ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
Chapter 2
สิ้นคำพูดยียวนโทสะ ฮิบาริก็พุ่งตรงเข้าไปหมายจะฟาดทอนฟาไปที่ร่างสูงทันที แต่ดีโน่กลับรับไว้ทัน พร้อมกับพูดอย่างเคียดแค้นว่า
“นี่นายเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ เคียวยะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมา...ฉันไม่ขอรับผิดชอบด้วยล่ะ” สิ้นคำพูดของดีโน่ ร่างสูงก็หยิบแส้ของตนขึ้นมา ก่อนที่จะหวดไปด้านข้างลำตัวของฮิบาริ
ชายร่างเล็กจึงใช้ทอนฟากันไว้ได้ แต่น่าเสียดายแส้นั้นกลับรัดทอนฟาของเขาเสียแน่น ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ดีโน่ที่กำลังพยศได้ที่ได้สะบัดเอาทอนฟานั้นไปไกลจากมือคนตัวเล็ก จากนั้นจึงเตรียมจะหวดแส้ไปรัดร่างเล็กนั่นอีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้ฮิบาริกลับเริ่มรู้ทางของดีโน่เสียแล้ว ร่างเล็กกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้โดยเหยียบไปที่แผ่นหลังของดีโน่เพื่อปีนขึ้นไป ดีโน่ล้มลงไปกับพื้นทันทีโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว
“เหอะ!! นึกว่าจะแน่แค่ไหนเชียว นี่มันยังแค่เริ่มต้นเองนะ” ชายหนุ่มเรือนผมสีรัตติกาลว่าพลางหยิบมีดขนาดเล็กขึ้นมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะเตรียมโยนลงไปใส่ดีโน่ แต่ทว่า...ชายหนุ่มผมทองที่เคยนอนล้มอยู่เบื้องล่างได้หายไปแล้ว
“มองอะไรอยู่น่ะ เคียวยะ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลังฮิบาริ เขาหันกลับไปด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงไปจากต้นไม้ แต่โชคดีที่ด้านล่างเป็นหญ้าต้นสูง ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
“ฮะฮ่ะฮ่า เคียวยะ นี่นายซุ่มซ่ามขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ!?” พูดจบ ดีโน่ก็กระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างนิ่มนวล มายืนอยู่ตรงหน้าฮิบาริ
“หึ!!” ร่างเล็กว่าพลางตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้กับคนตรงหน้า ในขณะที่ดีโน่เองก็ยกแส้ขึ้นมาเตรียมไว้แล้วเช่นกัน
“จะต่องั้นเรอะ เคียวยะ” ดีโน่เอ่ยถาม
“ขอมันแน่อยู่แล้ว!!”
สิ้นเสียงพูดของร่างเล็ก คนทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันอีกครั้ง ฮิบาริตรงเข้าไปเตรียมฟาดทอนฟาใส่ร่างสูง แต่กลับเปลี่ยนใจ เขาย่อตัวลงระดับเอวดีโน่ แล้วเอาขาข้างขวากวาดไปที่เท้าของดีโน่ ทำให้ร่างสูงล้มลงทันที จากนั้นร่างเล็กจึงเอาทอนฟาฟาดใส่หน้าดีโน่อีกหลายครั้ง
ร่างสูงทนไม่ไหว จึงยกเท้าถีบร่างเล็กออก แล้วตวัดแส้ฟาดไปที่ตัวของร่างเล็ก ทำให้เสื้อสีดำนั้นขาดออก เผยให้เห็นผิวกายสีขาวที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อดำยาวนั่น ฮิบาริยกทอนฟาปัดแส้ของดีโน่หลายต่อหลายครั้ง ทำให้ไม่มีเวลาโต้กลับหรือหนีเลยสักวินาทีเดียว เขาใช้ความเร็วของการเป็นแวมไพร์ในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยเขาวิ่งอ้อมไปด้านหลังของดีโน่ ก่อนที่จะใช้ทอนฟาฟาดเข้าไปที่หัวสีทองนั่น ทำให้ดีโน่เกือบล้ม ร่างเล็กเห็นได้จังหวะพอดี จึงฟาดทอนฟาเข้าไปที่ร่างสูงไม่ยั้ง เป็นผลให้ดีโน่ล้มลงไป
ร่างเล็กเห็นผู้ชายตรงหน้าล้มลงไปต่อหน้าต่อตา และยังไม่มีที่ท่าว่าจะสู้ต่อ เขาจึงแสยะยิ้มอย่างมีชัย
“นึกว่าจะเก่งสักแค่ไหนเชียว ที่แท้ก็...พวกสัตว์กินพืช...”
ยังไม่ทันที่ฮิบาริจะได้พูดจบประโยค ดีโน่ก็กวาดขาของตนไปเตะฮิบาริทันที เป็นผลให้คนที่ล้มลงไปคือ ฮิบาริแทน ส่วนเขายันตัวลุกขึ้นมาใหม่ได้ ดีโน่ตวัดแส้ไปเกี่ยวทอนฟาของร่างเล็กแล้วสะบัดออกไปให้ไกล ทำให้ตอนนี้ร่างเล็กเรือนผมสีรัตติกาลที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีอาวุธคู่ใจที่จะมาต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว
“นายดูถูกฉันเกินไปนะ เคียวยะ” ร่างสูงพูดอย่างราบเรียบ ก่อนที่จะปัดเศษดินเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามตัวของเขาออก
“นี่เป็นครั้งแรกที่นายทำให้ฉันไม่พอใจนะ เอาเป็นว่าฉันจะยกโทษให้นายก็แล้วกันนะ แต่อย่างให้มีแบบนี้เป็นครั้งที่สองอีกก็แล้วกันล่ะ เพราะฉันเอง...ก็ไม่ได้เป็นคนใจดีมากซะด้วยน่ะสิ” ดีโน่ว่าพลางยื่นมือไปหาร่างเล็ก
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแก” ฮิบาริปัดมือของดีโน่อย่างไร้เยื่อใย ก่อนที่เขาจะพยุงกายของตนให้ลุกขึ้นจากพื้นดิน
“เฮ้อ!! นายนี่ดื้อด้านจังเลยนะ พ่อแม่ของนายกว่าจะเลี้ยงนายมาได้คงลำบากน่าดู”
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน!!!” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ก่อนที่จะผินกายเดินกลับเข้าไปในป่าลึก ทิ้งให้ร่างสูงยืนมองร่างเล็กเดินหายไปจนลับตา
“เฮ้อ!! เสื้อผ้าของฉันเองก็สกปรกแล้วซะด้วยสิ แถมยังมีรอยเลือดอีกด้วย มีหวังโรมาริโอ้ได้บ่นจนหูชาอีกแน่ๆ” หลังจากมองดูร่างเล็กเดินหายไปแล้ว ชายหนุ่มผมทองก็กลับมาสำรวจดูตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับส่ายหัวอย่างปลงตก เมื่อคิดว่าหูของตัวเองจะต้องชาแน่ๆจากการโดนบ่นเรื่องเสื้อผ้า ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเมื่อเขาเดินออกจากป่าแห่งนี้
และสิ่งที่ดีโน่คิด...ก็เป็นดังคาดซะด้วยสิ
“โธ่!! บอสครับ!! ไปเล่นอะไรมอมแมมมาอีกเนี่ยครับ บอสโตแล้วนะครับ เล่นอะไรเป็นเด็กๆเชียว” โรมาริโอ้ยืนมองเจ้านายของตน พร้อมกับส่ายหัวไปมาเบาๆ
“ก็แค่เจอสัตว์น้อยที่ดุร้ายน่ะ เลยเข้าไปเล่นแล้วเจอขมเขี้ยวมา” ดีโน่ให้เหตุผล
“งั้นก็แปลว่าบอสเข้าไปในป่ามาสิน่ะครับ โธ่!! บอสครับ ในป่าน่ะ มัน...”
“โรมาริโอ้~!! ฉันรู้น่า ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”
“แต่บอสทำตัวเหมือนเด็กนี่ครับ เด็กน่ะ รู้อะไรไม่มากหรอก เลยเผลอไปเล่นกับของอันตรายเข้า แต่บอสโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ บอสยังไปยุ่งกับของอันตรายอีก รู้ว่าอันตรายก็หนีออกมาสิครับ” โรมาริโอ้สอน
“แต่ว่า...ของอันตรายชิ้นนั้น มันชักชวนให้ฉันเข้าไปหาเองนี่นา” เมื่อพูดจบ ดีโน่ก็เข้าห้องผิดประตูทันที เพื่อหลีกหนีคำบ่นที่จะออกมาอีกเป็นชุด
“ถึงของอันตรายชิ้นนั้นจะชักชวนเราเข้าไป เราก็อย่าไปเดินตามเกมส์ของเขาสิครับ เพราะเดี๋ยวจะเจออันตรายอีกมากมายนับไม่ถ้วนน่ะ บอสครับ~!!! ที่ผมพูดน่ะ บอสทราบรึยังครับ!!” โรมาริโอ้พูดอยู่หน้าประตู
“โธ่~!! โรมาริโอ้นี่แก่แล้วแก่เลยนะ บ่นมากจริง”
“ผมไม่ได้บ่นนะครับ ผมแค่ตักเตือนบอส ว่าอย่าไปยุ่งกับของอันตรายอีก”
“ก็นั่นแหละน่า เขาเรียกว่าบ่นล่ะ”
“บอสครับ...” ยังไม่ทันที่โรมาริโอ้จะได้บ่นที่หน้าประตูต่อ ดีโน่ก็เปิดประตูห้องออกมาพอดี
“หยุดบ่นได้แล้วน่า โรมาริโอ้ ฉันว่าเราไปดูการบูรณะคฤหาสน์ดีกว่านะ” พูดจบ ดีโน่ก็เดินยิ้มแปล้ในสภาพชุดที่ถูกเปลี่ยนมาเรียบร้อยแล้ว และเดินออกไปจากที่นั้นทันที โดยเดินมุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์ของตน
การบูรณะคฤหาสน์เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าไม่ถึง1อาทิตย์ก็คงจะเข้าไปอยู่ได้แน่นอนโดยที่ไม่ขาดตกบกพร่องใดๆ จะขาดก็เพียงสวนที่อยู่ตรงหน้าคฤหาสน์เท่านั้น ที่ดูท่าคงจะไม่เสร็จโดยเร็วแน่ๆ เพราะคนที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์อย่างดีโน่กลับไม่ยอมให้ปลูกใหม่เสียนี่ ต่างกับคนสนิทอย่างโรมาริโอ้ที่พยายามเกลี้ยมกล่อมให้เจ้านายตนเปลี่ยนสวนใหม่ เพราะสวนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าบ้านนี่ ค่อนข้างจะรกเลยทีเดียวล่ะ ยังดีที่ตัดต้นไม้ใหญ่บางต้นออกไปแล้ว ไม่เช่นนั้นถ้ามองมาจากด้านหน้าของคฤหาสน์คงมองไม่เห็นแน่ๆ ซึ่งตัวเจ้าของคฤหาสน์ก็ได้แต่เพียงบอกว่า
‘เอาน่าๆ โรมาริโอ้ ไม่เห็นต้องทำสวนใหม่เลยนี่ สวนนี้ก็ดีแล้ว แค่เพียงตัดแต่งบ้างเล็กน้อยเท่านั้น ความจริงถ้าสวนนี้ไม่มีต้นไม้แห้งเฉาตายไปหลายต้นล่ะก็ คงเป็นสวนหน้าคฤหาสน์ที่สวยงามมากๆเลยล่ะ นายคิดอย่างนั้นมั๊ยล่ะ!?’
และถึงโรมาริโอ้จะส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่เห็นด้วย แต่เจ้าตัวก็ยังทำเป็นมองไม่เห็นไม่หน้าคัดค้านของคนสนิทอยู่ดี
จนกระทั่งการบูรณะคฤหาสน์ล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น
“เอาล่ะๆ วันนี้พอก่อนนะ นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกนายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ ขอบคุณทุกคนมาก” นักธุรกิจเจ้าของบริษัทคาบัคโลเน่กล่าวเสียงดังพอที่จะให้ทุกคนได้ยิน ก่อนที่จะยิ้มให้พวกเขาบางๆ
“เราเองก็กลับที่พักเถอะครับบอส ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” โรมาริโอ้ร้องเตือนผู้เป็นเจ้านาย
“อืม” หลังจากตอบรับคำของโรมาริโอ้แล้ว ดีโน่หมุนตัวเพื่อที่จะเดินกลับ
เขาเดินมาที่โฮมสเตย์ด้วยท่าทีสบายๆ ไม่รีบร้อนมากนัก ก่อนที่จะไปล้างมือที่อ่างล้างมือเพื่อเตรียมรับประทานอาหารเย็น
“บอสครับ จะให้ผมเตรียมคนมาเฝ้าที่โฮมสเตย์นี้สักกี่คนดีล่ะครับ 20พอไหม!?” โรมาริโอ้กระซิบถามดีโน่
“เยอะไปต่างหากเล่า!! โรมารโอ้ ฉันมาเที่ยวพักผ่อนนะ ไม่ได้มาเจรจาทางธุรกิจ จะได้กลัวคนมาลอบทำร้ายน่ะ”
“แต่ว่า...”
“สรุปว่ามีบอดี้การ์ดมาเฝ้าฉันแค่ 5คนอย่างมากก็แล้วกัน” ดีโน่สรุปเอง
“บอสครับ...”
“ห้ามเถียงนะ นี่คือการตัดสินใจของฉัน” เมื่อดีโน่พูดประโยคนี้ ทำให้โรมาริโอ้ถึงกับเถียงไม่ออกเลยทีเดียว
และนั่นเองก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อาหารมาเสิรฟ์ให้พอดี ดีโน่เลยให้ความสำคัญกับอาหารมากกว่าลูกน้องคนสนิทของตน
“อาหารน่ากินมากครับ ขอบคุณครับ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้คนที่ยกอาหารมาให้ ก่อนที่จะลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า
เมื่อรับประทานอิ่มแล้ว ดีโน่ถึงกับนอนพิงอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวไม่ไปไหน พลางลูบท้องของตัวเองไปมา
“กินซะอิ่มเลยฉัน สงสัยลุกไม่ขึ้นแน่ๆ” เขาพูดกับตัวเองเบาๆ แต่ถึงกระนั้น ผู้ที่เป็นถึงลูกน้องคนสนิทของเขากลับได้ยินด้วย
“บอสครับ ทำกิริยาอย่างนั้นไม่ดีนะครับ...”
“โธ่~!! บ่นอีกแล้วนะ โรมาริโอ้ นี่ฉันก็ไม่ได้อยู่ต่อหน้าพวกนักธุรกิจสักหน่อยนี่ ไม่เห็นต้องวางมาดเลย”
“แต่ไม่ว่าจะที่ไหน บอสก็ต้องรักษากริยาให้ดีอยู่เสมอนะครับ”
“โรมาริโอ้…”
“บอสครับ อย่าดื้อสิครับ ‘พ่อกับแม่’ ของบอสได้ฝากฝังให้ผมดูแลบอสแล้ว ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด แต่บอสได้โปรดอย่าทำให้ผมหนักใจอีกเลยนะครับ~!!”
เมื่อดีโน่ได้ยินคำว่า ‘พ่อกับแม่’ เขาก็เงียบไปทันที
“อืม ก็ได้ ฉันจะพยายามนะ” พูดจบ เขาก็หลับตาลงเบาๆ พร้อมกับเอนตัวไปนอนราบกับเก้าอี้ตัวยาว ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น ทำให้โรมาริโอ้อดคิดไม่ได้ว่า เจ้านายของเขากำลังเก็บซ่อนความรู้สึกอยู่รึเปล่า เขาตัดสินใจเดินออกจากที่นั่นไป ปล่อยให้ดีโน่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ยาวเพียงผู้เดียว
หลังจากที่โรมาริโอ้เดินออกไปได้ไม่นานนัก ดีโน่ก็ลืมตาของเขาขึ้นช้าๆ ก่อนที่จะทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สว่างไสว
“พ่อกับแม่ของฉัน...อย่างงั้นเหรอ?...” ดีโน่เอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ นัยน์ตาสีทองที่เคยดูสดใสกลับหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
“...” เขาหลับตาลงอีกครั้งเบาๆ ก่อนที่สมองจะย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านพ้นมา อดีต...ที่เนิ่นนานมาแล้ว อดีต...ที่ไม่น่าจดจำ
ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างแรงเพื่อลบภาพในอดีตที่ตนเคยประสบพบเจอมา แต่ทำอย่างไรภาพที่น่ากลัวเหล่านั้นก็ยังไม่ลบเลือนออกจากสมองเขาสักที เขาปวดหัวอยู่กับมันอยู่นานพอควร จนในที่สุด...เขาก็เผลองีบหลับลงไป
เวลาล่วงผ่านไปกว่าชั่วโมง นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงนาม ดีโน่ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย เขานอนหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวในท่าเดิมอยู่นาน และคิดว่าคงจะไม่ตื่น จนกระทั่ง...
ข้างกายของเขาปรากฏร่างร่างหนึ่ง เป็นชายหนุ่มผมตัวเล็กสวมฮู้ดสีดำปิดหน้าปิดตา ผู้ชายคนนั้นมายืนอยู่ข้างๆกายของดีโน่ เขากระตุกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนที่จะก้มลงเอาลิ้นอุ่นๆของตนเองไปเลียที่ลำคอขาวของดีโน่ และเผยเคี้ยวขาวๆแสนคมออกมา และ...
“เคียวยะ อย่าคิดจะทำอะไรโง่ๆกับฉันเป็นอันขาดนะ ไม่งั้นนายเจอดีแน่!!!” ดีโน่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือจับตรงลำคอของฮิบาริ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลต่างกับหน้าตาท่าทางที่เขากระทำเหลือเกิน
“แกคิดว่าจะทำอะไรฉันได้งั้นเรอะ!!” ชายร่างเล็กว่าพลางแสยะยิ้มใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้ามีรอยโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นมา ทำให้ดีโน่อดที่จะฉุกคิดไม่ได้
...ทำไมกัน...ช่างเหมือนเหลือเกิน...
...เหมือน...กับคนๆนั้น...คนที่ได้ทำให้จิตใจของฉันแหลกแหลกไม่เป็นชิ้นดี
...คนๆนั้น...คนที่ฉันเคยหวาดกลัว...แต่มาบัดนี้กลับอยากฆ่าให้ตาย...เพียงแต่ว่ากลับไม่มีโอกาสได้ฆ่า
...แต่ทำไมล่ะ...กลับมีคนหน้าตาคล้ายคลึงมาปรากฏกายต่อหน้าแบบนี้...
...คนตรงหน้าฉันนี้...เป็นใครกัน?
“ตอนนี้นายอยู่ในกำมือฉันอยู่นะ เคียวยะ คิดว่าจะหนีได้ง่ายๆงั้นเรอะ”
“หึ!! แล้วแกล่ะ คิดเหรอ!? ว่าจะจับฉันอยู่หมัดน่ะ เมื่อตอนเช้า ฉันเสียเปรียบในด้านสภาพแวดล้อมไปหน่อย แต่ตอนนี้ เป็นตอนกลางคืน...เป็นเวลาหากินของแวมไพร์” พูดจบ ฮิบาริก็หายตัวไปจากมือดีโน่มายืนอยู่ข้างหน้าทันที แต่ดีโน่เองก็ไม่มีท่าที่ตกใจอะไร
“แล้วยังไงเล่า~!? เป็นเวลาหากินของนายแล้วไง อย่าลืมสิ เคียวยะ ว่านายเองก็เคยแพ้ฉันในช่วงเวลากลางคืนเหมือนกันน่ะ จำไม่ได้รึไง” ดีโน่พูดอย่างสบายๆ
“นั้นมันก็แค่ ‘เคยแพ้’ ใช่ว่าฉันจะแพ้แกทุกครั้งนี่ แกน่ะ มั่นใจตัวเองมากเกินไปรึเปล่า!?” ฮิบาริพูดด้วยน้ำเสียงเยียดหยาม
“ฮะฮ่ะฮ่า งั้นก็เอาสิ นายลองเอาชนะฉันให้ดูทีสิ”
“งั้นเราได้เห็นดีกัน” สิ้นคำพูดนี้ ฮิบาริก็หยิบทอนฟาขึ้นมาฟาดฟันกับแส้ของดีโน่ทันที เขาระวังไม่ให้ทอนฟาของเขาถูกแส้รัดได้ ก่อนที่จะหาจังหวะเหมาะๆและฟาดทอนฟาไปที่หลังดีโน่ และนั่นก็เป็นผลให้ดีโน่ล้มลงทันที
“เหอะ!!” ดีโน่แค่นเสียงขึ้นสูง ก่อนที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง คราวนี้เข้าระวังไม่ให้ตัวเองมีระยะประชิดตัวกับฮิบาริมากเกินไป และอาศัยแส้ของเขาที่มีความยาวมากกว่าต่อสู้กับฮิบาริ เขาใช้เวลาในการตวัดแส้ครั้งหนึ่งเร็วมาก และทุกครั้งที่แส้เขาตวัดลงไป มักจะโดนเนื้อของฮิบาริเสมอ ทำให้ร่างเล็กเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก
แวมไพร์ตัวน้อยจึงมีความคิดที่จะคุณสมบัติของแวมไพร์โดยเฉพาะใดการต่อสู้ครั้งนี้ เขาแปลงร่างเป็นหมาป่าสีดำขนาดใหญ่ แล้วกระโจนเข้าใส่ดีโน่อย่างว่องไว ฝ่ายดีโน่ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวมากนัก ก็ตกใจและฟาดแส้ใส่หมาป่าตัวดังกล่าว แต่นั้นก็ไม่ได้ระคายเคืองผิวของฮิบาริเลย เขากระโจนใส่ร่างสูงจนล้มลงไป ก่อนที่จะงับเข้าที่คอขาวๆนั่น เมื่องับจุดสำคัญได้แล้ว ฮิบาริในร่างหมาป่าของสะบัดไปมาเพื่อให้คอของดีโน่หัก แต่ทว่า...
ฉึก!!
มีดสั้นเล่มเล็กปักเข้าที่คอของหมาป่าอย่างจัง และคนที่ปักก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นดีโน่นั่นเอง เขากระชากมีดที่ปักอยู่ที่คอออกอีกครั้ง ก่อนที่จะเตรียมปักลงเข้าไปใหม่ แต่ฮิบาริกลับปล่อยปากออกจากคอของเขาก่อน ก่อนที่จะกระโจนไปยืนอยู่ด้านหน้าดีโน่อีกครั้ง ร่างของหมาป่าฮิบาริดูทุรนทุรายมาก มันโหยหวนเสียงดัง พร้อมๆกับตัวของมันที่ล้มลงไปกองกับพื้น
“ไม่ต้องสงสัยหรอก...ว่า...ว่าทำไมนายถึงเจ็บปวดกับมีดธรรมดาได้ นะ...นี่เป็นมีดเงินสำหรับกำจัดแวมไพร์...โดยเฉพาะ พอนายโดนมันเข้าไป...ก็...ก็ไม่ต่างอะไรกับนายโดนกระสุนเงินหรอก” ดีโน่พยายามอธิบาย พร้อมๆกับที่เขาพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นมา เขาเอามือข้างหนึ่งจับลำคอของตนเองที่โดนกัดไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ค่อยๆยกมีดเงินเล่มเดิมนั่นขึ้นมา
“ถ้านายเข้ามาอีกล่ะก็ จะโดนอีกทีนะ” ดีโน่พูดเสียงต่ำ
ในขณะเดียวกัน ฮิบาริในร่างของหมาป่าก็ค่อยๆยันตัวเองขึ้น มันหันมามองดีโน่ด้วยแววตาสีเลือดแฝงความน่ากลัวของมันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหลังวิ่งกลับเข้าป่าไปด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น ตาของดีโน่ก็พร่ามัว หัวสมองเป็นสีขาวโพลน ก่อนที่จะล้มลงอย่างหมดแรง ณ ที่นั่น
.
.
.
.
TBC.
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ^^
สิ้นคำพูดยียวนโทสะ ฮิบาริก็พุ่งตรงเข้าไปหมายจะฟาดทอนฟาไปที่ร่างสูงทันที แต่ดีโน่กลับรับไว้ทัน พร้อมกับพูดอย่างเคียดแค้นว่า
“นี่นายเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ เคียวยะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมา...ฉันไม่ขอรับผิดชอบด้วยล่ะ” สิ้นคำพูดของดีโน่ ร่างสูงก็หยิบแส้ของตนขึ้นมา ก่อนที่จะหวดไปด้านข้างลำตัวของฮิบาริ
ชายร่างเล็กจึงใช้ทอนฟากันไว้ได้ แต่น่าเสียดายแส้นั้นกลับรัดทอนฟาของเขาเสียแน่น ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ดีโน่ที่กำลังพยศได้ที่ได้สะบัดเอาทอนฟานั้นไปไกลจากมือคนตัวเล็ก จากนั้นจึงเตรียมจะหวดแส้ไปรัดร่างเล็กนั่นอีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้ฮิบาริกลับเริ่มรู้ทางของดีโน่เสียแล้ว ร่างเล็กกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้โดยเหยียบไปที่แผ่นหลังของดีโน่เพื่อปีนขึ้นไป ดีโน่ล้มลงไปกับพื้นทันทีโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว
“เหอะ!! นึกว่าจะแน่แค่ไหนเชียว นี่มันยังแค่เริ่มต้นเองนะ” ชายหนุ่มเรือนผมสีรัตติกาลว่าพลางหยิบมีดขนาดเล็กขึ้นมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะเตรียมโยนลงไปใส่ดีโน่ แต่ทว่า...ชายหนุ่มผมทองที่เคยนอนล้มอยู่เบื้องล่างได้หายไปแล้ว
“มองอะไรอยู่น่ะ เคียวยะ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลังฮิบาริ เขาหันกลับไปด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงไปจากต้นไม้ แต่โชคดีที่ด้านล่างเป็นหญ้าต้นสูง ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
“ฮะฮ่ะฮ่า เคียวยะ นี่นายซุ่มซ่ามขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ!?” พูดจบ ดีโน่ก็กระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างนิ่มนวล มายืนอยู่ตรงหน้าฮิบาริ
“หึ!!” ร่างเล็กว่าพลางตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้กับคนตรงหน้า ในขณะที่ดีโน่เองก็ยกแส้ขึ้นมาเตรียมไว้แล้วเช่นกัน
“จะต่องั้นเรอะ เคียวยะ” ดีโน่เอ่ยถาม
“ขอมันแน่อยู่แล้ว!!”
สิ้นเสียงพูดของร่างเล็ก คนทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันอีกครั้ง ฮิบาริตรงเข้าไปเตรียมฟาดทอนฟาใส่ร่างสูง แต่กลับเปลี่ยนใจ เขาย่อตัวลงระดับเอวดีโน่ แล้วเอาขาข้างขวากวาดไปที่เท้าของดีโน่ ทำให้ร่างสูงล้มลงทันที จากนั้นร่างเล็กจึงเอาทอนฟาฟาดใส่หน้าดีโน่อีกหลายครั้ง
ร่างสูงทนไม่ไหว จึงยกเท้าถีบร่างเล็กออก แล้วตวัดแส้ฟาดไปที่ตัวของร่างเล็ก ทำให้เสื้อสีดำนั้นขาดออก เผยให้เห็นผิวกายสีขาวที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อดำยาวนั่น ฮิบาริยกทอนฟาปัดแส้ของดีโน่หลายต่อหลายครั้ง ทำให้ไม่มีเวลาโต้กลับหรือหนีเลยสักวินาทีเดียว เขาใช้ความเร็วของการเป็นแวมไพร์ในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยเขาวิ่งอ้อมไปด้านหลังของดีโน่ ก่อนที่จะใช้ทอนฟาฟาดเข้าไปที่หัวสีทองนั่น ทำให้ดีโน่เกือบล้ม ร่างเล็กเห็นได้จังหวะพอดี จึงฟาดทอนฟาเข้าไปที่ร่างสูงไม่ยั้ง เป็นผลให้ดีโน่ล้มลงไป
ร่างเล็กเห็นผู้ชายตรงหน้าล้มลงไปต่อหน้าต่อตา และยังไม่มีที่ท่าว่าจะสู้ต่อ เขาจึงแสยะยิ้มอย่างมีชัย
“นึกว่าจะเก่งสักแค่ไหนเชียว ที่แท้ก็...พวกสัตว์กินพืช...”
ยังไม่ทันที่ฮิบาริจะได้พูดจบประโยค ดีโน่ก็กวาดขาของตนไปเตะฮิบาริทันที เป็นผลให้คนที่ล้มลงไปคือ ฮิบาริแทน ส่วนเขายันตัวลุกขึ้นมาใหม่ได้ ดีโน่ตวัดแส้ไปเกี่ยวทอนฟาของร่างเล็กแล้วสะบัดออกไปให้ไกล ทำให้ตอนนี้ร่างเล็กเรือนผมสีรัตติกาลที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีอาวุธคู่ใจที่จะมาต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว
“นายดูถูกฉันเกินไปนะ เคียวยะ” ร่างสูงพูดอย่างราบเรียบ ก่อนที่จะปัดเศษดินเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามตัวของเขาออก
“นี่เป็นครั้งแรกที่นายทำให้ฉันไม่พอใจนะ เอาเป็นว่าฉันจะยกโทษให้นายก็แล้วกันนะ แต่อย่างให้มีแบบนี้เป็นครั้งที่สองอีกก็แล้วกันล่ะ เพราะฉันเอง...ก็ไม่ได้เป็นคนใจดีมากซะด้วยน่ะสิ” ดีโน่ว่าพลางยื่นมือไปหาร่างเล็ก
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแก” ฮิบาริปัดมือของดีโน่อย่างไร้เยื่อใย ก่อนที่เขาจะพยุงกายของตนให้ลุกขึ้นจากพื้นดิน
“เฮ้อ!! นายนี่ดื้อด้านจังเลยนะ พ่อแม่ของนายกว่าจะเลี้ยงนายมาได้คงลำบากน่าดู”
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน!!!” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ก่อนที่จะผินกายเดินกลับเข้าไปในป่าลึก ทิ้งให้ร่างสูงยืนมองร่างเล็กเดินหายไปจนลับตา
“เฮ้อ!! เสื้อผ้าของฉันเองก็สกปรกแล้วซะด้วยสิ แถมยังมีรอยเลือดอีกด้วย มีหวังโรมาริโอ้ได้บ่นจนหูชาอีกแน่ๆ” หลังจากมองดูร่างเล็กเดินหายไปแล้ว ชายหนุ่มผมทองก็กลับมาสำรวจดูตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับส่ายหัวอย่างปลงตก เมื่อคิดว่าหูของตัวเองจะต้องชาแน่ๆจากการโดนบ่นเรื่องเสื้อผ้า ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเมื่อเขาเดินออกจากป่าแห่งนี้
และสิ่งที่ดีโน่คิด...ก็เป็นดังคาดซะด้วยสิ
“โธ่!! บอสครับ!! ไปเล่นอะไรมอมแมมมาอีกเนี่ยครับ บอสโตแล้วนะครับ เล่นอะไรเป็นเด็กๆเชียว” โรมาริโอ้ยืนมองเจ้านายของตน พร้อมกับส่ายหัวไปมาเบาๆ
“ก็แค่เจอสัตว์น้อยที่ดุร้ายน่ะ เลยเข้าไปเล่นแล้วเจอขมเขี้ยวมา” ดีโน่ให้เหตุผล
“งั้นก็แปลว่าบอสเข้าไปในป่ามาสิน่ะครับ โธ่!! บอสครับ ในป่าน่ะ มัน...”
“โรมาริโอ้~!! ฉันรู้น่า ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”
“แต่บอสทำตัวเหมือนเด็กนี่ครับ เด็กน่ะ รู้อะไรไม่มากหรอก เลยเผลอไปเล่นกับของอันตรายเข้า แต่บอสโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ บอสยังไปยุ่งกับของอันตรายอีก รู้ว่าอันตรายก็หนีออกมาสิครับ” โรมาริโอ้สอน
“แต่ว่า...ของอันตรายชิ้นนั้น มันชักชวนให้ฉันเข้าไปหาเองนี่นา” เมื่อพูดจบ ดีโน่ก็เข้าห้องผิดประตูทันที เพื่อหลีกหนีคำบ่นที่จะออกมาอีกเป็นชุด
“ถึงของอันตรายชิ้นนั้นจะชักชวนเราเข้าไป เราก็อย่าไปเดินตามเกมส์ของเขาสิครับ เพราะเดี๋ยวจะเจออันตรายอีกมากมายนับไม่ถ้วนน่ะ บอสครับ~!!! ที่ผมพูดน่ะ บอสทราบรึยังครับ!!” โรมาริโอ้พูดอยู่หน้าประตู
“โธ่~!! โรมาริโอ้นี่แก่แล้วแก่เลยนะ บ่นมากจริง”
“ผมไม่ได้บ่นนะครับ ผมแค่ตักเตือนบอส ว่าอย่าไปยุ่งกับของอันตรายอีก”
“ก็นั่นแหละน่า เขาเรียกว่าบ่นล่ะ”
“บอสครับ...” ยังไม่ทันที่โรมาริโอ้จะได้บ่นที่หน้าประตูต่อ ดีโน่ก็เปิดประตูห้องออกมาพอดี
“หยุดบ่นได้แล้วน่า โรมาริโอ้ ฉันว่าเราไปดูการบูรณะคฤหาสน์ดีกว่านะ” พูดจบ ดีโน่ก็เดินยิ้มแปล้ในสภาพชุดที่ถูกเปลี่ยนมาเรียบร้อยแล้ว และเดินออกไปจากที่นั้นทันที โดยเดินมุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์ของตน
การบูรณะคฤหาสน์เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าไม่ถึง1อาทิตย์ก็คงจะเข้าไปอยู่ได้แน่นอนโดยที่ไม่ขาดตกบกพร่องใดๆ จะขาดก็เพียงสวนที่อยู่ตรงหน้าคฤหาสน์เท่านั้น ที่ดูท่าคงจะไม่เสร็จโดยเร็วแน่ๆ เพราะคนที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์อย่างดีโน่กลับไม่ยอมให้ปลูกใหม่เสียนี่ ต่างกับคนสนิทอย่างโรมาริโอ้ที่พยายามเกลี้ยมกล่อมให้เจ้านายตนเปลี่ยนสวนใหม่ เพราะสวนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าบ้านนี่ ค่อนข้างจะรกเลยทีเดียวล่ะ ยังดีที่ตัดต้นไม้ใหญ่บางต้นออกไปแล้ว ไม่เช่นนั้นถ้ามองมาจากด้านหน้าของคฤหาสน์คงมองไม่เห็นแน่ๆ ซึ่งตัวเจ้าของคฤหาสน์ก็ได้แต่เพียงบอกว่า
‘เอาน่าๆ โรมาริโอ้ ไม่เห็นต้องทำสวนใหม่เลยนี่ สวนนี้ก็ดีแล้ว แค่เพียงตัดแต่งบ้างเล็กน้อยเท่านั้น ความจริงถ้าสวนนี้ไม่มีต้นไม้แห้งเฉาตายไปหลายต้นล่ะก็ คงเป็นสวนหน้าคฤหาสน์ที่สวยงามมากๆเลยล่ะ นายคิดอย่างนั้นมั๊ยล่ะ!?’
และถึงโรมาริโอ้จะส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่เห็นด้วย แต่เจ้าตัวก็ยังทำเป็นมองไม่เห็นไม่หน้าคัดค้านของคนสนิทอยู่ดี
จนกระทั่งการบูรณะคฤหาสน์ล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น
“เอาล่ะๆ วันนี้พอก่อนนะ นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกนายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ ขอบคุณทุกคนมาก” นักธุรกิจเจ้าของบริษัทคาบัคโลเน่กล่าวเสียงดังพอที่จะให้ทุกคนได้ยิน ก่อนที่จะยิ้มให้พวกเขาบางๆ
“เราเองก็กลับที่พักเถอะครับบอส ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” โรมาริโอ้ร้องเตือนผู้เป็นเจ้านาย
“อืม” หลังจากตอบรับคำของโรมาริโอ้แล้ว ดีโน่หมุนตัวเพื่อที่จะเดินกลับ
เขาเดินมาที่โฮมสเตย์ด้วยท่าทีสบายๆ ไม่รีบร้อนมากนัก ก่อนที่จะไปล้างมือที่อ่างล้างมือเพื่อเตรียมรับประทานอาหารเย็น
“บอสครับ จะให้ผมเตรียมคนมาเฝ้าที่โฮมสเตย์นี้สักกี่คนดีล่ะครับ 20พอไหม!?” โรมาริโอ้กระซิบถามดีโน่
“เยอะไปต่างหากเล่า!! โรมารโอ้ ฉันมาเที่ยวพักผ่อนนะ ไม่ได้มาเจรจาทางธุรกิจ จะได้กลัวคนมาลอบทำร้ายน่ะ”
“แต่ว่า...”
“สรุปว่ามีบอดี้การ์ดมาเฝ้าฉันแค่ 5คนอย่างมากก็แล้วกัน” ดีโน่สรุปเอง
“บอสครับ...”
“ห้ามเถียงนะ นี่คือการตัดสินใจของฉัน” เมื่อดีโน่พูดประโยคนี้ ทำให้โรมาริโอ้ถึงกับเถียงไม่ออกเลยทีเดียว
และนั่นเองก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อาหารมาเสิรฟ์ให้พอดี ดีโน่เลยให้ความสำคัญกับอาหารมากกว่าลูกน้องคนสนิทของตน
“อาหารน่ากินมากครับ ขอบคุณครับ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้คนที่ยกอาหารมาให้ ก่อนที่จะลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า
เมื่อรับประทานอิ่มแล้ว ดีโน่ถึงกับนอนพิงอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวไม่ไปไหน พลางลูบท้องของตัวเองไปมา
“กินซะอิ่มเลยฉัน สงสัยลุกไม่ขึ้นแน่ๆ” เขาพูดกับตัวเองเบาๆ แต่ถึงกระนั้น ผู้ที่เป็นถึงลูกน้องคนสนิทของเขากลับได้ยินด้วย
“บอสครับ ทำกิริยาอย่างนั้นไม่ดีนะครับ...”
“โธ่~!! บ่นอีกแล้วนะ โรมาริโอ้ นี่ฉันก็ไม่ได้อยู่ต่อหน้าพวกนักธุรกิจสักหน่อยนี่ ไม่เห็นต้องวางมาดเลย”
“แต่ไม่ว่าจะที่ไหน บอสก็ต้องรักษากริยาให้ดีอยู่เสมอนะครับ”
“โรมาริโอ้…”
“บอสครับ อย่าดื้อสิครับ ‘พ่อกับแม่’ ของบอสได้ฝากฝังให้ผมดูแลบอสแล้ว ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด แต่บอสได้โปรดอย่าทำให้ผมหนักใจอีกเลยนะครับ~!!”
เมื่อดีโน่ได้ยินคำว่า ‘พ่อกับแม่’ เขาก็เงียบไปทันที
“อืม ก็ได้ ฉันจะพยายามนะ” พูดจบ เขาก็หลับตาลงเบาๆ พร้อมกับเอนตัวไปนอนราบกับเก้าอี้ตัวยาว ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น ทำให้โรมาริโอ้อดคิดไม่ได้ว่า เจ้านายของเขากำลังเก็บซ่อนความรู้สึกอยู่รึเปล่า เขาตัดสินใจเดินออกจากที่นั่นไป ปล่อยให้ดีโน่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ยาวเพียงผู้เดียว
หลังจากที่โรมาริโอ้เดินออกไปได้ไม่นานนัก ดีโน่ก็ลืมตาของเขาขึ้นช้าๆ ก่อนที่จะทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สว่างไสว
“พ่อกับแม่ของฉัน...อย่างงั้นเหรอ?...” ดีโน่เอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ นัยน์ตาสีทองที่เคยดูสดใสกลับหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
“...” เขาหลับตาลงอีกครั้งเบาๆ ก่อนที่สมองจะย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านพ้นมา อดีต...ที่เนิ่นนานมาแล้ว อดีต...ที่ไม่น่าจดจำ
ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างแรงเพื่อลบภาพในอดีตที่ตนเคยประสบพบเจอมา แต่ทำอย่างไรภาพที่น่ากลัวเหล่านั้นก็ยังไม่ลบเลือนออกจากสมองเขาสักที เขาปวดหัวอยู่กับมันอยู่นานพอควร จนในที่สุด...เขาก็เผลองีบหลับลงไป
เวลาล่วงผ่านไปกว่าชั่วโมง นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงนาม ดีโน่ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย เขานอนหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวในท่าเดิมอยู่นาน และคิดว่าคงจะไม่ตื่น จนกระทั่ง...
ข้างกายของเขาปรากฏร่างร่างหนึ่ง เป็นชายหนุ่มผมตัวเล็กสวมฮู้ดสีดำปิดหน้าปิดตา ผู้ชายคนนั้นมายืนอยู่ข้างๆกายของดีโน่ เขากระตุกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนที่จะก้มลงเอาลิ้นอุ่นๆของตนเองไปเลียที่ลำคอขาวของดีโน่ และเผยเคี้ยวขาวๆแสนคมออกมา และ...
“เคียวยะ อย่าคิดจะทำอะไรโง่ๆกับฉันเป็นอันขาดนะ ไม่งั้นนายเจอดีแน่!!!” ดีโน่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือจับตรงลำคอของฮิบาริ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลต่างกับหน้าตาท่าทางที่เขากระทำเหลือเกิน
“แกคิดว่าจะทำอะไรฉันได้งั้นเรอะ!!” ชายร่างเล็กว่าพลางแสยะยิ้มใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้ามีรอยโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นมา ทำให้ดีโน่อดที่จะฉุกคิดไม่ได้
...ทำไมกัน...ช่างเหมือนเหลือเกิน...
...เหมือน...กับคนๆนั้น...คนที่ได้ทำให้จิตใจของฉันแหลกแหลกไม่เป็นชิ้นดี
...คนๆนั้น...คนที่ฉันเคยหวาดกลัว...แต่มาบัดนี้กลับอยากฆ่าให้ตาย...เพียงแต่ว่ากลับไม่มีโอกาสได้ฆ่า
...แต่ทำไมล่ะ...กลับมีคนหน้าตาคล้ายคลึงมาปรากฏกายต่อหน้าแบบนี้...
...คนตรงหน้าฉันนี้...เป็นใครกัน?
“ตอนนี้นายอยู่ในกำมือฉันอยู่นะ เคียวยะ คิดว่าจะหนีได้ง่ายๆงั้นเรอะ”
“หึ!! แล้วแกล่ะ คิดเหรอ!? ว่าจะจับฉันอยู่หมัดน่ะ เมื่อตอนเช้า ฉันเสียเปรียบในด้านสภาพแวดล้อมไปหน่อย แต่ตอนนี้ เป็นตอนกลางคืน...เป็นเวลาหากินของแวมไพร์” พูดจบ ฮิบาริก็หายตัวไปจากมือดีโน่มายืนอยู่ข้างหน้าทันที แต่ดีโน่เองก็ไม่มีท่าที่ตกใจอะไร
“แล้วยังไงเล่า~!? เป็นเวลาหากินของนายแล้วไง อย่าลืมสิ เคียวยะ ว่านายเองก็เคยแพ้ฉันในช่วงเวลากลางคืนเหมือนกันน่ะ จำไม่ได้รึไง” ดีโน่พูดอย่างสบายๆ
“นั้นมันก็แค่ ‘เคยแพ้’ ใช่ว่าฉันจะแพ้แกทุกครั้งนี่ แกน่ะ มั่นใจตัวเองมากเกินไปรึเปล่า!?” ฮิบาริพูดด้วยน้ำเสียงเยียดหยาม
“ฮะฮ่ะฮ่า งั้นก็เอาสิ นายลองเอาชนะฉันให้ดูทีสิ”
“งั้นเราได้เห็นดีกัน” สิ้นคำพูดนี้ ฮิบาริก็หยิบทอนฟาขึ้นมาฟาดฟันกับแส้ของดีโน่ทันที เขาระวังไม่ให้ทอนฟาของเขาถูกแส้รัดได้ ก่อนที่จะหาจังหวะเหมาะๆและฟาดทอนฟาไปที่หลังดีโน่ และนั่นก็เป็นผลให้ดีโน่ล้มลงทันที
“เหอะ!!” ดีโน่แค่นเสียงขึ้นสูง ก่อนที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง คราวนี้เข้าระวังไม่ให้ตัวเองมีระยะประชิดตัวกับฮิบาริมากเกินไป และอาศัยแส้ของเขาที่มีความยาวมากกว่าต่อสู้กับฮิบาริ เขาใช้เวลาในการตวัดแส้ครั้งหนึ่งเร็วมาก และทุกครั้งที่แส้เขาตวัดลงไป มักจะโดนเนื้อของฮิบาริเสมอ ทำให้ร่างเล็กเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก
แวมไพร์ตัวน้อยจึงมีความคิดที่จะคุณสมบัติของแวมไพร์โดยเฉพาะใดการต่อสู้ครั้งนี้ เขาแปลงร่างเป็นหมาป่าสีดำขนาดใหญ่ แล้วกระโจนเข้าใส่ดีโน่อย่างว่องไว ฝ่ายดีโน่ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวมากนัก ก็ตกใจและฟาดแส้ใส่หมาป่าตัวดังกล่าว แต่นั้นก็ไม่ได้ระคายเคืองผิวของฮิบาริเลย เขากระโจนใส่ร่างสูงจนล้มลงไป ก่อนที่จะงับเข้าที่คอขาวๆนั่น เมื่องับจุดสำคัญได้แล้ว ฮิบาริในร่างหมาป่าของสะบัดไปมาเพื่อให้คอของดีโน่หัก แต่ทว่า...
ฉึก!!
มีดสั้นเล่มเล็กปักเข้าที่คอของหมาป่าอย่างจัง และคนที่ปักก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นดีโน่นั่นเอง เขากระชากมีดที่ปักอยู่ที่คอออกอีกครั้ง ก่อนที่จะเตรียมปักลงเข้าไปใหม่ แต่ฮิบาริกลับปล่อยปากออกจากคอของเขาก่อน ก่อนที่จะกระโจนไปยืนอยู่ด้านหน้าดีโน่อีกครั้ง ร่างของหมาป่าฮิบาริดูทุรนทุรายมาก มันโหยหวนเสียงดัง พร้อมๆกับตัวของมันที่ล้มลงไปกองกับพื้น
“ไม่ต้องสงสัยหรอก...ว่า...ว่าทำไมนายถึงเจ็บปวดกับมีดธรรมดาได้ นะ...นี่เป็นมีดเงินสำหรับกำจัดแวมไพร์...โดยเฉพาะ พอนายโดนมันเข้าไป...ก็...ก็ไม่ต่างอะไรกับนายโดนกระสุนเงินหรอก” ดีโน่พยายามอธิบาย พร้อมๆกับที่เขาพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นมา เขาเอามือข้างหนึ่งจับลำคอของตนเองที่โดนกัดไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ค่อยๆยกมีดเงินเล่มเดิมนั่นขึ้นมา
“ถ้านายเข้ามาอีกล่ะก็ จะโดนอีกทีนะ” ดีโน่พูดเสียงต่ำ
ในขณะเดียวกัน ฮิบาริในร่างของหมาป่าก็ค่อยๆยันตัวเองขึ้น มันหันมามองดีโน่ด้วยแววตาสีเลือดแฝงความน่ากลัวของมันครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหลังวิ่งกลับเข้าป่าไปด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น ตาของดีโน่ก็พร่ามัว หัวสมองเป็นสีขาวโพลน ก่อนที่จะล้มลงอย่างหมดแรง ณ ที่นั่น
.
.
.
.
TBC.
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น