คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter5
Chapter5
สองร่างนั่งเคียงคู่อยู่ในเรือกอนโดล่าลอดใต้สะพานรีอัลโต้ ฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องลงมา บรรยากาศแบบนี้สำหรับคู่รักแล้วเหมาะสำหรับการจุมพิตกันมากที่สุด แต่สำหรับพวกเขาล่ะ ฮิบาริ เคียวยะกับดีโน่ คาบัคโลเน่ เขาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันล่ะ คนรู้จัก? อาจารย์ศิษย์? คนรัก? หรือว่าเป็นแค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น?...
“นี่ เคียวยะ ไหนๆตอนนี้นายก็ปิดเทอมแล้วนี่ นายก็มาอยู่ที่นี่จนกว่าจะเปิดเทอมซะเลยสิ” ม้าพยศเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบบนเรือกอนโดล่านี้
“ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ ฉันจะกลับญี่ปุ่น” ฮิบาริพูดพลางมองตึกรามบ้านช่องข้างแม่น้ำไป ทำเป็นไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ม้าพยศพูดมากนัก
“เคียวยะ นี่เป็นคำสั่งนะ ไม่ใช่คำชักชวนหรือขอร้องอะไร” ม้าพยศพูดเสียงแข็ง
“แก...ไอ้...ไอ้ม้าบ้า” ฮิบาริได้แต่เพียงสบถเบาๆ แล้วชายตาไปมองดีโน่ด้วยความเจ็บใจ สรุปว่าเขาต้องอยู่ที่นี่กับมัน เพื่อนเป็นแค่ตัวแทนของสคอลโล่แค่นั้นเหรอ?
ฝ่ายดีโน่ก็รู้สึกสะใจมิใช่น้อยที่แกล้งคนตรงหน้านี้ได้ จึงยิ้มเล็กๆแล้วหันไปชมสถาปัตยกรรมบ้านเรือนของอิตาลีต่อ...แต่สายตาพลันไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่กระทบจิตใจเขาเข้าอย่างจัง นั่นก็คือ...ภาพของฉลามขาวที่กำลังเดินเล่นอยู่กันแซนซัสที่ข้างสะพานนั้น และนั่นเองเป็นผลให้เขาต้องบอกให้กอนโดเลียจอดเรือตรงที่นั้นทันที แล้วลงจากเรืออย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สนใจจะเหลียวมองฮิบาริเลยแม้แต่น้อย
“ไง สคอลโล่ แซนซัส มาพักผ่อนที่นี่เหมือนกันเหรอ? ” ม้าพยศที่เพิ่งลงจากเรือมาหมาดๆเอ่ยถามบุคคลตรงหน้าทั้งสองคน
“ถ้าฉันไม่ได้มาพักผ่อน แล้วจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงหา ไอ้ม้าสวะ” แซนซัสพูดด้วยความไม่พอใจ
“นี่ บอสอย่าเพิ่งโกรธไปน่า ใจเย็นๆไว้ คืออย่างนี้นะ ดีโน่ มีคนรู้จักเขาแนะนำมาน่ะว่าที่เวนิชสวยมาก เหมาะแก่การผ่อนคลายจากการทำงานหนัก แล้วฉันก็เห็นว่าช่วงนี้วาเรียค่อนข้างว่างงาน ก็เลยพาบอสมาผ่อนคลายบ้างน่ะ อยู่แต่ในห้องทำงาน เดี๋ยวได้เฉาตายกันพอดี” สคอลโล่พยายามอธิบายให้ม้าพยศฟัง
“อืมๆ”
“แล้วนี่ทำไมพวกวองโกเล่ถึงได้ไม่มาด้วยล่ะ” สคอลโล่ถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาเห็นแต่ฮิบาริที่อยู่กับดีโน่เท่านั้น
“พวกนั้นก็มาด้วยนะ คงเดินอยู่แถวนี้แหละ แต่พวกนายไม่เห็นกันเองน่ะ”
“หืม? นี่พวกสวะนั่นก็มาด้วยเรอะ แก...ไอ้ฉลามสวะ ทำไมถึงไม่บอกฉัน” แซนซัสเริ่มคาดโทษสคอลโล่
“โว้ย!!! ก็ฉันเห็นว่ามันไม่ได้สำคัญนี่ เพราะว่าพวกนั้นแค่มาเที่ยวกันเฉยๆเอง” สคอลโล่เริ่มโต้ตอบบ้าง
“จะสำคัญหรือไม่ ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง แกแค่มีหน้าที่บอกความเคลื่อนไหวของพวกนั้นให้ฉันเท่านั้น!” พูดจบแซนซัสก็เดินออกไป สคอลโล่ก็ได้แต่ทำน่าหงอยๆ
ม้าพยศเองก็ทนไม่ไหวเช่นกันที่เห็นคนที่ตนรักทำสีหน้าเศร้าถึงขนาดนั้น จึงดึงสคอลโล่มากอดเพื่อปลอบ แต่ทว่าทั้งคนที่โดนกอดและคนที่ยืนเหมือนไร้ตัวตนแต่ก่อนนั้นกลับรู้สึกตกใจอย่างแรง และในที่สุดฮิบาริก็ทนดูต่อไปไม่ได้ เขาเดินหนีออกไปทันที ‘นี่แกปล่อยให้ฉันฟังแกพล่ามกับเจ้าสัตว์กินเนื้อ2ตัวนั้นยังไม่พออีกเรอะ ยังจะมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าฉันอีก แก...แกมันเลวที่สุด!’
เมื่อสคอลโล่เห็นท่าจะไม่ดีซะแล้วก็พยายามจะผลักอกม้าออกไป แต่ทว่าแรงของเขามีน้อยกว่าจึงไม่ทำให้ม้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้ย!! ไอ้ม้าบ้า แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ เห็นมั๊ยเจ้าหนูเมฆ”นั่นเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วนะโว้ย!!” ถึงสคอลโล่จะพูดอย่างนี้ แต่กลับไม่ทำให้ดีโน่ปล่อยเขาเลย กลับกันดีโน่กลับกอดแน่นขึ้นไปอีก
“ใครจะคิดอะไรก็ช่างเขาเถอะน่า ฉันไม่ได้แคร์ซักหน่อย”
“ถึงแกจะไม่แคร์ แต่ว่าฉัน...” ยังไม่ทันที่สคอลโล่จะพูดจบ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งเดินมาพอดี “แซนซัส...”
“หน้าที่ของแกคือติดตามฉัน ไม่ใช่มาพลอดรักกับคนอื่น ไอ้ฉลามโง่ หึ! แต่โชคดีที่วันนี้ฉันอารมณ์ดี ดังนั้น ฉันจะให้แกพลอดรักกับเจ้านี่ถึงตอนไหนก็ได้ เสร็จแล้วค่อยมาหาฉันแล้วกัน” แซนซัสพูดอย่างเยียดๆ แล้วก็เดินกลับไปอีกรอบ
“เฮ้ยบอส! ไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะเฟ้ย!!” สคอลโล่พยายามดิ้นจากอ้อมกอดม้าพยศ จนในที่สุดดีโน่ก็ยอมปล่อย
“สคอลโล่ ปล่อยแซนซัสไปเถอะน่า เราไปเดินเล่นกันดีกว่าเน๊อะ” ม้าพยศจูงมือสคอลโล่เพื่อที่จะไปเดินเล่นกัน แต่ว่าสคอลโล่กับไม่ขยับเขยื้อนเลยซักนิด ซ้ำยังก้มหน้าอีก
“...”
“เอ่อ สคอลโล่ ฉัน...ฉันขอโทษนะ นาย...นายกลับไปหาแซนซัสเถอะ” ในที่สุดม้าพยศก็ยอมปล่อยสคอลโล่ไป เพราะรู้ว่าถึงเขาจะชวนสคอลโล่เดินเล่นนั้น ก็ไม่ได้ช่วยให้สคอลโล่มีความสุขขึ้นมาเหมือนกับตอนที่อยู่กับแซนซัสเลย
“...”
“นาย...เป็นอะไรมากมั๊ย สคอล...” ไม่ทันที่ม้าพยศจะพูดจบ สคอลโล่ก็ตบหัวม้าพยศทันที (ผว๊ะ!!)
“ฮ่า ฮ่า ฮา ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า แกนี่ขวัญอ่อนไปได้ แค่ฉันก้มหน้าทำเหมือนเศร้านิดหน่อย แกก็คิดมากไปได้ แค่ฉันโดนไอ้คุณบอสว่านิดหน่อย มันไม่ทำให้ฉันเศร้าได้หรอกน่า” สคอลโล่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับดีโน่ตามปกติ พร้อมกับหัวเราะไปด้วย แต่ถึงจะทำอย่างนั้น...ก็ปกปิดม่านน้ำตาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้
“ ” ส่วนม้าพยศก็ได้แต่ก้มหน้าเงียบ
“ถ้างั้น...ฉันขอตัวก่อนนะ” ว่าแล้วสคอลโล่ก็เดินจากไป...
.
.
.
.
.
ฮิบาริเดินหนีออกมาจากภาพที่ปวดร้าวจิตใจนั้นมาที่จัตุรัสซานมาร์โก้(San Marco) เขาหวังเพียงว่า ที่แห่งนี้คงสวยงามพอที่จะทำให้เขาลืมเรื่องราวมันเจ็บปวดเมื่อครู่ได้ และคงทำให้เขาสบายใจขึ้น... แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดน่ะสิ เมื่อเขาหันไปเจอกับสองหน่อ? ที่กำลังสวีตหวานกันอยู่ด้านหน้า จะเป็นใครไปได้เล่า!!! สองหน่อนั่นก็คือ ทุเรียนกับสับปะรดน่ะสิ!! เมื่อเห็นดังนั้น ฮิบาริก็เดินหมุนตัวกลับทันที... แต่เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็ชนกับใครบางคนเข้าอย่างจัง!!!
“ไอ้พวกสวะ!!! หัดมองตาม้าตานกบ้างสิวะ!!” คนถูกชนหันมาด่าด้วยความโกรธ
“...” ฮิบาริได้แต่มองหน้าคนตรงหน้าอย่างเขม่นๆ
“เฮอะ!! แกเองหรอกเรอะ ไอ้สวะเมฆาหัวเน่า ตาแกไม่มีให้มองรึไงวะ ถึงมาเดินชนคนอื่นได้”
“เมื่อกี้แกเรียกใครว่า ‘หัวเน่า’ กัน!?” ฮิบาริพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“นี่แกโง่ขนาดไม่รู้เลยเรอะว่าฉันด่าแกน่ะ!!”
“ฉันจะขย้ำแกให้ตาย เจ้าสัตว์กินเนื้อ!!” ฮิบาริพูดพร้อมกับหยิบทอนฟาออกมาด้วย
“หึ! ถ้าแกคิดว่าแกทำได้ก็ลองดูสิ!!” แซนซัสพูดด้วยน้ำเสียงกวนโทสะ
“หึ!” ฮิบาริพูดพร้อมโจมตีใส่แซนซัส หากแต่ว่าแซนซัสนั้นหลบได้ทัน
“หึหึ! แกไม่มีปัญญาทำอะไรฉันหรอก” บอสแห่งวาเรียพูดด้วยน้ำเสียงเยียดหยาม แล้วเตรียมโจมตีบ้างเช่นกัน .หากแต่ยังไม่ได้โจมตี กลับมีเสียงห้ามปรามการต่อสู้นี้ซะก่อน
“หว๋า!! อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิครับ ใจเย็นๆก่อนสิครับ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันเถอะครับ” บุรุษร่างเล็กผู้เป็นนภาแห่งวองโกเล่เอ่ยขึ้น พร้อมกับเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสองคนที่จะทะเลาะกันเมื่อครู่
“แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน!! ไอ้สวะ/เจ้าสัตว์กินพืช” ชายทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ทำให้คนที่ถูกกล่าวถึงสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว
“คึหึหึ เอาเป็นว่าใจเย็นกันก่อนจะดีที่สุดนะครับ แล้วเราค่อยคุยกัน” มุคุโร่เดินมาพร้อมกับโอบคอสึนะ
“ใครอยากคุยกับแกกัน! ไอ้สวะ!/เจ้าพืชล้มลุก” ทั้งสองยังคงพูดพร้อมกันอีก
“แหมๆ คุณสองคนเนี่ย จิตใจตรงกันเหลือเกินนะครับ” คำพูดนี้ของมุคคุโร่เรียกเอาอารมณ์โกรธของทั้งสองคนนี้พุ่งขึ้นอีก
“เฮอะ!! แล้วตกลงแกมีเรื่องอะไร!?” ฮิบาริถามไปแบบปัดรำคาญ
“คึหึหึ ผมคิดว่า...เราคงต้องหาที่คุยที่เหมาะสมและสบายกว่านี้นะครับ” มุคุโร่ผายมือไปยังด้านนอกที่มีโต๊ะม้านั่งอยู่ชุดหนึ่ง
“นี่!! ไอ้สวะ! ทำไมถึงพูดตรงนี้ไม่ได้ล่ะว่ะ!!” แซนซัสที่เริ่มคลายอารมณ์โกรธลงแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นบ้าง
“หึหึ ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากและมีประโยชน์มากกับคุณทั้งสองคนไงล่ะครับ ดังนั้นจึงต้องคุณกันยาวไงล่ะครับ” มุคุโร่พูดพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับสึนะ ซึ่งร่างเล็กก็ยิ้มตอบให้ด้วย
“ ? ” ทั้งแซนซัสและฮิบาริหันหน้ามามองกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งสองยักไหล่เป็นเชิงยอมๆว่า ‘ไปก็ไปว่ะ!’ แล้วทั้งสองก็เดินนำออกไปยังโต๊ะม้าตัวดังกล่าว
เมื่อทั้งสองเดินออกไปได้ระยะแล้ว มุคุโร่ก็หันมาพูดกับคนรักของตน “วองโกเล่ครับ นี้ผมกำลังทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณอยู่นะครับ” เมื่อสึนะได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ยิ้มบางๆ แล้วทั้งสองก็เดินจูงมือกันตามไปอีกคู่
.
.
.
.
TBC.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
XS โผล่แล้ว ฮุเล่ๆ~
ความคิดเห็น