คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Change ความเปลี่ยนแปลงกับคนที่เปลี่ยนไป
“ทัศนศึกษา”
น้ำเสียงราบเรียบตามด้วยเสียงถอนหายใจของ ‘จองซู’ ดังขึ้น ราวกับว่าทั้งชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เด็กหนุ่มทำหน้าไม่พอใจเมื่อรู้ว่าสถานที่ทัศนศึกษาปีนี้คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติที่อยู่ใจกลางโซล
อะไรนะ?
โซลงั้นเหรอ?
“ฉันว่าเราเดินไปยังได้เลย” ‘ดงแฮ’ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“ใช่ ฉันก็ว่าอย่างนั้น”
“ทำอะไรสักอย่างสิ นายจะยอมให้ปีสุดท้ายในรั้วโรงเรียนเป็นไปได้แค่พิพิธภัณฑ์ในโซลเนี้ยนะ ทำให้มันพิเศษหน่อยไม่ได้รึไง”
น้ำเสียงของดงแฮออกแนวอ้อนวอนแต่สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นคำว่าสั่งอยู่ดีนั่นแหละ จองซูตวัดสายตาโหดๆมองเพื่อนสนิทราวกับว่าดงแฮกล้าดียังไงมาสั่งตน ก็แหม...เล่นสั่งลูกเจ้าของโรงเรียนเนี่ย ไม่เรียกว่ากล้าแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
“จะให้ฉันวิ่งโร่ไปบอกพ่อว่า ปีนี้ขอไปฝรั่งเศสงั้นสิ”
น้ำเสียงประชดประชันเต็มที่ทำให้ดงแฮหลุบใบหน้าต่ำลง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ก็เพราะเขารู้น่ะสิว่าตอนนี้จองซูกำลังโมโหกับสายตาท้าทายของบุคคลที่สามที่กำลังมองมาจากอีกฟากของหอประชุม อะไรกันยังมีคนที่ไม่เกรงกลัวปาร์คจองซูอย่างนั้นเหรอ ไม่เกรงกลัวลูกเจ้าของโรงเรียนมิหนำซ้ำยังกล้ามองด้วยสายตาท้าทายแบบนั้นอีก จะมีใครที่กล้าเท่านี้อีกล่ะถ้าไม่ใช่ ‘คิมยองอุน’ เจ้าของตำแหน่งประธานนักเรียนปีนี้
“มันมองนายอ่ะ”
ดงแฮเพยิบหน้าไปทางยองอุน
“คิดว่าฉันตาบอดหรือไง”
‘เวรเลยกู อุตส่าห์หวังดีแท้ๆ’ ดงแฮนึกในใจ ใบหน้าขาวๆงอหงิกเมื่อฟังคำพูดเชิงตำหนิจากเพื่อน
จองซูรู้ดีว่าสถานที่ทัศนศึกษาในแต่ละปีนั้นประธานนักเรียนจะเป็นคนเลือก และแน่นอนว่าปีนี้น่าเบื่อกว่าปีก่อนเป็นไหนๆ ปีสุดท้ายของม.ปลายทั้งทีก็ควรจะทำให้มันน่าสนใจกว่านี้ นี่อะไร..หลงอยู่ในดงงานศิลปะพวกนั้นน่ะเหรอ เขาไม่สันทัดเลยสักนิด
เรื่องอะไรที่ฉันจะยอมให้ปีนี้มันจืดชืดเหมือนที่นายวางแผนไว้ล่ะ
“พ่อ”
ร่างเพรียวบางเดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในห้องผู้อำนวยการโดยไม่สนสายตาตำหนิจากผู้เป็นพ่อเลยสักนิด ก็เคยกลัวซะที่ไหนล่ะ คนอย่างปาร์คจองซูเคยเกรงกลัวใครบ้าง เคยอ่อนน้อมกับใครบ้าง คำตอบคือไม่มี จะมีก็แต่อ้อนเนี้ยแหละ อ้อนเพื่อจะได้สิ่งที่ตนต้องการ แต่ใครจะรู้เลยว่าสิ่งที่แฝงอยู่หลังใบหน้าอ่อนหวานและรอยยิ้มแบบเด็กๆยามที่ต้องการของเล่นนั้น จะเต็มไปด้วยความร้ายกาจ จองซูไม่เคยกลัวใคร เพราะในสมองและหัวใจมีแต่ความหยิ่งยโส ความกล้า กล้าที่จะเอาชนะทุกคนและกล้าที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของตนแต่เพียงผู้เดียว
ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของจองซูได้ล่วงหน้า แม้กระทั่งดงแฮเอง สิ่งเดียวที่ดงแฮรู้มากที่สุด เห็นจะไม่พ้นเรื่องของคิมยองอุน ก็จองซูน่ะ ทั้งเกลียดทั้งแค้นยองอุน ไม่รู้ว่ายองอุนเคยไปถอนผมของคนอวดดีอย่างจองซูรึยังไงกัน เขาถึงได้ก่นด่ายองอุนได้ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งมื้อกลางวัน ยิ่งวันไหนได้พบเจอหน้ายองอุนละก็ ดงแฮจะไม่ได้กินมื้อกลางวันเลย เพราะจานข้าวของเขามักจะถูกจองซูขว้างปาใส่ยองอุนอยู่บ่อยๆ
โกรธและแค้น
เพราะนายเคยชนะฉันน่ะสิยองอุน
แต่ก็แค่ ‘เคย’ เพราะไอ้ตำแหน่งประธานนักเรียนงี่เง่านั่นฉันไม่อยากได้เลยสักนิด
ก็แค่เห็นว่านายควรจะเป็นได้แค่เด็กกิจกรรมไม่ใช่ผู้นำนักเรียน
ฉันก็เลยลงสมัครเล่นๆ
..แค่นั้น..
และที่น่าเจ็บใจที่สุดสำหรับจองซูคือ การเล่นแผนสกปรกแล้วยังไม่ชนะเนี้ยสิ เขาอุตส่าห์ลงทุนเสี่ยงเข้าไปขโมยบัตรลงคะแนนจากห้องทำงานของพ่อ แล้วแอบลงคะแนนให้ตัวเอง โดยมีดงแฮเป็นผู้ร่วมลงมือ
แต่ผลที่ออกมาก็คือยองอุนชนะเขาเพียงแค่คะแนนเดียว
ทุเรศมาก..ใช่ทุเรศมาก
แม้จองซูจะรู้ดีกว่าคิมยองอุนเล่นซ้อนแผนของเขาแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ เพราะการที่เขาวิ่งเข้าไปบอกพ่อว่ายองอุนโกงการเลือกประธานนักเรียน นั่นเท่ากับว่าเขาโยนตัวเองเข้าหาบทลงโทษชัดๆ
“พ่อ เรื่องทัศนศึกษาน่ะ”
“รู้แล้ว..ไม่ถูกใจใช่ไหมล่ะ”
ผู้เป็นพ่อพูดอย่างใจเย็น แต่ที่เย็นไม่ได้เห็นจะเป็นจองซู ร่างบางแทบจะคว้ามีดปากกาบนโต๊ะมากระซวกไส้ไอ้คนที่ยิ้มหน้าบานอยู่ข้างพ่อตัวเอง
คนสวยเบ้ปากทำท่าขยะแขยงราวกับว่าคิมยองอุนเป็นเพียงเศษขยะเน่าๆที่ถูกทิ้งมาแล้วหลายวัน แต่ก็มิวายที่หนุ่มหล่อครองตำแหน่งประธานนักเรียนจะส่งยิ้มกว้างปนกวนตีนนิดๆมาให้
“แล้วจะเอายังไงล่ะ ในเมื่อกลุ่มประธานและกรรมการนักเรียนได้ตกลงกันแล้ว หนังสือแจ้งก็ออกไปแล้วด้วย”
ชายวัยกลางคนกล่าวพลางยกกาแฟดำขึ้นจิบเหมือนกับว่าทุกสิ่งปกติดี ทั้งๆที่มันตรงข้ามกับพฤติกรรมของลูกชายตัวเองอย่างสิ้นเชิง ก็ไอ้นิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้น่ะ เห็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นจนชินและก็คิดว่ามันคงแก้ไม่ได้แล้วด้วย
เลี้ยงมาเองกับมือ ทำไมจะไม่รู้
“ก็แจ้งใหม่ว่าจะไ-”
“ฝรั่งเศส”
ยองอุนที่ได้แต่ยืนยิ้มกวนๆอยู่นานแทรกขึ้นมาเบาๆ
“ยุ่ง !”
แต่ก็ไม่วายที่จองซูคนหูดีจะได้ยินและเถียงกลับโดยทันที
“ใครจะอยากยุ่ง”
ยองอุนยักคิ้วราวกับว่าสิ่งที่จองซูพูดนั่นไม่ได้กระทบกระเทือนต่อมกวนประสาทของเขาเลยสักนิด คนสวยจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจ
“แล้วจะพูดทำไม”
พูดพร้อมกับส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามไปให้
“ก็อยากจะพูด”
คราวนี้คนที่ยิ้มกลับไม่ใช่ยองอุน แต่เป็นเจ้าของโรงเรียนต่างหากที่อดขำไม่ได้กับท่าทีไม่ยอมใครของลูกชาย ก็ตลอดเวลาที่ผ่านมาน่ะไม่มีใครหน้าไหนจะเถียงชนะจองซูได้สักคนเพราะเขาเหล่านั้นเกรงกลัวสายตาดุๆดูถูกของจองซูน่ะสิ แต่สำหรับคิมยองอุนคงจะเป็นกรณียกเว้น
“แล้วอีกอย่างนะ นักเรียนทั้งระดับพอใจกันทั้งนั้นมีแต่นายนั่นแหละที่เรื่องมาก”
ยองอุนพูดต่อไม่สะทกสะท้านกับคนตรงหน้าที่กำลังเดือดจัด
“ฉัน ไม่ ได้ เรื่อง มาก !”
ร่างบางเน้นย้ำทุกคำพูด เพื่อพยายามสกัดกั้นอารมณ์ขุ่นเคืองไม่ให้ถูกแสดงออกมาต่อหน้าคนที่เขาเกลียดที่สุด พยายามจะสุขุมเยือกเย็น แต่สุดท้ายมันก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจหวังเลยสักนิด
“สมองนายคิดได้แค่นี้ใช่ป่ะ จมอยู่ในโซลเนี่ยนะ?”
จองซูชี้หน้าประธานนักเรียนอย่างไม่เกรงกลัวในตำแหน่งนี้เลย ก็ใครมันใหญ่กว่ากันล่ะ ประธานนักเรียนหรือลูกเจ้าของโรงเรียน
“ฉันไม่ได้คิดแต่ฝรั่งเศสก็แล้วกัน”
“นาย !!!!!!”
ร่างบางวิ่งตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่ตัวใหญ่กว่า จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทตรงหน้า ต่างฝ่ายต่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าจะมีผู้อำนวยการโรงเรียนนั่งอยู่ด้วยก็เหอะ จองซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เพราะ ไอ้คำว่า ‘ฝรั่งเศส’ นี่แหละ
ก็เขาเคยโม้ใส่ดงแฮไปว่าของใช้และเสื้อผ้าของเขามาจากฝรั่งเศส และมิวายที่คนปากมากพูดเก่งพูดได้ทุกเรื่องอย่างดงแฮจะพูดมันออกไป จนเรื่องนี้แพร่ไปทั่วทั้งโรงเรียน
มองโลกในแง่ดีก็คือว่า นักเรียนหลายคนจะมองจองซูว่าเป็นคุณหนูไฮโซ แต่ในทางกลับกันมันให้ผลเสียร้ายแรงมากกว่านั้นหลายเท่า เพราะยองอุนคู่อริดันมารู้ความจริงว่าแบรนด์จากฝรั่งเศสที่ว่านั้นน่ะ
เป็นแบรนด์ที่ทำขึ้นในเกาหลีนี่แหละ แม้จะไม่ได้มาจากฝรั่งเศสแต่ก็แพงเกินบรรยาย อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่คนโดนจับได้ แหงล่ะ..เศษหน้ากระจายไม่มีชิ้นดี ไม่ใช่ว่าจองซูเป็นหนูจอมปลอมหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้บ้าแบรนด์ดังๆจากฝรั่งเศส ที่พูดก็เพียงเพราะอยากอวดเท่านั้นล่ะ
ศึกนี้คงไม่จบลงง่ายๆ ถ้าเจ้าของโรงเรียนแสนใจเย็นไม่เอ่ยปากให้ยองอุนออกไปก่อนมีหวังได้เกิดการฆาตกรรมขึ้นในห้องนี้แน่ และแน่นอนว่าจองซูยิ้มร่าราวกับว่าตนเป็นผู้ชนะในสงครามน้ำลายครั้งนี้
ก้นงามๆทิ้งลงบนโซฟาตรงข้ามโต๊ะทำงานของพ่อ ขาเพรียวถือวิสาสะยกขึ้นวางบนโต๊ะ และแม้ว่าจะถูกตำหนิด้วยสายตาแล้วก็ตามแต่เขาก็ชินซะแล้วกับการนั่งแบบนี้
“พ่อฮะ ผมว่ามันธรรมดาไปนะ ปีสุดท้ายทั้งที น่าจะไปต่างจังหวัดหรือไม่ก็ต่างประเทศ”
คนสวยพูดราวกับว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปไหนไกลๆเป็นสิ่งที่หามาได้ง่ายๆ แน่ล่ะสำหรับจองซูน่ะง่ายจะตายไป แค่กระดิกนิ้วเงินก็มา แต่สำหรับเด็กคนอื่นเนี่ยสิ ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังหามาได้ไม่ถึงครึ่งเลย
“นะ...ผมอยากให้มันพิเศษนี่”
ลูกอ้อนอีกแล้ว ร่างบางกระโดดไปเกาะแขนพ่ออย่างกับเด็กร้องเอาของเล่น ผู้เป็นพ่อยิ้มให้อย่างรู้ทัน
“ลูกจงใจจะปั่นหัวยองอุนใช่ไหม”
จองซูชะงัก ไม่คิดว่าพ่อจะรู้ทันความคิดของตน แต่นั่นแหละ..จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อเลี้ยงมากับมือ ต่อให้จองซูไม่พูดคนเป็นพ่อก็ต้องดูออกอยู่แล้ว มองแค่ตาก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ และพ่อก็คงเป็นคนเดียวที่คาดเดาการกระทำและความคิดของจองซูได้ล่วงหน้า
“ก็ถ้าต้องเปลี่ยนสถานที่ คนที่จะโดนต่อว่าจากหลายๆฝ่ายก็คือประธานนักเรียน”
“ก็ผมไม่ชอบเขานี่ฮะ”
ตอบกลับแทบจะทันที ไอ้ลูกอ้อนเมื่อกี๊หายไปหมดแล้ว
“ลูกควรจะคิดถึงคนอื่นด้วยนะ ถ้าเราไปไกลๆแล้วคนที่เขาไม่มีเงินล่ะ เขาต้องเดือนร้อน ถูกไหม”
ชายวัยกลางคนอธิบายให้ลูกชายฟังอย่างใจเย็นและเขาก็หวังว่าความใจเย็นของเขาจะช่วยให้จองซูได้สติขึ้นมาบ้าง หรืออย่างน้อยๆแค่ให้จองซูอารมณ์เย็นลงจากสงครามเมื่อครู่ก็โอเคแล้ว
“แต่พ่อฮะ..นี่มันปีสุดท้ายสำหรับชีวิตช่วงม.ปลายแล้วนะ พ่อจะให้ผมจมอยู่ในโซลเนี่ยเหรอ ต่างจังหวัดมีอะไรน่าสนใจตั้งเยอะ”
คุณหนูจอมเอาแต่ใจเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ เพราะคิดว่ามุขเดิมๆที่เคยใช้ได้ผลยังไงมันก็ต้องใช้ได้ผลอีกแน่ๆ
“พิพิธภัณฑ์นี่ก็น่าสนใจนะ”
“แต่พ่อ..”
“หืม?”
“ผมไม่อยากอยู่แค่ในโซลนี่นา”
ร่างบางกระพริบตาปริบๆ ออดอ้อนพ่อราวกับเด็กๆ
“เอาน่า แล้วพ่อจะพาไปเที่ยวทีหลัง”
“ตะ..แต่”
“อย่าดื้อสิ เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”
จองซูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่สุดท้าย
ก็ต้องยอมแพ้..
“กะ...ก็ได้ฮะ”
มันไม่ได้ผล..
แต่อย่าหวังว่าจองซูจะยอมแพ้คิมยองอุนเลย แค่ครั้งนี้อ้อนพ่อไม่ได้เท่านั้นเอง
เมื่อทำให้เป็นไปตามทีตนหวังไม่ได้ ร่างบางจึงต้องเดินคอตกออกมาจากห้องทำงานของพ่อ
ในใจก็คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้ทัศนศึกษาครั้งนี้ปั่นป่วนจนประธานนักเรียนต้องถูกตำหนิจากหลายๆฝ่าย
และในที่สุดก็ต้องหลุดจากตำแหน่ง
ทัศนศึกษาครั้งนี้..
มันต้องพิเศษแน่ๆ
“แผนนายใช้ไม่ได้ผลใช่ไหมล่ะ”
ร่างสูงพิงกำแพงรอจองซูอยู่นานจนในที่สุดก็ได้โอกาสพูดปั่นประสาทคืนบ้าง
“แผนบ้าอะไร”
“แผนที่จะให้ฉันถูกด่าน่ะสิ”
“เหอะ ! คิดมากไปหรือเปล่า ฉันไม่ใช่พวกเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนายนะ”
โกหกเต็มเปาเลยปาร์คจองซูเอ๋ย
ร่างบางตวัดสายตาค้อนๆ ราวกับจะฉีกยองอุนเป็นชิ้นๆ แต่หนุ่มคิมกลับลอยหน้าลอยตาไปมาไม่สนสายตาบ้าเลือดนั่นเลย ก็ลองดูสิว่าใครมันจะแน่กว่ากัน ร้ายมาเมื่อไหร่ คิมยองอุนก็พร้อมจะร้ายกลับเมื่อนั้น ในเมื่อคนตรงหน้าเป็นฝ่ายร้ายใส่เขาก่อน เขาก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวหรอก
ในสมองของยองอุนยังคงคิดไม่ตกเลยว่า ตัวเองเคยไปทำอะไรให้จองซูแค้นเคืองนักหนาเจ้าตัวถึงได้สรรหาวิธีแกล้งเขาสารพัด ทั้งเรื่องเลือกประธานนักเรียน เรื่องปามื้อกลางวันใส่ และไหนจะเรื่องทัศนศึกษานี้อีกไม่คิดเลยว่าใบหน้าหวานๆรอยยิ้มสวยๆจะปกปิดความร้ายกาจของคนได้ถึงเพียงนี้
“หลบไปได้แล้ว !”
จองซูตะโกนลั่น แต่คนตัวสูงกว่ากลับยิ้มกว้างมาให้
“เชิญเลยคร้าบ คุณหนูเอาแต่ใจ ผมก็ไม่อยากได้เชื้อฝรั่งเศสจากคุณหรอกฮะ”
พูดจบก็เดินหนีไปซะเฉยๆ ปล่อยให้คนอารมณ์ร้ายอย่างจองซู ยืนหน้าแดงก่ำ มือเรียวกำแน่น ในใจตะโกนสาบานกับตัวเองว่าชีวิตนี้ต้องแก้เผ็ดยองอุนให้ได้ ไม่รู้ล่ะ ดันมาทำให้เราไม่ชอบขี้หน้าก่อน มันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ
(ได้ข่าวว่าเสียเปรียบเขาอยู่ -*- )
กระเป๋าสีน้ำตาลใบใหญ่ถูกโยนลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น รองเท้าและถุงเท้าถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไม่เป็นที่เป็นทาง จนสาวใช้ทั้งหลายต้องวิ่งโร่เข้ามาเก็บ ร่างบางยกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะ ตามแบบท่านั่งประจำตัว
ปากก็ตะโกนสั่งน้ำหวานของโปรดตนราวกับว่ากำลังนั่งอยู่ในภัตตาคารไม่ใช่บ้าน
“ได้แล้วค่ะ”
หญิงวัยกลางคนที่เลี้ยงจองซูมาตั้งแต่เด็ก ยกแก้วใสที่เต็มไปด้วยน้ำหวานหลากสีหลากรสมาเสิร์ฟ หล่อนค่อยๆวางมันลงบนโต๊ะทีละแก้ว
“ป้าฮะ ผมกินคนเดียวนะ ทำไมเยอะขนาดนี้”
“ก็ป้าไม่ทราบนี่คะว่าคุณอยากดื่นรสไหน ป้าก็เลยตั้งใจยกมาให้ทั้งหมดเลย”
นี่แหละ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จองซูเอาแต่ใจ ก็เพราะใครๆเอาแต่ประคบประหงมราวกับจองซูเป็นเด็กสามขวบที่ยังทำอะไรเองไม่ได้สักอย่าง แต่มันก็น่าอยู่หรอก ใบหน้าหวานๆนั่น ทำให้สาวใช้ แม่บ้าน แม่ครัว คนสวนและคนขับรถต้องใจอ่อน แม้กระทั่งพ่อแม่ก็ยังต้องยอมใจอ่อนกับท่าทีน่ารักสดใส ขี้อ้อนของลูกชายคนเดียว
จองซูยังคงคิดหาแผนปั่นประสาทคิมยองอุนไม่ได้ แต่แน่ล่ะ เขาไม่ยอมหยุดคิดแน่ มือเรียวกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอย่างชำนาญ เพราะเวลารวมหัวกันแกล้งยองอุนทีไรก็มีแต่ดงแฮนั่นแหละที่ร่วมมือ ใครๆก็กลัวยองอุนทั้งนั้น เพราะภายนอกเขาดูโหดและเคร่งครัดกับกฎระเบียบของโรงเรียนมาก แต่สำหรับจองซูน่ะเหรอ เขาไม่เคยกลัวยองอุนเลยสักนิด ก็บอกแล้วไง ตำแหน่งประธานกิ๊กก๊อกนั่นเทียบไม่ได้กับตำแหน่งลูกเจ้าของโรงเรียน ดงแฮเลยหลงร่วมมือกับจองซูเพราะเห็นว่าจองซูจะพอคุ้มหัวเขาได้
ไม่ใช่ว่าไม่กลัวยองอุนนะ ก็กลัว..แต่กลัวปาร์คจองซูมากกว่า
“คิดได้หรือยัง แผนน่ะ”
คนสวยจิ๊ปากไม่พอใจเมื่อโทรไปแล้วดงแฮพูดจาไม่รู้เรื่อง น้ำเสียงเหมือนเพิ่งตื่นนอน
‘กินแล้ว’
“เป็นบ้าอะไรของนาย ฉันไม่ได้ถามว่านายกินข้าวหรือยัง !”
เสียงตะวาดแว้ดราวกับจะทำลายโลกทั้งใบดังสนั่น จนคนขับรถที่กำลังล้างรถอยู่นอกบ้านต้องรีบเอามืออุดหูทันที
“นี่ฟังนะ..อย่าให้ฉันต้องตามไปลากคอนายถึงบ้าน”
‘นะ..นายจะฆ่าฉันเหรอ !?’
ดงแฮร้องโวยวายด้วยความกลัว เขาเพิ่งได้สติหลังจากงัวเงียอยู่นาน พอจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์เกรี้ยวกราดที่แผ่ขยายออกมาจากโทรศัพท์
เหมือนจะรู้ตัวช้าไป...
“เออ..ฉันฆ่านายแน่ ถ้านายยังคิดแผนให้ฉันไม่ได้”
จองซูตัดสายเอาดื้อๆ โทรศัพท์ราคาแพงถูกโยนลงบนเบาะอย่างไม่ใยดี ร่างบางปลดไทด์ลงเพราะเริ่มร้อน ไม่ใช่ร้อนเพราะอากาศแต่เพราะร่างกายต่างหากที่ร้อน...ร้อนรนเพราะยังหาแผนแกล้งคนไม่ได้น่ะสิ
สามวันก่อนถึงวันทัศนศึกษา
จองซูมือไม้สั่นเป็นเจ้าเข้า คิดไม่ออกว่าจะปั่นหัวยองอุนยังไง ดงแฮยิ่งแล้วใหญ่ เจ้านั่นไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนด้วยเลยสักนิด มีแต่จองซูที่ประสาทจะกินเข้าไปทุกที สิ่งที่เขานึกได้ก็มีแต่แผนบ้าระห่ำทั้งนั้น ไม่ใช่ว่ากลัว แต่แค่ไม่อยากให้พ่อต้องมาหนักใจกับการเล่นสนุกเกินควรของเขาต่างหาก แต่ทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อไอ้คนคิดแผนอย่างดงแฮกลับสมองกลวงเอาเสียดื้อๆ จองซูจึงต้องตกอยู่ในภาวะลังเลเช่นนี้
เซ็งชะมัด..
“ฉันคงจะพึ่งอะไรนายไม่ได้แล้วล่ะ”
“นายไม่ควรจะพึ่งฉันตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก”
ไม่ได้จะกวน แต่แค่พูดไปตามความจริง
“ยอกย้อนงั้นเหรอ !?”
บทสนทนาสั้นๆไม่กี่ประโยคจบลงตามด้วยหนึ่งฝ่ามือที่กระทบหน้าผากงามๆของดงแฮอย่างจัง ร่างบางแทบจะจิกทึ้งไอ้เพื่อนบ้าที่ไม่ยอมช่วยเขาคิดแผนเลยสักอย่าง น่าจะผลักให้ตกตึกตายไปซะ แต่ยังไง..ดงแฮก็อาจจะพอมีประโยชน์กับเขาอยู่บ้าง อย่างน้อยๆก็เป็นผู้ร่วมรับผิดชอบในแผนการครั้งนี้
แผนการครั้งนี้?
คิดออกแล้ว?
ใช่..
คิดออกแล้ว
แม้มันจะอลังการงานสร้างเกินไปหน่อย
แต่คนเป็นพ่อก็คงไม่กล้าว่าจองซูอยู่ดี
ตามใจมาตลอดชีวิต มันก็ต้องตามใจต่อไปไม่ใช่เหรอ?
อีกหนึ่งวันก่อนถึงวันทัศนศึกษา
คนที่ควรจะตื่นเต้นกับแผนการครั้งนี้ไม่ได้ออกอาการสั่น หรือรนเลยสักนิด มีแต่ดงแฮที่กลัวเป็นบ้าเป็นหลัง กลัวโดนไล่ออกจากโรงเรียนบ้าง กลัวถูกดักทำร้ายบ้าง ไม่รู้เขาจะกลัวอะไรนักหนา ทั้งๆที่มีคนคุ้มหัวอย่างจองซูอยู่ด้วยแล้วแท้ๆ
“นะ..นายแน่ใจนะ”
“เออ ไม่แน่ฉันก็คงไม่ทำหรอกน่า”
“ต..แต่ มะ..มันเรื่องใหญ่นะจองซู”
น้ำเสียงเริ่มตะกุกตะกัก กลัว..กลัวจะโดนจองซูฟาดฝ่ามือลงบนหัวกบาลตัวเองอีก แต่ไอ้สิ่งที่กำลังทำอยู่นี่ก็น่ากลัวมากเหลือเกิน หลังภารกิจนี้จบลงเขาอาจจะไม่ได้เรียนต่อ หรืออาจจะไม่มีโอกาสได้หายใจอีกเลยก็ได้
คิมยองอุนคงต้องฆ่าเขาแน่
กลัวชิพหายแล้วตอนนี้..
“หุบปากแล้วช่วยยกกองนี้ออกไป”
“ตะ..ตะ...แต่ว่-”
“บอกให้หุบปากไง! นายกลัวฉัน หรือกลัวไอ้บ้าพลังยองอุนกันแน่”
“ก..กลัว ทะ..ทั้ง..คู่”
“อยากตายเหรอ !”
“ปะ..เปล่า กะ..ก็นายบอกว่าเค้าบ้าพลังนี่นา ฉันกะ..ก็เลย กะ..กลัว”
ปัญญาอ่อนจริงดงแฮ..ฉันคุ้มหัวนายอยู่นะเว้ย อย่ามาทำเหมือนฉันไม่มีอำนาจอย่างนั้นสิ
แม้ในใจจะโมโหดงแฮ แต่หัวสมองอันปราดเปรื่องกลับสั่งให้เขาใจเย็น ยังมีเรื่องน่าสนใจให้ทำอยู่มาก เก็บแรงไว้สำหรับเรื่องนั้นดีกว่า อย่าเสียเวลากับพวกไร้เดียงสาอย่างดงแฮเลย
ร่างบางไม่ได้หวาดหวั่นเลยว่าเพื่อนจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองไปแล้ว สองมือยังคงจัดการกับสิ่งตรงหน้าที่จะทำให้คิมยองอุนวิ่งเต้นแก้ปัญหาจนไม่มีเวลาได้หายใจเลยล่ะ
“อะไรนะ !”
“บ้าชะมัด !”
“นั่นสิ บ้ามาก!”
“น่าจะบอกกันเร็วกว่านี้ !”
เสียงคุยกันจ้อกแจ้กดังระงมไปทั่วห้องเรียน นักเรียนหลายคนกำลังมึนงงกับหมายกำหนดการทัศนศึกษาที่เปลี่ยนไป ไม่สิ..ไม่ใช่เปลี่ยนธรรมดา ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ระยะเวลา ไม่ใช่เปลี่ยนแค่กิจกรรม แต่เปลี่ยนแม้กระทั่งสถานที่ ! หลายคนค่อนข้างโมโหกับสิ่งนี้เพราะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า บอกวันนี้ไปพรุ่งนี้ กะทันหันไปไหม? ทำไมคณะกรรมการนักเรียนและประธานนักเรียนดำเนินการได้ห่วยแตกขนาดนี้
สถานที่ทัศนศึกษาที่ถูกเปลี่ยนไปนั้นอยู่ที่ปูซาน ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติเล็กๆโดยกิจกรรมและสิ่งที่นักเรียนจะต้องปฏิบัติคือศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ในป่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใคร จองซูจงใจแจกหนังสือแจ้งในวันนี้เพราะคิดว่ายองอุนและก๊วนกรรมการนักเรียนจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
ไอ้การที่เลือกศึกษาพันธุ์ไม้ในป่า ไม่ได้หมายความว่าจองซูสนใจหรอกนะ เขาเพียงแค่คิดเผื่อๆไว้ว่าประธานนักเรียนผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบข้อตกลงจะหลงอยู่ในป่าโดยไม่มีทางได้กลับออกมา หลังจากพยายามไขว่คว้าหาพันธุ์ไม้ที่ไม่มีอยู่จริง
แปลกไหม ที่หนังสือแจ้งทำออกมาง่ายมาก
ไม่แปลกหรอก ก็มีตรายางลายเซ็นพ่อซะอย่าง ต่อให้ต้องออกหนังสือแจ้งปลอมๆสักกี่ฉบับก็ไม่ต้องกังวลเรื่องลายเซ็นผู้อำนวยการ จองซูรู้ดีว่าพ่อจะต้องปวดหัวกับเรื่องที่เขาทำแน่ๆ แต่ไอ้นิสัยแบบเด็กๆเอาแต่ใจมันแก้ไม่ได้ซะแล้ว จริงๆต้องบอกว่าไม่คิดจะต่างหากล่ะ
ขอลองเล่นสักนิดน่า เกมส์นี้ดูท่าจะสนุกกว่าเกมส์อื่นๆเยอะ
“ค้างคืนด้วยเหรอ?”
‘อึนฮยอก’ เพื่อนร่วมชั้นเปรยขึ้นด้วยความสงสัย จากนั้นก็ตามด้วยเสียงโวยวายอีกยกใหญ่
“นั่นสิ จะบ้ารึไง พ่อแม่ฉันก็หวงลูกเหมือนกันนะเว้ย”
‘ซองมิน’ วิ่งเต้นไปมา ราวกับว่าพื้นที่ยืนอยู่นั้นร้อนเป็นไฟ จองซูที่นั่งอยู่ข้างๆได้ทีเสริม พาให้เพื่อนๆทั้งห้องรุมด่าประธานนักเรียนกันเป็นว่าเล่น
“ปาร์คจองซู ! นายอยู่ที่ไหน”
นั่นไง..
เจ้าตัวที่ถูกเพื่อนทั้งชั้นด่าจนไม่เหลือชิ้นดี จริงๆไม่ใช่แค่ทั้งชั้นหรอก ต้องบอกว่าทั้งโรงเรียนต่างหากล่ะ เพราะจองซูกะเพื่อนสนิทขี้กลัวอย่างดงแฮพากันแปะจดหมายแจ้งเปลี่ยนแปลงทัศนศึกษาทั่วโรงเรียน ทั้งตามบอร์ดห้องเรียน ตามโรงยิม โรงอาหาร ห้องพักครู ห้องน้ำ และไม่เว้นแม้กระทั่งห้องทำงานของประธานนักเรียน
จงใจยั่วโมโหยองอุนชัดๆ
“ฉันถามว่านายอยู่ไหน กลัวหัวหดเลยรึไง !?”
ร่างใหญ่โตของยองอุนเดิมดุ่มๆเข้ามาในห้องที่ไม่ใช่ห้องเรียนของตน เมื่อพบคู่กรณีที่ยืนยิ้มร่าอยู่กลางห้องมือใหญ่ก็กระชากร่างบางออกมาจากกลุ่มเพื่อนอย่างแรง ใบหน้าหวานๆเซเข้ากระทบอกแกร่งอย่างจัง กลิ่นกายหอมๆจากคนตัวสูงกว่าคงจะทำให้จองซูถึงกับเคลิบเคลิ้มถ้าหากคนๆนั้นไม่ใช่คิมยองอุน
“ทำอะไรของนาย!”
คนสวยตะวาดเสียงดังจนกลายเป็นจุดสนใจของเพื่อนทั้งห้อง
“เหอะ ! ฉันน่าจะถามนายมากกว่านะ ว่านายทำบ้าอะไร!?”
ยองอุนเขย่าคนตรงหน้าไปมาราวกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิต
“ฉันไม่ได้ทำอะไร แล้วช่วยเอามือสกปรกๆ ของนายออกไปด้วย”
“อย่ามาอวดดีใส่ฉันนะ นายกล้าลองดีกับฉันเหรอ”
มาดหนุ่มกวนๆขี้เล่นและแววตาที่คอยแต่จะปั่นประสาทจองซูจางหายไปหมดแล้ว ยอมรับว่าตัวเองคิดไม่ถึงว่าจองซูจะกล้าแกล้งเขาด้วยแผนการที่บ้ารำห่ำขนาดนี้ ลองคิดดูดีๆนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะที่จะเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการทัศนศึกษา ไม่ใช่แค่ยองอุนคนเดียวที่ต้องวิ่งเต้นแก้ปัญหา ไหนจะกรรมการนักเรียนอีกหลายคนที่ต้องมานั่งกุมขมับกับการเล่นซนของเด็กคนหนึ่ง ในฐานะประธานนักเรียนยองอุนมีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของการศึกษานอกสถานที่ในครั้งนี้และมันก็วุ่นวายมาก..
ใช่..
วุ่นวายมากจริงๆ ในจดหมายเฮงซวยนั่นบอกว่าไปปูซานและต้องค้างที่นั่น 2 คืน!
ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสถานที่เดิมได้หรอกนะ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอีก คนที่จะเสียหายมากที่สุดก็คือเขาและเพื่อนๆกรรมการนักเรียน สู้ยอมให้จองซูได้ใจไปก่อนแล้วค่อยหาทางแก้แค้นทีหลังก็ยังทัน
“ออกไปให้หมด ! จะยืนดูอะไรอยู่ล่ะ! ฉันสั่งให้ออกไปให้หมดไง”
แม้จะคิดแก้ปัญหาได้แล้ว แต่ยองอุนก็ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ดีนั่นแหละ โกรธตัวเองที่ตายใจตั้งแต่แรก คิดว่าจองซูจะยอมแพ้ตั้งแต่อ้อนพ่อไม่สำเร็จ
เหล่านักเรียนหลายสิบคนต่างพากันทยอยออกจากห้องเรียนด้วยความหวาดกลัว จนในที่สุดห้องเรียนที่เคยมีเสียงคุยจ้อกแจ้กก็เงียบสงัดลง ให้ความรู้สึกเหมือนป่าช้าตอนกลางคืน ทีนี้ทั้งห้องก็เหลือแค่เด็กอวดดีกับสิงโตตัวใหญ่ที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อได้ทุกเมื่อ
ไม่รอดแน่..
“จะทำอะไร”
จองซูกล่าวเสียงแข็ง ไม่ได้กลัว แต่แค่ไม่ไว้ใจไอ้คนตรงหน้า
“ปล้ำนายมั้ง”
ลอยหน้าลอยตาพูด
“นายไม่กล้าหรอก แล้วอีกอย่างนะ ฉันเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนเพราะงั้นนายไม่มีสิทธิ์ แม้กระทั่งจะแตะต้องตัวฉัน นายก็ทำไม่ได้”
“นี่นายคิดว่าฉันพิศวาสนายขึ้นมาจริงๆเหรอ”
ยองอุนนึกขำ ไม่คิดเลยว่าไอ้คนหน้าหวานตรงหน้าจะหลงตัวเองได้ขนาดนี้
“เออ..หรือไม่จริง ฉันรู้หรอกน่า อย่าทำเป็นเนียนสิ”
จองซูพูดเหมือนคนรู้ทัน ทั้งๆที่มันไม่มีมูลความจริงเลยสักนิด ยองอุนก็แค่ต้องการแกล้งจองซูคืนเท่านั้นไม่ได้พิศวาสเลยและจองซูเองก็ไม่ได้เกิดปิ๊งคู่อริขึ้นมาซะดื้อๆ ก็แค่ต้องการกวนประสาทยองอุนเท่านั้นแหละ
“หลงตัวเอง”
ร่างสูงพูดลอยๆ พลางกระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเรียนของจองซุ
“ลงมานะ เอาก้นสกปรกของนายออกไปจากโต๊ะฉัน!”
“^^”
“ยิ้มบ้าอะไร”
“ไม่ได้ยิ้มให้นายหรอก ไม่ต้องห่วง”
“เออ ไม่ได้อยากได้อยู่แล้ว..ออกไปจากห้องฉัน นายกล้าดียังไงมาไล่เพื่อนฉันออกไป”
เริ่มจะมีน้ำโหแล้ว ก็ไอ้สายตาและรอยยิ้มกวนประสาทนั่นกลับมาอีกแล้วน่ะสิ อะไรกัน เมื่อกี๊ยังไม่มีเลย
“ก็เหมือนนาย..กล้าดียังไงมาเปลี่ยนแปลงงานที่ฉันดูแล”
“ฉันไม่ได้ทำ”
ปฏิเสธหน้าตาเฉย
“ไม่ใช่นายแล้วใครมันจะกล้า”
ยองอุนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แต่คำตอบที่ได้กลับกวนอวัยวะเบื้องล่างของเขาไม่น้อย
“ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน และกรุณาย้ายก้นของนายออกไปซะ”
จองซูแทบจะเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมาล้างโต๊ะตัวเอง รังเกียจเหลือเกินไอ้เด็กทับท้ายๆน่ะ สองมือพยายามผลักไสคนตัวใหญ่ให้ออกไปจากห้องแต่กลับไม่เป็นผล มีแต่ตัวเองที่เซไปตามแรงผลัก หัวกลมๆผ่านจมูกโด่งๆของยองอุนไปแบบเฉียดฉิว กลิ่นหอมของแชมพูที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนลอยปะทะปั่นป่วนสมองร่างสูงอย่างรุนแรง เป็นแวบเดียวที่สองสายตาปะทะกันแบบจังๆ แวบเดียวที่เกิดความรู้สึกแปลกๆ เป็นแวบเดียวจริงๆ ที่ทั้งคู่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม รู้สึกเบาหวิวเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ที่ไหนสักแห่ง
“บอกให้ลุกออกไป..เดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงเย็นชาตามแบบฉบับคุณหนูเอาแต่ใจดังขึ้น ทำลายความรู้สึกแปลกๆเมื่อครู่หมดสิ้น
“แล้วจะได้เห็นดีกัน ถึงจะเป็นเกมส์ของนาย..แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะแพ้เสมอไป”
ร่างสูงทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ปล่อยให้จองซูหลงระเริงคิดว่าสงครามน้ำลายครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายชนะอีกแล้ว
“คิดว่าชนะได้ก็ลองดูสิ”
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยรอยยิ้มที่สดใส
สดใสไปคนเดียวเถอะจองซู..
ใครจะรู้เลยว่าคิมยองอุนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะต้องจัดการเรื่องรถและที่พักสำหรับนักเรียน กว่าจะเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว
ร่างสูงเดินสะพายกระเป๋ามาขึ้นรถ ทำทีว่าทุกอย่างปกติดีแต่ก็ยังไม่พ้น ‘ซีวอน’ เพื่อนกรรมการนักเรียนที่ดันทักขึ้นมา อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ต่างจากยองอุนเลยสักนิด เพราะกว่าจะจัดการทุกอย่างได้ก็ดึกแล้วเหมือนกัน
“ไง..ดึกไปหน่อยเหรอ ตาดำเชียว”
ซีวอนถามพลางเอานิ้วมาวนเวียนแถวเบ้าตาดำๆนั่น
“เออ..เหมือนกันนี่”
ยองอุนตอกกลับสั้นได้ใจมาก แต่มันก็พอทำให้ซีวอนชักมือตัวเองกลับแล้วทำเป็นว่าทุกอย่างก็ปกติดี
นักเรียนชายหลายคนกำลังทยอยกันขนสัมภาระขึ้นรถ ไม่เว้นแม้กระทั่งดงแฮที่ดูเหมือนแรงงานต่างด้าวเข้าไปทุกที สองมือหอบหิ้วทั้งกระเป๋าตัวเองและกระเป๋าของเพื่อนที่กำลังชี้นิ้วสั่ง
เหมือนคนบ้า..
“ถือดีๆดิ นั่นมาจากฝรั่งเศสเลยนะ”
จองซูบ่นพลางชี้นิ้วให้ดงแฮวางกระเป๋าของตนเบาๆ
“หนักจะตายอยู่แล้ว”
“อะไรนะ?”
“เปล่านี่”
-*-
ระยะเวลาในการเดินทางไปถึงที่หมายนั้นดูยาวนานมากสำหรับจองซู หัวสมองยังคงทำงานหนักแม้ว่าดงแฮจะผล็อยหลับไปตั้งแต่ขึ้นรถแล้วก็ตาม รอบกายคนสวยไม่ต่างอะไรกับสถานบันเทิงที่เปิดทำการตอนกลางวัน เสียงโหวกเหวกโวยวายดังต่อเนื่องตั้งแต่รถออก บางคนก็ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวไกลๆ แต่บางคนก็เบื่อหน่ายจนต้องหาอะไรทำฆ่าเวลา
คุยกัน..
ร้องเพลง..
เต้น..
กินขนม..
....
แม้ว่าเสียงจะดังมากขนาดไหนแต่จองซูก็ยังทนอยู่ได้ แปลก..ใช่แปลกมาก ปกติแล้วเขาไม่ชอบเสียงดังๆและรักความเป็นส่วนตัว ที่นั่งตรงไหนสบายและถูกรบกวนน้อยที่สุดจะถูกจับจองโดยเขาทันที
ณ ตอนนี้เหมือนร่างบางจะจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง ไม่ได้สนใจเลยว่าดงแฮที่เอนหัวมาพิงเขากำลังจะน้ำลายไหลใส่อยู่มะรอมมะร่อ
ความรู้สึกตอนนั้นมันคืออะไรกันนะ?
แค่รู้สึกหวิวๆอย่างที่ไม่เคยเป็น
แค่ตกใจกับสายตาที่ ‘เคย’ เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาที มันกลับจางหายไป
หลงเหลือแค่แววตาของเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป
ไม่ได้โหด ไม่ได้กวนประสาท เหมือนเคย..
ไม่หรอก..
มันต้องไม่มีอะไร ทุกอย่างโอเค ทุกอย่างเหมือนเดิม ทุกอย่างปกติดี
“เฮ้อออ อ..”
เมื่อพยายามคิดปลอบใจตัวเองเท่าไหร่แต่กลับไม่เป็นผล จองซูจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หันเหสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาสวยกำลังให้ความสนใจกับทิวทัศน์ริมข้างทางที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจี หายากนะที่จะได้เห็นในโซล
ไม่นานนักนักเรียนจากโรงเรียนชายล้วนชื่อดังในโซลก็มาถึงที่หมาย อุทยานแห่งชาตินี้อยู่ห่างจากตัวเมืองปูซานราวๆสิบกิโลเมตร รถบัสคันใหญ่หลายคันค่อยๆทยอยเข้าจอด ตามด้วยเสียงนักเรียนที่วิ่งกรูมาขนกระเป๋าตัวเองลงจากรถ ไม่ได้ต่างจากเสียงวิ่งของสัตว์ป่าที่กำลังแตกตื่นเลยสักนิด
ดงแฮผู้ทำหน้าที่ขนกระเป๋าให้กับจองซูยังคงทำหน้าที่ต่อไป เหมือนว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
“จองซูรอฉันด้วย”
“ช้า !”
ร่างบางหันมาตำหนิเพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนใช้มากกว่า ก่อนจะเดินไปรวมตัวกับเพื่อนๆที่เหลือ
“ทุกคนคงจะได้หนังสือแจ้งแล้วใช่มั๊ย..ทำตามนั้นนะ ส่วนห้องพักจะแบ่งตามห้องเรียนของพวกนาย หัวหน้าห้องเดินตามกรรมการนักเรียนไปได้เลย เก็บของซะแล้วอีกหนึ่งชั่วโมงมารวมกันทีนี่”
เสียงประธานนักเรียนดังขึ้น ทำให้เสียงคุยพอเบาลงบ้าง ยองอุนเหล่มองคนตัวเล็กข้างล่างด้วยสีหน้าและแววตาเย็นชา แปลกไปจากทุกที
ต้องการเก็บความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน?
หรือจงใจเย็นชาใส่?
หรือทั้งสองอย่าง?
จองซูรู้ตัวว่ากำลังถูกมองแต่เขาก็ยังคงทำเฉย มิหนำซ้ำยังยักคิ้วกวนๆให้อีกฝ่าย
แม้จะรู้ว่าสายตาที่มองมานั้นเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังดิ้นรนพยายามทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม
บ้าหรือเปล่าจองซู?
มันก็แค่วูบเดียวที่รู้สึกถึงความอ่อนโยน
วูบเดียวที่รู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ศัตรู
วูบเดียวที่อยากจบเกมส์
แต่ก็ยังไม่อยากแพ้
ยังอยากชนะ
ยังอยากเป็นปาร์คจองซูที่ชนะคิมยองอุนในทุกๆเรื่อง
จะแคร์อะไรมากมาย ยังไงซะเจ้านั่นก็สมควรจะโดนแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ฉันไม่ชอบนาย นายก็ต้องเจอแบบนี้..
“ดงแฮ..”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ครับ”
“ทุเรศ!..อย่ามาพูดครับกับฉันนะ ไม่ชอบ”
“จองซูอ่า..”
ดงแฮหน้าหงอลงอีกแล้ว อะไรกันพูดเพราะก็ว่าพูดไม่เพราะก็ว่า
แต่ก็ชินซะแล้วล่ะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็โดนเพื่อนคนนี้ว่าตลอด
ปากร้าย !
ใช่ๆ ปากร้าย
ไม่รู้จะหาคำจำกัดความให้จองซูอย่างไรแล้ว คงมีแต่คำว่าปากร้ายนี่แหละที่เหมาะที่สุด
“นายรู้ป่ะว่าประธานนักเรียนพักห้องไหน”
จองซูถามด้วยสีหน้าอยากรู้คำตอบสุดฤทธิ์
“มะ..หมายถึง คิมยองอุนน่ะเหรอ?”
ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่เพื่อนเขากำลังถามหาห้องนอนของคู่อริงั้นเหรอ
นี่หรือว่า??
จองซูจะใช้แผนเผด็จศึก !
“ตกลงรู้หรือไม่รู้”
“ระ..รู้”
“อย่ามาติดอ่างตอนนี้ได้ไหม บอกมาเร็วๆสิ..เดี๋ยวนี้เลย”
โฮกกกกกกกกก ก จองซู๊ !!! นี่นายจะเริ่มตั้งแต่ยังไม่มืดเลยเหรอ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
ร่างบางถามเพราะเริ่มสงสัย ดงแฮเป็นบ้าอะไร อากาศเย็นสบายแบบนี้แต่เหงื่อกลับไหลท่วมตัว
“ไม่สบายหรือเปล่า?”
เหมือนจะถามเพราะเป็นห่วง แต่เปล่าเลย ถามเพราะถ้าดงแฮไม่ไหวเค้าจะได้เดินไปก่อน ขี้เกียจต้องมาแบกมัน
“ฉะ..ฉันสบายดี นายถามว่าอะไรนะ”
มือเล็กๆขาวๆพยายามปาดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาออกไป ในขณะที่ร่างกายพยายามไม่ตื่นเต้นและไม่จิตนาการกับสิ่งที่เพื่อนตัวเองกำลังจะทำ
“ยองอุนนอนห้องไหน”
คำถามตรงๆ เล่นเอาดงแฮเงยหน้าไม่ขึ้น หัวกลมๆกำลังจมดิ่งลงเหมือนกับการที่ต้องกดความคิดบ้าๆให้จมหายไปจากสมอง
“ห้องเล็กตรงนู้น ขวามือนะ”
รู้ดีจังนะ..
ใช่รู้ดีเพราะป้ายที่แปะว่าห้องประธานนักเรียนนั่นใหญ่และสีแสบตามากจนดงแฮเห็นมันก่อนจะเห็นป้ายห้องพักตัวเองอีก
“โอเค เข้าใจแล้ว”
“ครับ”
“แหวะ! ขนกระเป๋าไปให้ฉันด้วย ฉันอยากเดินเล่นแปบนึง”
เดินเล่นบ้าสิ
ไปแอบซุ่มดูห้องยองอุนต่างหากล่ะ การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้จองซูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกโรคจิตแอบดูคนอื่น แต่เปล่าเลย จริงๆแล้วเขาต้องการมาส่องดูสภาพห้องว่าเอื้ออำนวยต่อแผนของเขามากขนาดไหน ยิ่งมีพุ่มไม้อยู่ข้างๆห้องด้วยยิ่งดีใหญ่ แอบดูได้สะดวกไม่มีใครเห็น แต่..
ไม่ชัดเลยสักนิด ไอ้เจ้านั่นปิดม่านทำไมนะ
แล้วฉันจะมองเห็นได้ยังไงกัน
แถมมดบ้าก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ กัดจนคันจนแสบไปหมดแล้ว
แต่เดี๋ยวสิ ! ยองอุนยังอยู่ตรงนั้น ! แสดงว่าในห้องไม่มีใครอยู่
ดวงตาสวยลุกวาวทันที ขาเพรียวย่องออกมาจากพุ่มไม้ มิวายที่จะเผลอเกาแขนเกาขาเพราะถูกมดแดงนับสิบตัวกัด ร่างบางมาหยุดอยู่หน้าประตู ไม่ได้มีความลังเลอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะไอ้ประธานร่างยักษ์นั่นน่ะสิที่คอยแต่จะหันหน้ามาทางนี้อยู่เรื่อย เมื่อได้โอกาสห้องที่ไม่ได้ล็อกไว้ตั้งแต่แรกจึงถูกร่างบางผลักเข้าไปอย่างง่าย ในห้องมีเตียงขนาดใหญ่ มีตู้เสื้อผ้า มีตู้เย็น มีโต๊ะตัวเล็กๆและเบาะรองนั่ง มีเครื่องปรับอากาศใหม่เอี่ยมหนึ่งเครื่อง ดูแล้วคงจะต่างจากห้องพักนักเรียนทั่วไปราวฟ้ากับเหว
เอาเปรียบกันชัดๆ
ไม่ได้อยากจะเป็นพิทักษ์รักความยุติธรรมหรอกนะ แต่รู้ตัวว่าตัวเองต้องได้นอนในห้องที่ไม่มีแอร์แถมยังต้องนอนบนปูนแข็งๆอีกด้วยเนี่ยสิ ทนรับสภาพนั้นไม่ได้เลย ห้องแคบๆที่อัดนักเรียนเกือบยี่สิบคน
จองซู..รับไม่ได้
และนั่น ! กระเป๋าของยองอุนนี่นา..สงสัยจะมีคนยกเข้ามาให้ ขอเปิดดูหน่อยแล้วกัน
เสื้อผ้า...น้ำหอม..สบู่..แปรง..ยาสีฟัน
และ..
บ็อกเซอร์..
ระหว่างที่กำลังขุดคุ้ยกระเป๋าของผู้อื่นอย่างถือวิสาสะ ร่างบางก็รู้สึกได้ว่าลูกบิดประตูกำลังถูกหมุน
เวรแล้ว !
ซ่อนตรงไหนดีวะ??
ใต้เตียง ไม่ๆๆ ใต้โต๊ะสิ ไม่นะๆ ในตู้เย็นดีกว่า ..
เอาละ...หัวสมองดีกันให้วุ่น ขาเพรียววิ่งพล่านไปทั่วห้อง จนในที่สุดก็มาหยุดลงหน้าตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ซึ่งใหญ่พอที่จะเข้าไปซ่อนได้
และแล้วประตูก็เปิดออกตามด้วยประธานคิม(เหมือนผู้บริหารเลยว่าป้ะ)ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดีนะที่จองซูหลบทัน ไม่งั้นคงได้เกิดเรื่องแน่ ร่างบางแอบมองทุกๆอิริยาบถของผู้ชายคนนี้ผ่านทางช่องระบายอากาศเล็กๆของตู้เสื้อผ้า
ยองอุนถอดเสื้อคลุมออก ก่อนจะเริ่มคลายไทด์ต่ำลง เหมือนเขาจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันมาจัดการกับเสื้อผ้าต่อ แต่แล้วกลับไม่ใช่แค่ไทด์ที่กำลังจะถูกดึงออก ร่างสูงกำลังจะถอดเสื้อออกด้วยเช่นกัน !
เวรอีกแล้ว !
จองซูนึกในใจ อยากจะวิ่งออกจากห้องให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่อยากถูกจับได้ให้เสียฟอร์ม ซวยอะไรอย่างนี้ที่ต้องมาเห็นสิ่งที่ไม่ต้องการจะเห็นเลยสักนิด อยากจะเบี่ยงตัวหลบแต่ตู้เสื้อผ้าก็ดันเล็กเกินกว่าที่เขาจะบิดตัวได้
ไม่อยากเห็น
ไม่อยากมอง
แต่ไอ้ตาคู่สวยนี่กลับไม่ยอมทำตาม มันเปิดกว้างขึ้นตรงข้ามกับที่หัวใจสั่งให้ปิดลง
บ้าชะมัด !
แผ่นหลังกว้างอยู่ห่างจากตู้เสื้อผ้าไม่ถึงสองเมตร แน่ล่ะว่ามันอยู่ใกล้กับดวงตาของจองซูมาก ห้องทั้งห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงหายใจของยองอุนเท่านั้น(และดูท่าจะหายใจดังผิดปกติ..หื่น?) เพราะดูเหมือนจองซูกำลังจะขาดใจตาย เขาเริ่มหายใจไม่ออก ในเมื่อตอนนี้เจ้าของห้องเหลือเพียงแค่บ็อกเซอร์สีเทาตัวเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเดินร่อนไปมาทั่วห้องด้วยสภาพเช่นนั้นอีก
หัวสมองของร่างบางเริ่มขาวโพลน
นึกในใจ
‘นั่งรถมาตั้งไกล กูจะมาตายในตู้เสื้อผ้าแคบๆนี่เหรอ? ทุเรศเกินไปว่ะ’
แต่แล้วสติก็คืนกลับสู่สมองอีกครั้งเมื่อไม่เห็นว่ายองอุนไม่อยู่ในห้องแล้ว บางทีช่วงที่จองซุกำลังสิ้นหวัง เขาอาจจะแต่งตัวแล้วเดินออกไปแล้วก็ได้
มือเล็กผลักตู้เสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับโกยอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดยกใหญ่ ขาเพรียวจ้ำมาถึงประตูอย่างรู้ใจนาย แต่ขาก็เป็นขา
ขาไม่มีตา..
จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนยืนรออยู่ที่ประตู จองซุเพิ่งจะรู้สึกตัวเมื่อถูกมือใหญ่คว้ามับเข้าที่ข้อมือ
นึกอยากจะจิกลูกตาของตัวเองทิ้งซะ เพราะมันไม่ได้ทำหน้าที่อย่างที่สมควรทำ..
“เข้ามาทำอะไร”
ถามเสียงเย็นพร้อมกับบีบข้อมือเล็กนั่นแรงขึ้น
“ฉะ..ฉัน เข้าห้องผิด”
ร่างบางตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หลุบใบหน้าสวยต่ำลง ไม่กล้าสบตาเจ้าของห้องที่ดูแล้วไม่ต่างอะไรจากชีเปลือยที่มีเพียงเกงกางบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วติดตัวมา
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้จองซูรู้สึกกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ จากเดิมที่ไม่เคยกลัวใครแต่ ณ เวลานี้กลับรู้สึกหวาดกลัวจนพูดไม่ออก ส่วนยองอุนเองก็รับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้ากำลังสั่น และมันก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจ ยิ่งอยากแกล้งคืนมากขึ้นเท่านั้น
“โกหก”
“ฉันเปล่า”
“แล้วไปแอบในตู้เสื้อผ้าทำไม”
“ฉะ..ฉัน..”
เมื่อรู้ว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะหาข้อแก้ตัวไม่ได้ ร่างบางจึงเลือกที่จะสะบัดข้อมือแล้วตั้งท่าจะวิ่งหนีไป แต่เขาทำพลาดอย่างแรง เพราะยองอุนที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าเขามาก ยืนบังประตูมิดจนเขาไม่สามารถแทรกตัวออกไปได้เลย แถมยังถูกดันเข้าหากำแพงอีก
หมดทางสู้..
“จะ..จะทำอะไรน่ะ ถอยออกไปนะ”
คนสวยเริ่มใจไม่ดีเพราะไอ้รอยยิ้มหื่นๆที่อยู่ห่างจากใบหน้าของตนไม่ถึงคืนเนี่ยสิ มันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ยองอุนใช้แขนแกร่งสองข้างกันไม่ให้จองซูหนีไปไหน ยิ่งเห็นเด็กคนนี้หวาดกลัวเท่าไรเขาก็ยิ่งสนุก รู้สึกอยากแกล้งต่อไปเรื่อยๆ
มันดูน่ารักดี..
หือ?
อะไรนะ?
น่ารักงั้นเหรอ?
ใช่...
น่ารัก รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ใบหน้าขาวๆที่เคยเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งทะนงตน บัดนี้กลับกลายเป็นแค่ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อของเด็กเอาแต่ใจทั่วไป ไม่มีพิษไม่มีภัย...
“ออกไปนะ ฉันบอกให้ออกไปไงล่ะ !”
จองซูดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดคนตัวสูง สองมือทุบตีไม่ยั้งราวกับว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
“นายเข้ามาเองนะ แล้วทีนี้จะไล่ฉันได้ยังไง ในเมื่อนี่เป็นห้องฉัน”
รอยยิ้มมุมปากของร่างสูงปรากฏขึ้นในขณะที่สองมือพยายามจับเด็กในอ้อมกอดให้อยู่นิ่งๆ
“บอกแล้วไง นายไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน”
“งั้นเหรอ? ก็บอกแล้วไง นายรนหาที่เอง”
“ฉันจะฟ้องพ่อ”
คนสวยขู่เสียงแข็ง แม้จะรู้สึกกลัวๆไอ้หมียักษ์นี่อยู่บ้าง แต่ก็ยังคงรักษามาดเดิมไว้ได้
“ฟ้องว่า?”
“วะ..ว่า..”
“ฉันจับนายกด..งั้นสิ?”
ยองอุนยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ร่างบางนี่สิ กลับรู้สึกร้อนไปทั้งตัว
ไม่ได้มีเสียงตอบกลับออกมา
แต่ใบหน้าหวานนั้นกลับจ้องลึกเขาไปในดวงตาสีดำสนิท
และเป็นอีกครั้งที่สายตาสองคู่ปะทะกันเข้าเต็มแรง
ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ลอยกลับมาอีกครั้ง
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่ามันกำลังเปลี่ยนไป
บางอย่างกำลังจะไม่เหมือนเดิม
บางอย่างนั้น..
คืออะไร?
ก็ไม่รู้..
มือเรียวผลักหน้าอกที่กำลังร้อนเป็นไฟของคนตรงหน้าออกห่าง น่าแปลกที่ครั้งนี้ผลักเบาๆเขาก็หลุดเป็นอิสระได้อย่างง่ายดาย ยองอุนกลายเป็นเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง โดนผลักนิดเดียวก็ล้มหงายท้องบนเตียงแบบหมดท่า
เสียงประตูห้องปิดลง ตามด้วยความเงียบสงัดที่เข้าปกคลุมอีกครั้ง
ทำไมนะ อยู่ๆก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เวลาได้อยู่ใกล้ๆกับปาร์คจองซู
แปลกมาก..
วันแรกสำหรับการทัศนศึกษาน่าเบื่อมากสำหรับจองซู ก็เพราะไอ้ความรู้สึกแบบนั้นน่ะสิ มันดันมาเกิดขึ้นตอนที่เขาอยู่กับยองอุนอีกแล้ว บ้าที่สุดเลย
มัน...
รู้สึกดีเวลาที่ได้มองดวงตาคู่นั้นใกล้ๆ
บ้า !
จองซูบ้าไปแล้ว จะรู้สึกดีได้ยังไง ในเมื่อตัวเองเกลียดคิมยองอุนมาก มากขนาดที่ทนเห็นหน้าไม่ได้
แต่กับไอ้สายตาบ้าๆนั่น ทำไมถึงทำให้เรารู้สึกดีล่ะ
“ฉันอยากกลับบ้านดงแฮ”
“เหมือนกัน..ฉันเบื่อที่นี่แล้ว”
“ใครให้นายมารู้สึกเหมือนฉันฮะ”
คนสวยกระแทกเท้ากลับเข้าไปในซุ้มอาหารที่อุทยานได้จัดเตรียมไว้
ปล่อยให้ดงแฮต้องหน้าเสียเป็นรอบที่ร้อยของวัน
อาหารเย็นวันนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ส่วนมากเป็นพวกของกินพื้นบ้าน ซึ่งมันไม่ถูกปากคุณหนูอย่างจองซูเอาเสียเลย ร่างบางได้แต่นึกโทษตัวเองว่าไม่น่าเลือกมาปูซานเลย
ไม่มีอะไรถูกใจสักนิด
กิจกรรมตอนกลางคืนเป็นอะไรที่ห่วยแตกที่สุดแล้วสำหรับจองซู พวกกรรมการและครูให้ทำรายงานพันธุ์ไม้บ้าบออะไรไม่รู้ มีแต่วิชาการทั้งนั้น และแน่นอนที่จองซูจะโยนงานทั้งหมดไปให้ดงแฮ ส่วนตัวเองก็หนีไปนอนหน้าตาเฉย
“พื้นแข็งแบบนี้เนี้ยนะ” จองซูโยนผ้าห่มและหมอนลงก่อนจะทรุดตัวเหมือนคนที่ชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว เมื่อเห็นว่าบ้านพักหลังที่ตนนอนไม่มีเตียงให้ ทุกคนต้องนอนพื้นหมด พอจะรู้แล้วล่ะว่าโดนแกล้ง ก็บ้านหลังอื่นๆน่ะ มีเตียงให้4เตียง นอนไม่พอก็นอนพื้น แต่บ้านพักของเขากลับไม่มีเตียงสักเตียง ไม่ต้องใบ้ยังรู้เลยว่าใครแกล้ง
แต่จะให้วิ่งไปโวยวายใส่มันก็คงจะแปลกๆอยู่ ก็ความรู้สึกเมื่อตอนกลางวันดันตอกย้ำเขาอยู่ทุกนาทีน่ะสิ จนตอนนี้จองซูไม่กล้าแม้จะมองดวงตาคู่นั้นเลย
เป็นเรื่องแปลกอีกแล้วที่คนไม่เคยกลัว
กลับกลัวและไม่กล้า
เพียงเพราะคนๆเดียว
แค่ไม่อยากจะมองแล้ว
ไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆที่ว่านั่นเกิดขึ้นมาอีก..
สำหรับจองซูคืนแรกผ่านพ้นไปเกือบจะดี ถ้าดงแฮไม่นอนดิ้นเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกทั้งคืน
ขณะเดียวกันคิมยองอุนก็ไม่ได้นอนเป็นคืนที่สอง เพราะหลับตาลงทีไรก็เห็นแต่ใบหน้าน่ารักนั่นลอยเข้ามาใกล้ทุกที
กิจกรรมวันที่สองคือการเข้าป่าเพื่อรวบรวมพันธุ์ไม้มาศึกษา จองซูที่เดินมาได้สักพักเริ่มจะทนกับสภาพแวดล้อมที่มีแต่ป่าไม่ได้ มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ มีแต่มด มีแต่แมลง ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย
รู้สึกแปลกๆเวลาเดินไปแล้วถูกหญ้าทิ่มตำขา ก็อย่างว่า คุณหนูอย่างจองซูเคยเดินป่าที่ไหน
‘ฉันคงจะคิดผิดที่กำหนดไอ้กิจกรรมบ้าๆนี่’
ร่างบางนึกในใจแต่ขาเพรียวก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
ไม่นานนักแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้ามาตลอดวันก็ค่อยๆหายไป
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
..
และเวลาที่จองซูรอคอยก็กำลังจะมาถึง มื้อเย็นนั่นเอง ต่อให้วันนี้อาหารจะไม่อร่อยแต่เขาก็พร้อมจะกลืนมันลงคอโดยไม่ปฏิเสธเลยสักนิด หิวจะตายอยู่แล้ว มีอะไรก็กินหมดนั่นแหละ
“ดงแฮ..นายว่าเย็นนี้จะมีอะไรกิน”
คนสวยที่เดินนำหน้าอยู่นานหันกลับมาถามเพื่อน
แต่...
“ดงแฮ..นายอยู่ไหนอ่ะ”
“ดงแฮ !! ฉันถามว่านายอยู่ไหน!?”
ดาวตาสวยเริ่มสั่นคลอนไปมา รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาซะเฉยๆ อยู่ๆดงแฮก็หายไป สงสัยจะเดินหลงกันตรงทางแยกเมื่อกี๊ จองซูเดินย้อนกลับไปทางเดิม แต่ดูเหมือนว่ามันเลวร้ายกว่าเดิม เพราะเขาจำทางที่เดินมาไม่ได้เลยสักนิด
“ดงแฮ..นายยังไม่ตายใช่มั๊ย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
จองซูเริ่มตะโกนซ้ำไปมาเหมือนคนขาดสติ ยิ่งท้องฟ้ามืดลงเท่าไรเขายิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น
แต่ความพยายามเหมือนจะไร้ผล เพราะไม่มีแม้แต่เสียงเจื้อยแจ้วของดงแฮดังตอบมา ร่างบางเริ่มทรุดตัวนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ รู้สึกเหมือน..
“หลงป่า”
หลุดพูดออกมาเหมือนคนไม่ยอมรับความจริง
คิดอยู่แล้วเชียวว่าตัวเองเลือกผิดที่เอากิจกรรมบ้าบอนี่มาเพื่อหวังแกล้งยองอุน
“บ้าชะมัด!”
สบถเสียงเบาราวกับจะพยายามตั้งสติหาทางกลับไปยังซุ้มอาหารที่เขาตั้งตารอ มือเรียวพยายามจะกดโทรศัพท์หาเพื่อน แต่ปรากฏว่าในป่าในเขาแบบนี้ไม่มีสัญญาณเลยสักขีด คนสวยตั้งท่าจะปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโห
“ถ้าจะทิ้งน่ะ ฉันขอนะ”
เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น จองซูชะงักทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมอง และก็ได้พบกับคนที่เขาพยายามหลบหน้ามาตลอดวัน
“ยองอุน..”
“เพื่อนนายคนที่พูดมากๆน่ะ วิ่งไปบอกฉันว่านายหลงป่า”
“ฉันไม่ได้หลง..ดงแฮต่างหากที่หลง ฉันแค่..นั่งรอเขา”
โทรศัพท์ราคาแพงถูกเก็บในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม คนตัวเล็กพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุดแม้ว่าอยากจะกระโดดดีใจสักล้านรอบที่รอดตายแล้ว
“กลัวหรือเปล่า?”
คนที่มาใหม่ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมกับคำถามที่อ่อนโยนจนคนฟังยังรู้สึกแปลกใจ
“มะ..ไม่”
จองซูได้แต่ก้มหน้าตอบ เพราะจู่ๆก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมา หลากหลายความรู้สึกเทกระหน่ำซัดหัวสมองและหัวใจจนไม่อาจจะพูดอะไรได้
“โกหกเก่งเหมือนเดิมนี่”
มือใหญ่ขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยอย่างเอ็นดู
ยองอุนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงแสดงกิริยาแบบนั้นออกไป เขาแค่บังคับตัวเองไม่ได้ ใจมันสั่งมาให้ทำอย่างนั้น ร่างกายมันก็ตอบสนองทำตามไปเอง
“ฉะ...ฉัน..ไม่เข้าใจ”
ร่างบางเงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่คลออยู่เต็มตาคู่สวย
“นั่นสิ..ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“ฉันหมายถึง...นายมาช่วยฉันทำไม”
“นั่นแหละ..ที่ฉันไม่เข้าใจ”
ยองอุนยังคงส่งยิ้มบางๆมาให้แม้จะเริ่มรู้ตัวว่า จองซูทำท่าจะอาละวาดอีกแล้ว
“กวนประสาทฉันเหรอ !?”
จองซูฟาดฝ่ามือลงบนอกแกร่งเต็มแรง จากนั้นก็ตามด้วยเสียงโอดครวญของยองอุนสลับกับเสียงหัวเราะชอบใจของเขา
รอยยิ้ม
ที่ยิ้มเพราะความรู้สึกดีๆ
ไม่ใช่ยิ้มเพราะอยากจะแกล้ง หรือ อยากจะเอาชนะ
แต่ยิ้มเพราะหัวใจมันสั่งให้ยิ้มต่างหากล่ะ
คืนที่สองในอุทยานแห่งชาติคงเป็นคืนที่คิมยองอุนหลับสบายที่สุด ไม่มีอะไรให้กังวล
ไม่มีอะไรให้คิดมากอีกแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่าสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปคืออะไร
รู้แล้วว่าใครที่เป็นคนทำให้มันเปลี่ยนไป
ปาร์คจองซู...
นายคือคนที่เปลี่ยนหัวใจของฉัน
ขณะเดียวกัน คืนที่สองสำหรับการทัศนศึกษา จองซูไม่ต้องทนนอนบนพื้นแข็งๆเหมือนคืนแรกอีกแล้ว
แถมคืนนี้ยังมีตุ๊กตาหมีตัวโตๆมาให้กอดอีกด้วย
สบายเป็นที่สุด
เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรสายตาของนายถึงทำให้ฉันรู้สึกดี
เพราะมันเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นไงล่ะ
เสียดายที่เคยละเลยดวงตาคู่นั้น เป็นเพราะอคติ เป็นเพราะคำว่าไม่ชอบที่มันมาจากไหนไม่รู้
แต่ตอนนี้ฉันดีใจที่จะได้มองดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของนาย
ทุกๆวัน..
“ว่าแล้ว..จองซูเล่นแผนเผด็จศึกจริงๆด้วย”
แผนการนี้..
สำเร็จ !
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช่วยติชมด้วยนะคะ
สำหรับโอพีวีอดใจรออีกนิดนึงน้า
เสร็จแล้วจะเอามาลงให้ค่ะ
ขอบคุณมากๆ
ความคิดเห็น