คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7
Chapter 7
ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตที่ฟ้าและกางเกงสีดำยาว ก้าวเข้ามายืนในบริเวณที่เกิดเหตุพร้อมกับคนสนิทของตน พลางทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นเต็มที่
“เกิด...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ!? แล้วทำไม...คนคนนี้ถึงได้มีสภาพแบบนี้” ดีโน่เอ่ยถามชาวบ้านคนหนึ่งที่ยืนมุงดูศพไร้เลือดอยู่ข้างๆเขา
“เอ่อ...เห็นมีคนบอกว่า มีแวมไพร์มาอาระวาดในหมู่บ้านน่ะครับ ดูดเลือดคนไปตั้ง5คนน่ะ แต่โชคดีที่คนที่ 5รอดไปได้ ตอนนี้มันเป็นบ้าไปแล้วล่ะครับ คนในหมู่บ้านก็พยายามถามเรื่องราวจากมันอยู่” ชายวัยกลางคนตอบดีโน่ด้วยท่าทีที่แสดงออกว่ากลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“น่ากลัวจริงๆเลยนะครับ ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า...จะมีแวมไพร์มาอาระวาดที่หมู่บ้านนี่น่ะ” ชายหนุ่มว่าพลางทำใบหน้าหวาดกลัว
“นั่นสิครับ แปลกจริงๆเลย...ทั้งที่แต่ก่อนก็ไม่เคยมีแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีแวมไพร์โผล่มาได้...ถึงยังไงคุณเองก็ระวังตัวไว้ด้วยนะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ แล้ว...คนที่รอดชีวิตจากแวมไพร์ตนนั้น ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันครับ!? ผมเองก็อยากจะรู้เรื่องราวที่เขาเล่าเหมือนกัน” ดีโน่ถาม
“รู้สึกว่าจะอยู่ที่โฮมสเตย์ที่คุณพักน่ะ”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนที่จะเดินออกจากที่นั้นด้วยความรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองศพที่ไร้เลือดนั่นอีกครั้งด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เขาใช้เวลาเดินจากที่เกิดเหตุมาโฮมสเตย์เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ชายหนุ่มแทรกกายไปยืนมุงดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มแก่
“แกเจอแวมไพร์นั่นที่ไหน?” ชายท่าทางสูงอายุคนหนึ่ง เอ่ยถามวัยรุ่นชายที่กำลังตัวสั่นงกๆอยู่ ด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ฉัน...ฉันเจอ ‘มัน’ ระหว่าง...ทาง...ทางกลับบ้าน” ชายคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและสั่นๆ
“แล้วเมื่อมันเห็นแก มันทำยังไงกับแกบ้าง?” ชายสูงวัยยังคงถามต่อ
“มัน...ฮึก...มัน…”
“โธ่!! ผู้ใหญ่บ้าน มันก็ต้องดูดเลือดเจ้านี่น่ะสิ ฉันว่าน่าจะถามว่า...ไอ้แวมไพร์ตัวนั้นมันมีลักษณะยังไงมากกว่านะ” หญิงสาวท่าทางปากจัดคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นมา
“เออๆ งั้นเปลี่ยนคำถาม แวมไพร์ตนนั้น...มันมีลักษณะยังไง พอจะจำได้มั๊ย!?” ชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นถึงผู้ใหญ่บ้านถามชายวัยรุ่นนั่นอีกครั้ง
“มัน...มันน่ากลัว ตามันเป็นสีแดง เล็บมัน...ยาวเฟื้อยและแหลม มัน...น่ากลัวมาก” ชายคนนั้นว่าพลางเอามือกุมหัวตัวเองและตัวสั่นงกๆ
“โห!!” ชาวบ้านทุกคนต่างร้องอุทานเป็นเสียงเดียวกัน
“แล้ว...แกพอจะจำรายละเอียดอะไรได้มากกว่านี้อกีมั๊ย!?” ผู้ใหญ่บ้านถามอีกครั้ง
“หน้าตา...ของมัน...ฉันเองก็คุ้นๆ...มัน...มันเหมือนกับ…” ชายวัยรุ่นต้องหยุดคำพูดของตนเองทันที เมื่อหันหน้าไปพบกับดีโน่ที่กำลังจ้องลงมาด้วยสายตาใคร่รู้
“อ๊ากกกกก นี่...นี่ไง!!! ไม่นะ!! ไม่!” ชายคนนั้นร้องพลางชี้นิ้วมาที่ดีโน่ ก่อนที่จะวิ่งแหวกฝูงชนออกไปอย่างรวดเร็ว
ชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่นั่น หันหน้ามามองดีโน่ที่ยืนอยู่เป็นตาเดียว ก่อนที่จะถอยออกให้ห่างกับดีโน่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฝ่ายดีโน่ก็ยืนอึ้งอยู่ ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว เขายืนชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ
“ฉัน...นี่นะ!?”
“คุณ...ดีโน่ ดิฉันไม่เคยนึกเลยนะว่าคุณจะเป็น...” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ
“ทุกคน จับมันไว้!!!” ผู้ใหญ่บ้านออกคำสั่งเสียงดัง และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ ณ ที่นั้นแทบทุกคนกรูเข้ามาจับดีโน่ไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
ดีโน่ถูกจับมือไพล่หลัง พร้อมกับคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผู้ใหญ่บ้าน เขาไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นกลัวหรือใดๆเลย มีเพียงแววตาสงสัยเท่านั้น
“เอาล่ะ ตอบมา คุณดีโน่!! คุณเป็นแวมไพร์ใช่มั๊ย!?” ชายสูงวัยผู้มีศักดิ์เป็นผู้ใหญ่บ้านถามด้วยน้ำเสียงขึงขังอีกเช่นเคย
“ผมไม่ได้เป็นแวมไพร์” ดีโน่เองก็ตอบอย่างเต็มปากเหมือนกัน
“แต่มีคนยืนยัน พวกเราก็เห็นอยู่ คุณยังกล้าเถียงอีกหรือไง!?”
“ในฐานะที่ผมเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์ เรื่องนั้น...ผมสามารถใช้ความรู้ของผมอธิบายได้” ดีโน่พูดเสียงดัง ทำเอาชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์ถึงกับหันหน้าไปคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างใหญ่โตเลยทีเดียว และเป็นเวลาเดียวกับที่โรมาริโอ้เดินมาได้ยินคำพูดนี้พอดี และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของคนสนิทดีโน่ฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณว่าไงนะ!? คุณเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์รึ!? ไหนล่ะหลักฐาน!?”
“บัตรประจำตัวผมอยู่ในกระเป๋าเงิน ซึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงผมตอนนี้” เขาเอ่ยเรียบๆ
ชายกำยำที่อยู่ด้านหลังดีโน่เมื่อได้ฟังดังนั้น เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินดังกล่าวออกมา พร้อมกับค้นหาบัตรประจำตัวที่ดีโน่เคยบอกไว้
“นี่ครับ ผู้ใหญ่” ชายคนนั้นว่าพลางยืนบัตรประจำตัวสีดำที่มีรูปหน้าดีโน่แปะอยู่ให้ผู้ใหญ่บ้านดู
“อืม...ใช่คุณจริงๆด้วย” ชายสูงวัยกล่าว ทำให้ชาวบ้านหลายๆคนขอดูบัตรนั่นเป็นการใหญ่
“เห็นมั๊ยล่ะครับ ผมไม่ได้หรอกพวกคุณหรอก ดังนั้น...ตอนนี้แก้มัดผม แล้วผมจะได้อธิบายเรื่องราวให้พวกคุณฟัง”
“อืม แก้มัดเขา” ผู้ใหญ่บ้านสั่งชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งคนเหล่านั้นก็ทำตามโดยดี
เมื่อดีโน่ได้รับการแก้มัดเรียบร้อยแล้ว เขายืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนที่จะหันหน้าไปเอ่ยกับชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านอีกครั้ง
“ความสามารถของแวมไพร์นั้นมีหลายอย่าง อย่างที่เรารู้กันอยู่ก็คือ แวมไพร์สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ แปลงร่างเป็นหมาป่าหรือสัตว์อื่นๆได้ แต่สิ่งที่พวกคุณยังไม่รู้กันก็คือ...มันสามารถแปลงร่างเลียนแบบคนได้เหมือนกัน เพียงแค่มีสิ่งของหรืออะไรสักอย่างที่บ่งบอกถึงความเป็นคนคนนั้น”
“โห!! อย่างงั้นก็แปลว่า...แวมไพร์ตัวนี้แปลงร่างเป็นคุณเพื่อหากินสินะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ใช่ครับ”
“แล้วมันจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรล่ะค่ะ!? เพราะในเมื่อมันก็สามารถใช้ร่างของตัวเองหากินได้นี่!? แล้วมันทำแบบนั้น มันจะไม่เสียพลังงานไปมากเลยเหรอค่ะ!?” หญิงสาวคนเดิมถามต่ออีก
“ใช่ นั่นสิๆ จะทำแบบนั้นเพื่ออะไรกัน!?” ชาวบ้านหลายคนออกความคิดเห็น
“ถ้าเกิดว่า...แวมไพร์ตนนั้นมีจุดประสงค์แฝงล่ะครับ เช่น เขารู้ว่าผมเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์ เขาจึงทำร้ายคนอื่นแล้วใส่ร้ายป้ายสีผม เพื่อที่คนในหมู่บ้านจะได้ไล่ผมออกไป แล้วเขาจะได้หากินอย่างมีความสุขน่ะครับ” ดีโน่พูดยิ้มๆ
“อืม...ใช่ๆ แวมไพร์นตนนั้นต้องทำแบบที่คุณดีโน่ว่าแน่ๆเลย”
“ครับ ผมจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดนะครับ คุณดีโน่ ในฐานะที่คุณเป็น...แวมไพร์ฮันเตอร์ และได้รับการยืนยันโดยบัตรประจำตัวนี่” ผู้ใหญ่บ้านพูด
“ครับ ขอบคุณครับ” ดีโน่ว่าพลางยิ้มแป้น
“แล้วผู้ใหญ่จะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าบัตรประจำตัวที่คุณดีโน่เอามาให้พวกเราดู เป็นบัตรจริงๆ ไม่ได้ทำขึ้นมาเอง” วัยรุ่นคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“ตรวจสอบได้ที่ www.vampirehunterservice.com ได้เลยครับ หรือโทรCall center
“ครับ ยังไงผมก็จะต้องตรวจสอบแน่ ตอนนี้ขอให้ทุกคนวางใจก่อน ฉันเชื่อว่าคุณดีโน่ไม่ได้เป็นแวมไพร์จริงๆดังที่เขากล่าวมาหรอก อย่าลืมสิว่า...เขาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับ1 ในมิลานนะ เขาคงเชื่อถือได้” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวกับลูกบ้านของตน ซึ่งชาวบ้านก็ได้แต่พยักหน้ารับโดยดุษฎี
“ส่วนคุณดีโน่ ขอความร่วมมือด้วยนะครับ ในระหว่างที่พวกผมตรวจสอบ ขอให้คุณอยู่กับคฤหาสน์ของคุณเท่านั้น ห้ามออกไปเพ่นพ่านที่อื่นโดยเด็ดขาดนะครับ ทั้งนี้ก็เพื่อความสบายใจของชาวบ้าน” ชายสูงวัยหันหน้ามาพูดกับดีโน่
“ผม...ถูกกักบริเวณสินะครับ” ดีโน่ยิ้มแห้งๆ
“ต้องขออภัยด้วยครับที่ต้องทำเช่นนั้น แต่เพื่อความ...”
“ครับๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ดีเสียอีก ผมจะได้ไปสะสางอะไรนิดๆหน่อยๆในคฤหาสน์” ประโยคหลังๆดีโน่แอบยิ้มเหี้ยม
“ครับ ว่าแต่...ผมไว้ใจลูกน้องของคุณได้ใช่มั๊ยครับ!? ถ้าเกิดว่าผมจะอนุญาติให้มีคนที่สามารถติดต่อกับคุณในช่วงเวลานั้นได้เพียงคนเดียว”
“ครับ ไว้ใจได้ โรมาริโอ้จะเป็นธุระให้เองครับ” ดีโน่ตอบ
“ขอบคุณครับ งั้นตอนนี้คุณเชิญที่คฤหาสน์ของคุณเลยนะครับ ผมมีเรื่องที่ต้องหารือกับชาวบ้าน” ผู้ใหญ่บ้านพูดเชิงไล่
“ครับ” ดีโน่รับคำ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปทั่วๆเพื่อหาร่างคนสนิทของตน
เมื่อออกมาจากที่ประชุมย่อมๆบริเวณนั้นแล้ว โรมาริโอ้ก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากทันที
“บอสนี่หลักแหลมไม่เบาเลยนะครับ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“สกิลการแหลขั้นเทพแบบนี้ บอสซึมซับมาจากใครกันครับ!?” โรมาริโอ้อดที่จะแขวะนิดนึงไม่ได้
“ก็คงเป็นโรมาริโอ้นั่นแหละ เพราะฉันเคยฟังนายคุยเลื่อนนัดกับพวกนักธุรกิจบ่อยๆไง” ดีโน่แขวะกลับบ้าง
“ฮ่ะฮะฮ่า ครับๆ ว่าแต่...เรื่องบัตรประจำตัวแวมไพร์ฮันเตอร์เนี่ย บอสจะทำยังไงล่ะคครับ!?”
“ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรนี่ ปล่อยให้เขาเช็คไป เพราะถึงยังไง...ฉันก็ไม่ได้หลอกพวกเขานี่” คำพูดนี้ของดีโน่ทำเอาโรมาริโอ้ถึงกับต้องเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย
“เอ๋!? แล้วบัตรนั่นมาได้ยังไงกันล่ะครับ!?”
“ก็ฉันเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์จริงๆนี่นา มันก็ต้องมีเป็นเรื่องปกติสิ”
“บอสครับ ผมงง”
“เอ่อ...คือ...ฉันไปแอบเข้าร่วมเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์โดยที่ไม่ได้บอกนายยังไงเล่า!?”
“อ๋อ งั้นทุกเย็นที่บอสหายตัวไปโดยอ้างว่าไปหาสาวที่บาร์ ก็แปลว่าบอสไปฝึกเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์น่ะเหรอครับ!?” คนสนิทของเขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเคืองนิดๆ
“อ่า...ใช่แล้วล่ะ แต่ก็มีบางวันนะ ที่ฉันไปหาสาวจริงๆ”
“โธ่!! บอสครับ ทั้งที่ผมห้ามบอสแล้วยังไงล่ะครับ ว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับแวมไพร์อีก”
“โรมาริโอ้...” ดีโน่หยุดเดิน แล้วหันหลังมาประจันหน้ากับคนสนิทของตน ก่อนที่จะเอ่ยออกมาช้าๆ
“พ่อของฉันถูกแวมไพร์ฆ่าตายนะ จะให้ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน!?” พูดจบ เขาก็หันหน้ากลับไปเดินต่อทันที โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
ดีโน่เดินเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยอาการสงบนิ่ง หากแต่มุมปากกลับยกขึ้นราวกับมีเรื่องอะไรสนุกๆรอคอยอยู่อย่างนั้นแหละ!!
“โรมาริโอ้ นายไปทำธุระของนายเถอะ ฉันอยากอยู่ที่นี่คนเดียวน่ะ” ดีโน่พูดยิ้มๆ
“ครับ ถ้าบอสมีอะไรให้โทรมาหาผมล่ะกันนะครับ” พูดจบ ร่างของคนสนิทก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ดีโน่ยืนอยู่ภายในห้องโถงเพียงคนเดียว
“เคียวยะ ได้เวลาฉันเอาคืนแล้วล่ะนะ” เขาว่าพลางยิ้มเหี้ยม ก่อนที่จะค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆ ก้าวแต่ละก้าวเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ จนถึงห้องใหญ่ ซึ่งเป็นห้องที่เขาใช้พักอาศัย
เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน และในห้องนั้น เขาก็ได้พบกับบุคคลที่มารออยู่ก่อนแล้ว...ฮิบาริ เคียวยะ นั่นเอง
“นายนี่ไม่กลัวฉันเลยนะ ทั้งๆที่รู้ว่าฉันโกรธนายมากขนาดนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้นายกลับเป็นฝ่ายมาหาฉันซะได้” ดีโน่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“แกทำลายเครื่องดนตรีของฉัน”
“ใช่ ฉันเป็นคนทำมันพังเอง ทำไมล่ะ!? เครื่องดนตรีนี้มีความสำคัญกับนายมากนักรึไง!?”
“มันเป็นเครื่องดนตรีที่แม่ฉันชอบเล่น”
“ฮะฮ่าฮา งั้นเหรอ!? ถ้าอย่างนั้น...ฉันควรจะดีใจมั๊ยล่ะ!? ที่ทำให้นายเจ็บปวดได้”
“ฉันก็แค่เจ็บใจที่ดูแลมันไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้เจ็บปวดจนร้องไห้อะไร” ฮิบาริว่าพลางลูบเครื่องดนตรีพังๆนั่นเบาๆ
“นายไม่ได้รักแม่นายรึไง!? ถึงได้ไม่เจ็บปวดอะไรเลยน่ะ”
“ฉันรักแม่ของฉันมาก แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมานั่งเจ็บใจด้วยเรื่องพรรค์นี้ ก็เหมือนกับแกนั่นแหละ พ่อของแกตายไปแล้วเพราะถูกพ่อฉันฆ่า พ่อของฉันก็หายสาบสูญไปนานจนมีคนบอกว่า ตายไปแล้ว ดังนั้น...แกไม่มีความจำเป็นต้องแก้แค้นอะไรอีกแล้วนี่ เพราะไม่มีคนที่แกควรจะต้องแก้แค้นแล้ว” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เจือความเจ็บปวด
“นายจะบอกว่า ให้ฉันลืมเรื่องทั้งหมด เพื่อยุติการแก้แค้นเนี่ยนะ”
“มันสมควรจะเป็นอย่างนั้น”
“เหอะ!! นายไม่เข้าใจอะไรหรอกนะ เคียวยะ เด็กที่เหลือแต่พ่ออย่างฉัน แล้วยังต้องทนเห็นพ่อต่อสู้เกือบตายกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาอีก มันรู้สึกยังไง!?
“ฉันก็มีแตพอเหมือนแกนั่นแหละ แมฉันเสียไปตั้งแตฉันเพิ่งจำความได และเมื่อ ตอนอายุ 5ขวบ พอก็เดินจากฉันไปโดยที่ไมไดกลับมาอีกเลย มีคนบอกวาตายไปแลว ฉัน ใชชีวิตอยูกับคนเลี้ยงดูใจดีคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ทานอยูไหนแลวไมรูแลว ฉันนะ...โดดเดี่ยวยิ่ง กวาแกอีกนะ แมแตพอ..ก็ไมมีโอกาสไดบอกลา” รางเล็กวาพลางมองหนาดีโนดวยอารมณสงบ หวังวาคนตรงหนาจะเขาใจ (แก้ไข)
ร่างสูงตรงหน้าเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“นายกำลังจะพูดให้ฉันสงสารนายงั้นเหรอ!? เคียวยะ”
“ฉันไม่ต้องการความสงสารจากแก ก็แค่อยากอธิบายให้รู้ ว่าโลกนี้น่ะ...ไม่ได้มีคนรันทดแค่แกคนเดียวหรอกนะ” ฮิบาริว่าพลางวางลุกเดินไปวางเครื่องดนตรีไว้ที่มุมห้อง ก่อนที่จะหันกลับมามองดีโน่อีกครั้ง และเตรียมหันหลังเดินออกไปทางระเบียง
แต่ทว่า...ร่างสูงกลับคว้าข้อมือบางเอาไว้เสียก่อน ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ พลางยิ้มกริ่ม
“สิ่งที่นายพูดมาทั้งหมด ฉันเพียงแค่รับฟังเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าจะทำตามหรอกนะ...เอาล่ะ!! เคียวยะ ตอนนี้ฉันเองก็มีเรื่องส่วนตัวที่จะต้องสะสางกับนายเป็นการด่วนเลยล่ะ”
.
.
.
.
TBC.
เว็บไซต์หรือเบอร์โทรที่ปรากฎในเรื่องนี้ ไม่มีอยู่จริงนะคะ แพรวแค่สมมติขึ้นมาเท่านั้น
ในช่วงเดือนกุมภา มีนานี้ แพรวต้องเตรียมตัวเพื่อสอบแล้วนะคะ อาจจะมาอัพช้า(เห็นช้าบ่อยนะ - -^) ยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ //โค้งๆ
เรื่องความไม่สะดวกในบางเรื่อง ก็ขออภัยเช่นกันค่ะ ^^:;
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ
ป.ล. ตอนหน้าNC - -
ความคิดเห็น