ความลับที่ถูกซ่อนไว้ - ความลับที่ถูกซ่อนไว้ นิยาย ความลับที่ถูกซ่อนไว้ : Dek-D.com - Writer

    ความลับที่ถูกซ่อนไว้

    โดย White Magic

    เมื่อความลับกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา เมื่อชีวิตเธอถูกคุมคามจากสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ และเมื่อทุกๆอย่างกำลังดำเนินไปตามทางที่มันควรจะเป็น บทสรุปจะเป็นอย่างไร ติดตามได้น้าคะ จิ้มเลยคร่า จิ้มๆๆๆๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    462

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    462

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ต.ค. 51 / 20:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ความลับที่ถูกซ่อนไว้

      “กรี๊ดดดดดดด” เสียงหญิงสาวกรีดร้องด้วยความหวาดผวา ตัวสั่นเทา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ดวงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจสุดขีด อามี เพื่อนสาวคนสนิทของเธอวิ่งเข้ามากอดพร้อมกับปลอบประโลมเป็นการใหญ่
      “เกิดอะไรขึ้น เซริบอกฉันสิเกิดอะไรขึ้น” อามีไถ่ถามน้ำเสียงร้อนรน ยิ่งเห็นอาการของเซริ เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
      “นั่น นั่น” เซริพูดน้ำเสียงสั่นเครือมือหนึ่งปิดหน้าไว้ ส่วนอีกมือชี้ออกไปข้างหน้า
      “เฮ้อ~ ก็แค่จิ้งจกน่า ไม่เอาน่าเซริ ลืมตามาได้แล้ว” อามีพูดแล้วหัวเราะร่วนเมื่อเห็นว่าสิ่งใดที่ทำให้เซริกลัวได้ขนาดนั้น
      “ไม่ใช่อามี ไม่ใช่ ตรงนั้น ตรงนั้น” เซริพูดทั้งๆที่ยังเอามือปิดหน้าอยู่พูดด้วยน้ำเสียงยังคงสั่นเครืออยู่อย่างชัดเจน
      “ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนะเซริ พอเถอะ ไปเรียนได้แล้ว” อามีส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วพยุงเซริขึ้น เซริค่อยๆลุกขึ้นพลางลดมือที่ปิดหน้าอยู่ลงช้าๆทีละข้าง สายตามองกวาดไปทั่วห้องแววตาหวาดหวั่น มือสั่นเล็กน้อย เหงื่อผุดซึมอยู่ตามไรผมจนเปียกชื้น
      “มาเถอะ ไม่มีอะไรหรอกน่า” อามีพูดแล้วจูงมือเซริให้เดินไปข้างหน้า เซริเหลียวหลังกลับมามองอีกครั้งคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
      อะไรกันในเมื่อตะกี้ยังเห็นอยู่เลยนี่นา  เซริคิดด้วยความแปลกใจแต่ก็ยอมเดินตามอามีไปแต่โดยดี
      เงาดำค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาจากมุมอับของห้องอย่างช้าๆ จ้องมองหญิงสาวทั้งคู่เขม็ง แววตาเครียดแค้นวูบวาบเป็นประกาย ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวหายไปในความมืดบริเวณมุมอับนั้นอีกครั้ง
       
      เฮือก!
      เซริสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับหันขวับไปทางด้านหลังตัวเองอย่างรวดเร็ว อามีซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเหล่ตามองอย่างงงๆกับอาการของเธอ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซริมีอาการเช่นนี้
      “เป็นอะไรเซริ ฉันเห็นเธอเป็นอย่างนี้หลายรอบแล้วนะ บ้าหรือเปล่าเนี้ย” อามีแซวพลางหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วหันกลับไปทำงานบนโต๊ะที่ทำค้างไว้อยู่ต่อ
      “ก็ฉันรู้สึกเหมือนถูกมองตลอดเวลายังไงไม่รู้น่ะสิ จากตรงนั้น” เซริตอบสีหน้าเป็นกังวลแล้วหันไปมองยังมุมอับบริเวณหลังห้อง อามีเอื้อมมือมาดีดหน้าผากเซริเบาๆอย่างหยอกเย้า เซริยิ้มบางๆตอบกลับไปแต่ก็ยังไม่วายเหลียวหลังกลับไปมองยังมุมห้องอีกครั้งอย่างไม่สบายใจ
      วันนี้เป็นอะไรนะทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆอย่างนี้ทั้งวันเลย เซริคิดอย่างแปลกใจก่อนจะส่ายหัวไล่ความคิดทั้งหลายออก
      “จริงสิ วันนี้ฉันมีธุระ เธอกลับคนเดียวได้นะ” อามีพูดทั้งที่ยังไม่ได้ละสายตาจากงานที่ทำอยู่
      “อะไรนะ” เซริครางออกมาเบาๆหันมามองอามีสีหน้าตื่นตกใจ
      แย่แล้ว! ยิ่งรู้สึกแปลกๆอย่างนี้ แล้วได้เดินกลับบ้านคนเดียวอีกหรอเนี้ย เธอคิดสีหน้าหนักใจ อามีหันมายิ้มปลอบใจพอเป็นพิธีแล้วหันกลับไปทำงานต่อ
      หลังจากร่ำลากับอามีที่หน้าโรงเรียนแล้ว เธอก็เดินแยกออกมาพลางคิดอะไรไปเรื่อยเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆที่เกิดขึ้นกับเธอตลอดระยะเวลา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา
      ฟู่!~
      เซริหยุดเดินอย่างกะทันหัน ตัวแข็งทื่อ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว แววตาสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก เมื่อมีลมมาปะทะเข้าที่หูเธอคล้ายกับมีใครบางคนจงใจเป่าลมใส่หูเธอ
      “บ้าน่า คิดไปเองล่ะมั้ง” เซริยกมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ แล้วเริ่มต้นเดินต่อ แต่เมื่อเดินไปต่อได้เพียงเล็กน้อยก็มีลมมาปะทะเข้าที่ข้างหูเธออีก
      ฟู่!~
      “เฮือก!” เซริสะดุ้งสุดตัว หันขวับมองซ้ายมองขวาอย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้! ในเมื่อตอนนี้มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่เดินอยู่บนริมทางเดิน แล้วใครที่ไหนจะมาเป่าลมใส่หูเธอเช่นเมื่อครู่นี้
      “เซริ” เสียงแหบพร่าแผ่วเบา ลอยแว่วมาตามลม เธอหันซ้ายแลขวาหาต้นเสียงตามสัญชาติญาณทันที แต่ทว่าก็จับไม่ได้ว่าเสียงลอยมาจากทางทิศใด
      “มาทางนี้สิ” เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆและเข้าใกล้เธอมาเรื่อยๆ เธอกำมือซึ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วรีบสาวเท้าเดินหนีจากตรงนั้น ในสมองครุ่นคิดว่าเหตุใดเธอจึงได้ยินเสียงปริศนานั่น และทำไมมีเพียงเธอที่รู้สึกแปลกๆอยู่คนเดียว
      “มาทางนี้” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้กลับดังขึ้นข้างๆหูเธอจนเธอรู้สึกเย็นวาบไปทั่วหลัง ขนตั้งชันไปทั่วกาย แขนขาไร้เรี่ยวแรงอย่างประหลาด ส่งผลให้กระเป๋าลื่นหลุดมือหล่นลงพื้น ตัวสั่นเทา เธอกรีดร้องเบาๆ ยกมือขึ้นปิดหูพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆตัวด้วยความหวาดกลัว
      ฟู่!~
      ลมเย็นยะเยือกปะทะเข้าที่ต้นคอเธอพร้อมกับสัมผัสบริเวณกลางหลังเซริเบาๆ เธอหันหลังหลับมาทันที ทันใดนั้น เงาบริเวณใต้เท้าของเธอยืดยาวออกไป เป็นรูปร่างคล้ายผู้หญิงที่มีขนาดตัวใกล้เคียงกันกับเธอ เงาดำประหลาดนั้นจ้องมองเธอแววตาเป็นประกายผ่านดวงตาสีแดงเพลิงเขม็ง ร่างกายเธอหมดสิ้นเรี่ยวแรงแม้แต่จะทรงตัว เธอจึงทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจสุดขีด ริมฝีปากสั่นระริก เธอชี้มือที่สั่นเทาออกไปยังเงาดำนั้น ปากขยับคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
      “จำฉันได้หรือเปล่าล่ะ เซริ” เสียงแหบพร่านั้นดังขึ้นน้ำเสียงเย้ยหยันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆด้วยเสียงที่แหลมบาดหู
      “ฉันคิดว่าเธอคงจะยังจำฉันได้นะ คนที่เธอเห็นในกระจกทุกวันยังไงล่ะ” เงาปริศนานั้นค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เซริเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเซริเองก็ค่อยๆขยับตัวหนีออกไปเช่นกัน
      “ไปให้พ้น ไปให้พ้นนะ” เซริตะโกนสวนกลับไปเสียงดัง เงานั้นหัวเราะเสียงแหลมก่อนจะเคลื่อนตัวมาหาเธออย่างรวดเร็วจนหน้าอยู่ห่างกับหน้าเซริเพียงคืบเดียว
      “กรี๊ด อย่ามายุ่งกับฉันนะ” เซริผงะเล็กน้อยด้วยความตกใจ ก่อนจะกรีดร้องพร้อมกับพยายามฟาดมือไปยังเงาดำนั่น แต่ว่ามือเธอกลับฟาดผ่านเงาดำนั้นไปราวกับมันเป็นเพียงธาตุอากาศที่ไม่มีตัวตน
      “อย่ามายุ่งงั้นหรอ อย่ามายุ่งงั้นหรอ” เงาดำตวาดเสียงกร้าวและคว้ามือเซริไว้แน่น ความเย็นยะเยือกบริเวณที่ถูกจับทำเอาเธอขนลุกไปทั้งตัว
      “ฉันต้องทุกข์ทรมานอยู่แต่ในที่มืดๆ เย็นราวกับขั้วโลก ว้าเหว่และเหงาจนแทบขาดใจ แต่เธอ!! เธอนั่งหัวเราะกับเพื่อนอย่างมีความสุข ได้กินกับข้าวอร่อยๆที่แม่ทำให้ ได้กอดแม่ทุกวัน มันยุติธรรมแล้วหรอหะ!!” เงาดำนั้นตวาดเสียงดังน้ำเสียงดุดัน และบีบข้อมือเซริแน่นขึ้นจนเธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
      “ฉัน ฉัน.........เซร่า พอเถอะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ” เซริพูดเสียงอ่อน มองเซร่าด้วยแววตาอ้อนวอน ทันใดนั้นเงาปริศนาก็หายไปกลายเป็นหญิงสาววัยไล่เลี่ยกัน ซึ่งมีหน้าตาพิมพ์เดียวกันกับเธอ ใช่แล้ว เซร่าคือน้องสาวฝาแฝดของเธอนั่นเอง
      “ปล่อยงั้นหรอ เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทนทรมานมากี่ปี” เซร่ายังคงไม่ปล่อยมือเอ่ยถามเซริด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา แววตาลุกวาวด้วยความโกรธแค้น เซริส่ายหัวพลางทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
      “เธอจะฆ่าฉันมันก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาหรอกนะ เหอะๆ เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันก็เป็นเพราะเธอ เพราะเธอนั่นแหละ!!” เซริตะโกนตอบกลับไปพร้อมกับสะบัดข้อมือออก หัวเราะในลำคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องเซร่าตอบอย่างไม่หวั่นเกรง
      “ถ้าวันนั้นมันไม่เกิดขึ้น ฉันก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ฮือๆ” เซร่าพูดอย่างขมขื่นแล้วเริ่มร้องไห้ออกมา ใช่แล้วเหตุการณ์วันนั้น วันที่เธอจะจดจำมันไปจนวันตาย
       
      “เซริ เซร่านั่งรอแม่อยู่นี่นะคะ อย่าไปไหนนะเดี๋ยวแม่กลับมา” หญิงสาววันกลางคนลูบหัวเธอทั้งคู่ด้วยความเอ็นดู
      “แม่จะไปไหนคะ” เด็กหญิงผมเปียตากลมโต อายุประมาณ 5 ขวบ จับชายกระโปรงของผู้เป็นแม่แน่นเอ่ยถามตาแป๋ว
      “แม่จะไปทำธุระ เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เซริดูน้องด้วยนะคะคนเก่ง” ผู้เป็นแม่ตอบแล้วหอมแก้มเธออย่างรักไคร่ เธอยิ้มร่าตอบแล้วหันกลับมาสนใจไอศกรีมช็อกโกแลตในมือต่อ
      ลูกบอลสีแดงกลิ้งมาหยุดที่แทบเท้าของเซริ เธอจ้องมองอย่างแปลกใจพลางมองหาผู้เป็นเจ้าของ
      “เซริ มาเล่นกันดีกว่า” เซร่ามองลูกบอลตาเป็นประกาย เอ่ยชวนพี่สาวของตน ทั้งคู่ผลัดกันโยนให้กันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งครั้งนี้เซริโยนไปไกลเกินไป มันจึงกระเด็นออกไปกลางถนน
      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเซร่า ไปเก็บเอง” เซร่าพูดแล้ววิ่งออกไปกลางถนนเพื่อเก็บลูกบอล ขณะเดียวกันรถเก๋งสีดำขับตรงมาอย่างเร็วก็บีบแตรไล่เธอเสียงดังลั่น เซริซึ่งวิ่งตามมาติดๆหันไปมองรถด้วยความตกใจ
      โครม!
      เสียงรถชนเข้ากับร่างของเธอดังสนั่น ร่างของเซร่าซึ่งโชกไปด้วยเลือดกระเด็นลอยข้ามฝั่งถนนไปอีกด้านเซริกรีดร้องวิ่งเข้าไปประคองร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นน้อง ร้องไห้อย่างน่าเวทนา ผู้คนต่างเข้ามามุงดูแต่กลับไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเลย
       
      “จริงสิ” เสียงเซร่าอุทานขึ้น ปลุกให้เซริตื่นจากภวังค์ เธอหันไปมองเซร่าด้วยความสงสัย คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แววตาหวาดหวั่นเดาใจไม่ถูกว่าเซร่าคิดจะทำอะไร
      “เราเป็นฝาแฝดกันนี่ งั้นก็มาอยู่กับฉันซะดีกว่านะ” เซร่าพูดน้ำเสียงเหี้ยม แววตาลุกวาวและแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว ก่อนจะผลักเซริอย่างแรง เนื่องจากเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำให้เสียหลักเซถลาออกไปกลางถนน รถเก๋งสีดำที่กำลังวิ่งตรงมาทางเธอบีบแตรเสียงดังลั่น เธอหันขวับไปมองตาเบิก ตัวแข็งทื่อขยับไปไหนไม่ได้
      “ไม่นะ” คำสุดท้ายที่เปล่งออกมาจากปากเธอก่อนที่ร่างของเธอจะกระเด็นลอยข้ามถนนไปอีกฝั่ง
       
      “เฮือก!” หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อผุดอยู่ทั่วใบหน้าเต็มไปหมด หายใจถี่และแรง เธอกวาดตามองไปรอบตัวด้วยความหวาดผวาจึงพบว่าตนเองเผลอหลับอยู่ในห้องเก็บของของโรงเรียน แต่ว่าที่มุมหนึ่งของห้องกลับมาบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างเงียบๆ
      “กรี๊ดดดดดดด” เซริกรีดร้องด้วยความหวาดผวา ตัวสั่นเทา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ดวงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจสุดขีด เงานั่น เงานั่นเหมือนกับที่เธอเห็นในฝันไม่มีผิด แล้วอามี เพื่อนสาวคนสนิทของเธอก็วิ่งเข้ามากอดพร้อมกับปลอบประโลมเป็นการใหญ่
      เหมือนในฝัน เหมือนในฝันเลย เธอคิดพลางเอามือขึ้นปิดหน้าพร้อมกับขยี้ตาเบาๆเพื่อไล่ภาพเงาดำนั่นออกไป
      “เกิดอะไรขึ้น เซริบอกฉันสิเกิดอะไรขึ้น” เซริเงยหน้าขึ้นมองอามีอย่างแปลกใจ เมื่อคำพูดของอามีเหมือนกับในฝันทุกคำ หรือว่า..........
      ไม่นะ!!

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×