต้องชะงักลงเมื่อลูกสาวคนโตหวีดร้องขึ้นมาอีกครั้งอย่างกับคนบ้า
“ เป็นอะไรไปฮารุโยะ? ” ฮิโตมุถามด้วยความตกใจเมื่อแผ่นกระดาษในมือถูกกระชากไปฉีกทิ้งไม่เหลือชิ้นดี
“ นี่แปลว่าหนูต้องไปเรียนที่นั้นอย่างหลีเลี่ยงไม่ได้ใช่มั้ยคะ? ” ฮารุโยะถอดชุดที่สวมอยู่โยนลงบนเตียงโดยคนเป็นพ่อได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบในเมื่อเอกสารที่เค้าเพิ่งถืออยู่ในมือเป็นเอกสารการลงทะเบียนเรียนที่ทำไว้ให้อย่างเรียบร้อยแล้ว และเป็นการลงทะเบียนเข้าเรียนอย่างมัดมือชกแบบเสร็จสรรพซะด้วย
***********************************
1 อาทิตย์หลังจากที่ได้รับจดหมายและอุปกรณ์การเรียน ฮารุโยะก็แต่งตัวออกจากบ้านไปในมือถือแผนที่โรงเรียนไว้ เพราะไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและเป็นสถานที่อย่างไรเธอจึงตื่นแต่เช้าเพื่อไปสำรวจที่ๆจะต้องใช้ชีวิตกว่า 3 ปีให้ดี แน่นอนว่าจากเท่าที่ดูแผนที่มันออกจะไกลโขพอดู
เมื่อสุดสายรถเมลล์ที่เคยนั่งเป็นครั้งแรกหญิงสาวก็ต้องตระหนักว่ามันเป็นสถานที่ที่น่ากลัวจริงๆเมื่อที่ตั้งของโรงเรียนอยู่บนเขาลูกๆหนึ่งที่มีรั่วกั้นยาวรอบภูเขาทั้งลูก ประตูทางเข้านั้นถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนารกครึ้ม เพียงแค่เดินผ่านเข้าประตูเท่านั้นก็ต้องเสียวสันหลังวูบอย่างกับมีใครแอบมองอยู่ ฮารุโยะรีบเร่งฝีเท้าเดินไปตามทางเดินจนเมื่อพ้นเขตป่าจึงมองเห็นว่าโรงเรียนจริงๆเป็นเช่นไร
“ นี่มันโรงเรียนหรือราชวังกันฟะ? ” อาคารรูปทรงปราสาทตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหลงเข้ามายังโลกอีกมิติหนึ่งที่ไม่อาจมีจริง เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงหมุนตัวกลับหลังทันทีอย่างไม่รอช้าแต่ก็ต้องชนกับอะไรบ้างอย่างที่เหมือนกำแพงจนเซถลา
“ ขอโทษคะ ” ฮารุโยะลูบปลายจมูกแล้วเหงยหน้าขึ้นมอง ต่างฝ่ายต่างชะงักมองกันอย่างตกใจ หญิงสาวก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวมองชายหนุ่มที่เดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้แบบหวาดๆ รู้สึกกลัวในดวงตาคู่นั้นที่มองมาอย่างเย็นชา
“ นาย...เด็กใหม่? ” น้ำเสียงทุ้มต่ำถามเรียบเหมือนมีแววหงุดหงิดแฝงอยู่
“ ป...เปล่าไม่ใช่ เผอิญฉันแค่หลงทางมาเท่านั้น ” ชายหนุ่มทำสีหน้าไม่เชื่อ หัวคิ้วเรียบขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนสายตาเย็นชาจะไล่มองตั่งแต่หัวจรดเท้า
“ ชุดนั้น...ที่นายใส่เป็นของที่นี่ ถ้าเป็นเด็กใหม่ก็ควรตอบว่าใช่ ” ฮารุโยะกลืนน้ำลายดังเอือก ลืมไปสนิทว่าอีกฝ่ายก็แต่งตัวเหมือนกัน จึงยิ้มแหยงๆให้
“ ก็ใช่...ละมั้ง? ”
“ ถ้างั้นก็หลีกไปเกะกะ ” หญิงสาวรีบหลีกทางให้ทันทีอย่างไม่รอช้าก้มหน้าก้มตามองพื้นรอให้อีกฝ่ายเดินผ่านไป แต่ร่างที่ควรจะเดินผ่านไปกลับยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติงจนอดไม่ได้ที่จะหันขึ้นมาถามด้วยความสงสัย
“ มีอะไรงั้นเหรอ? ”
“ เปล่า...แค่คิดว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า...ก็แค่นั้นเอง ” ฮารุโยะเผลอมองอีกฝ่ายตรงๆ อาจเป็นไปได้ว่าเคยเจออีกฝ่ายจริงๆรึไม่ก็คู่กรณีเก่าของเธอที่ว่าด้วยเรื่องผู้หญิงที่โดนมานับไม่ถ้วน แต่ผู้ชายที่ร่างสูงกว่าที่เคยพบกันมีไม่มากนักเธอน่าจะจำได้สิ
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าดูหล่อคมเข้ม สูงกว่าเธอตั้งหลายเซ็นเห็นจะได้อีกอย่างท่าทางเหมือนพวกคุณหนูรึไม่ก็คุณชายอย่างนี้รับรองไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นก็ต้องตกหลุมรักแน่นอน เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่จะมีปัญหากับเธอนั้นไม่มีชัวร์ๆ เมื่อลงความเห็นตามนั้นหญิงสาวจึงฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วตอบ
“ ไม่เคยเจอกันแน่นอน ” อีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วยช้าๆ ในเมื่อเท่าที่ผ่านยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่จะหน้าตาหวานขนาดนี้ แม้แต่ในโรงเรียนนี้ก็ยังหาไม่ได้ง่ายๆถ้าไม่นับรวมกับน้องชายตัวเองละนะ?
“ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันลาละ ” ฮารุโยะรีบชิ่งทันทีอย่างรวดเร็วแล้วก็ต้องหน้าหงายเมื่อถูกรั้งไว้ด้วยมือแข็งแรง
“ นายจะไปไหน? ”
“ ฉันจะกลับบ้านนะสิถามได้ ” ชายหนุ่มนิ่งคิด สงสัยอีกฝ่ายจะโดดเรียนแน่ จึงลากหญิงสาวที่ขนาดตัวไม่ต่างกันนักไปด้วย โดยไม่สนใจเลยอีกฝ่ายจะโวยวายและขัดขืนขนาดไหน
“ ปล่อยฉันนะ! ฉันจะกลับบ้าน ”
“ ไม่!...นายคิดจะโดดเรียนละสิ เปิดเรียนวันแรกก็ทำตัวเหลียวไหลอย่างนี้เสียชื่อโรงเรียนหมด ”
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยฟะ ” ชายหนุ่มหยุดเดินทันทีแล้วจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเองตรงๆ
“ เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยวก็ฉันเป็นลูกชายของผู้บริหารโรงเรียนนี้! ”
“ หะ...!?! ” ฮารุโยะทำหน้าไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่แต่ก็ต้องเชื่อเพราะอีกฝ่ายส่งสายตาพิฆาตมาอย่างน่ากลัว “ นั้นมันก็เรื่องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน ที่มาวันนี้ก็แค่สงสัยว่าโรงเรียนนี้เป็นยังไงก็แค่นั้นเอง แล้วตอนนี้ฉันก็รู้แล้วไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องอยู่อีกลาขาดละ” หญิงสาวสะบัดมือของอีกฝ่ายทิ้งแล้วรีบเดินออกมาโดยเร็ว
“ นายดูถูกที่นี่เกินไปไอ้หนู ” ฮารุโยะหยุดเดินแล้วค่อยๆหันกลับมา
“ นายว่าใครเป็นไอ้หนู? ”
“ นาย ” ชายหนุ่มชี้นิ้วยังเธอ
“ ฉัน? ตั่งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนที่ทักฉันว่าไอ้หนูก็วันนี้แหละ ถ้างั้นจะให้ฉันเรียกนายว่าอะไรดีนะตัวออกจะสูงซะขนาดนี้ ” ฮารุโยะกะระยะความสูงของอีกฝ่ายเมื่อเทียบกับตัวเองแล้วเบ้ปากด้วยอาการสุดเซ็ง
“ พอละขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคนไม่รู้จัก เสียดายเวลา ” หญิงสาวตั้งท่าจะเดินจากไป เสียงดีดนิ้วก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มในชุดสีขาว ที่แต่งตัวไม่ต่างจากเธอหากติดตรงที่แขนซ้ายมีปลอกแขนสีดำรัดอยู่
“ นายคงยังไม่ได้อ่านคู่มือสินะ...มันเขียนบอกไว้ชัดเจนว่า นักเรียนคนไหนที่ก้าวเท้าเข้าโรงเรียนแล้วห้ามออกไปข้างนอกก่อนเวลาหลังเลิกเรียน หรือได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ หากฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษ ” หญิงสาวนิ้วหน้านึกย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อ 1 อาทิตย์ก่อน แล้วก็จำได้ว่าตัวเองโยนหนังสือเล่มหนาทิ้งลงถังขยะตอนกำลังสติแตกอยู่
“ ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะนายไม่มีสิทธ์ที่จะรั้งฉันไว้หรอก ” ฮารุโยะหันตัวกลับเดินต่อแต่ก็ต้องชะงักเมื่อวงล้อมนั้นบีบตัวเข้ามาใกล้
“ จับเค้าไว้อย่าให้หนีไปได้! ” ชายหนุ่มออกคำสั่งเข้ม เหล่าชายหนุ่มมาดยามรักษาการณ์ก็กรูกันเข้าหาหญิงสาวทันที
“ พูดแค่นี้ไม่เข้าใจภาษาคนรึไงวะ! ” ฮารุโยะเบี่ยงตัวหลบมือที่ยื่นเข้ามาคนแรก ก่อนจับคอเสื้ออีกฝ่ายเหวี่ยงร่างทั้งร่างนั้นทุ่มไปข้างหน้าปะทะกับอีกคนที่วิ่งเข้ามาหาจนล้มลงไปทั้งคู่ ก่อนกระโดดหลบเท้าของคนข้างหลังที่ตวัดผ่านมาตามแนวพื้นโดยอาศัยบ่าของอีกฝ่ายเป็นบาร์เหวี่ยงตัวไปทางด้านหลัง ทันที่ที่เท้าเธอแตะพื้นก็ใช้ฝ่ามือทาบข้างศีรษะอีกฝ่ายแล้วออกแรงผลักกดลงกับพื้นสุดแรง จนร่างชายคนนั้นนอนสลบนิ่งไป
“ ลาขาดยะ ” หญิงสาวแล้บลิ้นปลิ้นตาให้ก่อนวิ่งตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่ก็รู้เสียวหลังแปลกๆจึงหันกลับไปมองแล้วต้องผวาเมื่อเมื่อร่างที่ยืนเงียบในตอนแรกวิ่งไล่กวาดมาด้วยความเร็วสูง ไม่กี่อึดใจร่างที่วิ่งตามมานั้นก็ไล่ตามทันแล้วคว้าเสื้อของอีกฝ่ายตรงหน้ารั้งไว้
“ เฮ้ยปล่อยสิวะ ” ฮารุโยะตะโกนบอก
“ ปล่อยให้โง่สิ นายนั้นแหละที่ต้องหยุด ”
“ หยุดให้โง่นะสิ ” ฮารุโยะพยายามกระชากเสื้อออกจากมือของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องล้มหน้าคว่ำเมื่อเท้าดันสะดุดกับก้อนหินที่วางประดับริมทางเข้า
“ เฮ้ย!!! ”
โครม!!!
“ โอ้ย~ไอ้บ้าเอ้ย! ” ฮารุโยะครางอย่างอารมณ์เสีย อีกแค่นิดเดี๋ยวเท่านั้นก็จะออกนอกเขตโรงเรียนแท้ๆ ก่อนลืมตาขึ้นมองก็เห็นร่างหนาใช้แขนทั้งสองข้างยันพื้นคร่อมตัวเธอเอาไว้
“ ถอยไปไกลๆเลยไอ้บ้า ” ฮารุโยะใช้มือทั้งสองยันร่างอีกฝ่าย “ นี่หูหนวกรึไงกันฉันบอกให้ถอยไป...นายคิดจะอยู่ท่านี้อีกนานมั้ยหะ? ”
“ ...................... ” ชายหนุ่มนิ่งอยู่นานไม่ยอมตอบ มองร่างที่ตนคร่อมเอาไว้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ ถอย-ออก-ไป ” ฮารุโยะพูดกัดฟัดกรอดพลางออกแรงผลักอีกฝ่ายสุดแรง แต่ก็เหมือนว่าร่างๆนั้นไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด ซ้ำยังยิงคำถามที่กวนส้นตีนคนฟังอย่างแรง
“ นาย...เป็นผู้ชายหรือเปล่า? ”
“ แล้วนายเห็นฉันเป็นกระเทยรึไงวะ? ” ฮารุโยะตะคอกด้วยเสียงแหบหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง แล้วอารมณ์ก็ปรี้ดสูงยิ่งกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบกวนไม่หยอก
“ ก็ไม่เชิงว่าเหมือน แต่นายอาจเป็นอย่างนั้นเลย” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วจับข้อมือของเธอขึ้นทำท่าทางเหมือนวัดขนาดข้อมืออีกฝ่าย “ ก็ข้อมือของนายเล็กอย่างกับผู้หญิง แถมน้ำหนักก็ยังเบาซะขนาดนี้ ”
“ เฮ้ย!?! ” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายอุ้มร่างของเธอในท่าเจ้าหญิงอย่างง่ายดาย
“ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้โรคจิต! ”
“ ใครกันโรคจิตที่ว่า? ” ชายหนุ่มก้มลงมองหน้าฮารุโยะตรงๆ
“ ก็นายนั้นแหละ ปล่อยฉันลงซักทีสิโว้ย ” ร่างหนาชักสีหน้ายุ่งเป็นการใหญ่เมื่อร่างที่อยู่ในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลักไม่ยอมอยู่นิ่ง ร่างบางถูกเหวี่ยงขึ้นพาดไหล่แล้วพาเดินเข้าไปในโรงเรียนห่างจากประตูรั้วเรื่อยๆ
“ นี่นายโรคจิตปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันบอกให้ปล่อยยังไงละโถ่โว้ย! ” ฮารุโยะทั้งทุบหลังทั้งตะโกนตลอดทางที่ลูกชายผู้อำนวยการโรงเรียนแบกเธอไป
“ ฉันไม่ได้ชื่อไอ้โรคจิต” ชายหนุ่มพูดเสียงตวัด ชักรำคาญเสียงโวยวายของหญิงสาว
“ ฉันไม่สนว่านายจะชื่ออะไร ฉันจะเรียกนายว่าโรคจิตนี่แหละ โอ้ย!?! ” ร่างของฮารุโยะถูกโยนลงโซฟา แล้วร่างสูงที่พาเธอมานั้นก็ยืนก้มตัวลงมาชี้นิ้วโป้งหาร่างตัวเอง
“ ฉันชื่ออิชิคาว่า โทยะ ไม่ได้ชื่อไอ้โรคจิตจำเอาไว้ ” โทยะยืดตัวยืนตรงก่อนเดินออกจากห้องไปทิ้งท้ายด้วยเสียงซาวด์ปิดประตูที่ดังซะอย่างกับเปิดลำโพง
“ ผู้ชายบ้าอะไรวะทุเรศจริงๆ ” ฮารุโยะคำรามอยู่ในใจก่อนลุกขึ้นเดินสำรวจห้องที่โทยะพามาดูแล้วคาดคะแนว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของใครสักคน แต่ในเมื่อเธอไม่มีธุระอันใดกับโรงเรียนนี้อีกจึงไม่จำเป็นที่อยู่ที่นี้ต่อไป ร่างสูงของเธอจึงเดินย่องออกมาจากห้องนั้นเพื่อหาทางหนีออกจากโรงเรียน
“ นั้นนายคิดจะไปไหนนะ? ” ฮารุโยะหันมองตามเสียงก็เห็นว่าคนที่พาเธอมายืนพิงกำแพงอยู่ใกล้ๆกำลังซดกาแฟกระป๋องอึกใหญ่
“ กลับ ” เสียงกระชากห้วนตอบชัด ใบหน้าหล่อเหลาที่มองมานั้นจึงขมึงตึงขึ้นทันที โยนกระป๋องกาแฟที่เหลือเกือบครึ่งทิ้งลงถังแล้วก้าวยาวๆเข้ามาประชิดตัวอีกฝ่าย
“ นายจะทำอะไรนะ? ” ฮารุโยะอ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่าย เชือกเส้นเคืองที่เจ้าตัวเอามาจากตรงไหนและตอนไหนก็ไม่ทราบค่อยๆกวัดแกว่งไปมา
“ ถ้านายไม่ทำตัวดีๆละก็...เตรียมตัวถูกทำมัมมี่ได้เลย ” ไม่พูดเปล่าร่างหนาคว้าหมับที่ข้อมือเล็กแต่หญิงสาวสะบัดหลุดออกมาได้ทัน ก่อนค่อยๆถอยกรูอย่างรวดเร็วเมื่อโทยะยังไม่เลิกทำท่าทางคุกคามเธอ และในตอนนั้นเองสายตาของฮารุโยะก็เหลือบเห็นประตูหน้าต่างบ้านหนึ่งของอาคารแง้มอยู่ แผนการหลบหนีก็ผุดขึ้นในสมองทันทีอย่างรวดเร็ว
“ นายทำมัมมี่ตัวเองละกันไอ้บ้าโรคจิต!” ฮารุโยะคว้าผ้าม่านผืนใหญ่ดึงสะบัดปิดหน้าโทยะก่อนวิ่งไปที่หน้าต่างบานที่เล็งไว้แล้วกระโดดลงไปอย่างไม่นึกกลัว โชดดีที่มันสูงแค่สองชั้นหญิงสาวรีบวิ่งหนีเข้าไปในกำแพงต้นไม้ทันที โทยะที่เสียที่อีกฝ่ายมองตามร่างที่วิ่งลับหายไปอย่างเจ็บใจ
ความคิดเห็น