ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวม Shot Fic Kangteuk !

    ลำดับตอนที่ #1 : Change ความเปลี่ยนแปลงกับคนที่เปลี่ยนไป

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 52









    ทัศนศึกษา

     

     

    น้ำเสียงราบเรียบตามด้วยเสียงถอนหายใจของ จองซูดังขึ้น ราวกับว่าทั้งชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

    เด็กหนุ่มทำหน้าไม่พอใจเมื่อรู้ว่าสถานที่ทัศนศึกษาปีนี้คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติที่อยู่ใจกลางโซล

     

    อะไรนะ?

     

    โซลงั้นเหรอ?

     

     

    ฉันว่าเราเดินไปยังได้เลย   ดงแฮเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

    ใช่ ฉันก็ว่าอย่างนั้น

    ทำอะไรสักอย่างสิ นายจะยอมให้ปีสุดท้ายในรั้วโรงเรียนเป็นไปได้แค่พิพิธภัณฑ์ในโซลเนี้ยนะ ทำให้มันพิเศษหน่อยไม่ได้รึไง

     

    น้ำเสียงของดงแฮออกแนวอ้อนวอนแต่สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นคำว่าสั่งอยู่ดีนั่นแหละ จองซูตวัดสายตาโหดๆมองเพื่อนสนิทราวกับว่าดงแฮกล้าดียังไงมาสั่งตน ก็แหม...เล่นสั่งลูกเจ้าของโรงเรียนเนี่ย ไม่เรียกว่ากล้าแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

     

    จะให้ฉันวิ่งโร่ไปบอกพ่อว่า ปีนี้ขอไปฝรั่งเศสงั้นสิ 

     

    น้ำเสียงประชดประชันเต็มที่ทำให้ดงแฮหลุบใบหน้าต่ำลง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ก็เพราะเขารู้น่ะสิว่าตอนนี้จองซูกำลังโมโหกับสายตาท้าทายของบุคคลที่สามที่กำลังมองมาจากอีกฟากของหอประชุม อะไรกันยังมีคนที่ไม่เกรงกลัวปาร์คจองซูอย่างนั้นเหรอ ไม่เกรงกลัวลูกเจ้าของโรงเรียนมิหนำซ้ำยังกล้ามองด้วยสายตาท้าทายแบบนั้นอีก จะมีใครที่กล้าเท่านี้อีกล่ะถ้าไม่ใช่ คิมยองอุนเจ้าของตำแหน่งประธานนักเรียนปีนี้

     

    มันมองนายอ่ะ

     

    ดงแฮเพยิบหน้าไปทางยองอุน

     

    คิดว่าฉันตาบอดหรือไง

     

     

    เวรเลยกู อุตส่าห์หวังดีแท้ๆดงแฮนึกในใจ ใบหน้าขาวๆงอหงิกเมื่อฟังคำพูดเชิงตำหนิจากเพื่อน

     

    จองซูรู้ดีว่าสถานที่ทัศนศึกษาในแต่ละปีนั้นประธานนักเรียนจะเป็นคนเลือก และแน่นอนว่าปีนี้น่าเบื่อกว่าปีก่อนเป็นไหนๆ ปีสุดท้ายของม.ปลายทั้งทีก็ควรจะทำให้มันน่าสนใจกว่านี้ นี่อะไร..หลงอยู่ในดงงานศิลปะพวกนั้นน่ะเหรอ เขาไม่สันทัดเลยสักนิด

     

     

     

    เรื่องอะไรที่ฉันจะยอมให้ปีนี้มันจืดชืดเหมือนที่นายวางแผนไว้ล่ะ

     

     

     

     

     

     

    พ่อ

     

     ร่างเพรียวบางเดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในห้องผู้อำนวยการโดยไม่สนสายตาตำหนิจากผู้เป็นพ่อเลยสักนิด ก็เคยกลัวซะที่ไหนล่ะ คนอย่างปาร์คจองซูเคยเกรงกลัวใครบ้าง เคยอ่อนน้อมกับใครบ้าง คำตอบคือไม่มี จะมีก็แต่อ้อนเนี้ยแหละ อ้อนเพื่อจะได้สิ่งที่ตนต้องการ แต่ใครจะรู้เลยว่าสิ่งที่แฝงอยู่หลังใบหน้าอ่อนหวานและรอยยิ้มแบบเด็กๆยามที่ต้องการของเล่นนั้น จะเต็มไปด้วยความร้ายกาจ จองซูไม่เคยกลัวใคร เพราะในสมองและหัวใจมีแต่ความหยิ่งยโส ความกล้า กล้าที่จะเอาชนะทุกคนและกล้าที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของตนแต่เพียงผู้เดียว 

    ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของจองซูได้ล่วงหน้า แม้กระทั่งดงแฮเอง สิ่งเดียวที่ดงแฮรู้มากที่สุด เห็นจะไม่พ้นเรื่องของคิมยองอุน ก็จองซูน่ะ
    ทั้งเกลียดทั้งแค้นยองอุน ไม่รู้ว่ายองอุนเคยไปถอนผมของคนอวดดีอย่างจองซูรึยังไงกัน เขาถึงได้ก่นด่ายองอุนได้ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งมื้อกลางวัน ยิ่งวันไหนได้พบเจอหน้ายองอุนละก็ ดงแฮจะไม่ได้กินมื้อกลางวันเลย เพราะจานข้าวของเขามักจะถูกจองซูขว้างปาใส่ยองอุนอยู่บ่อยๆ

     

     

    โกรธและแค้น

     

     

    เพราะนายเคยชนะฉันน่ะสิยองอุน

     

     

    แต่ก็แค่ เคย เพราะไอ้ตำแหน่งประธานนักเรียนงี่เง่านั่นฉันไม่อยากได้เลยสักนิด

     

     

    ก็แค่เห็นว่านายควรจะเป็นได้แค่เด็กกิจกรรมไม่ใช่ผู้นำนักเรียน

     

     

    ฉันก็เลยลงสมัครเล่นๆ

     

     

    ..แค่นั้น..

     

     

     

    และที่น่าเจ็บใจที่สุดสำหรับจองซูคือ การเล่นแผนสกปรกแล้วยังไม่ชนะเนี้ยสิ เขาอุตส่าห์ลงทุนเสี่ยงเข้าไปขโมยบัตรลงคะแนนจากห้องทำงานของพ่อ แล้วแอบลงคะแนนให้ตัวเอง โดยมีดงแฮเป็นผู้ร่วมลงมือ

    แต่ผลที่ออกมาก็คือยองอุนชนะเขาเพียงแค่คะแนนเดียว

     

     

    ทุเรศมาก..ใช่ทุเรศมาก

     

     

    แม้จองซูจะรู้ดีกว่าคิมยองอุนเล่นซ้อนแผนของเขาแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ เพราะการที่เขาวิ่งเข้าไปบอกพ่อว่ายองอุนโกงการเลือกประธานนักเรียน นั่นเท่ากับว่าเขาโยนตัวเองเข้าหาบทลงโทษชัดๆ

     

     

    พ่อ เรื่องทัศนศึกษาน่ะ

    รู้แล้ว..ไม่ถูกใจใช่ไหมล่ะ  

     

    ผู้เป็นพ่อพูดอย่างใจเย็น แต่ที่เย็นไม่ได้เห็นจะเป็นจองซู ร่างบางแทบจะคว้ามีดปากกาบนโต๊ะมากระซวกไส้ไอ้คนที่ยิ้มหน้าบานอยู่ข้างพ่อตัวเอง

     

     

    คนสวยเบ้ปากทำท่าขยะแขยงราวกับว่าคิมยองอุนเป็นเพียงเศษขยะเน่าๆที่ถูกทิ้งมาแล้วหลายวัน แต่ก็มิวายที่หนุ่มหล่อครองตำแหน่งประธานนักเรียนจะส่งยิ้มกว้างปนกวนตีนนิดๆมาให้

     

    แล้วจะเอายังไงล่ะ ในเมื่อกลุ่มประธานและกรรมการนักเรียนได้ตกลงกันแล้ว หนังสือแจ้งก็ออกไปแล้วด้วย

     

     ชายวัยกลางคนกล่าวพลางยกกาแฟดำขึ้นจิบเหมือนกับว่าทุกสิ่งปกติดี ทั้งๆที่มันตรงข้ามกับพฤติกรรมของลูกชายตัวเองอย่างสิ้นเชิง ก็ไอ้นิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้น่ะ เห็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นจนชินและก็คิดว่ามันคงแก้ไม่ได้แล้วด้วย

     

     

    เลี้ยงมาเองกับมือ ทำไมจะไม่รู้

     

     

    ก็แจ้งใหม่ว่าจะไ-”

    ฝรั่งเศส  

     

    ยองอุนที่ได้แต่ยืนยิ้มกวนๆอยู่นานแทรกขึ้นมาเบาๆ

     

    ยุ่ง !” 

     

    แต่ก็ไม่วายที่จองซูคนหูดีจะได้ยินและเถียงกลับโดยทันที

     

    ใครจะอยากยุ่ง

     

    ยองอุนยักคิ้วราวกับว่าสิ่งที่จองซูพูดนั่นไม่ได้กระทบกระเทือนต่อมกวนประสาทของเขาเลยสักนิด  คนสวยจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจ

     

    แล้วจะพูดทำไม

     

    พูดพร้อมกับส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามไปให้

     

    ก็อยากจะพูด

     

    คราวนี้คนที่ยิ้มกลับไม่ใช่ยองอุน แต่เป็นเจ้าของโรงเรียนต่างหากที่อดขำไม่ได้กับท่าทีไม่ยอมใครของลูกชาย ก็ตลอดเวลาที่ผ่านมาน่ะไม่มีใครหน้าไหนจะเถียงชนะจองซูได้สักคนเพราะเขาเหล่านั้นเกรงกลัวสายตาดุๆดูถูกของจองซูน่ะสิ แต่สำหรับคิมยองอุนคงจะเป็นกรณียกเว้น

     

    แล้วอีกอย่างนะ นักเรียนทั้งระดับพอใจกันทั้งนั้นมีแต่นายนั่นแหละที่เรื่องมาก

     

    ยองอุนพูดต่อไม่สะทกสะท้านกับคนตรงหน้าที่กำลังเดือดจัด

     

    ฉัน ไม่ ได้ เรื่อง มาก !”

     

    ร่างบางเน้นย้ำทุกคำพูด เพื่อพยายามสกัดกั้นอารมณ์ขุ่นเคืองไม่ให้ถูกแสดงออกมาต่อหน้าคนที่เขาเกลียดที่สุด พยายามจะสุขุมเยือกเย็น แต่สุดท้ายมันก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจหวังเลยสักนิด

     

    สมองนายคิดได้แค่นี้ใช่ป่ะ จมอยู่ในโซลเนี่ยนะ? 

     

    จองซูชี้หน้าประธานนักเรียนอย่างไม่เกรงกลัวในตำแหน่งนี้เลย ก็ใครมันใหญ่กว่ากันล่ะ ประธานนักเรียนหรือลูกเจ้าของโรงเรียน

     

    ฉันไม่ได้คิดแต่ฝรั่งเศสก็แล้วกัน

    นาย !!!!!!”

     

    ร่างบางวิ่งตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่ตัวใหญ่กว่า  จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทตรงหน้า ต่างฝ่ายต่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าจะมีผู้อำนวยการโรงเรียนนั่งอยู่ด้วยก็เหอะ จองซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

     

    เพราะ ไอ้คำว่า ฝรั่งเศส นี่แหละ

     

    ก็เขาเคยโม้ใส่ดงแฮไปว่าของใช้และเสื้อผ้าของเขามาจากฝรั่งเศส และมิวายที่คนปากมากพูดเก่งพูดได้ทุกเรื่องอย่างดงแฮจะพูดมันออกไป จนเรื่องนี้แพร่ไปทั่วทั้งโรงเรียน

     

    มองโลกในแง่ดีก็คือว่า นักเรียนหลายคนจะมองจองซูว่าเป็นคุณหนูไฮโซ แต่ในทางกลับกันมันให้ผลเสียร้ายแรงมากกว่านั้นหลายเท่า เพราะยองอุนคู่อริดันมารู้ความจริงว่าแบรนด์จากฝรั่งเศสที่ว่านั้นน่ะ

    เป็นแบรนด์ที่ทำขึ้นในเกาหลีนี่แหละ แม้จะไม่ได้มาจากฝรั่งเศสแต่ก็แพงเกินบรรยาย อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่คนโดนจับได้ แหงล่ะ..เศษหน้ากระจายไม่มีชิ้นดี ไม่ใช่ว่าจองซูเป็นหนูจอมปลอมหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้บ้าแบรนด์ดังๆจากฝรั่งเศส ที่พูดก็เพียงเพราะอยากอวดเท่านั้นล่ะ

     

     

    ศึกนี้คงไม่จบลงง่ายๆ ถ้าเจ้าของโรงเรียนแสนใจเย็นไม่เอ่ยปากให้ยองอุนออกไปก่อนมีหวังได้เกิดการฆาตกรรมขึ้นในห้องนี้แน่ และแน่นอนว่าจองซูยิ้มร่าราวกับว่าตนเป็นผู้ชนะในสงครามน้ำลายครั้งนี้

    ก้นงามๆทิ้งลงบนโซฟาตรงข้ามโต๊ะทำงานของพ่อ ขาเพรียวถือวิสาสะยกขึ้นวางบนโต๊ะ และแม้ว่าจะถูกตำหนิด้วยสายตาแล้วก็ตามแต่เขาก็ชินซะแล้วกับการนั่งแบบนี้

     

    พ่อฮะ ผมว่ามันธรรมดาไปนะ ปีสุดท้ายทั้งที น่าจะไปต่างจังหวัดหรือไม่ก็ต่างประเทศ

     

    คนสวยพูดราวกับว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปไหนไกลๆเป็นสิ่งที่หามาได้ง่ายๆ แน่ล่ะสำหรับจองซูน่ะง่ายจะตายไป แค่กระดิกนิ้วเงินก็มา แต่สำหรับเด็กคนอื่นเนี่ยสิ ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังหามาได้ไม่ถึงครึ่งเลย

     

    นะ...ผมอยากให้มันพิเศษนี่

     

    ลูกอ้อนอีกแล้ว ร่างบางกระโดดไปเกาะแขนพ่ออย่างกับเด็กร้องเอาของเล่น ผู้เป็นพ่อยิ้มให้อย่างรู้ทัน

     

    ลูกจงใจจะปั่นหัวยองอุนใช่ไหม

     

     

    จองซูชะงัก ไม่คิดว่าพ่อจะรู้ทันความคิดของตน แต่นั่นแหละ..จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อเลี้ยงมากับมือ ต่อให้จองซูไม่พูดคนเป็นพ่อก็ต้องดูออกอยู่แล้ว มองแค่ตาก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ และพ่อก็คงเป็นคนเดียวที่คาดเดาการกระทำและความคิดของจองซูได้ล่วงหน้า

     

    ก็ถ้าต้องเปลี่ยนสถานที่ คนที่จะโดนต่อว่าจากหลายๆฝ่ายก็คือประธานนักเรียน

     

    ก็ผมไม่ชอบเขานี่ฮะ

     

    ตอบกลับแทบจะทันที ไอ้ลูกอ้อนเมื่อกี๊หายไปหมดแล้ว

     

    ลูกควรจะคิดถึงคนอื่นด้วยนะ ถ้าเราไปไกลๆแล้วคนที่เขาไม่มีเงินล่ะ เขาต้องเดือนร้อน ถูกไหม

     

    ชายวัยกลางคนอธิบายให้ลูกชายฟังอย่างใจเย็นและเขาก็หวังว่าความใจเย็นของเขาจะช่วยให้จองซูได้สติขึ้นมาบ้าง หรืออย่างน้อยๆแค่ให้จองซูอารมณ์เย็นลงจากสงครามเมื่อครู่ก็โอเคแล้ว

     

    แต่พ่อฮะ..นี่มันปีสุดท้ายสำหรับชีวิตช่วงม.ปลายแล้วนะ พ่อจะให้ผมจมอยู่ในโซลเนี่ยเหรอ ต่างจังหวัดมีอะไรน่าสนใจตั้งเยอะ

     

    คุณหนูจอมเอาแต่ใจเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ เพราะคิดว่ามุขเดิมๆที่เคยใช้ได้ผลยังไงมันก็ต้องใช้ได้ผลอีกแน่ๆ

     

    พิพิธภัณฑ์นี่ก็น่าสนใจนะ

    แต่พ่อ..

    หืม?

    ผมไม่อยากอยู่แค่ในโซลนี่นา

     

    ร่างบางกระพริบตาปริบๆ ออดอ้อนพ่อราวกับเด็กๆ

     

    เอาน่า แล้วพ่อจะพาไปเที่ยวทีหลัง

    ตะ..แต่

    อย่าดื้อสิ เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ

     

    จองซูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่สุดท้าย

     

     

    ก็ต้องยอมแพ้..

     

     

    กะ...ก็ได้ฮะ 

     

     

    มันไม่ได้ผล..

     

    แต่อย่าหวังว่าจองซูจะยอมแพ้คิมยองอุนเลย แค่ครั้งนี้อ้อนพ่อไม่ได้เท่านั้นเอง

     

    เมื่อทำให้เป็นไปตามทีตนหวังไม่ได้ ร่างบางจึงต้องเดินคอตกออกมาจากห้องทำงานของพ่อ

    ในใจก็คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้ทัศนศึกษาครั้งนี้ปั่นป่วนจนประธานนักเรียนต้องถูกตำหนิจากหลายๆฝ่าย

    และในที่สุดก็ต้องหลุดจากตำแหน่ง

     

     

     

    ทัศนศึกษาครั้งนี้..

     

     

     

     

    มันต้องพิเศษแน่ๆ

     

     

     

    แผนนายใช้ไม่ได้ผลใช่ไหมล่ะ

     

    ร่างสูงพิงกำแพงรอจองซูอยู่นานจนในที่สุดก็ได้โอกาสพูดปั่นประสาทคืนบ้าง

     

    แผนบ้าอะไร

    แผนที่จะให้ฉันถูกด่าน่ะสิ

    เหอะ ! คิดมากไปหรือเปล่า ฉันไม่ใช่พวกเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนายนะ

     

    โกหกเต็มเปาเลยปาร์คจองซูเอ๋ย

     

    ร่างบางตวัดสายตาค้อนๆ ราวกับจะฉีกยองอุนเป็นชิ้นๆ แต่หนุ่มคิมกลับลอยหน้าลอยตาไปมาไม่สนสายตาบ้าเลือดนั่นเลย ก็ลองดูสิว่าใครมันจะแน่กว่ากัน ร้ายมาเมื่อไหร่ คิมยองอุนก็พร้อมจะร้ายกลับเมื่อนั้น ในเมื่อคนตรงหน้าเป็นฝ่ายร้ายใส่เขาก่อน เขาก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวหรอก

     

    ในสมองของยองอุนยังคงคิดไม่ตกเลยว่า ตัวเองเคยไปทำอะไรให้จองซูแค้นเคืองนักหนาเจ้าตัวถึงได้สรรหาวิธีแกล้งเขาสารพัด ทั้งเรื่องเลือกประธานนักเรียน เรื่องปามื้อกลางวันใส่ และไหนจะเรื่องทัศนศึกษานี้อีกไม่คิดเลยว่าใบหน้าหวานๆรอยยิ้มสวยๆจะปกปิดความร้ายกาจของคนได้ถึงเพียงนี้

     

    หลบไปได้แล้ว !” 

     

    จองซูตะโกนลั่น แต่คนตัวสูงกว่ากลับยิ้มกว้างมาให้

     

    เชิญเลยคร้าบ คุณหนูเอาแต่ใจ ผมก็ไม่อยากได้เชื้อฝรั่งเศสจากคุณหรอกฮะ

     

    พูดจบก็เดินหนีไปซะเฉยๆ ปล่อยให้คนอารมณ์ร้ายอย่างจองซู ยืนหน้าแดงก่ำ มือเรียวกำแน่น ในใจตะโกนสาบานกับตัวเองว่าชีวิตนี้ต้องแก้เผ็ดยองอุนให้ได้ ไม่รู้ล่ะ ดันมาทำให้เราไม่ชอบขี้หน้าก่อน มันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ

     

    (ได้ข่าวว่าเสียเปรียบเขาอยู่ -*- )

     

     

     

     

     

     

    กระเป๋าสีน้ำตาลใบใหญ่ถูกโยนลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น รองเท้าและถุงเท้าถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไม่เป็นที่เป็นทาง จนสาวใช้ทั้งหลายต้องวิ่งโร่เข้ามาเก็บ ร่างบางยกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะ ตามแบบท่านั่งประจำตัว

    ปากก็ตะโกนสั่งน้ำหวานของโปรดตนราวกับว่ากำลังนั่งอยู่ในภัตตาคารไม่ใช่บ้าน

     

    ได้แล้วค่ะ

     

    หญิงวัยกลางคนที่เลี้ยงจองซูมาตั้งแต่เด็ก ยกแก้วใสที่เต็มไปด้วยน้ำหวานหลากสีหลากรสมาเสิร์ฟ หล่อนค่อยๆวางมันลงบนโต๊ะทีละแก้ว

     

    ป้าฮะ ผมกินคนเดียวนะ ทำไมเยอะขนาดนี้

    ก็ป้าไม่ทราบนี่คะว่าคุณอยากดื่นรสไหน ป้าก็เลยตั้งใจยกมาให้ทั้งหมดเลย

     

    นี่แหละ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จองซูเอาแต่ใจ ก็เพราะใครๆเอาแต่ประคบประหงมราวกับจองซูเป็นเด็กสามขวบที่ยังทำอะไรเองไม่ได้สักอย่าง แต่มันก็น่าอยู่หรอก ใบหน้าหวานๆนั่น ทำให้สาวใช้ แม่บ้าน แม่ครัว คนสวนและคนขับรถต้องใจอ่อน แม้กระทั่งพ่อแม่ก็ยังต้องยอมใจอ่อนกับท่าทีน่ารักสดใส ขี้อ้อนของลูกชายคนเดียว

     

     

    จองซูยังคงคิดหาแผนปั่นประสาทคิมยองอุนไม่ได้ แต่แน่ล่ะ เขาไม่ยอมหยุดคิดแน่ มือเรียวกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอย่างชำนาญ เพราะเวลารวมหัวกันแกล้งยองอุนทีไรก็มีแต่ดงแฮนั่นแหละที่ร่วมมือ ใครๆก็กลัวยองอุนทั้งนั้น เพราะภายนอกเขาดูโหดและเคร่งครัดกับกฎระเบียบของโรงเรียนมาก แต่สำหรับจองซูน่ะเหรอ เขาไม่เคยกลัวยองอุนเลยสักนิด ก็บอกแล้วไง ตำแหน่งประธานกิ๊กก๊อกนั่นเทียบไม่ได้กับตำแหน่งลูกเจ้าของโรงเรียน ดงแฮเลยหลงร่วมมือกับจองซูเพราะเห็นว่าจองซูจะพอคุ้มหัวเขาได้

    ไม่ใช่ว่าไม่กลัวยองอุนนะ ก็กลัว..แต่กลัวปาร์คจองซูมากกว่า

     

     

    คิดได้หรือยัง แผนน่ะ

     

    คนสวยจิ๊ปากไม่พอใจเมื่อโทรไปแล้วดงแฮพูดจาไม่รู้เรื่อง น้ำเสียงเหมือนเพิ่งตื่นนอน

     

    กินแล้ว

    เป็นบ้าอะไรของนาย ฉันไม่ได้ถามว่านายกินข้าวหรือยัง !”

     

     เสียงตะวาดแว้ดราวกับจะทำลายโลกทั้งใบดังสนั่น จนคนขับรถที่กำลังล้างรถอยู่นอกบ้านต้องรีบเอามืออุดหูทันที

     

     

    นี่ฟังนะ..อย่าให้ฉันต้องตามไปลากคอนายถึงบ้าน

    นะ..นายจะฆ่าฉันเหรอ !?’

     

     ดงแฮร้องโวยวายด้วยความกลัว เขาเพิ่งได้สติหลังจากงัวเงียอยู่นาน พอจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์เกรี้ยวกราดที่แผ่ขยายออกมาจากโทรศัพท์

     

     

    เหมือนจะรู้ตัวช้าไป...

     

     

    เออ..ฉันฆ่านายแน่ ถ้านายยังคิดแผนให้ฉันไม่ได้

     

    จองซูตัดสายเอาดื้อๆ โทรศัพท์ราคาแพงถูกโยนลงบนเบาะอย่างไม่ใยดี ร่างบางปลดไทด์ลงเพราะเริ่มร้อน ไม่ใช่ร้อนเพราะอากาศแต่เพราะร่างกายต่างหากที่ร้อน...ร้อนรนเพราะยังหาแผนแกล้งคนไม่ได้น่ะสิ

     

     

     

     

     

    สามวันก่อนถึงวันทัศนศึกษา

     

     

    จองซูมือไม้สั่นเป็นเจ้าเข้า คิดไม่ออกว่าจะปั่นหัวยองอุนยังไง ดงแฮยิ่งแล้วใหญ่ เจ้านั่นไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนด้วยเลยสักนิด มีแต่จองซูที่ประสาทจะกินเข้าไปทุกที สิ่งที่เขานึกได้ก็มีแต่แผนบ้าระห่ำทั้งนั้น ไม่ใช่ว่ากลัว แต่แค่ไม่อยากให้พ่อต้องมาหนักใจกับการเล่นสนุกเกินควรของเขาต่างหาก แต่ทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อไอ้คนคิดแผนอย่างดงแฮกลับสมองกลวงเอาเสียดื้อๆ จองซูจึงต้องตกอยู่ในภาวะลังเลเช่นนี้

     

     

    เซ็งชะมัด..

     

     

     

    ฉันคงจะพึ่งอะไรนายไม่ได้แล้วล่ะ

    นายไม่ควรจะพึ่งฉันตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก

     

    ไม่ได้จะกวน แต่แค่พูดไปตามความจริง

     

    ยอกย้อนงั้นเหรอ !?”

     

    บทสนทนาสั้นๆไม่กี่ประโยคจบลงตามด้วยหนึ่งฝ่ามือที่กระทบหน้าผากงามๆของดงแฮอย่างจัง ร่างบางแทบจะจิกทึ้งไอ้เพื่อนบ้าที่ไม่ยอมช่วยเขาคิดแผนเลยสักอย่าง น่าจะผลักให้ตกตึกตายไปซะ แต่ยังไง..ดงแฮก็อาจจะพอมีประโยชน์กับเขาอยู่บ้าง อย่างน้อยๆก็เป็นผู้ร่วมรับผิดชอบในแผนการครั้งนี้

     

     

    แผนการครั้งนี้?

     

     

    คิดออกแล้ว?

     

     

    ใช่..

     

     

    คิดออกแล้ว

     

     

    แม้มันจะอลังการงานสร้างเกินไปหน่อย

    แต่คนเป็นพ่อก็คงไม่กล้าว่าจองซูอยู่ดี

     

     

    ตามใจมาตลอดชีวิต มันก็ต้องตามใจต่อไปไม่ใช่เหรอ?

     

     

     

     

     

     

    อีกหนึ่งวันก่อนถึงวันทัศนศึกษา

     

     

    คนที่ควรจะตื่นเต้นกับแผนการครั้งนี้ไม่ได้ออกอาการสั่น หรือรนเลยสักนิด มีแต่ดงแฮที่กลัวเป็นบ้าเป็นหลัง กลัวโดนไล่ออกจากโรงเรียนบ้าง กลัวถูกดักทำร้ายบ้าง ไม่รู้เขาจะกลัวอะไรนักหนา ทั้งๆที่มีคนคุ้มหัวอย่างจองซูอยู่ด้วยแล้วแท้ๆ

     

    นะ..นายแน่ใจนะ

    เออ ไม่แน่ฉันก็คงไม่ทำหรอกน่า

    ต..แต่ มะ..มันเรื่องใหญ่นะจองซู 

     

    น้ำเสียงเริ่มตะกุกตะกัก กลัว..กลัวจะโดนจองซูฟาดฝ่ามือลงบนหัวกบาลตัวเองอีก แต่ไอ้สิ่งที่กำลังทำอยู่นี่ก็น่ากลัวมากเหลือเกิน หลังภารกิจนี้จบลงเขาอาจจะไม่ได้เรียนต่อ หรืออาจจะไม่มีโอกาสได้หายใจอีกเลยก็ได้

     

    คิมยองอุนคงต้องฆ่าเขาแน่

     

     

     

    กลัวชิพหายแล้วตอนนี้..

     

     

    หุบปากแล้วช่วยยกกองนี้ออกไป

    ตะ..ตะ...แต่ว่-”

    บอกให้หุบปากไง! นายกลัวฉัน หรือกลัวไอ้บ้าพลังยองอุนกันแน่

    ก..กลัว ทะ..ทั้ง..คู่

    อยากตายเหรอ !”

    ปะ..เปล่า กะ..ก็นายบอกว่าเค้าบ้าพลังนี่นา ฉันกะ..ก็เลย กะ..กลัว

     

     

    ปัญญาอ่อนจริงดงแฮ..ฉันคุ้มหัวนายอยู่นะเว้ย อย่ามาทำเหมือนฉันไม่มีอำนาจอย่างนั้นสิ

     

     

    แม้ในใจจะโมโหดงแฮ แต่หัวสมองอันปราดเปรื่องกลับสั่งให้เขาใจเย็น ยังมีเรื่องน่าสนใจให้ทำอยู่มาก เก็บแรงไว้สำหรับเรื่องนั้นดีกว่า อย่าเสียเวลากับพวกไร้เดียงสาอย่างดงแฮเลย

     

    ร่างบางไม่ได้หวาดหวั่นเลยว่าเพื่อนจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองไปแล้ว สองมือยังคงจัดการกับสิ่งตรงหน้าที่จะทำให้คิมยองอุนวิ่งเต้นแก้ปัญหาจนไม่มีเวลาได้หายใจเลยล่ะ

     

     

     

     

     

     

    อะไรนะ !”

    บ้าชะมัด !”

    นั่นสิ บ้ามาก!”

    น่าจะบอกกันเร็วกว่านี้ !”

     

     

    เสียงคุยกันจ้อกแจ้กดังระงมไปทั่วห้องเรียน นักเรียนหลายคนกำลังมึนงงกับหมายกำหนดการทัศนศึกษาที่เปลี่ยนไป ไม่สิ..ไม่ใช่เปลี่ยนธรรมดา ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ระยะเวลา ไม่ใช่เปลี่ยนแค่กิจกรรม แต่เปลี่ยนแม้กระทั่งสถานที่ ! หลายคนค่อนข้างโมโหกับสิ่งนี้เพราะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า บอกวันนี้ไปพรุ่งนี้ กะทันหันไปไหม? ทำไมคณะกรรมการนักเรียนและประธานนักเรียนดำเนินการได้ห่วยแตกขนาดนี้

     

    สถานที่ทัศนศึกษาที่ถูกเปลี่ยนไปนั้นอยู่ที่ปูซาน ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติเล็กๆโดยกิจกรรมและสิ่งที่นักเรียนจะต้องปฏิบัติคือศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ในป่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใคร จองซูจงใจแจกหนังสือแจ้งในวันนี้เพราะคิดว่ายองอุนและก๊วนกรรมการนักเรียนจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว

    ไอ้การที่เลือกศึกษาพันธุ์ไม้ในป่า ไม่ได้หมายความว่าจองซูสนใจหรอกนะ เขาเพียงแค่คิดเผื่อๆไว้ว่าประธานนักเรียนผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบข้อตกลงจะหลงอยู่ในป่าโดยไม่มีทางได้กลับออกมา หลังจากพยายามไขว่คว้าหาพันธุ์ไม้ที่ไม่มีอยู่จริง

     

     

    แปลกไหม ที่หนังสือแจ้งทำออกมาง่ายมาก

     

     

    ไม่แปลกหรอก ก็มีตรายางลายเซ็นพ่อซะอย่าง ต่อให้ต้องออกหนังสือแจ้งปลอมๆสักกี่ฉบับก็ไม่ต้องกังวลเรื่องลายเซ็นผู้อำนวยการ จองซูรู้ดีว่าพ่อจะต้องปวดหัวกับเรื่องที่เขาทำแน่ๆ แต่ไอ้นิสัยแบบเด็กๆเอาแต่ใจมันแก้ไม่ได้ซะแล้ว จริงๆต้องบอกว่าไม่คิดจะต่างหากล่ะ

     

     

    ขอลองเล่นสักนิดน่า เกมส์นี้ดูท่าจะสนุกกว่าเกมส์อื่นๆเยอะ

     

     

     

    ค้างคืนด้วยเหรอ?

     

    อึนฮยอกเพื่อนร่วมชั้นเปรยขึ้นด้วยความสงสัย จากนั้นก็ตามด้วยเสียงโวยวายอีกยกใหญ่

     

     

    นั่นสิ จะบ้ารึไง พ่อแม่ฉันก็หวงลูกเหมือนกันนะเว้ย

     

    ซองมินวิ่งเต้นไปมา ราวกับว่าพื้นที่ยืนอยู่นั้นร้อนเป็นไฟ จองซูที่นั่งอยู่ข้างๆได้ทีเสริม พาให้เพื่อนๆทั้งห้องรุมด่าประธานนักเรียนกันเป็นว่าเล่น

     

     

     

    ปาร์คจองซู ! นายอยู่ที่ไหน

     

     

    นั่นไง..

     

    เจ้าตัวที่ถูกเพื่อนทั้งชั้นด่าจนไม่เหลือชิ้นดี จริงๆไม่ใช่แค่ทั้งชั้นหรอก ต้องบอกว่าทั้งโรงเรียนต่างหากล่ะ เพราะจองซูกะเพื่อนสนิทขี้กลัวอย่างดงแฮพากันแปะจดหมายแจ้งเปลี่ยนแปลงทัศนศึกษาทั่วโรงเรียน ทั้งตามบอร์ดห้องเรียน ตามโรงยิม โรงอาหาร ห้องพักครู ห้องน้ำ และไม่เว้นแม้กระทั่งห้องทำงานของประธานนักเรียน

     

     

    จงใจยั่วโมโหยองอุนชัดๆ

     

     

    ฉันถามว่านายอยู่ไหน กลัวหัวหดเลยรึไง !?”

     

    ร่างใหญ่โตของยองอุนเดิมดุ่มๆเข้ามาในห้องที่ไม่ใช่ห้องเรียนของตน เมื่อพบคู่กรณีที่ยืนยิ้มร่าอยู่กลางห้องมือใหญ่ก็กระชากร่างบางออกมาจากกลุ่มเพื่อนอย่างแรง ใบหน้าหวานๆเซเข้ากระทบอกแกร่งอย่างจัง กลิ่นกายหอมๆจากคนตัวสูงกว่าคงจะทำให้จองซูถึงกับเคลิบเคลิ้มถ้าหากคนๆนั้นไม่ใช่คิมยองอุน

     

    ทำอะไรของนาย!”

     

    คนสวยตะวาดเสียงดังจนกลายเป็นจุดสนใจของเพื่อนทั้งห้อง

     

    เหอะ ! ฉันน่าจะถามนายมากกว่านะ ว่านายทำบ้าอะไร!?”

     

    ยองอุนเขย่าคนตรงหน้าไปมาราวกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิต

     

     

    ฉันไม่ได้ทำอะไร แล้วช่วยเอามือสกปรกๆ ของนายออกไปด้วย

    อย่ามาอวดดีใส่ฉันนะ นายกล้าลองดีกับฉันเหรอ  

     

    มาดหนุ่มกวนๆขี้เล่นและแววตาที่คอยแต่จะปั่นประสาทจองซูจางหายไปหมดแล้ว ยอมรับว่าตัวเองคิดไม่ถึงว่าจองซูจะกล้าแกล้งเขาด้วยแผนการที่บ้ารำห่ำขนาดนี้ ลองคิดดูดีๆนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะที่จะเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการทัศนศึกษา ไม่ใช่แค่ยองอุนคนเดียวที่ต้องวิ่งเต้นแก้ปัญหา ไหนจะกรรมการนักเรียนอีกหลายคนที่ต้องมานั่งกุมขมับกับการเล่นซนของเด็กคนหนึ่ง ในฐานะประธานนักเรียนยองอุนมีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของการศึกษานอกสถานที่ในครั้งนี้และมันก็วุ่นวายมาก..

     

    ใช่..

     

     

    วุ่นวายมากจริงๆ ในจดหมายเฮงซวยนั่นบอกว่าไปปูซานและต้องค้างที่นั่น 2 คืน!

    ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสถานที่เดิมได้หรอกนะ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอีก คนที่จะเสียหายมากที่สุดก็คือเขาและเพื่อนๆกรรมการนักเรียน สู้ยอมให้จองซูได้ใจไปก่อนแล้วค่อยหาทางแก้แค้นทีหลังก็ยังทัน

     

     

    ออกไปให้หมด ! จะยืนดูอะไรอยู่ล่ะ! ฉันสั่งให้ออกไปให้หมดไง

     

    แม้จะคิดแก้ปัญหาได้แล้ว แต่ยองอุนก็ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ดีนั่นแหละ โกรธตัวเองที่ตายใจตั้งแต่แรก คิดว่าจองซูจะยอมแพ้ตั้งแต่อ้อนพ่อไม่สำเร็จ

     

     

    เหล่านักเรียนหลายสิบคนต่างพากันทยอยออกจากห้องเรียนด้วยความหวาดกลัว จนในที่สุดห้องเรียนที่เคยมีเสียงคุยจ้อกแจ้กก็เงียบสงัดลง ให้ความรู้สึกเหมือนป่าช้าตอนกลางคืน ทีนี้ทั้งห้องก็เหลือแค่เด็กอวดดีกับสิงโตตัวใหญ่ที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อได้ทุกเมื่อ

     

    ไม่รอดแน่..

     

     

    จะทำอะไร

     

    จองซูกล่าวเสียงแข็ง ไม่ได้กลัว แต่แค่ไม่ไว้ใจไอ้คนตรงหน้า

     

    ปล้ำนายมั้ง

     

    ลอยหน้าลอยตาพูด

     

    นายไม่กล้าหรอก แล้วอีกอย่างนะ ฉันเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนเพราะงั้นนายไม่มีสิทธิ์ แม้กระทั่งจะแตะต้องตัวฉัน นายก็ทำไม่ได้

    นี่นายคิดว่าฉันพิศวาสนายขึ้นมาจริงๆเหรอ

     

    ยองอุนนึกขำ ไม่คิดเลยว่าไอ้คนหน้าหวานตรงหน้าจะหลงตัวเองได้ขนาดนี้

     

    เออ..หรือไม่จริง ฉันรู้หรอกน่า อย่าทำเป็นเนียนสิ

     

    จองซูพูดเหมือนคนรู้ทัน ทั้งๆที่มันไม่มีมูลความจริงเลยสักนิด ยองอุนก็แค่ต้องการแกล้งจองซูคืนเท่านั้นไม่ได้พิศวาสเลยและจองซูเองก็ไม่ได้เกิดปิ๊งคู่อริขึ้นมาซะดื้อๆ ก็แค่ต้องการกวนประสาทยองอุนเท่านั้นแหละ

     

    หลงตัวเอง

     

    ร่างสูงพูดลอยๆ พลางกระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเรียนของจองซุ

     

    ลงมานะ เอาก้นสกปรกของนายออกไปจากโต๊ะฉัน!”

    “^^”

    ยิ้มบ้าอะไร

    ไม่ได้ยิ้มให้นายหรอก ไม่ต้องห่วง

    เออ ไม่ได้อยากได้อยู่แล้ว..ออกไปจากห้องฉัน นายกล้าดียังไงมาไล่เพื่อนฉันออกไป

     

    เริ่มจะมีน้ำโหแล้ว ก็ไอ้สายตาและรอยยิ้มกวนประสาทนั่นกลับมาอีกแล้วน่ะสิ อะไรกัน เมื่อกี๊ยังไม่มีเลย

     

     

    ก็เหมือนนาย..กล้าดียังไงมาเปลี่ยนแปลงงานที่ฉันดูแล

    ฉันไม่ได้ทำ

     

    ปฏิเสธหน้าตาเฉย

     

    ไม่ใช่นายแล้วใครมันจะกล้า

     

    ยองอุนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แต่คำตอบที่ได้กลับกวนอวัยวะเบื้องล่างของเขาไม่น้อย

     

    ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน และกรุณาย้ายก้นของนายออกไปซะ

     

    จองซูแทบจะเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมาล้างโต๊ะตัวเอง รังเกียจเหลือเกินไอ้เด็กทับท้ายๆน่ะ สองมือพยายามผลักไสคนตัวใหญ่ให้ออกไปจากห้องแต่กลับไม่เป็นผล มีแต่ตัวเองที่เซไปตามแรงผลัก หัวกลมๆผ่านจมูกโด่งๆของยองอุนไปแบบเฉียดฉิว กลิ่นหอมของแชมพูที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนลอยปะทะปั่นป่วนสมองร่างสูงอย่างรุนแรง เป็นแวบเดียวที่สองสายตาปะทะกันแบบจังๆ แวบเดียวที่เกิดความรู้สึกแปลกๆ เป็นแวบเดียวจริงๆ ที่ทั้งคู่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม รู้สึกเบาหวิวเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ที่ไหนสักแห่ง

     

    บอกให้ลุกออกไป..เดี๋ยวนี้

     

    น้ำเสียงเย็นชาตามแบบฉบับคุณหนูเอาแต่ใจดังขึ้น ทำลายความรู้สึกแปลกๆเมื่อครู่หมดสิ้น

     

     

     

     

    แล้วจะได้เห็นดีกัน ถึงจะเป็นเกมส์ของนาย..แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะแพ้เสมอไป

     

     

     

    ร่างสูงทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ปล่อยให้จองซูหลงระเริงคิดว่าสงครามน้ำลายครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายชนะอีกแล้ว

     

     

     

    คิดว่าชนะได้ก็ลองดูสิ

     

     

     

     

     

     

     

    เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยรอยยิ้มที่สดใส

     

     

     

    สดใสไปคนเดียวเถอะจองซู..

     

     

    ใครจะรู้เลยว่าคิมยองอุนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะต้องจัดการเรื่องรถและที่พักสำหรับนักเรียน กว่าจะเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว

     

    ร่างสูงเดินสะพายกระเป๋ามาขึ้นรถ ทำทีว่าทุกอย่างปกติดีแต่ก็ยังไม่พ้นซีวอนเพื่อนกรรมการนักเรียนที่ดันทักขึ้นมา อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ต่างจากยองอุนเลยสักนิด เพราะกว่าจะจัดการทุกอย่างได้ก็ดึกแล้วเหมือนกัน

     

    ไง..ดึกไปหน่อยเหรอ ตาดำเชียว

     

    ซีวอนถามพลางเอานิ้วมาวนเวียนแถวเบ้าตาดำๆนั่น

     

    เออ..เหมือนกันนี่

     

    ยองอุนตอกกลับสั้นได้ใจมาก แต่มันก็พอทำให้ซีวอนชักมือตัวเองกลับแล้วทำเป็นว่าทุกอย่างก็ปกติดี

     

     

    นักเรียนชายหลายคนกำลังทยอยกันขนสัมภาระขึ้นรถ ไม่เว้นแม้กระทั่งดงแฮที่ดูเหมือนแรงงานต่างด้าวเข้าไปทุกที สองมือหอบหิ้วทั้งกระเป๋าตัวเองและกระเป๋าของเพื่อนที่กำลังชี้นิ้วสั่ง

     

     

    เหมือนคนบ้า..

     

     

    ถือดีๆดิ นั่นมาจากฝรั่งเศสเลยนะ

     

    จองซูบ่นพลางชี้นิ้วให้ดงแฮวางกระเป๋าของตนเบาๆ

     

    หนักจะตายอยู่แล้ว

    อะไรนะ?

    เปล่านี่

     

     

    -*-

     

     

    ระยะเวลาในการเดินทางไปถึงที่หมายนั้นดูยาวนานมากสำหรับจองซู หัวสมองยังคงทำงานหนักแม้ว่าดงแฮจะผล็อยหลับไปตั้งแต่ขึ้นรถแล้วก็ตาม รอบกายคนสวยไม่ต่างอะไรกับสถานบันเทิงที่เปิดทำการตอนกลางวัน  เสียงโหวกเหวกโวยวายดังต่อเนื่องตั้งแต่รถออก บางคนก็ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวไกลๆ แต่บางคนก็เบื่อหน่ายจนต้องหาอะไรทำฆ่าเวลา

     

     

    คุยกัน..

     

    ร้องเพลง..

     

    เต้น..

     

    กินขนม..

     

     

    ....

     

     

    แม้ว่าเสียงจะดังมากขนาดไหนแต่จองซูก็ยังทนอยู่ได้ แปลก..ใช่แปลกมาก ปกติแล้วเขาไม่ชอบเสียงดังๆและรักความเป็นส่วนตัว ที่นั่งตรงไหนสบายและถูกรบกวนน้อยที่สุดจะถูกจับจองโดยเขาทันที

    ณ ตอนนี้เหมือนร่างบางจะจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง ไม่ได้สนใจเลยว่าดงแฮที่เอนหัวมาพิงเขากำลังจะน้ำลายไหลใส่อยู่มะรอมมะร่อ

     

     

    ความรู้สึกตอนนั้นมันคืออะไรกันนะ?

     

     

    แค่รู้สึกหวิวๆอย่างที่ไม่เคยเป็น

    แค่ตกใจกับสายตาที่เคยเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาที มันกลับจางหายไป

    หลงเหลือแค่แววตาของเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป

     

    ไม่ได้โหด ไม่ได้กวนประสาท เหมือนเคย..

     

     

    ไม่หรอก..

     

    มันต้องไม่มีอะไร ทุกอย่างโอเค ทุกอย่างเหมือนเดิม ทุกอย่างปกติดี

     

     

    เฮ้อออ อ.. 

     

    เมื่อพยายามคิดปลอบใจตัวเองเท่าไหร่แต่กลับไม่เป็นผล จองซูจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หันเหสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาสวยกำลังให้ความสนใจกับทิวทัศน์ริมข้างทางที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจี หายากนะที่จะได้เห็นในโซล

     

     

    ไม่นานนักนักเรียนจากโรงเรียนชายล้วนชื่อดังในโซลก็มาถึงที่หมาย อุทยานแห่งชาตินี้อยู่ห่างจากตัวเมืองปูซานราวๆสิบกิโลเมตร รถบัสคันใหญ่หลายคันค่อยๆทยอยเข้าจอด ตามด้วยเสียงนักเรียนที่วิ่งกรูมาขนกระเป๋าตัวเองลงจากรถ ไม่ได้ต่างจากเสียงวิ่งของสัตว์ป่าที่กำลังแตกตื่นเลยสักนิด

     

    ดงแฮผู้ทำหน้าที่ขนกระเป๋าให้กับจองซูยังคงทำหน้าที่ต่อไป เหมือนว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

     

    จองซูรอฉันด้วย

    ช้า !”

     

    ร่างบางหันมาตำหนิเพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนใช้มากกว่า ก่อนจะเดินไปรวมตัวกับเพื่อนๆที่เหลือ

     

     

     

    ทุกคนคงจะได้หนังสือแจ้งแล้วใช่มั๊ย..ทำตามนั้นนะ ส่วนห้องพักจะแบ่งตามห้องเรียนของพวกนาย หัวหน้าห้องเดินตามกรรมการนักเรียนไปได้เลย เก็บของซะแล้วอีกหนึ่งชั่วโมงมารวมกันทีนี่

     

    เสียงประธานนักเรียนดังขึ้น ทำให้เสียงคุยพอเบาลงบ้าง ยองอุนเหล่มองคนตัวเล็กข้างล่างด้วยสีหน้าและแววตาเย็นชา แปลกไปจากทุกที

     

     

    ต้องการเก็บความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน?

     

     

    หรือจงใจเย็นชาใส่?

     

     

    หรือทั้งสองอย่าง?

     

     

     

    จองซูรู้ตัวว่ากำลังถูกมองแต่เขาก็ยังคงทำเฉย มิหนำซ้ำยังยักคิ้วกวนๆให้อีกฝ่าย

     

    แม้จะรู้ว่าสายตาที่มองมานั้นเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังดิ้นรนพยายามทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม

     

     

    บ้าหรือเปล่าจองซู?

     

    มันก็แค่วูบเดียวที่รู้สึกถึงความอ่อนโยน

     

    วูบเดียวที่รู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ศัตรู

     

    วูบเดียวที่อยากจบเกมส์

     

    แต่ก็ยังไม่อยากแพ้

     

     

    ยังอยากชนะ

     

    ยังอยากเป็นปาร์คจองซูที่ชนะคิมยองอุนในทุกๆเรื่อง

     

     

     

    จะแคร์อะไรมากมาย ยังไงซะเจ้านั่นก็สมควรจะโดนแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

     

     

    ฉันไม่ชอบนาย นายก็ต้องเจอแบบนี้..

     

     

    ดงแฮ..

     

    เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ

     

    ครับ

    ทุเรศ!..อย่ามาพูดครับกับฉันนะ ไม่ชอบ

    จองซูอ่า..

     

     

    ดงแฮหน้าหงอลงอีกแล้ว อะไรกันพูดเพราะก็ว่าพูดไม่เพราะก็ว่า

    แต่ก็ชินซะแล้วล่ะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็โดนเพื่อนคนนี้ว่าตลอด

     

     

    ปากร้าย !

     

    ใช่ๆ ปากร้าย

     

    ไม่รู้จะหาคำจำกัดความให้จองซูอย่างไรแล้ว คงมีแต่คำว่าปากร้ายนี่แหละที่เหมาะที่สุด

     

     

    นายรู้ป่ะว่าประธานนักเรียนพักห้องไหน

     

    จองซูถามด้วยสีหน้าอยากรู้คำตอบสุดฤทธิ์

     

    มะ..หมายถึง คิมยองอุนน่ะเหรอ?

     

    ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่เพื่อนเขากำลังถามหาห้องนอนของคู่อริงั้นเหรอ

     

     

    นี่หรือว่า??

     

     

    จองซูจะใช้แผนเผด็จศึก !

     

     

     

    ตกลงรู้หรือไม่รู้

    ระ..รู้

    อย่ามาติดอ่างตอนนี้ได้ไหม บอกมาเร็วๆสิ..เดี๋ยวนี้เลย

     

     

    โฮกกกกกกกกก ก จองซู๊ !!! นี่นายจะเริ่มตั้งแต่ยังไม่มืดเลยเหรอ

     

     

    ทำไมทำหน้าอย่างนั้น

     

    ร่างบางถามเพราะเริ่มสงสัย ดงแฮเป็นบ้าอะไร อากาศเย็นสบายแบบนี้แต่เหงื่อกลับไหลท่วมตัว

     

    ไม่สบายหรือเปล่า?” 

     

    เหมือนจะถามเพราะเป็นห่วง แต่เปล่าเลย ถามเพราะถ้าดงแฮไม่ไหวเค้าจะได้เดินไปก่อน ขี้เกียจต้องมาแบกมัน

     

    ฉะ..ฉันสบายดี นายถามว่าอะไรนะ

     

    มือเล็กๆขาวๆพยายามปาดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาออกไป ในขณะที่ร่างกายพยายามไม่ตื่นเต้นและไม่จิตนาการกับสิ่งที่เพื่อนตัวเองกำลังจะทำ

     

     

    ยองอุนนอนห้องไหน

     

    คำถามตรงๆ เล่นเอาดงแฮเงยหน้าไม่ขึ้น หัวกลมๆกำลังจมดิ่งลงเหมือนกับการที่ต้องกดความคิดบ้าๆให้จมหายไปจากสมอง

     

     

    ห้องเล็กตรงนู้น ขวามือนะ  

     

     

    รู้ดีจังนะ..

     

    ใช่รู้ดีเพราะป้ายที่แปะว่าห้องประธานนักเรียนนั่นใหญ่และสีแสบตามากจนดงแฮเห็นมันก่อนจะเห็นป้ายห้องพักตัวเองอีก

     

     

    โอเค เข้าใจแล้ว

    ครับ

    แหวะ! ขนกระเป๋าไปให้ฉันด้วย ฉันอยากเดินเล่นแปบนึง

     

     

     

    เดินเล่นบ้าสิ

     

    ไปแอบซุ่มดูห้องยองอุนต่างหากล่ะ การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้จองซูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกโรคจิตแอบดูคนอื่น แต่เปล่าเลย จริงๆแล้วเขาต้องการมาส่องดูสภาพห้องว่าเอื้ออำนวยต่อแผนของเขามากขนาดไหน ยิ่งมีพุ่มไม้อยู่ข้างๆห้องด้วยยิ่งดีใหญ่ แอบดูได้สะดวกไม่มีใครเห็น แต่..

     

    ไม่ชัดเลยสักนิด ไอ้เจ้านั่นปิดม่านทำไมนะ

    แล้วฉันจะมองเห็นได้ยังไงกัน

     

    แถมมดบ้าก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ กัดจนคันจนแสบไปหมดแล้ว

     

     

    แต่เดี๋ยวสิ ! ยองอุนยังอยู่ตรงนั้น ! แสดงว่าในห้องไม่มีใครอยู่

     

     

    ดวงตาสวยลุกวาวทันที ขาเพรียวย่องออกมาจากพุ่มไม้ มิวายที่จะเผลอเกาแขนเกาขาเพราะถูกมดแดงนับสิบตัวกัด ร่างบางมาหยุดอยู่หน้าประตู ไม่ได้มีความลังเลอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะไอ้ประธานร่างยักษ์นั่นน่ะสิที่คอยแต่จะหันหน้ามาทางนี้อยู่เรื่อย เมื่อได้โอกาสห้องที่ไม่ได้ล็อกไว้ตั้งแต่แรกจึงถูกร่างบางผลักเข้าไปอย่างง่าย ในห้องมีเตียงขนาดใหญ่ มีตู้เสื้อผ้า มีตู้เย็น มีโต๊ะตัวเล็กๆและเบาะรองนั่ง มีเครื่องปรับอากาศใหม่เอี่ยมหนึ่งเครื่อง ดูแล้วคงจะต่างจากห้องพักนักเรียนทั่วไปราวฟ้ากับเหว

     

    เอาเปรียบกันชัดๆ

     

    ไม่ได้อยากจะเป็นพิทักษ์รักความยุติธรรมหรอกนะ แต่รู้ตัวว่าตัวเองต้องได้นอนในห้องที่ไม่มีแอร์แถมยังต้องนอนบนปูนแข็งๆอีกด้วยเนี่ยสิ ทนรับสภาพนั้นไม่ได้เลย ห้องแคบๆที่อัดนักเรียนเกือบยี่สิบคน

     

     

    จองซู..รับไม่ได้

     

     

    และนั่น ! กระเป๋าของยองอุนนี่นา..สงสัยจะมีคนยกเข้ามาให้ ขอเปิดดูหน่อยแล้วกัน

    เสื้อผ้า...น้ำหอม..สบู่..แปรง..ยาสีฟัน

     

    และ..

     

     

     

     

     

    บ็อกเซอร์..

     

     

     

    ระหว่างที่กำลังขุดคุ้ยกระเป๋าของผู้อื่นอย่างถือวิสาสะ ร่างบางก็รู้สึกได้ว่าลูกบิดประตูกำลังถูกหมุน

     

     

    เวรแล้ว !

     

     

    ซ่อนตรงไหนดีวะ??

     

    ใต้เตียง ไม่ๆๆ ใต้โต๊ะสิ ไม่นะๆ ในตู้เย็นดีกว่า ..

     

    เอาละ...หัวสมองดีกันให้วุ่น ขาเพรียววิ่งพล่านไปทั่วห้อง จนในที่สุดก็มาหยุดลงหน้าตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ซึ่งใหญ่พอที่จะเข้าไปซ่อนได้

     

    และแล้วประตูก็เปิดออกตามด้วยประธานคิม(เหมือนผู้บริหารเลยว่าป้ะ)ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดีนะที่จองซูหลบทัน ไม่งั้นคงได้เกิดเรื่องแน่ ร่างบางแอบมองทุกๆอิริยาบถของผู้ชายคนนี้ผ่านทางช่องระบายอากาศเล็กๆของตู้เสื้อผ้า

     

     

    ยองอุนถอดเสื้อคลุมออก ก่อนจะเริ่มคลายไทด์ต่ำลง เหมือนเขาจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันมาจัดการกับเสื้อผ้าต่อ แต่แล้วกลับไม่ใช่แค่ไทด์ที่กำลังจะถูกดึงออก ร่างสูงกำลังจะถอดเสื้อออกด้วยเช่นกัน !

     

     

    เวรอีกแล้ว !

     

     

    จองซูนึกในใจ อยากจะวิ่งออกจากห้องให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่อยากถูกจับได้ให้เสียฟอร์ม ซวยอะไรอย่างนี้ที่ต้องมาเห็นสิ่งที่ไม่ต้องการจะเห็นเลยสักนิด อยากจะเบี่ยงตัวหลบแต่ตู้เสื้อผ้าก็ดันเล็กเกินกว่าที่เขาจะบิดตัวได้

     

    ไม่อยากเห็น

     

    ไม่อยากมอง

     

     

    แต่ไอ้ตาคู่สวยนี่กลับไม่ยอมทำตาม มันเปิดกว้างขึ้นตรงข้ามกับที่หัวใจสั่งให้ปิดลง

     

    บ้าชะมัด !

     

    แผ่นหลังกว้างอยู่ห่างจากตู้เสื้อผ้าไม่ถึงสองเมตร แน่ล่ะว่ามันอยู่ใกล้กับดวงตาของจองซูมาก ห้องทั้งห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงหายใจของยองอุนเท่านั้น(และดูท่าจะหายใจดังผิดปกติ..หื่น?) เพราะดูเหมือนจองซูกำลังจะขาดใจตาย เขาเริ่มหายใจไม่ออก ในเมื่อตอนนี้เจ้าของห้องเหลือเพียงแค่บ็อกเซอร์สีเทาตัวเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเดินร่อนไปมาทั่วห้องด้วยสภาพเช่นนั้นอีก

     

    หัวสมองของร่างบางเริ่มขาวโพลน

     

    นึกในใจ

     

     

    นั่งรถมาตั้งไกล กูจะมาตายในตู้เสื้อผ้าแคบๆนี่เหรอ? ทุเรศเกินไปว่ะ

     

     

    แต่แล้วสติก็คืนกลับสู่สมองอีกครั้งเมื่อไม่เห็นว่ายองอุนไม่อยู่ในห้องแล้ว บางทีช่วงที่จองซุกำลังสิ้นหวัง เขาอาจจะแต่งตัวแล้วเดินออกไปแล้วก็ได้

     

     

    มือเล็กผลักตู้เสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับโกยอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดยกใหญ่ ขาเพรียวจ้ำมาถึงประตูอย่างรู้ใจนาย แต่ขาก็เป็นขา

     

     

    ขาไม่มีตา..

     

     

    จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนยืนรออยู่ที่ประตู จองซุเพิ่งจะรู้สึกตัวเมื่อถูกมือใหญ่คว้ามับเข้าที่ข้อมือ

    นึกอยากจะจิกลูกตาของตัวเองทิ้งซะ เพราะมันไม่ได้ทำหน้าที่อย่างที่สมควรทำ..

     

    เข้ามาทำอะไร

     

    ถามเสียงเย็นพร้อมกับบีบข้อมือเล็กนั่นแรงขึ้น

     

    ฉะ..ฉัน เข้าห้องผิด

     

    ร่างบางตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หลุบใบหน้าสวยต่ำลง ไม่กล้าสบตาเจ้าของห้องที่ดูแล้วไม่ต่างอะไรจากชีเปลือยที่มีเพียงเกงกางบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วติดตัวมา

     

     

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้จองซูรู้สึกกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ จากเดิมที่ไม่เคยกลัวใครแต่ ณ เวลานี้กลับรู้สึกหวาดกลัวจนพูดไม่ออก ส่วนยองอุนเองก็รับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้ากำลังสั่น และมันก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจ ยิ่งอยากแกล้งคืนมากขึ้นเท่านั้น

     

    โกหก

    ฉันเปล่า

    แล้วไปแอบในตู้เสื้อผ้าทำไม

    ฉะ..ฉัน..

     

    เมื่อรู้ว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะหาข้อแก้ตัวไม่ได้ ร่างบางจึงเลือกที่จะสะบัดข้อมือแล้วตั้งท่าจะวิ่งหนีไป แต่เขาทำพลาดอย่างแรง เพราะยองอุนที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าเขามาก ยืนบังประตูมิดจนเขาไม่สามารถแทรกตัวออกไปได้เลย แถมยังถูกดันเข้าหากำแพงอีก

     

     

    หมดทางสู้..

     

     

    จะ..จะทำอะไรน่ะ ถอยออกไปนะ 

     

    คนสวยเริ่มใจไม่ดีเพราะไอ้รอยยิ้มหื่นๆที่อยู่ห่างจากใบหน้าของตนไม่ถึงคืนเนี่ยสิ มันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

     

     

    ยองอุนใช้แขนแกร่งสองข้างกันไม่ให้จองซูหนีไปไหน ยิ่งเห็นเด็กคนนี้หวาดกลัวเท่าไรเขาก็ยิ่งสนุก รู้สึกอยากแกล้งต่อไปเรื่อยๆ

     

     

     

    มันดูน่ารักดี..

     

     

    หือ?

     

     

    อะไรนะ?

     

     

    น่ารักงั้นเหรอ?

     

     

    ใช่...

     

     

    น่ารัก รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ใบหน้าขาวๆที่เคยเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งทะนงตน บัดนี้กลับกลายเป็นแค่ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อของเด็กเอาแต่ใจทั่วไป ไม่มีพิษไม่มีภัย...

     

     

    ออกไปนะ ฉันบอกให้ออกไปไงล่ะ !”

     

    จองซูดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดคนตัวสูง สองมือทุบตีไม่ยั้งราวกับว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว

     

     

    นายเข้ามาเองนะ แล้วทีนี้จะไล่ฉันได้ยังไง ในเมื่อนี่เป็นห้องฉัน

     

    รอยยิ้มมุมปากของร่างสูงปรากฏขึ้นในขณะที่สองมือพยายามจับเด็กในอ้อมกอดให้อยู่นิ่งๆ

     

    บอกแล้วไง นายไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน

    งั้นเหรอ? ก็บอกแล้วไง นายรนหาที่เอง

    ฉันจะฟ้องพ่อ

     

    คนสวยขู่เสียงแข็ง แม้จะรู้สึกกลัวๆไอ้หมียักษ์นี่อยู่บ้าง แต่ก็ยังคงรักษามาดเดิมไว้ได้

     

    ฟ้องว่า?

    วะ..ว่า..

    ฉันจับนายกด..งั้นสิ?”

     

    ยองอุนยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ร่างบางนี่สิ กลับรู้สึกร้อนไปทั้งตัว

     

    ไม่ได้มีเสียงตอบกลับออกมา

    แต่ใบหน้าหวานนั้นกลับจ้องลึกเขาไปในดวงตาสีดำสนิท

     

    และเป็นอีกครั้งที่สายตาสองคู่ปะทะกันเข้าเต็มแรง

    ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ลอยกลับมาอีกครั้ง

    ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่ามันกำลังเปลี่ยนไป

     

    บางอย่างกำลังจะไม่เหมือนเดิม

     

    บางอย่างนั้น..

     

     

    คืออะไร?

     

     

    ก็ไม่รู้..

     

     

     

    มือเรียวผลักหน้าอกที่กำลังร้อนเป็นไฟของคนตรงหน้าออกห่าง น่าแปลกที่ครั้งนี้ผลักเบาๆเขาก็หลุดเป็นอิสระได้อย่างง่ายดาย ยองอุนกลายเป็นเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง โดนผลักนิดเดียวก็ล้มหงายท้องบนเตียงแบบหมดท่า

     

    เสียงประตูห้องปิดลง ตามด้วยความเงียบสงัดที่เข้าปกคลุมอีกครั้ง

     

    ทำไมนะ อยู่ๆก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เวลาได้อยู่ใกล้ๆกับปาร์คจองซู

     

     

     

    แปลกมาก..

     

     

     

     

     

     

    วันแรกสำหรับการทัศนศึกษาน่าเบื่อมากสำหรับจองซู ก็เพราะไอ้ความรู้สึกแบบนั้นน่ะสิ มันดันมาเกิดขึ้นตอนที่เขาอยู่กับยองอุนอีกแล้ว บ้าที่สุดเลย

     

    มัน...

     

     

    รู้สึกดีเวลาที่ได้มองดวงตาคู่นั้นใกล้ๆ

     

     

    บ้า !

     

     

    จองซูบ้าไปแล้ว จะรู้สึกดีได้ยังไง ในเมื่อตัวเองเกลียดคิมยองอุนมาก มากขนาดที่ทนเห็นหน้าไม่ได้

    แต่กับไอ้สายตาบ้าๆนั่น ทำไมถึงทำให้เรารู้สึกดีล่ะ

     

     

    ฉันอยากกลับบ้านดงแฮ

    เหมือนกัน..ฉันเบื่อที่นี่แล้ว

    ใครให้นายมารู้สึกเหมือนฉันฮะ

     

    คนสวยกระแทกเท้ากลับเข้าไปในซุ้มอาหารที่อุทยานได้จัดเตรียมไว้

     

    ปล่อยให้ดงแฮต้องหน้าเสียเป็นรอบที่ร้อยของวัน

     

     

    อาหารเย็นวันนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ส่วนมากเป็นพวกของกินพื้นบ้าน ซึ่งมันไม่ถูกปากคุณหนูอย่างจองซูเอาเสียเลย ร่างบางได้แต่นึกโทษตัวเองว่าไม่น่าเลือกมาปูซานเลย

     

    ไม่มีอะไรถูกใจสักนิด

     

     

    กิจกรรมตอนกลางคืนเป็นอะไรที่ห่วยแตกที่สุดแล้วสำหรับจองซู พวกกรรมการและครูให้ทำรายงานพันธุ์ไม้บ้าบออะไรไม่รู้ มีแต่วิชาการทั้งนั้น และแน่นอนที่จองซูจะโยนงานทั้งหมดไปให้ดงแฮ ส่วนตัวเองก็หนีไปนอนหน้าตาเฉย

     

     

    พื้นแข็งแบบนี้เนี้ยนะ  จองซูโยนผ้าห่มและหมอนลงก่อนจะทรุดตัวเหมือนคนที่ชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว เมื่อเห็นว่าบ้านพักหลังที่ตนนอนไม่มีเตียงให้ ทุกคนต้องนอนพื้นหมด พอจะรู้แล้วล่ะว่าโดนแกล้ง ก็บ้านหลังอื่นๆน่ะ มีเตียงให้4เตียง นอนไม่พอก็นอนพื้น แต่บ้านพักของเขากลับไม่มีเตียงสักเตียง ไม่ต้องใบ้ยังรู้เลยว่าใครแกล้ง

     

     

    แต่จะให้วิ่งไปโวยวายใส่มันก็คงจะแปลกๆอยู่ ก็ความรู้สึกเมื่อตอนกลางวันดันตอกย้ำเขาอยู่ทุกนาทีน่ะสิ จนตอนนี้จองซูไม่กล้าแม้จะมองดวงตาคู่นั้นเลย

     

     

    เป็นเรื่องแปลกอีกแล้วที่คนไม่เคยกลัว

    กลับกลัวและไม่กล้าเพียงเพราะคนๆเดียว

     

     

     

    แค่ไม่อยากจะมองแล้ว

     

     

    ไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆที่ว่านั่นเกิดขึ้นมาอีก..

     

     

     

     

     

     

    สำหรับจองซูคืนแรกผ่านพ้นไปเกือบจะดี ถ้าดงแฮไม่นอนดิ้นเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกทั้งคืน

     

    ขณะเดียวกันคิมยองอุนก็ไม่ได้นอนเป็นคืนที่สอง เพราะหลับตาลงทีไรก็เห็นแต่ใบหน้าน่ารักนั่นลอยเข้ามาใกล้ทุกที

     

     

    กิจกรรมวันที่สองคือการเข้าป่าเพื่อรวบรวมพันธุ์ไม้มาศึกษา จองซูที่เดินมาได้สักพักเริ่มจะทนกับสภาพแวดล้อมที่มีแต่ป่าไม่ได้ มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ มีแต่มด มีแต่แมลง ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย

    รู้สึกแปลกๆเวลาเดินไปแล้วถูกหญ้าทิ่มตำขา ก็อย่างว่า คุณหนูอย่างจองซูเคยเดินป่าที่ไหน

     

     

    ฉันคงจะคิดผิดที่กำหนดไอ้กิจกรรมบ้าๆนี่

     

    ร่างบางนึกในใจแต่ขาเพรียวก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ

     

     

    ไม่นานนักแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้ามาตลอดวันก็ค่อยๆหายไป

     

    พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

     

    ..

     

     

    และเวลาที่จองซูรอคอยก็กำลังจะมาถึง มื้อเย็นนั่นเอง ต่อให้วันนี้อาหารจะไม่อร่อยแต่เขาก็พร้อมจะกลืนมันลงคอโดยไม่ปฏิเสธเลยสักนิด หิวจะตายอยู่แล้ว มีอะไรก็กินหมดนั่นแหละ

     

    ดงแฮ..นายว่าเย็นนี้จะมีอะไรกิน

     

    คนสวยที่เดินนำหน้าอยู่นานหันกลับมาถามเพื่อน

     

     

     

    แต่...

     

     

     

    ดงแฮ..นายอยู่ไหนอ่ะ

     

     

    ดงแฮ !! ฉันถามว่านายอยู่ไหน!?”

     

    ดาวตาสวยเริ่มสั่นคลอนไปมา รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาซะเฉยๆ อยู่ๆดงแฮก็หายไป สงสัยจะเดินหลงกันตรงทางแยกเมื่อกี๊ จองซูเดินย้อนกลับไปทางเดิม แต่ดูเหมือนว่ามันเลวร้ายกว่าเดิม เพราะเขาจำทางที่เดินมาไม่ได้เลยสักนิด

     

    ดงแฮ..นายยังไม่ตายใช่มั๊ย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ

     

    จองซูเริ่มตะโกนซ้ำไปมาเหมือนคนขาดสติ ยิ่งท้องฟ้ามืดลงเท่าไรเขายิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น

     

     

    แต่ความพยายามเหมือนจะไร้ผล เพราะไม่มีแม้แต่เสียงเจื้อยแจ้วของดงแฮดังตอบมา ร่างบางเริ่มทรุดตัวนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ รู้สึกเหมือน..

     

     

    หลงป่า 

     

    หลุดพูดออกมาเหมือนคนไม่ยอมรับความจริง

     

     

    คิดอยู่แล้วเชียวว่าตัวเองเลือกผิดที่เอากิจกรรมบ้าบอนี่มาเพื่อหวังแกล้งยองอุน

     

     

    บ้าชะมัด!”

     

    สบถเสียงเบาราวกับจะพยายามตั้งสติหาทางกลับไปยังซุ้มอาหารที่เขาตั้งตารอ มือเรียวพยายามจะกดโทรศัพท์หาเพื่อน แต่ปรากฏว่าในป่าในเขาแบบนี้ไม่มีสัญญาณเลยสักขีด คนสวยตั้งท่าจะปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโห

     

     

    ถ้าจะทิ้งน่ะ ฉันขอนะ

     

    เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น จองซูชะงักทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมอง และก็ได้พบกับคนที่เขาพยายามหลบหน้ามาตลอดวัน

     

     

     

    ยองอุน..

     

     

    เพื่อนนายคนที่พูดมากๆน่ะ วิ่งไปบอกฉันว่านายหลงป่า

    ฉันไม่ได้หลง..ดงแฮต่างหากที่หลง ฉันแค่..นั่งรอเขา

     

     

    โทรศัพท์ราคาแพงถูกเก็บในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม คนตัวเล็กพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุดแม้ว่าอยากจะกระโดดดีใจสักล้านรอบที่รอดตายแล้ว

     

     

    กลัวหรือเปล่า?

     

    คนที่มาใหม่ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมกับคำถามที่อ่อนโยนจนคนฟังยังรู้สึกแปลกใจ

     

    มะ..ไม่

     

    จองซูได้แต่ก้มหน้าตอบ เพราะจู่ๆก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมา หลากหลายความรู้สึกเทกระหน่ำซัดหัวสมองและหัวใจจนไม่อาจจะพูดอะไรได้

     

    โกหกเก่งเหมือนเดิมนี่

     

    มือใหญ่ขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยอย่างเอ็นดู

     

    ยองอุนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงแสดงกิริยาแบบนั้นออกไป เขาแค่บังคับตัวเองไม่ได้ ใจมันสั่งมาให้ทำอย่างนั้น ร่างกายมันก็ตอบสนองทำตามไปเอง

     

     

    ฉะ...ฉัน..ไม่เข้าใจ

     

    ร่างบางเงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่คลออยู่เต็มตาคู่สวย

     

    นั่นสิ..ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

    ฉันหมายถึง...นายมาช่วยฉันทำไม

    นั่นแหละ..ที่ฉันไม่เข้าใจ

     

    ยองอุนยังคงส่งยิ้มบางๆมาให้แม้จะเริ่มรู้ตัวว่า จองซูทำท่าจะอาละวาดอีกแล้ว

     

     

     

    กวนประสาทฉันเหรอ !?”

     

     

    จองซูฟาดฝ่ามือลงบนอกแกร่งเต็มแรง จากนั้นก็ตามด้วยเสียงโอดครวญของยองอุนสลับกับเสียงหัวเราะชอบใจของเขา 

     

     

    รอยยิ้ม

     

     

     

     

    ที่ยิ้มเพราะความรู้สึกดีๆ

    ไม่ใช่ยิ้มเพราะอยากจะแกล้ง หรือ อยากจะเอาชนะ

     

     

    แต่ยิ้มเพราะหัวใจมันสั่งให้ยิ้มต่างหากล่ะ

     

     

     

     

    คืนที่สองในอุทยานแห่งชาติคงเป็นคืนที่คิมยองอุนหลับสบายที่สุด ไม่มีอะไรให้กังวล

    ไม่มีอะไรให้คิดมากอีกแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่าสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปคืออะไร

    รู้แล้วว่าใครที่เป็นคนทำให้มันเปลี่ยนไป

     

     

     

    ปาร์คจองซู...

     

     

    นายคือคนที่เปลี่ยนหัวใจของฉัน

     

     

     

     

     

     

    ขณะเดียวกัน คืนที่สองสำหรับการทัศนศึกษา จองซูไม่ต้องทนนอนบนพื้นแข็งๆเหมือนคืนแรกอีกแล้ว

    แถมคืนนี้ยังมีตุ๊กตาหมีตัวโตๆมาให้กอดอีกด้วย

     

     

    สบายเป็นที่สุด

     

     

    เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรสายตาของนายถึงทำให้ฉันรู้สึกดี

     

     

    เพราะมันเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นไงล่ะ

     

     

    เสียดายที่เคยละเลยดวงตาคู่นั้น เป็นเพราะอคติ เป็นเพราะคำว่าไม่ชอบที่มันมาจากไหนไม่รู้

     

    แต่ตอนนี้ฉันดีใจที่จะได้มองดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของนาย

     

     

     

    ทุกๆวัน..

     

     

     

     

     

     

     

    ว่าแล้ว..จองซูเล่นแผนเผด็จศึกจริงๆด้วย

     

     

     

    แผนการนี้..

     

     

     

    สำเร็จ !















    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    ช่วยติชมด้วยนะคะ

    สำหรับโอพีวีอดใจรออีกนิดนึงน้า

    เสร็จแล้วจะเอามาลงให้ค่ะ


    ขอบคุณมากๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×