ตอนที่ 10 : Sexy Smile _9 : ว่ากันด้วย ผู้ชายที่ชื่อ อี จินกิ
Chapter 9
ว่ากันด้วย ผู้ชายที่ชื่อ อี จินกิ
“ทำไมต้องไป!!” ผมตะคอกใส่ไอคีย์เสียงดัง ไม่รู้ว่าตัวเองทำไมถึงรู้สึกโกรธได้มากมายขนาดนี้ แต่ไอตัวดีตรงหน้าเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรผมเลย ก็แน่ล่ะ มีผมคนเดียวที่เปลี่ยนไป คีย์มันก็คงเป็นมันในแบบเดิม
“ตะคอกทำพ่อเมิงหรอไอโย่ง กูยืนห่างเมิงแค่ก้าวเดียวเอง” มันยู่หน้าพลางยกมือปิดหูหาว่าผมทำเสียงดังใส่
“แล้วทำไมต้องไป รู้จักก็ใช่ว่าจะรู้จัก นั่นใครที่ไหนก็ไม่รู้” ผมอ่อนเสียงพร้อมกับสีหน้าลง พยายามพูดกับมันอย่างใจเย็นที่สุด
“กูรู้ของกูแล้วกันน่า ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวตอนกลับเอาขนมมาฝาก โอเคปะ” มันยกยิ้มพลางแปะมือตัวเองลงกับบ่าของผม คำพูดที่ดูจะเทคแคร์เพื่อนของมันทำให้อารมณ์เดือดๆของผมพรุ่งขึ้นมาอีกรอบ
“มันเป็นใครคีย์ ทำไมพวกกูไม่มีใครรู้จักมันสักคน” ผมขึ้นเสียงถามมัน ก่อนจะหันไปมองจงฮยอนที่ตอนนี้กำลังนั่งพยักหัวหงกๆว่าเห็นด้วยกับคำพูดผม
“เขาเป็นผู้มีพระคุณกับกูแล้วกัน ยังไงก็ฝากเล็คเชอร์ด้วยนะ ขอแค่วันเดียวได้อยู่แล้วใช่มั้ย” ท่าทีของมันไม่ได้ต่างจากเดิมเลยสักนิด รอยยิ้มสวยยังคงแต่งแต้มใบหน้าตลอดเวลา แต่ที่ทำให้ผมไม่ชอบใจ คงเป็นไออาการมีลับลมคมในของมันเนี่ยแหละ ผู้มีพระคุณห่าเหวอะไรของมัน ทำไมมันถึงได้ยอมลงทุนโดดเรียนเพราะไปกับไอหน้าเต้าหู้นั่นได้
“กูไม่ให้ไป มึงอ่านปากกูนะคีย์ ไม่ให้ไป”
“อย่างี่เง่าน่ามินโฮ ปกติเมิงไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย” คีย์มองผมแบบไม่เชื่อสายตา ใช่ปกติผมก็ไม่ใช่พวกงี่เง่าแบบนี้ แต่นี้ ไอเต้าหู้นั่น ท่าทางกับสายตาแบบนั้น ต่อให้เด็กอนุบาลยังดูออกเลยว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ จะว่าผมทั้งหวงทั้งห่วงมันก็ใช่ ผมไม่อยากให้มันไปกับไอหมอนั่นเลย แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อคนที่ห้ามไม่ยอมฟัง แถมยังคิดว่าที่ผมพูดออกไปมันมีแต่ประโยคไร้สาระ
“คีย์ เชื่อมินโฮดีกว่า อย่าไปเลย” จงฮยอนพูดขึ้นอีกแรง แต่คีย์กับทำสีหน้าไม่สนใจสักนิด
“มันไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรอกน่า” มือเล็กยกขึ้นภายออกมา ก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วโบกมือลาผมกับจงฮยอนอย่างน่าตาเฉย
“ดีฮะ พี่มินโฮ พี่จงฮยอน สีหน้าแปลกๆนะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงยังโต๊ะว่างข้างจงฮยอน ผมหันไปมองแผ่นหลังที่ตอนนี้ห่างจนแทบลับตาก็อดจะถอนใจออกมาไม่ได้
คิดดูดีๆ ก็น่าตลกตัวเองชะมัด ทำไมต้องหึงต้องหวงขนาดนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
แค่เพื่อนนะมินโฮ นายยังเป็นเพื่อนกับคีย์ ใจเย็นไว้นะเมิง ใจเย็นไว้
เหี้ย!! ถึงเป็นเพื่อนกูก็อดหวงไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ เพื่อนกูออกจะสวย ออกจะน่ารักน่ากดขนาดนั้น โดนหมาที่ไหนไม่รู้มาแย่งตัดหน้า กูได้คลั่งตายกันพอดี
“พี่จงฮยอน พี่มินโฮเป็นอะไร น่ากลัวชะมัดเลย” จงฮยอนที่เจอคำถามกับสีหน้าสงสัยของแทมินก็เลยได้แต่กลอกตาขึ้นฟ้า จะพูดจะเอ่ยบอกอะไร ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เจ้าตัวเลยเลือกที่จะเงียบไปทั้งแบบนั้น
“มินโฮกูว่าคงไม่มีไรหรอกมั้ง อย่าคิดมากนักดิ” จงฮยอนเอ่ยออกมา ดูจากสีหน้ามันแล้วลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“เมิงรู้ได้ไงว่าจะไม่มีอะไร เห็นมันปากดีอย่างนั่นก็เถอะ มึงรู้ไหมจง ว่ามันเอาตัวเองไม่รอด” ผมรัวใส่ ทำเอาความลำบากใจที่มีอยู่บนใบหน้าจนจะกลางร่างเป็นรอยเหี่ยวย่นหนาขึ้นกว่าเดิม
“มันโตแล้วนะเว้ยมินโฮ อายุก็เท่ากับเรา”
“กูรู้ แต่เมิงรู้ไหมว่ามันเดินไม่ทันเกมส์ชาวบ้านเขานะ”
“เกมส์อะไร มีอะไรต้องน่าห่วงขนาดนั้น”
“เอาง่ายๆ ถ้ามันเอาตัวรอดได้จริง คงไม่โดนกูจูบไปตั้งสองรอบหรอก”
“โอ้ ชิปหายแล้วครับเพื่อนโฮ” จงฮยอนทำตาตื่นพร้อมกับกระแทกฝ่ามือลงที่ไหล่ของผมเบาๆ ราวกับมันจะพูดว่า ‘ทำใจเถอะมินโฮ’
“กูไม่เรียนแม่งและ เมิงเล็คเชอร์ด้วยนะจงฮยอน แทมๆอย่าให้มันหลับนะ” ผมพูดจบก็เหวี่ยงเป้ขึ้นผาดบ่าทันที
“พี่มินโฮ พี่จะไปไหนนะ” แทมินเอ่ยถามทันที แหงล่ะ ก็เจ้าตัวเล็กนี่เพิ่งจะโผล่มาเอง แต่จะว่าไป ไม่รู้เรื่องแบบนี้นะดีแล้ว
“เล่นบาสนะ หาที่เหวี่ยงอารมณ์สัก2ชั่วโมง” ผมตอบก่อนจะเดินออกมา แต่เสียงเล็กนั่นก็ยังคงไล่ตามหลังมาติดๆ
“พี่มินโฮฮะ พี่กำลังมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เงียบน่าแทมิน”
“อะไรกันเล่าพี่จงฮยอน พี่บอกมาสิว่าพวกพี่กำลังคุยเรื่องอะไรกัน”
“นายมันยังเด็ก อ่านการ์ตูนไปนะดีแล้ว”
“หรอฮะ ผมมันเด็กใช่ไหม ได้ ผมมันเด็ก จำไว้เลยนะพี่จงฮยอน ว่าอย่ามาทำตัวลุ่มล่ามกับเด็กแบบผมอีก”
รถคันงาม คนขับหน้าตาดี คนนั่งคู่อย่างผมก็หน้าตาดี(?) ทุกอย่างดูดีลงตัวจนหาที่เปรียบ ว่าแต่ว่า
ไอรถคันงามนี่จะพากูไปไหนกัน (ไอที่สวดมาด้านบนนี่รู้สึกจะไม่เกี่ยวอะไร - - *)
“พี่อนยู ผมกับพี่ เราจะไปไหนกันครับ”
“ก็ไปร้านที่พี่พูดไว้ไง” รอยยิ้มหวานส่งให้ผม แต่จะดีกว่านี้ถ้าไอดวงตาหยีเล็กนั่นไม่ทำสายตาหวานเชื่อมส่งมาด้วย
“ครับ” ผมตอบเสียงเรียบก่อนจะส่งสายตากวาดไปยังถนนที่มีคนพลุกพล่าน
“น้องคีย์มีแฟนยังครับ”
“ยังฮะ” ตอบออกไปอย่างไม่สนใจในคำถามเท่าไหร่นัก แต่ทว่า ฝ่ามือหนาๆจากนรกหลุมไหนไม่ทราบได้ กำลังบีบๆนวดๆกับมือผมอยู่ ด้วยสัญชาติยานทำให้ผมพยายามดึงมือตัวเองกลับออกมา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เป็นผล ผมเลยจำต้องเงยหน้าสบตากับเจ้าของมืออย่างช่วยไม่ได้
“น้องคีย์คือพี่สนใจในตัวน้องมากเลยนะครับ” คือกูไม่ใช่สินค้าออกอากาศวางขาย ไม่ต้องทำหน้าราวกับสนใจกูขนาดนั้นก็ได้
“ฟังก์ชั่นผมคงไม่ดีเท่าไหร่ พี่น่าจะมองหาสินค้าตัวอื่นนะครับ”
“ฮ่าๆ มุขน้องคีย์นี่น่ารักจัง น่ารักเหมือนหน้าตาเลย” ณ ตอนนี้ คือ กูเริ่มจะไม่สบอารมณ์กับเมิงแล้วไอหู้หน้าม่อ ผมรีบกระตุกมือตัวเองด้วยแรงที่มี แล้วนั่นก็ได้ผล มือผมเป็นอิสระอีกครั้ง
“พี่รีบขับรถไปให้ถึงร้านที่ว่าเร็วๆเถอะครับ ผมอยากกลับไปเรียนแล้ว”
“แต่พี่หิวมากเลยนะ ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย ยังไงเราสองคนแวะทานข้าวด้วยกันก่อนดีกว่า”
ฟิ้วววว~ กึ๊ก!!
หน้าแทบจะทิ่ม ให้ตายเหอะ เมื่อไม่ถึง3วิที่ผ่านมา ผมได้ยินว่าพี่อนยูบ้าบออะไรนี่เพิ่งพูดว่าจะแวะทานข้าว แต่ตอนนี้รถมันหยุดอยู่หน้าร้านอาหารแล้ว - * - นอกจากไอรถเวรนี่จะสวยแล้วคือมันล่องหนได้ด้วยใช่ไหม
“อ่า ร้านนี้อร่อยมากเลย น้องคีย์นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะเดินไปเปิดประตูรถให้น้องคีย์ลง” ดวงตาหยีสบมองผมที่กำลังทำหน้าเอ๋อๆใส่ ก่อนเจ้าตัวจะก้าวลงจากรถแล้ววนมาทางฝั่งที่ผมนั่งอยู่ ให้มันได้อย่างนี้สิ คือตานี่กำลังทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ
“อ่า น้องคีย์เชิญลงจากรถได้แล้วครับ” นี่กูควรจะพูดว่าขอบคุณครับหรือเปล่า คำถามเล็กๆกำลังเกิดขึ้นในหัวของผม แต่สุดท้ายแล้วผมก็ไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงแต่เดินลงมาด้วยท่าทางไม่สนใจคนตรงหน้า
และดูเหมือนผมจะเชิดมากไปหน่อย
อ๊ากกกก ผมกำลังสะดุดขี้ฝุ่นและหน้ากำลังจะทิ่ม ไม่เอานะ เท่าที่เป็นอยู่ก็หาหญิงมาควงไม่ได้อยู่แล้ว
“เห้ย!! น้องคีย์ เกือบไปแล้วเห็นไหม” ราวกับเป็นเรื่องโกหก อัศวินม้าขาวโผล่เข้ามาช่วยได้ทันท่วงที โอเค ผมมันเพ้อเจ้อไปเอง
เมื่อตั้งหลักให้ตัวเองทรงตัวได้ มันก็เป็นสิ่งที่สมควรที่สุด ผมควรจะเอ่ยขอบคุณพี่อนยูออกไป อย่างน้อยไอมือป้อมๆก็รั้งเอาเอวของผมไม่ให้หน้าลงไปไถลกับพื้นล่ะน่า
“ขอบ...” ทันทีที่ผมกำลังจะก้มหัวเป็นเป็นการขอบคุณ พี่อนยูกลับทรุดตัวลงไปนั่งชันเข่าด้านหนึ่งลงกับพื้นตรงหน้าผม
“เฮ้อ เพราะเจ้าเชือกนี้แท้ๆเลย เกือบทำให้น้องคีย์ของพี่ต้องเจ็บตัว” พี่อนยูเอ่ยออกมาราวกับจะพูดให้ตัวเองฟัง พร้อมกับนิ้วมือที่บรรจงผูกเชือกร้องเท้าที่หลุดลุ่ยให้กับผม
อ่า ผมค้นพบสัจธรรมข้อหนึ่งล่ะ คือผมไม่ได้โง่เดินสะดุดขี้ฝุ่น -*-
“อะ เอ่อ”
“ทีหลังต้องระวังมากกว่านี้นะครับ” เสียงนุ่มนวลเอ่ยบอก พร้อมกับคนตรงหน้าที่ยืนขึ้นจนเต็มความสูง มือหนานั่นค่อยลูบศีรษะผมเบาๆราวกับว่าผมเป็นเด็กตัวเล็ก พับผ่าสิ การกระทำของพี่มันทำให้ผมรู้สึกแปลกจริงๆนะ ผมรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เลยล่ะ งืออออ ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ความอ่อนโยนมันก็ฆ่ากันให้ตายได้นะ
“ยืนนิ่งอยู่นั่นละ ไปหาของอร่อยๆกินข้างในกันดีกว่า” พี่อนยูไม่พูดเปล่า มือใหญ่นั่นรวบข้อมือผมเอาไว้ให้เดินตามเจ้าตัว แล้วผมเองก็เดินตามคนตัวโตกว่ายังว่าง่าย หือออ ผมกำลังทำตัวใจง่ายกับเพศเดียวกัน เกิดอะไรขึ้นกับแกฮะคิม คิบอม
หรูหรา ฟู่ฟ่า อลังการ
“พี่อนยู ผมไม่มีตังค์จ่ายค่าอาหารหรอก เปลี่ยนร้านเถอะครับ” นี่คือความจริงของจริงที่สุด คือหน้าอย่างผมคงจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหารมื้อนี้แน่ ทำไมไอพี่บ้านี่เลือกร้านไม่ดูหนังหน้าผมเลย (ถึงผมหล่อก็ใช่จะมีตังค์นะพี่ - - *)
“พี่พาน้องคีย์มา พี่ก็ต้องเป็นคนเลี้ยงสิครับ” สีหน้าจริงจังกับดวงตาอบอุ่นที่ส่งมาให้ แต่ทั้งหมดทั้งมวล คงไม่สำคัญเท่ากับถ้อยคำนี้
“เลี้ยงหรอครับ” เป็นคำที่ฟังที่ไรก็รู้สึกดีจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ดวงตาของผมเปล่งประกายระยิบระยาวราวกับแสงเพชรทันทีทันไร อะแหม คิม คิบอม ก็ยังเป็นคิม คิบอมอยู่ดี เพราะฉะนั้นเรื่องของฟรีทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางปฏิเสธ -*-
“อืม เลี้ยงให้อ้วนเลย น้องคีย์นะผอมเกินไปรู้ไหม ต้องกินเยอะๆ แล้วก็ทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วย”
“อ่า นั่นสิครับ ผมควรกินเยอะๆ” ผมยิ้มแห้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงเก้าอี้ที่พี่อนยูเป็นคนเลื่อนให้ บริการดีเกินไปหรือเปล่าครับพี่อนยู คือพี่น่าจะคิดสักนิด ว่าผมที่เดินตามตูดพี่ต้อยๆ เนี่ย แมนร้อยเปอร์เซ็นต์ ก่อนจะทำอะไรก็น่าจะเอ่ยถามกันบ้าง เห็นไหมล่ะนั่นว่าพนักงานในร้านกำลังมองเราสองคนพลางกระซิบกระซาบกันซะสนุกปาก
กลับมาที่บรรยากาศชวนน่ากลัวอีกครั้ง - - พี่อนยูกำลังยิ้มน้อยๆพลางดวงตาหยีเล็กนั่นก็จ้องหน้าผมอย่างไม่วางตา เอ่อ ไม่ต้องพิศวาสกูขนาดนั้นก็ได้ครับ
“เหมือนเดตเลยว่ามั้ย กินข้าวด้วยกันสองต่อสอง” สายตากรุ่มกริ่มคงไม่เท่าวาจาที่เอ่ยผ่าหน้าผมในตอนนี้ คือยังไม่มีใครบอกเฮียแกใช่ไหม ว่าคิมคีย์คนนี้ ทั้งหล่อ ทั้งแมนแค่ไหน
“เอ่อ คือผมกับพี่เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ” ออกเสียงชัดเจนในทุกๆคำพูด แต่ทำไมไอพี่ชายหน้าตี๋ยังระบายยิ้มไม่เลิกรา อ๊ากกก แบบนี้คิมคีย์ก็เสียศูนย์สิ
“วันนี้ยัง วันหน้าก็ไม่แน่นี่ คิดว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีไง น้องคีย์ว่ามั้ย” ดีกับผีสิครับ
“แฮะๆ คือผมเป็นผู้ชายนะครับพี่ คงจะไม่มีวันหน้าล่ะครับ” นั่นแหละคิมคีย์สุดยอดมาก การณ์ปฏิเสธของนายฟังดูแมนที่สุด เป็นผู้ชาย ผมเป็นผู้ชาย ชัดมั้ยล่ะเฮีย
แต่เหตุอันใดคนตรงหน้าต้องทำให้กูสั่นคลอน -*-
“ไม่เกี่ยวสักหน่อยว่าน้องคีย์จะเป็นหญิง หรือว่าชาย เพียงแค่คนสองคนอยู่ด้วยกันแล้วเกิดความรู้สึกดีๆต่อกัน ไม่ว่าจะอีกฝ่ายจะเป็นเพศไหน ความรักก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นล่ะ สิ่งสำคัญที่สุด เพียงแค่เราไม่ยึดติดกับความเป็นจริงจนสูญเสียความเป็นตัวเอง แค่คิดว่าชอบ คิดว่าทำไปแล้วมีความสุข แค่นั่นก็พอแล้ว” หลุดจากท้องแม่มา20สิบปีเต็ม กูก็เข้าใจ ณ วันนี้แหละว่าทำไมเกย์มันถึงได้รกโลก เพราะพวกมันมองข้ามความเป็นจริงที่ว่า บุรุษเพศ และ สตรีเพศคือสิ่งที่เหมาะสมคู่กัน - - *
“พี่อนยู คือว่าผม..”
“น้องคีย์อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้สิครับ ความตั้งใจของพี่เพิ่งจะผ่านพ้นแค่เพียงหนึ่งก้าว ขอโอกาสให้พี่หน่อยนะครับ เราสองคนค่อยๆรู้จักกันทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าความจริงใจที่พี่มอบให้มันฝืนใจน้องคีย์ พี่ก็จะปล่อยน้องคีย์ไป แม้ว่าพี่จะอยากเก็บไว้แค่ไหนก็ตาม” เหี้ยที่สุดในยุทธภพ นี่มันอะไร เกิดอะไรขึ้นกับคิม คิบอม เมื่อคืนโดนไอโย่งจูบ วันนี้โดนเฮียหู้นี่ขอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต(เว่อร์ - - ) ทำไมบุคคลรอบตัวกูต้องทำให้กูสั่นคลอนในความเป็นชายด้วยเนี่ยยย ต้องปฏิเสธ ใช่ ผมต้องรีบปฎิเสธพี่เขา แต่ พี่อนยูกำลังมองผมอย่างคาดหวังกับคำตอบ แล้วดูเหมือนจะต้องการคำตอบในเชิงบวกเสียด้วย อะ เอ่อ ถ้าผมรีบปฎิเสธไปเสียเดี๋ยวนี้ พี่อนยูอาจจะช็อคจนหมดสติไป แล้ว แล้ว....
ค่าอาหารใครจะจ่าย
แน่ล่ะ ไม่ใช่คิมคีย์คนนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ - - *
ความกังวลที่กลัวว่าพี่อนยูจะช็อคตายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้ผมได้แต่กลอกตาซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังสำรวจพื้นที่ภายในร้าน
หนักอกหนักใจจริง
“โอเคนะครับน้องคีย์ ขอโอกาสให้พี่นะ” ดวงตาหยียิ้มจนแทบมิด ฝ่ามืออุ่นก็รวบมือผมเอาไว้เสียแน่น ไวโอลีนข้างตัวกำลังเสียดสีถ่วงทำนองแสนหวาน
แหมมมมม โรแมนติกเสียนี่กระไร - - *
“แฮะๆ คือว่า เอ่อ คือว่าผม..”
“อะ อาหารมาพอดีเลย กุ้งที่นี่ตัวใหญ่แล้วก็สดมากเลยนะ น้องคีย์ชิมดูนะ” ไม่ว่าเปล่า พี่อนยูตักเนื้อกุ้งสีสวยชิ้นโตส่งมาจ่อปากผมแบบพอดี ให้ดิ้นตาย กุ้งนี่มันหน้าตาน่ากินจริงๆ
“อ่า กุ้งที่นี่อร่อยมากเลย” ม่ายยยยยย มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ผมต้องรีบพูดยืนยันออกไปสิ ว่าผมไม่สามารถมอบโอกาสให้กับพี่เขาได้ แต่ว่า กุ้งนี่มันอร่อยจริงๆนะ - * -
โอเคคิมคีย์ ตั้งสติเอาไว้ลูก
ค่อยๆพูดออกไป เรื่องแค่นี้ทำได้สบายมากอยู่แล้ว
อ่า สูดหายใจเข้าลึกๆ ฟืดดดดดดด~
“น้องคีย์ครับ ขอบคุณจริงๆนะที่ เอ่อ ที่ให้โอกาสพี่ได้ดูแลน้องคีย์”
เหี้ยยยยยยยย มัน-ต้อง-ไม่-ใช่-แบบ-นี้!!!!
“พี่อนยูฮะ..” ผมรวบรวมสติตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเอยเรียกคนตรง แต่คำพูดของผมก็จบลงได้แค่นั้น เมื่อพี่อนยูกำลังวาดยิ้มหวาน พร้อมกับทำหน้าโคตรซึ้งจ้องมองผม แถมดวงตาหยีเล็กของเจ้าตัวก็ทอประกายน้ำใสๆจนเอ่อเต็มดวงตา
“พี่ขอบคุณมากจริงๆนะ พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องคีย์ให้ดีที่สุด” อ๊ากกกกก พี่กำลังรวบรัดผมนะ แล้ว ทำไมพี่ต้องทำหน้าซาบซึ้งน้ำตาปริด้วยเนี่ย คิมคีย์โคตรเครียด
“เอ่อ” - - * แล้วผมควรจะพูดอะไรดี
การรับประทานอาหารค่อยๆดำเนินต่อไปด้วยความเงียบเชียบ อนึ่ง คือผม ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปกับคนตรงหน้านี่ดี จะปฏิเสธออกไปก็ดูว่าจะไม่สมควร เมื่อคนตรงหน้ายังคงเอาแต่ยิ้ม และเทคแคร์ผมเสียดิบดี และอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมไม่กล้าที่จะทำลายน้ำใจของพี่อนยู คือ คำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เจ้าตัวคิดเองเออเอง ว่าผมสมยอม - - *
สถานการณ์แบบนี้ ผมควรสำลักข้าวตายไปเลยดีไหมครับ
[โฉบมาที่ฮยอนมิน]
“คิม จงฮยอน บอกแล้วไงว่าอย่าถูกเนื้อต้องตัวผม” เสียงเอ่ยเรียกเต็มยศ พร้อมกับหน้าตาไม่สบอารมณ์ของแทมิน ทำเอาผมต้องแอบแอ๊บหน้าสลดใส่ไม่ได้
“โถ่แทมิน จะโกรธพี่นานไปแล้วนะ คืนดีกันเถอะนะ” ผมว่าพลางชูนิ้วก้อยยื่นไปหาคนหน้าหวาน พร้อมกับยกยิ้มอ้อนคนตรงหน้า
“เชอะ” แม่ง เล่นตัวเสียด้วย
เห็นว่าแทมิน น่ารักๆนะ มันก็จริงครับ แต่มีอีกเรื่องที่จริงไม่แพ้กัน ก็ไออาการ ขี้งอน ชอบเหวี่ยง แล้วก็ยังแอบเอาแต่ใจไง
“เดี๋ยวเย็นนี้พาไปกินติม เลิกงอนพี่นะแทมิน”
“คิดว่าเอาไอติมมาล่อแล้วผมจะหลงกลหรอฮะ” แทมินเต๊ะท่ากอดอกพร้อมกับส่งสายตา
เขม่นมาให้
กูละเหนื่อย ไอมินโฮแม่ง มึงเห็นไหมเนี่ย ชีวิตคู่ของมึงกับคีย์ ทำให้ฮยอนมินที่เคยหวานชื่นต้องมาเสียรสชาติวันนี้
“อ่า แทมิน แล้วจะให้พี่ทำไงอ่ะครับ” ผมเอ่ยถามก่อนจะคว้าเอามือนุ่มมากุมไว้ เหอะๆ โคตรเนียนเลย
“บอกมาสิ ว่าพี่มินโฮ กับพี่ ปิดบังอะไรผมอยู่” เสียงหวานเอ่ยคาดคั้นความจริง พร้อมกับมืออีกข้างที่ว่างจากการเกาะกุมของผม กำลังพยายามดึงมือของผมออก
“เปล่านี่”
“พี่จงฮยอน!!!!”
“คร้าบบบบ”
“บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมต้องมีความลับกันด้วย”
“แทมิน พี่พูดไม่ได้อะ อย่าโกรธกันเลยนะ เอาไว้เรื่องมันชัดเจนกว่านี้แล้วพี่จะบอก โอเคนะแทมิน” ผมพูดเสียงอ่อน พร้อมกับจ้องดวงตาคู่สวยของคนตัวเล็ก การกระทำแบบนี้จะช่วยให้แทมินรู้สึกว่าผมจริงจังกับคำพูด
“ชิ ก็ได้ๆ ผมจะรอ เย็นนี้เลี้ยงติมผมด้วยล่ะ” เชิดเข้าไปสิ เชิดเข้าไป เดี๋ยวก็คอหักตายกันพอดี
-------------------------PPLight-------------------------
โย่ววว หายไปนานใช่ไหมฮะ ? (ทำหน้าทำตาสำนึกผิด)
งืมๆๆ เฮียหู้ของเเพรวน่ารักรึเปล่า เเพรวว่าเฮียน่ารักนะ เป็นคิมคีย์นี่โฮ่ร้องไปเเล้ว (เฮ้ย เเล้วผมอะไรเตอร์ - มินโฮ)
ตอนนี้เเอบฮยอนมินด้วย หุหุ
พาร์ทหน้าค่อยมาต่อกันว่าสองคนนี้เขาไปไหนกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คีย์ไมแกไม่ปฏิเสธเฮียไปตรงๆ =-=
มัวแต่กินอยู่นั้นแหละ
เฮียออกตัวแรงมากก
คีย์งกจัดด
ส่วนฮยอนมินนี่มาจากไหนจ๊ะ? แต่โผล่มาก็ดีเหมือนกันนะ~
จะได้ไม่ต้องนั่งคิดถึงงง!~ ฮิ้วววว~
เฮียมาเต็ม
แล้วคีย์จะเลือกใคร
แล้วมินโฮของเราจะสู้เขาไหวไหมเนี่ยย~
มาเตมทีเลยอ่ะ เออออเอง ไรของแกเนียะ
คิมคีย์ก้น้ะ อยากไม่รีบพูดไม่ต้องเกรงใจแล้วค่ะ
ไมอนยูโรมานซ์จัง
เริ่มมีฮยอนมินเข้ามาด้วยแล้ว ..น่ารักดีค่ะ
พี่ชอบคาแรกเตอร์น้องแทม ดูแอบเหวี่ยงนิดๆ เอาแต่ใจ น่ารักดี
สรุปพี่จงฮยอนก็เลยต้องเลี้ยงไอติม แต่ก็ยังไม่จบแหละว้า..
พี่อนยู~ ทำไมพี่พูดอยู่คนเดียวอ่ะห๊ะ?? ไม่เปิดโอกาสให้มี๊เลย(?)
อ่านตอนนี้ไป เหมือนลืมอะไรไปอย่าง.. อ้อ..ชเวมินโฮไง ฮ่าฮ่าฮ่า (ขอโทษนะที่รัก)
กำลังอินกับอนคีย์มากไปหน่ิอย ฮ่าฮ่าฮ่า
อ๊ากกกกก เฮียค๊ตซึ้งเลย พูดคับคล้ายคับคลาคนใกล้ตัวแฮะ เหอะๆ =^^=
ได้ใจสุดๆ ดีกว่าใสซื่อให้อีจงมันหม้อไปวันๆตั้งเยอะ
ส่วนอนยู มาได้น่ารำคาญมาก
เกิดมาไม่เคยเจอใครพูดเองเออเองได้โล่ห์ขนาดนี้มาก่อน
อ่านแล้วเหนื่อยเเทนคีย์เลย
2. เต้าหู้เนียนนนน
3. คิมคีย์ ซื่อ+งก-->ความซวย
4. แทมินงอน + เชิด
5. จากข้อ4 คิมจงซวย
6. จะสงสารชายตระกูลคนไหนมากกว่ากันล่ะเนี้ย?
แล้วก็คีย์เห็นแก่กินโคตร = ='
แล้วทำไมทุกวันนี้ถึงยังผอม ? =[]=;
ฮยอนมินฮา ฮ่าๆๆ น่ารัก :D
จะรอให้เต้าหู้ เปิดศึกกับมิโนก่อนหรือไง
ถึงจะพอใจน่ะ
เฮ้อ ไรเตอร์สู้ๆ นะ
เฮียหู้ก็เหมือนกันพูดเองเออเอง เฮอ~
แล้วคีย์จะทำยังไงละเนีย
คีย์ เอิ่ม - -^ เห็นของกินไม่ได้เลย 55