ตอนที่ 8 : Sexy Smile _7 : เข้าสู่ลัทธิชาวสีม่วงอย่างเป็นทางการ
Chapter 7
เข้าสู่ลัทธิชาวสีม่วงอย่างเป็นทางการ
อยู่ๆไอคีย์ก็ขอตัวออกจากห้องผมไป แต่ผมสังเกตหน้ามันดูแล้วรู้สึกถึงลางประหลาดชอบกล เหอะๆ สงสัยผมจะคิดมากไปเองรึเปล่า
“เห้ย หนังเรื่องนี้มันของกูนิ” จงฮยอนมันหยิบกล่องซีดีขึ้นมาพลิกไปมา ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“สงสัยจะของมึงแหละ” ตอบๆมันไปพร้อมกับยกน้ำกระป๋องกรอกปาก
แอ๊ดด~
ทั้งผมทั้งจงฮยอนชะเง้อคอไปยังทิศทางของประตู ไม่นานก็เห็นไอคีย์โผล่เข้ามา แต่สภาพของมันชั่งแปลกประหลาด เพราะอะไรนะหรอ ผมเห็นมันหอบบ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้เข้ามาเยอะแยะ
“มินโฮกูอาบน้ำห้องมึงนะ”
“ห้องน้ำกูไม่ใช่ห้องนำสาธารณะนะโว้ย มาอาบทำไมห้องกู ห้องมึงไม่มีน้ำอาบหรือไง” ตอบมันออกไป ก่อนจะเห็นว่าไอข้าวของมากมายที่มันม้วนๆอยู่ในมือคือเสื้อผ้านี่เอง
ว่าแต่ว่าอารมณ์ไหนของมัน ถึงจะมาอาบน้ำห้องผมเนี่ย
“โถ่มินโฮ มึงไม่เคยได้ยินว่ายิ่งดึกยิ่งหนาวหรอ ห้องกูไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเหมือนห้องมึงนี่ อย่างกไปเลย ให้กูอาบหน่อยเหอะ” ทำหน้าตาเว้าวอนนิดๆ คิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะยอมหรือไง และดูสิมาขออาบน้ำห้องผม สบู่ ยาสีฟัน ไม่เห็นสักอย่าง
“ไม่เอาๆเปลืองข้าวของกู มีที่ไหนจะมาอาบน้ำห้องคนอื่นแต่ขนมาแค่เสื้อผ้า” ณ ตอนนี้มันกำลังยืนปากยื่นส่งมาให้ผม เหอะๆ มันคงลืมไปว่าผมนะไม่ใช่จะมีดีแต่หน้าตา สมองผมก็ดีเช่นกัน
“ให้มันอาบๆไปก็จบ” จงฮยอนดูเหมือนว่ากำลังรำคาญทั้งผมทั้งคีย์ก็เลยพูดออกมา ส่วนไอคีย์ที่มีคนสนับสนุนก็รีบพยักหน้ารัวเร็วเสียยกใหญ่ ให้มันได้อย่างนี้สิ
“ก็ได้ๆ 15 นาทีพอนะเมิง” บอกดักมันไว้ก่อน กลัวมันจะเพลินเหมือนเมื่อตอนกลางวัน อาบห่าอาบเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ ถึงได้ปาเวลาเข้าไปร่วมชั่วโมง
“ไอคีย์นี่น่ารักดีโนะ” อยู่ๆไอจงฮยอนก็หอนขึ้นมาก่อนจะมองไปยังห้องน้ำที่เพิ่งปิดลง แต่เดี๋ยว ตะกี้มันชมไอคีย์ว่าน่ารักนี่
“ไอคีย์น่ารักงั้นหรอ” ถามออกไปทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอก ว่าไอคนที่เอ่ยถึงมันน่ารักจนตัวผมเองยังเกือบคลั่งเพราะมัน เอาน่า ทำตัวมึนๆแบบนี้นะดีแล้ว
“ควาย มึงไม่รู้หรือไงว่าไอคีย์อะโคตรน่ารัก” บางทีการทำตัวมึนๆ ก็จะได้รับคำด่าแบบไม่ทันตั้งตัว
“ทำไมเมิงไม่จีบมันล่ะ เหอะๆ” ถามออกไปพลางเล่มองมันนิดนึง มันหันมาสบตากับผมก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ หวังว่ากูคงไม่ได้ชี้โพลงให้กระลอกหรอกนะ
“มันไม่เหมาะกับคนอย่างกูอะดิ แต่ถ้ามันกับเมิงอะ กูว่าโคตรเหมาะ” พูดแบบนี้เขาเรียกว่าให้การสนับสนุนนี่หว่า แหม~ คบกับมาตั้งหลายปี เพิ่งจะได้ยินคำพูดคำจาที่เข้าหู
แต่เดี๋ยวก่อนสิ มันให้การสสนับสนุนว่าผมและไอคีย์เหมาะกัน อะเหอะ ผมเป็นผู้ชายนะ แล้วไอคีย์ก็เป็นผู้ชายด้วย อืมมม เดี๋ยวนี้เมิงสนับสนุนให้เพื่อนเป็นเกย์งั้นหรอ
“มันเป็นผู้ชายนะโว้ย” เรียบๆเคียงๆถามมันออกไป
“ความรักมันไม่จำกัดหรอกว่ะ แล้วยิ่งพูดถึงไอคนที่เมิงบอกว่าเป็นผู้ชายอย่างไอคีย์นะ บอกตามตรงเหอะ กูว่ามันสวยกว่าผู้หญิงเป็นไหนๆ ถ้าไม่ติดว่าปากหมานะ กูก็คงจะลองๆจีบเหมือนกัน”
“งั้นสำหรับมึงแล้ว จะหญิงหรือชาย ถ้าชอบไปแล้วก็ไม่เกี่ยงอะดิ”
“ก็คงงั้น กูเป็นพวกไม่แคร์สื่ออยู่แล้ววะ” มันลอยหน้าลอยตาพูด ซึ่งก็ดูแล้วว่ามันคงไม่แคร์สื่ออย่างที่มันบอกจริงๆนั่นแหละ
เอ่อ แล้วถ้าหากว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่ผมสงสัยเรื่องมันกับไอน้องแทมๆล่ะ
“ตอนนี้มึงกับน้องแทมๆนี่มีอะไรมากกว่าคำว่าเพื่อน คำว่าน้องใช่ไหม” ในเมื่อมันเป็นคนบอกเองว่าจะเพศไหนก็ไม่ได้สำคัญ ผมเลยกล้าตัดสินใจถามมันออกไป
“หูไวตาไวหรอมึง จะบอกก็ได้ ว่ากูจีบแทมๆอยู่” รับกันแบบด้านๆเลยเชียว คือที่กูถามเนี่ย มึงจะอ้อมค้อมสักนิด แล้วค่อยๆปิดท้ายเรื่องความสัมพันธ์ที่กำลังดำเนินอยู่ก็ได้ กูไม่ได้เร่งรับให้มึงยอมรับความเป็นเกย์สักหน่อย
“กูมีเพื่อนเป็นเกย์ ทำไงดีวะคิม จงฮยอน” ผมโอบไหล่มันก่อนจะกระแทกสัมผัสลงที่ฝ่ามือสองสามที แล้วไอจงก็หันมามองผมด้วยหางตา ก่อนจะยิ้มแบบมึนๆ
“ใช่ว่าอยู่ๆกูจะเป็นเสียหน่อย สถานการณ์มันพาไปต่างหากเว้ย เข้าใจง่ายยิ่งกว่านี้ เมื่อคืนนี้ไอคีย์นอนห้องเมิงใช่ไหมล่ะ กูรู้ว่ามึงต้องหวั่นๆบ้างละถ้าดูจากสภาพกายแบบไอคีย์” สภาพกายที่มันว่า มันคงหมายถึง ไอผิวขาวๆ หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนพวกหญิงงั้นสินะ
“ก็นะ เมิงดูหน้าตามันดิ” บอกปัดๆแต่ไอจงฮยอนกับยิ้มกรุ่มกริ่ม
“เซ็กซี่ใช่ไหมล่ะ เวลาแม่งยิ้มนะกูเองยังมองแทบค้าง” หมดเปลือกเลยวันนี้ คิม จงฮยอน เพื่อนรัก ถึงมึงจะเกย์มึงก็ควรช่วยปกปิดตัวเองสักนิดก็ได้นะเว้ย
“ก็คงงั้น” ผมยิ้มแหยตอบมันไป
“เมิงไม่คิดจะจีบมันหรอ” ณ ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันกำลังชวนผมเข้าสู่ลัทธิความเป็นเกย์ แต่โชคดีที่ว่า ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นได้ก่อนหน้านี้แล้ว (แม้จะยังไม่กี่ชั่วโมง) ไม่งั้นผมคงอยากจะถีบโด่งมันออกจากห้องเสียให้ได้ มีอย่างที่ไหนล่ะ เกิดเป็นชายแท้ๆแต่ดันต้องมาจีบชาย -*-
“คีย์แม่งแมนจะตายห่า”
“เป็นเรื่องน่าหนักใจ กูก็ว่ามันแมนเหมือนกัน” ไอจงฮยอนพูดจบผมก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่
“จบแล้ววะเมิง ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก ก่อนจะหันไปเห็นคิ้วเข้มๆที่กำลังขมวดเข้าหากันของจงฮยอน
ทั้งผมทั้งมันนั่งเงียบกันได้สักพัก เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วนาที จงฮยอนก็ยกนิ้วดีดดังเปราะ แล้วนั่นก็เป็นวินาทีเดียวกับที่คิ้วของมันคลายออกจากกัน
“กูมีวิธี”
“วิธีอะไรวะ” ผมถามมันออกไปแทบจะทันที บ่งบอกว่าโคตรจะตื่นเต็น (เป็นเอามาก)
“มึงอะต้องค่อยๆทำให้มันใจสั่น”
“ยังไงล่ะ”
“พยายามสบตากับมันบ่อยๆ สบตาอย่างมีความหมาย มองแบบให้ลึกซึ้งไปเลย ยิ่งทำให้หน้ามันแดงได้ยิ่งดี พยายามทำเนียนเอาหน้าไปเฉียดมันใกล้ๆ หายใจรดกันเล่นๆ กูว่าเจอหนักๆเข้ามันต้องรู้สึกแปลกๆกับตัวเองบ้างละนะ”
“เล่นแบบนั้นมันจะไม่เอาตีนเสยหน้ากูหรอ” ดูจากแต่ละวิธีของมันโคตรเสี่ยงกับชีวิตจริงๆ
“เอาน่าเพื่อทำให้ไอคีย์หวั่นไหว” และดูเหมือนว่าไอเพื่อนคิม มันจะดึงสหายอันเป็นที่รักยิ่งเข้าสู่ลัทธิของชาวสีม่วงซะให้หมด
“เมิงว่ากูจะตายก่อนที่ใจไอคีย์จะหวั่นรึเปล่า” ณ ตรงนี้ ก็อดเป็นห่วงสภาพความปลอดภัยของตัวเองเสียไม่ได้ นึกดูดีๆแล้ว ก่อนที่ผมจะเริ่มรุกไอคีย์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ผมควรจะไปทำประกันชีวิตก่อนดีไหม
“พวกเมิงงง หยิบผ้าขนหนูให้กูหน่อย~” ในขณะที่ผมและไอจงกำลังนั่งคุยกันอย่างมีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง (อันหลังนี่มากกว่า - - *) เสียงลากยาวจากภายในห้องน้ำก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
“จงฮยอนคีย์เรียก” ผมพูดออกไปก่อนจะกดรีโมทเพื่อทำการเปลี่ยนช่อง
“สัด มันพูดว่าพวกเมิง” แล้วมันก็ตอบผมมา กูก็ได้ยินอะนะ แต่กูอยาให้เมิงไปหยิบ
“ลุกไปหยิบให้มันหน่อยดิ” ผมบอกปัดไปก่อนจะพยายามผลักตัวมันออกจากโซฟา
“แม่ง นั่นว่าทีเมียในอนาคตเมิงนะสาดดด” มันลุกขึ้นก่อนจะบ่นออกมา ผมยักคิ้วให้มันทีนึงก่อนจะหันมาจ้องไอจอสี่เหลี่ยมต่อ
“ชเว มินโฮ เพื่อนมึงจะฆ่ากู” ผมหันไปตามที่มาของเสียง ไอหน้าหล่อนามว่าจงฮยอน กำลังทำหน้าเหมือนอยากตายอยู่ข้างๆผม มือข้างหนึ่งมันถือกล่องอะไรสักอย่าง อีกข้างถือผ้าขนหนูไว้
“กูจะเอาผ้าขนหนู~” เสียงจากห้องน้ำดังขึ้นมาอีกระลอก จงฮยอนสะบัดหัวพรืดอย่างหงุดหงิดก่อนจะโยนไอกล่องเหลี่ยมๆในมือให้ผม แล้วมันก็เดินเอาผ้าขนหนูไปให้ไอคีย์
ผมเหลือบตามองของที่มันส่งให้ ก่อนจะรู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมาสักคำจงฮยอนก็เดินกลับมาที่ผมอีกครั้ง
“กูกลับและมินโฮเพื่อนรัก คิม คิบอม กูเกลียดมึง” ไม่พูดเปล่า สองขาของมันตรงออกจากห้องผมในทันที ก็นะไอกล่องเหลี่ยมๆที่ว่า หนังผีสุดหรรษาของไอคีย์นั่นเอง แต่ มึงจะเอามันมาห้องกูทำไมเนี่ยยยย
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะต่อโทรศัพท์ถึงไอคนกลัวผีเข้ากระดูกดำ มันคงรีบที่จะออกจากห้องนี้ให้ไวที่สุดละมั้ง ถึงได้ลืมของสำคัญเอาได้
“สวัสดี คิม จงฮยอนเพื่อนรัก” กรอกสายลงโทรศัพท์ด้วยคำพูดอันไพเราะ
(โทรมาทำเจี้ยอะไรครับ)
“มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย”
(จะถึงรถกูแล้ว มีอะไรวะครับ)
“กลับมาอยู่ด้วยกันดีกว่าครับเพื่อนจง”
(ไม่ว่ะครับเพื่อนโฮ เชิญเพื่อนโฮอยู่กับว่าที่เมียเถอะครับ)
“แต่คิมจงครับ ได้ข่าวว่ากุญแจรถเมิงนอนอยู่โซฟากูว่ะครับ”
(เชรี้ยยยย~ เมิงงงง กูไหว้ละเอาแม่งลงมาให้กูที)
“เห็นทีจะไม่ได้วะครับ หนังใกล้จะฉายและ รีบๆนะครับ เพื่อนจง”
ผมตัดโทรศัพท์ก่อนจะหัวเราะพรืดใหญ่ออกมา เอาวะ อย่างน้อยได้ฟังเสียงแหกปากของมันตอนผีจะโผล่เข้าฉากก็เพลิดเพลินดี
“ยิ้มไรวะ” ผมหันไปทางต้นเสียงก่อนจะรีบหันหน้ากลับเข้าจอทีวีใหม่ โฮก~ มึงจะฆ่ากูหรอเชรี่ยคีย์
“แปลกคนถามก็ไม่ตอบ” ผมนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา พยายามเอี้ยวหน้าหันไปมองมันที่กำลังทำท่าทางหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะต้องกลืนน้ำลายเข้าปากเฮือกใหญ่ สภาพมันตอนนี้ทำให้ผมจะคลั่งตายอะ มึงกล้าดียังไงแต่งตัวแบบนี้เดินผ่านหน้ากู
“โอ้อยู่นี่เอง” มันเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยิ้มหน้าบาน ก่อนจะดึงกล่องซีดีออกจากมือของผม ซึ่งผมก็อ้าปากค้างอยู่แบบนั้น
“ไหนมึงว่ายิ่งดึกยิ่งหนาวไง” พะงาบปากถามออกไป ก่อนจะมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า มันยิ้มแหยๆก่อนจะมองไอเสื้อยืดคอย้วยตัวบางที่มีบางส่วนแนบไปกับเนื้อผิวของมันที่ยังไม่แห้งน้ำดี ไหนจะบ๊อกเซอร์สีเข้มตัดกับช่วงขาขาวๆของมันอีก ประเด็นคือ กางเกงมันจะสั้นไปไหน
“ใส่งี้แหละ โล่งๆดี กูชอบบบ” มันยื่นหน้าเข้ามาตอบ มึงชอบ กูก็ชอบบบบ
“โล่งๆก็ดี” ผมพูดออกไปแต่มันดูเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก แต่นั่นก็ดีแล้ว เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผมหื่น เวรเอ๋ย แล้วทำไมผมต้องทำตัวหื่นด้วยเนี่ย
“คิมจงเพื่อนรักกูไปไหนอะ” พูดถึงไอจง อ่า~ ชิปหายแล้ว ได้ข่าวว่ามันกำลังจะขึ้นมา แล้วถ้าแม่งมาเจอไอคีย์สภาพนี้ โนนนน~ ไม่มีทาง มึงต้องไม่ได้เห็นไอคีย์สภาพนี้แน่ๆ
“เดี๋ยวมา เปิดซีดีรอเลย” ผมพูดเสร็จก็คว้าหมับเอากุญแจรถของมันออกนอกห้องทันที แต่เดินพ้นประตูห้องไปได้ไม่ทันไรก็เห็นหัวเหลืองๆกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
“อ้าว มารับกูด้วย”
“นี่กุญแจ มึงกลับบ้านไปซะ” ผมยื่นของให้มัน แต่มันกลับทำหน้าแปลกใจ
“โย่ว แต่ว่านะ แต่ แต่ ได้ข่าวว่ามินโฮเพื่อนรักกูไม่ใช่คนดีอะไรเถือกนั้น” นี่ละสาเหตุที่มันไม่รับกุญแจ เพื่อนเวรครับ คิดว่ากูเป็นคนดีสักวันจะตายไหม
“อะไรจงฮยอน”
“เกิดอะไรขึ้นบอกกูมานะ” ถามพร้อยกับสายตาคมกริบที่เหมือนจะจับพิรุธผม
“กลับบ้านมึงไป”
“โฮะๆ ต้องมีอะไรดีแน่ๆเลย หลบกูดิ” มันผลักตัวผมที่ยืนขวางทางออก ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่หน้าประตู มันหันมามองผมพร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าเตรียมจะเปิด
“ฆาตกรโรคจิตจับเด็กขังไว้ในห้องน้ำ ก่อนจะลงมือกระชากลูกตาออกด้วยเสียงหัวเราะสะใจ และในไม่ช้า มีดปังตอเล่มใหญ่ก็แทงทะลักเข้าขั้วหัวใจ จากนั้น...” มันชะงักมือค้างไว้เสียอย่างนั้น พร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็ง เสร็จกูละ คิม จงฮยอน
“เหี้ยยย หุบปากของเมิงซะ กูจะกลับบ้านกู ณ บัดนาว” มันหันมาคว้าหมับเอากุญแจก่อนจะรีบสาวเท้าเดินทันที เล่นเอาผมมองตามก่อนจะหัวเราะคิก
“อ้าวนั่นจงฮยอนนี่ คิม จงฮยอนน~ หยุดนะโว้ย!!” อยู่ๆไอคีย์ก็ชะโงกหัวออกมาจากประตู ก่อนจะตะโกนเรียกจงฮยอนเสียงดัง
“ลาขาดเพื่อนคีย์” แล้วนั่นก็คือคำตอบที่ไอจงไม่แม้แต่จะหันมาหาคนเอ่ยเรียก
เลวมากไอคิมจง เมิงทำแผนกูบรรลัยไม่มีเหลือ แล้วว่าแต่ว่า มันรู้ได้ไงฟะ
“จะดูต่อหรือจะกลับห้องตัวเอง” ผมเกาหัวก่อนจะเดินมึนเข้าห้องมัน แปะตูดลงกับโซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะกดเปิดเสียงให้ดังมากขึ้น ยังไงซะผมก็ต้องดูละ มีเพื่อนดูด้วยทั้งทีนี่เนอะ
“กูอาบน้ำก่อนนะ”
“ม่ายยย มานั่งดูกับกูเลย” แหกปากออกไป แต่ดูเหมือนว่าไอเปรตจะไม่สนใจผมสักนิด โฮก กูกลัวผีนะสาด (แล้วจะดูทำเพื่อ?)
บรรยากาศรอบตัวเริ่มนิ่งเงียบเมื่อมินโฮได้ถีบตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ สุดหล่ออย่างผมก็เลยได้แต่นั่งภาวนาภายในใจว่า ผีเอ๋ยเมิงอย่าเพิ่งออกมาเลย กูยังไม่พร้อม
ผ่านไปแล้ว 10 นาที
ผมยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอทีวีเช่นเดิม นิ้วมือทั้งสิบนิ้วถูกใช้ให้เป็นประโยชน์โดยการนำมาปิดกั้นตาเอาไว้ แยกนิ้วออกจากกันเพียงเล็กน้อยพอให้แสงสว่างจากจอทีวีได้แทรกเข้ามาบ้าง ฮืออออ ทำไมหนังมันดูหลอนแดกแบบนี้เนี่ย นี่ขนาดเพิ่งจะเริ่มนะมันยังทำผมหัวหดได้ขนาดนี้
“แปะ” น้ำหนักที่วางทาบลงกับไหล่ ทำเอาผมสะดุ้งจนตัวโยน ก่อนจะหันไปมองคนที่อยู่ทางด้านหลัง แง๊งๆๆ เชรี่ยมินโฮ กูตกใจนะเว้ย เล่นเจี่ยอะไรเนี่ย
“อะไรเนี่ยเมิง ปิดหูปิดตา นั่งกอดตัวเองแน่นแบบนี้ ยังจะกะแดะดูอีก” ไอหน้าหล่อบ่นงึมงำก่อนจะยักคิ้วให้อย่างกวนๆ
“ก็กูอยากดูนี่” ที่มันว่าไม่มีเถียงกลับสักคำ ยอมรับว่ากลัวจริงๆแหละครับ แต่ก็นะ มันอยากดูนี่
“หนังมันเริ่มต้นไงละ” มันถามผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ แล้วว่าแต่หนังมันเริ่มต้นไงวะ
“ไม่รู้เดะ กูไม่ค่อยได้ตั้งใจดู” ตอบออกไปก่อนจะหันหน้ากลับมายังจอทีวีอีกครั้ง โฮะๆ บรรยากาศหนังมันเริ่มหน้ากลัวขึ้นจากเดิมเป็นทวีคูณแล้ว
“คีย์ๆ”
“หืมม” รับคำเรียกของมันในลำคอ
“มึงขาวดีวะ” เท่านั้นแหละครับหันขวับเลย
“มองส่วนไหนอยู่ฟะ” ผมหันไปจ้องมันก่อนจะขว้าหมอนอิงที่นอนแน่นิงเข้ามากอดกับตัวเองแน่น ไอมินโฮมองผมก่อนยกยิ้มมุมปาก แกล้งกูนี่งานอดิเรกมึงใช่ไหมไอเปรต
“ตรงไหนมันลอดเนื้อผ้ามากูก็มองหมดแหละ” เลววววววว มึงลวนลามกูทางสายตาหรือฟะ มึงอย่าอยู่เลย ว่าแล้วผมก็จัดการฟาดหมอนใส่มันไปสามทีหนักๆ
“ไอคีย์กูเจ็บ อัก!!” มันร้องลั่น พลางปัดหมองที่ผมกระแทกใส่มันออก
“สมน้ำหน้ามึง ทีหลังพูดจาให้มันเข้าหูหน่อย”
“กูก็แค่จะบอกว่ามึงขาวกว่ากู หวงเนื้อหวงตาอย่างกับผู้หญิงไปได้” มันว่าพลางยกแขนมันมาเทียบกับแขนผม ผิวมันเป็นสีแทนแบบผู้ชายทั่วไป ออกแนวยากจกๆหน่อย ส่วนผมก็ขาวแบบผู้ชายหล่อไฮโซ ที่สาวๆพึงจะคลั่งไคล้ (ได้ข่าวว่าคิดไปเอง -*-) แต่สิ่งที่เคืองใจผมขณะนี้คือแววตาเจ้าเล่ห์กับประโยคท้ายของมันที่ว่าผมทำตัวเหมือนผู้หญิง
“มินโฮไปนั่งไกลๆกูไป” ชักจะเริ่มมีน้ำโฮกับมันขึ้นมาและ แต่ไอคนโดนไล่ที่ว่ากลับนั่งหน้ามึนก่อนจะพะงาบปากถามออกมา
“ทำไมว่ะ กูนั่งข้างมึงไม่ได้หรือไง”
“เดี๋ยวสีผิวยาจกของมึง จะทำให้ผิวไฮโซอย่างกูหมองลง ไปซะๆ ชิ้วๆ” ยอมรับว่าที่พูดนะกวนตีน แต่ก็สามารถทำให้ไอมินโฮอ้าปากค้างได้ โฮะๆ
“ที่พูดนะปากใช่ไหม” มันทำเสียงแข็งจ้องหน้าผมนิ่ง เอ่อ แฮะ ณ วินาที ผมกลัววมันอะ แต่จะไม่พูดอะไรกลับไปก็คงไม่ใช่ผมแล้วละ
“ก็เออดิ นิ้วมือกูพูดได้หรือไงล่ะ” จ้องหน้ามันกลับก่อนจะพูดออกไป แววตาแข็งๆเมื่อครู่มันจางลงก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากให้ผมสงสัยเล่น
“มึงอยากจะสงบปากสงบคำไหมล่ะ” คือมึงจะสื่ออะไร หรือว่ามึงจะต่อยกูอะ คิม คิบอมไม่สามารถสรุปอะไรได้สักอย่าง แล้วไม่กี่ชั่วอึดใจที่ทำหน้าตาเอ๋อแดกส่งให้มันก็ได้รับคำตอบกลับมา
“กูจะเอาปากกูปิดปากมึงให้ไง แล้วตอนนั้นมึงจะได้นั่งเงียบๆ เป็นวิธีที่กูคิดว่าได้ผลทีเดียว เพราะได้พิสูจน์ไปแล้วเมื่อตอนเย็น” เลววววววว มันกล้าขู่ผม ตะ แต่ แต่ ผมกลัว -*- อาการหายใจหายคอไม่ทัน เป็นอะไรที่ดูอัปยศกับชีวิตมาก
ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนหล่ออย่างผม คือการนั่งสงบปากสงบคำ และขยับตัวถอยห่างไอเปรตนรกที่นั่งอยู่โซฟาตัวเดียวกัน ดวงตาจับจ้องไปยังหน้าจอทีวีเช่นเดิม มือของผมก็ยังทำหน้าที่เหมือนเดิม หนังนะหรอ ปกติผมก็ไม่เคยดูหนังผีรู้เรื่องรู้ราวอยู่แล้ว และการที่นั่งต่อปากต่อคำกับไอมินโฮเมื่อครู่ก็เลยไม่มีผลทำให้ผมอารมณ์เสียที่ได้ดูหนังไม่เต็มอิ่มเลยสักนิด
เวลาผ่านไปเฉียดครึ่งชั่วโมงแล้ว หนังที่ดูอยู่ก็เริ่มความเข้มข้นมากขึ้น บรรยากาศของตัวละครในตอนนี้กำลังเข้าสู่โหมดตึงเครียด ผมเองก็เช่นกัน เกร็งจนฉี่จะราดแล้วเนี่ย -*- แต่ที่ทำให้ผมทนดูต่อไปได้ ก็คงจะไม่พ้นไอมินโฮที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากผม
“คีย์”
“มึงจะเรียกกูด้วยเสียงแบบนี้ทำเพื่อ” ผมหันไปแว๊กมันทันที แม่งจะเรียกกูดีๆไม่ได้หรือไงวะ ทำไมต้องมาทำเสียงเย็นๆ ใส่ด้วย แค่หนังผีก็ตื่นเต้นจนเยี่ยวจะราดอยู่แล้ว
“มีไรจะเล่าให้ฟัง” เสียงทุ้มๆแบบฉบับไอมินโฮบวกเข้ากับหน้าตาจริงจังของมัน มันจะเล่าเรื่องอะไรให้ผมฟังวะเนี่ย ผมเลยต้องละจากทีวีหันมามองมันแทน
“อะไรของมึง” หน้ามันดูเครียดมากตอนนี้
“เคยได้ยินไหม ที่คนสมัยก่อนเขาบอกว่า” มันหยุดแล้วจ้องตาผมนิ่ง ผมเองก็โคตรจะตั้งใจฟังในสิ่งที่มันกำลังจะสื่อ
“เวลาที่เราดูหนังผีหลังพระอาทิตย์ตกดิน วิญญาณพเนจรจะมานั่งคลอเคลียข้างตัวเรา จากนั้น....” สาดดดด เมิงจะเล่าเพื่อ แง๊งๆ น้ำตากูจะพราก ผมจัดการเอามือตะครุบปากมันไว้แน่น ทำไมมึงต้องเอาผีมาล้อเล่นกับกูเนี่ยยย ลำพังชีวิตกูเองก็เครียดกับเรื่องนี้สุดตีนอยู่แล้ว
“คีย์”
“หุบปากมึงเลยนะ” ผมดันมือตัวเองให้แน่นลงไปอีกเมื่อเห็นว่ามันยังสามารถเปล่งเสียงออกมาได้ มันกลอกตาตัวเองขึ้นกับเพดานก่อนจะเหล่มองที่ตัวผม แล้วนั่นก็ทำให้ผมคลายมือออกจากปากของมัน โฮกกกนี่กูกระโดดไปนั่งตักมันตอนไหนเนี่ย
“คีย์”
“อะไรอีกกก” ตอนนี้ผมย้ายก้นตัวเองกลับมานั่งลงที่โซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แกปิดหนังแล้วกลับห้องแกไปดีกว่า คือว่านะ” มันไม่มองหน้าผมในจังหวะที่มันพูด แล้วนั่นก็ทำให้ผมสงสัยอย่างช่วยไม่ได้
“อะไรมินโฮ”
“ตอนกูออกจากห้องน้ำ มองมาที่โซฟา กูเหมือนเห็น” ผมพรุ่งพรวดใส่ตัวมันแบบไม่ต้องคิดเลยทีเดียว
“แอร๊กกก อย่าพูดนะ กูกราบ กูจะปิดเดี๋ยวนี้แหละ” มือข้างหนึ่งตะปบเข้าที่ปากมันอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างก็คว้าเอารีโมทขึ้นมากดปิดทันที ผมกับมันตอนนี้จ้องหน้ากันนิ่งแถมระยะห่างในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่อากาศเท่านั้นแหละที่จะสามารถแทรกผ่านไปได้
“ปล่อยๆ ไม่พูดแล้ว แกก็กลับไปนอนห้องแกไป เอ่อ ระวังๆหน่อยก็ดีนะ” เชรี่ยชเว หลอนสมองกูเสร็จมึงก็จะไล่กูกลับห้องเนี่ยนะ แล้วถ้ากลับไป กูก็ต้องอยู่กับตัวเองอะดิ โฮะๆ เป็นเชรี่ยอะไรที่นรกมาก
“กูไม่อยู่คนเดียวนะ”
“มึงจะอยู่กับใครละ” มันหันซ้ายทีขวาทีพร้อมกับเอ่ยเสียงเย็น ฮือออ ไอเปรตตต!!!
“กูจะอยู่กับมึงเนี่ยแหละ” เด็ดขาดชิปกับน้ำเสียง
“ตามใจแล้วกัน มึงจะนั่งอยู่ตรงนี้จนเช้าก็ได้ กูไปนอนก่อนและกัน” เชรี่ยมากกก ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างกับให้กูอยู่กับตัวเองเลยสักนิด แล้วมันไม่พูดเปล่านะครับ มันเดินหนีผมไปที่เตียงทันที ตอนนี้ก็เหลือผมนั่งแหมะอยู่โซฟาคนเดียว บรรยากาศ ณ ขณะนี้ เงียบ เหงา วังเวง รวมๆกันแล้วถือเป็นอะไรที่ส้นตีนมาก นึกได้แค่นั้นผมก็จ้ำอ้าวไปหามันทันที
“ไอมินโฮ เมิงจะนอนไม่ได้นะเว้ย” ผมเดินไปนั่งอยู่ปลายเตียงมันพร้อมกับใช้มือกระตุกผ้าที่มันห่มอยู่ มันแกล้งผมชัดๆเลยอะ โฮก แต่ผมกลัวผีนะ แกล้งกันเรื่องนี้แม่งไม่ตลกสักนิดเลยนะสาดดดดด
“อะไรอีกละ หนังมึงก็ปิดไปแล้ว อะ หรือว่า มาสะกิดกูยิกๆแบบนี้ มึงจะทำมิดีมิร้ายกูหรอ” ความคิดที่เชรี่ยกว่านี้มีอีกไหม -*-
“ไอบ้า มึงลุกมานั่งคุยกับกูดิ กูไม่อยากอยู่กับตัวเองนะโว้ย” สองมือของผมกระชากตัวไอคนที่นอนแผ่อยู่กับเตียงอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม วินาทีนี้ คิม คิบอมจะไม่อยู่กับตัวเองเด็ดขาด
-------------PPLight-----------------
*วินาทีต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ได้ข่าวว่าอยู่กันสองต่อสองเสียด้วยสิ หึหึ
** ขออภัยที่ทำตัวเหมือนหายสาบสูญจากฟิคเรื่องนี้ มีคนคิดถึงแพรวมั่งปะเนี่ย ไม่มีจะน้อยใจหายไปอีกยาวๆ
***เข้าสู่ตอนที่7แล้ว แต่ฟิคเรื่องนี้ก็ยังหาสาระอะไรไม่เจอเลย -*- คนเขียนเศร้าว่ะค่ะ
**** ฟิคมันแนวไม่เครียด ใจจริงก็อยากจะให้อ่านแล้วสนุก ขำๆกันไป น่ารักน่าหยิกกับตัวละครบ้าง แต่ก็เหมือนว่ามันจะไม่ค่อยเข้าค่ายที่พูดมาเสียเท่าไหร่ พูดง่ายๆก็เหมือนถ่ายทอดแต่ละอย่างไม่ค่อยจะเต็มที่ - - * (สรุปคือไรเตอร์เรื่องนี้มันจะสื่ออะไรของมัน---คนอ่าน)
*****อยากจะบอก(ใครอยากฟัง) ฟิคแนวนี้เป็นแนวที่ไรเตอร์ชอบที่จะอ่าน ไม่ค่อยชอบที่จะเขียนเองเท่าไหร่นัก ถ้าอ่านแล้วสะดุดบ้าง เครียดกับสิ่งที่ไรเตอร์อยากจะสื่อบ้าง ก็ขออภัยเน้อ อย่างที่บอก มันคือแนวที่ชอบอ่านจริงๆ เอ่อ ณ ตรงนี้ ใครเขียนฟิคประเภทเดียวกันก็แวะเวียนมาบอกได้นะ เพราะแพรวชอบอ่านฟิคแนวนี้อะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หาเรื่องให้คีย์นอนด้วยยย ร้ายนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ดีนะ เราชอบ -.,-
แล้วจะเกิดไรขึ้นมั้ยเนี่ยลุ้นๆๆๆๆ
ดูสิคีย์กลัวหมดแล้ว
คิมจงคงจะกลัวมากสินะ
ส่วนจงโอป้าก็โคตรฮาอ่ะ!!!!!!! แค่ได้ยินเสียโทรทัศน์ (?) ก็วิ่งหนีแล้วอ่ะ!!!!!!
อย่างนี้เอาเค้าไปอยู้ด้วยได้เลยนะเนี่ย! 555 (ล้อเล่นนะค๊า) เพราะเรากลัวผีเหมือนกัน!~ คิกคิกๆ
คุณเชว
อ๊าย~ คีย์จะปล้ำมินโฮ??
รึว่ามินโฮจะปล้ำคีย์กันหล่ะเนี่ย อิอิ
(แอบเชียร์ คีย์ออนท็อปเลย อิอิ)
คิดไกลมาก กั้กเป้ดจงไว้เลยทีเดียว ><
แต่ที่เป้ดมันบอกก้ถูกน่ะ ความรักไม่จำกัดเพศ :D
คีย์กลัวผีแล้วยังอยากดูหนังผีอีกนะ
ความคิดที่เชีร่ยกว่านี้มีอีกไหม ? กดไลค์คิมคีย์ค่ะ ^^
คีย์ แกกลัวผีแต่กอยังอยากจะดูหนังผีเนอะ
ถ้าไม่กล้านอนคนเดียว ก้อขอนอนกะโฮดิ ^^
โฮ ขอต้อนรับสู่ลัทธิชาวสีม่วงนะเออ
มินโฮเริ่มรักคีย์เเล้วล่ะซิ > <
นี่แกแกล้งคีย์ทำไม!!! แต่ฮาดี ฮ่าฮ่า
คีย์กลัวได้น่ารักมากเลย ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ชเวมินโฮโดยเฉพาะ
โฮก..อยู่ด้วยกันสองคนแบบนั้น มันก็ต้องหวั่นๆกันบ้างแหละนะ ใช่ม้า ฮ่าฮ่า
ชอบดูหนังผีแต่ปิดตาเนี่ย
กลัวผีดันชอบดูหนังผี
เออตอนนี้มินโฮหื่นได้ใจรีดเดอร์คนนี้เต็มๆเลยอ่ะ
น่ารักอ่ะ มินคีย์
คีย์กุนชอบดูหนังผี แต่ปิดตาเกือบตลอดการดู 55
เหนชอบดูแต่มะนึกว่าจะกลัวขนาดนี้ ฮะๆ หลอนดี
แล้วมินโฮพอจับจุดได้ก็แกล้งเค้าตลอดเลยนะ
เดี๋ยวน้องก็เกลียดเข้าไส้ขึ้นมาสักวันหรอก
กลุ่มนี้เค้ากลัวผีทั้งแก๊งค์เลยนะเนี้ย
ฮ่าๆๆ
จงฮยอน : 'ยินดีต้อนรับสู่ความเป็นชาวสีม่วงอย่างเรานะ มินโฮ'
มินโฮ : 'เชี่ย คิมคีย์พาเวิ่นเว้อ ดีนะ ที่กูยอมรับก่อนหน้านี้มาแล้ว'
ฮ่าๆ
โฮะๆๆๆ เห็นแค่กล่องยังหลอน ฮามันจริงๆรีบกลับห้องอย่างไวเพราะรู้ว่าหนังผีกำลังจะฉาย5555
พี่แพรวสุดยอด ฮาอ่ะ แล้วมินโฮมันก็ชอบแกล้งคีย์เนอะ
ยิ่งน่ารักอยู่ด้วย555