คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
Chapter 1
ดีโน่ คาบัคโลเน่ ผู้เป็นนักธุรกิจเชื่อดัง ชีวิตอยู่บนความหรูหราและสุขสบาย อีกทั้งยังมีลูกน้องคอยตามไม่ให้ห่าง มาในตอนนี้ กลับมีเพียงเขาคนเดียวที่เดินอยู่ในคฤหาสน์อันเงียบสงัดและวังเวงแห่งนี้ ในมือของชายหนุ่มถือไฟฉายอันเล็ก ราคาแพง แต่ก็สามารถใช้ส่องสว่างได้ดีเทียบเท่าอันใหญ่ๆเลยทีเดียว นัยน์ตาสีน้ำผึ้งกวาดมองไปรอบๆตัวอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด เสียงฝีเท้าย่ำไปบนพื้นอย่างสม่ำเสมอ ซ้ำยังก้องกังวานไปทั่งทั้งคฤหาสน์อีกด้วย ชายหนุ่มเดินวนอยู่ที่ชั้นล่างนานหลายนาที แต่ก็ไม่พบสิ่งที่เขาตามหาเลย เขาจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างเซ็งๆ
“อะไรกันเนี่ย!! ไหนบอกว่ามีผีไง ทำไมฉันถึงไม่เจอเล่า!?” ร่างสูงเดินขึ้นบันไดพลางบ่นพลาง
“เฮ้!!! ผีน่ะ ออกมาแสดงตัวให้ฉันดูหน่อยสิ ฉันอยากเจอเธอนะ” ชายหนุ่มเอามือป้องปาก พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
แคว๊กๆ แกร๊กกกก
สิ้นเสียงร้องเรียกผีของดีโน่ ฝูงค้างคาวฝูงหนึ่งที่บินออกมาจากไหนไม่รู้ ก็บินเข้าไปพุ่งชนร่างชายหนุ่มอย่างจัง จนต้องล้มลงไป
“ฝูงค้างคาวงั้นเหรอ!? อย่าบอกนะว่า...เธอเป็นแวมไพร์น่ะ” ดีโน่ที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นพูดขึ้นเสียงดัง
“ฉันรู้ถึงตัวตนของเธอแล้วน่า ผีที่ชาวบ้านเขาว่ากัน...จริงๆแล้วก็เป็นแวมไพร์นี่นะ”
“แล้วมันหนักหัวแกรึไง!!?” สิ้นเสียงดีโน่ ก็มีเสียงเล็กๆใสๆดังโต้ตอบออกมาจากที่ไหนสักแห่งในปราสาท
“แหมๆ เธอนี่เสียงเพราะจังเลยนะ อยากจะเจอตัวเธอซะแล้วสิ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยแสดงร่างงามๆออกมาให้ฉันได้ยลโฉมบ้างเถิด” ดีโน่ว่าพลางลุกขึ้นจากพื้น แล้วกวาดตามองไปรอบๆ
“ฉันเป็นผู้ชายนะ!!! จะสวยได้ยังไง!!” เสียงใสๆดังขึ้นอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็คงยังไม่ปรากฎกายเสียที
“ถึงจะเป็นผู้ชาย ก็ใช่ว่าจะสวยไม่ได้นี่” ชายหนุ่มผมทองพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าชู้เต็มที่
“แก!!!” ฉับพลัน ค้าวคาวก็บินเข้ามาหาดีโน่อีกครั้ง เพียงแต่ว่าไม่ได้มาเพื่อพุ่งเข้าชน แต่มารวมตัวกัน และปรากฏกายอยู่ด้านหน้าของดีโน่นั่นเอง
“แกพูดแบบนี้วอนตายสินะ!!” ชายหนุ่มร่างเล็กผมสีดำที่มาพร้อมกับค้าวคาว ว่าพลางกระชากคอเสื้อดีโน่ที่ตัวสูงกว่าตนลงมา พร้อมกับจ้องหน้าถมึงทึง
“สวยจัง” แทนที่ชายร่างสูงจะกลัว เขากลับยิ้ม พร้อมกับเอาแขนสองข้างของตนโอบกอดเอวร่างบางที่อยู่ตรงหน้าอีกด้วย
“นี่แกจะทำอะไรน่ะ!! ปล่อยนะ ฉันจะขย้ำแกให้ตาย!!” ชายในอ้อมกอดขู่ พลางนำมือสองข้ามของตนผลักคนตรงหน้าออก แต่ดูท่าว่าจะไม่เป็นผลเลยสักนิด ซ้ำร่างสูงยังกอดแน่นขึ้นอีก
“ถ้านายจะขย้ำฉันล่ะก็ ฉันจะปล้ำนายตรงนี้แหละ” พูดจบ ร่างสูงก็ก้มลงไปจุมพิตที่แก้มของร่างเล็กอย่างรวดเร็ว
“แก!!!! ไอ้หื่น!!” ร่างเล็กรีบรวบรวมพลังทั้งหมด แล้วผลักคนที่กอดตนอยู่อย่างแรง ทำให้ดีโน่เซนิดนึง แต่ก็สำเร็จ ดีโน่ยอมปล่อยเขาแต่โดยดี
“นายนี่แรงน้อยจังน้า ตัวก็เล็กด้วย แถมเสียงยังเพราะยังกับผู้หญิงอีก” ดีโน่พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“แก!!!” พูดจบ แวมไพร์หนุ่มก็หยิบทอนฟาออกมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วพุ่งเข้าไปทำร้ายชายผมทองทันที
ดีโน่เอี้ยวหลบตัวอย่างรวดเร็วไปอยู่ข้างหลังแวมไพร์ตัวน้อย ก่อนที่จะก้มตัวลงนิดนึง และตวัดขาของตนไปที่ขาของร่างเล็ก เป็นผลให้คนที่ถูกขัดขาหงายหลังทันที ส่วนร่างสูงก็ประคองรองรับได้ทันท่วงทีเหมือนกัน ดีโน่ใช้มือข้างหนึ่งรับร่างเล็กไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ดึงทอนฟาซึ่งเป็นอาวุธของแวมไพร์ตัวน้อยออกจากมือทั้งสองข้างแล้วโยนไปให้ไกลที่สุด
“ฝีมือยังอ่อนหัดไปน้า แวมไฟร์ตัวน้อยของฉัน” ร่างสูงว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก
“ใครเป็นของของแกกัน!!” แวมไหร์หนุ่มรีบหายตัวจากอ้อมกอดนั้น มายืนที่ด้านหน้าของชายร่างสูง
“ก็นายยังไงล่ะ”
“แกพูดแบบนี้แปลว่าอยากตายจริงๆสินะ” ร่างเล็กว่าพลางยิ้มเหี้ยม
“เอาสิ ถ้านายคิดว่าฆ่าฉันได้ก็ลองดูสิ แต่นายอย่าลืมนะ ว่าเมื่อกี้นายเพิ่งแพ้ฉันไปน่ะ” ดีโน่พูดหยอกล้อ
“ใครจะไปสนเรื่องพรรค์นั้นกัน!!” พูดจบ แวมไพร์ตัวน้อยก็กลายร่างเป็นค้างคาวและโถมเข้าใส่ชายร่างสูงทันที เป็นผลให้ดีโน่ต้องหงายหลังล้มลงไปกับพื้น พร้อมกับฝูงค้างคาวที่กำลังฝังเคี้ยวแสนคมไปที่เนื้อของเขา
หลังจากที่ฝูงค้าวคาวอิ่มหมีพีมันกับเลือดของชายหนุ่มผมทองนาม ดีโน่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็กลับมารวมตัวกันที่เดิมอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ต้องพบกับความแปลกใจอย่างยิ่ง เมื่อร่างที่เขาได้ดูดเลือดไปเมื่อสักครู่ ไม่ใช่ร่างของชายหนุ่มผมทอง หากแต่เป็นร่างของตุ๊กตายางตัวใหญ่ๆเพศเมียเสียได้
“แก!!
แกหลอกฉันเรอะ!!” แวมไพร์ตัวน้อยตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธกริ้ว
“ฮะฮ่ะฮ่า ฉันไม่ได้หลอกนายสักหน่อย ฉันก็แค่หนีเอาตัวรอดแค่นั้นเองนา เพราะถ้าฉันไม่หนีล่ะก็...ฉันก็ต้องตกเป็นอาหารของนายน่ะสิ โทษทีนะ ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อดูหน้าสวยๆของนายน่ะ”
“ฉันบอกแกหลายครั้งแล้วนะ ว่าฉันเป็นผู้ชาย!!” ร่างเล็กตะเบ็งเสียงดังลั่น
“ฉันเองก็บอกหลายครั้งเหมือนกันนะ ว่าถึงนายจะเป็นผู้ชาย นายก็สวยน่ะ” ดีโน่พูดด้วยท่าทางเจ้าชู้สุดๆ
“ไปตายซะ ไอ้หื่น!!” พูดจบ ร่างเล็กก็เตรียมจะกระโจนเข้าใส่ดีโน่อีกครั้ง
“เฮ้! เดี๋ยวก่อนสิ เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเองนะ ยังไม่ได้รู้จักชื่ออะไรกันเลย นายก็จ้องแต่จะทำร้ายฉันแล้วรึไง”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกชื่อของฉันให้กับคนใกล้ตายหรอก!!” พูดจบ ร่างเล็กก็ประเคนหมัดใส่หน้าดีโน่หนึ่งที และเตรียมจะรัวอีกชุดใหญ่ แต่ทว่ามือที่หนากว่ากลับจับข้อมือบางไว้เสียก่อน
“นายนี่พูดไม่รู้เรื่องนะ ฉันแค่ถามชื่อนายเท่านั้นเอง ทำไมนายถึงไม่บอกล่ะ หรือว่าจะต้องให้ฉันทำมาตรการขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแฝงเย็นชา
ท่าทางไอ้บ้าหื่นกามนี่จะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ
ยังไงๆก็อย่าไปเสี่ยงกับมันดีกว่า
ไม่ต้องบอกชื่อแล้วเราก็หายวับไปเลยน่าจะเป็นอะไรที่ดีนะ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มเรือนผมสีรัตติกาลก็ยิ้มที่มุมปากนิดนึง ก่อนที่จะเตรียมตัวกลายเป็นค้าวคาวเพื่อบินหนีไป แต่ทว่า...
“นายอย่าคิดหนีไปโดยที่ยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองให้ฉันรู้เป็นอันขาดนะ ไม่งั้นฉันจะทำลายเครื่องดนตรีนั่นของนายทิ้งซะ!!” ดีโน่พูดอย่างเย็นชา ทำให้แวมไพร์หนุ่มต้องเปลี่ยนความคิดที่จะหนีทันที
“แกหมายความว่าอะไร” ชายหนุ่มถามอย่างอึ้งๆ
“ก็เครื่องดนตรีที่วางอยู่ข้างระเบียงห้องใหญ่กลางปราสาทไง ฉันรู้นะ ว่ามันต้องเป็นของนายแน่ๆ ดังนั้น ถ้านายไม่บอกชื่อของนายให้ฉันรู้ ฉันจะเผามันทิ้งซะ” ชายหนุ่มพูดอย่างสบายๆ
...ไอ้บ้าโรคจิตเอ๊ย!!
กับไอ้แค่ไม่บอกชื่อ มันคิดจะทำลายของของเขาแล้วเรอะ
คอยดูเถอะ เขาจะต้องเอาเครื่องดนตรีของเขาชิ้นนั้นกลับมาให้ได้!!
คอยดูเถอะ สักวันเขาจะแล่เนื้อมันออกมาเป็นชิ้นแล้วโยนให้หมากิน!!!!...
“ฉันชื่อ...ฮิบาริ เคียวยะ” ร่างเล็กกัดฟันพูดอย่างจำใจ ก่อนที่จะกลายเป็นฝูงค้าวคาวและบินออกนอกหน้าต่างไป
“เคียวยะเหรอ!? ชื่อของคนญี่ปุ่นนี่ แล้ว...นายมาทำอะไรที่อิตาลีเนี่ย!?” ดีโน่เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะยักไหล่อย่างไม่สนใจอีกต่อไป แล้วเดินออกจากที่ที่นั้นไป
ฝ่ายแวมไพร์ตัวน้อยที่ถูกคนตัวสูงกลั่นแกล้งนั้น ก็กำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้ด้านนอกคฤหาสน์พร้อมกับกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น
...เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ แต่กลับอาจหาญต่อกรกับเขาเรอะ!! มันไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่!!
แต่เอ๊ะ!? ทั้งที่เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ แต่ทำไมมันถึงได้รับมือกับเขาได้ล่ะ ทั้งเรื่องพละกำลัง เรื่องการหลบหนีตัว และที่สำคัญ ตอนที่เขากลายเป็นฝูงค้างคาวและบินตรงไปขย้ำมัน ทำไมมันถึงหนีได้ล่ะ!?
หรืออาจจะเป็นเพราะ...
“ช่างมันเถอะ!!...เพราะไม่ว่ามันจะเป็นใคร บังอาจจะมาหยามศักดิ์ศรีกันถึงขนาดนี้ ฉันก็จะขย้ำมันให้ตาย!!” แวมไพร์ตัวน้อยพยายามไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ตนเองคิดเมื่อครู่มากนัก
“ขอเอาชื่อคุณปู่เป็นเดิมพัน!! ภายใน7วัน ถ้าฉันฆ่ามันไม่ได้ อย่ามาเรียกฉันว่า ฮิบาริ เคียวยะ อีกเลย!!!” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มุ่งมั่น
.
.
.
.
และในที่สุด ยามเช้าอันแสนสดใสของใครบางคนก็ได้มาเยือน
“ห้าว~!!! สวัสดียามเช้าอันแสนสดใสของวันแรกในหมู่บ้านแห่งนี้” หลังจากชายหนุ่มอ้าปากหาวไปยกใหญ่ ก็เริ่มพูดมากทันที
นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงนั่งอยู่บนเตียงและบิดขี้เกียจนานอยู่หลายนาที ก็ได้ฤกษ์ลุกขึ้นจากเตียงสักที เขาเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวในตอนเช้า จากนั้นจึงเดินออกมาที่ระเบียงบ้าน เขาอ้าแขนทั้งสองข้างกว้างๆเหมือนโอบกอดท้องฟ้าอยู่ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังว่า
“สวัสดียามเช้า~!!!”
ชายหนุ่มพูดเสียงดังจนคนที่อยู่ด้านล่างของบ้านตกใจกันใหญ่ และคงคิดประมาณว่า ‘ไอ้บ้าที่ไหนมาแหกปากแต่เช้าเนี่ย!!’
แต่ถึงใครจะคิดยังไง ชายหนุ่มผมทองก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเลยสักนิด เขาเดินออกจากห้องและลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้าน เดินมาถึงหน้าบ้านและกล่าวอรุณสวัสดิ์กับทุกคนที่อยู่ที่นั่น จากนั้นจึงเดินไปยังโต๊ะไม้เล็กๆโต๊ะหนึ่งที่อยู่ติดกับสวนและสามารถมองไปทางถนนได้อย่างชัดเจน เขาสั่งเอสเปรสโซ่แก้งหนึ่งสำหรับยามเช้าพร้อมๆกับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย ซึ่งนั่นก็คือกิจวัตรยามเช้าของเขานั่นเอง เมื่อตอนที่อยู่มิลานเขาเองก็ทำแบบนี้ แต่สำหรับที่นี่ กลับให้ความรู้สึกที่แปลกออกไป เขารู้สึกได้ว่ากาแฟอร่อยขึ้น ทั้งๆที่ไม่น่าจะแตกต่างกันสักเท่าไร่เลย หรือคงจะเป็นเพราะว่า การได้ดื่มกาแฟโดยที่ไม่รีบร้อนมาก ไม่ต้องไปกังวลว่าจะเข้าประชุมยามเช้าทันมั๊ย!? จะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น และรับรู้ถึงรสของกาแฟได้มากขึ้นอีกด้วย
“การได้ดื่มกาแฟแบบไม่ต้องรีบร้อนไปทำงานเนี่ย มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษสุดๆไปเลยน้า~!!” ชายหนุ่มเปรยขึ้นมา
“แต่ว่า...การได้นั่งดื่มกาแฟอยู่ข้างๆคนรักของเรา...มันคงจะต้องวิเศษกว่าเป็นไหนๆ เฮ้อ!!! น่าเสียดายจังนะ ถ้าสึนะมาที่นี่กับฉันด้วยก็ดีหรอกนะ” เขาว่าพลางทำสีหน้าแสดงออกถึงความน่าเสียดาย ก่อนที่จะก้มลงดื่มกาแฟของตนเองต่อไป
หลังจากมีความสุขกับการดื่มกาแฟยามเช้าไปแล้ว ดีโน่ก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อจะได้ลงมาดูการบูรณะคฤหาสน์ของตน เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวดูสบายๆ กับกางเกงสีดำสามส่วน ทำให้เขาดูหล่อและสดใสมากขึ้นกว่าเดิม สาวใหญ่สาวน้อยพากันจ้องมองกันใหญ่
“สวัสดีครับ สาวๆ วันนี้อากาศดีจังนะครับ” ดีโน่เอ่ยทักทายกลุ่มหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาอยู่
“เอ่อ...ค่ะ วันนี้ท้องฟ้าดูสดใสกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะคุณช่วยแต่งแต้มความสดใสให้มันล่ะมั้งค่ะ!?” หญิงสาวคนหนึ่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“ฮะฮ่ะฮ่า ยอผมมากเกินไปแล้วนะครับ เดี๋ยวผมก็หลงตัวเองมากขึ้นน่ะสิครับ” นักธุรกิจหนุ่มพูดพร้อมกับโชว์สไมล์พาวเวอร์
“กรี๊ดๆๆ....เท่ห์บาดใจจัง” และรอยยิ้มนั้นเองก็ทำให้บรรดาสาวๆถึงกับดีใจกันยกใหญ่
“เผอิญผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบ ดีโน่ก็เดินแยกตัวออกมา
ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกมาจากฝูงชนได้ 100เมตร ก็มีมีดที่มาจากที่ไหนไม่รู้พุ่งตรงเข้ามาหาเขา และด้วยสันชาตญาณบางอย่างที่มีอยู่ในตัวดีโน่ จึงทำให้เขาใช้นิ้วเพียงสองนิ้วรับมีดนั้นไว้ได้โดยที่ไม่บาดเจ็บอะไรเลย
“ใครกันนะ!? ฝีมือยอดเยี่ยมไปเลยแฮะ เล็งมาที่หัวได้อย่างแม่นยำเลยนี่” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะกวาดสายตาไปโดยรอบ แต่ก็ไม่เจอใครที่น่าสงสัยเลยสักคนเดียว
ถ้าเป็นนักฆ่าที่บริษัทคู่แข่งส่งมาล่ะก็ ไม่มีทางเข้ามาในหมู่บ้านนี้ได้หรอกน่า
เพราะคนของเขาจะตรวจตราอย่างแม่นยำก่อนเข้าหมู่บ้าน
และถ้าเกิดเข้ามาได้ ก็ไม่มีทางที่จะลอบฆ่าเขาได้หรอก
เพราะว่า...ตรงที่ที่เขายืนอยู่นี่ โดยรอบรัศมี
ถ้าอย่างนั้น...ก็เหลือเพียงคนเดียวสินะ ที่สามารถลอบฆ่าเขาโดยที่ไม่รู้ตัวเช่นนี้ได้
ต้องเป็น...คนคนนั้นแน่ๆ
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างน่าพอใจ
“เล่นออกมาข้างนอกเพื่อฆ่าฉันโดยเฉพาะอย่างนี้ สงสัยว่านายยังไม่เข็ดสินะ...กับเรื่องเมื่อคืนน่ะ” เมื่อดีโน่พูดจบ มีดบินก็ถูกขว้างมาอีกครา
“ฮ้า~!! เจอแล้วไง เด็กน้อยซุกซนที่ชอบเล่นของมีคม” เขาว่าพลางหันหน้ามองไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในป่าและอยู่ห่างจากเขาเพียง 100เมตร
“ฉันรู้หรอกน่าว่านายอยู่บนนั้น หลบซ่อนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ชายหนุ่มว่าพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้ต้นไม้ต้นนั้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งเขาเดินมาหยุดที่ต้นไม้รูปร่างอ้วนและใหญ่ มีกิ่งก้านกระจายออกมากมายต้นนั้น
“นายจะยอมปรากฏกายออกมาดีๆ หรือว่าจะให้ฉันไปทำลายเครื่องดนตรีของนายก่อนกันล่ะ” ดีโน่ขู่
ทันใดนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มเรือนผมและนัยน์ตาสีรัตติกาลพร้อมด้วยชุดสีดำกระโดดลงมาจากยอดของต้นไม้ ลงมายืนอยู่หน้าดีโน่
“ตายยากจริงแก!!” พร้อมกับทักทายดีโน่ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ...ถึงแม้คำพูดจะไม่น่าฟังเท่าไร่ก็เถอะ
“นี่เป็นคำทักทายยามเช้าของนายหรือไงกัน เคียวยะ!?” ชายหนุ่มผมทองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร(?)
“ใครใช้ให้แกเรียกชื่อฉัน!!”
“อ้าว!? แล้วเรียกไม่ได้รึไงกัน ชื่อเคียวยะ เพราะออกนะ”
“แกไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อฉัน!!” พูดจบ ชายหนุ่มเจ้าของชื่อ เคียวยะ ก็หยิบทอนฟาขึ้นมาฟาดฟันกับดีโน่ทันที
“เฮ้ๆ ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอกนะ เพราะฉันต้องไปดูคฤหาสน์น่ะ เอาเป็นว่า เดี๋ยวคืนนี้จะไปเล่นด้วยก็แล้วกันนะ เล่นให้สนุกสุดๆไปเลยล่ะ” ดีโน่ว่าพลางชูมือทั้งสองขึ้นเป็นการยอมแพ้
“แกจะไม่มีโอกาสไปเหยียบที่นั่นอีกเป็นครั้งที่2!!” ชายตัวเล็กว่าพลางฟาดทอนฟาไปที่ใบหน้าของดีโน่เข้าเต็มๆ ทำให้ใบหน้าของชายผมทองสะบัดไปด้านหนึ่งอย่างแรง
“เฮ้ๆ ฉันก็บอกแล้วไงว่า ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายน่ะ ฉันยังมีงานอีกเยอะเลยนา” ชายหนุ่มว่าพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก
“เรื่องเมื่อคืนแกทำฉันเจ็บมากนะ ตอนนี้ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!!”
“อ๋อ เรื่องเมื่อคืนน่ะเหรอ!? นายนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นนักน้า~!! แค่โดนฉันหอมแก้มไปทีเดียวเองนา จะเป็นอะไรไปเล่า~!!” ดีโน่ว่าพลางรวบมือทั้งสองข้างของร่างเล็กไว้ในท่าไพล่หลัง ก่อนที่อีกมือนึงจะจับคางของร่างเล็กให้ยกสูงขึ้น เพื่อให้ได้มองหน้าตนเองชัดๆ
ถุย!!!
เมื่อเห็นจังหวะ ร่างเล็กก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าตาหล่อๆของดีโน่ทันที ก่อนที่จะสะบัดมือออกจากการจับกุมของดีโน่ แล้วไปยืนตั้งหลักอยู่หน้าดีโน่ห่างกัน 3เมตร พร้อมกับยืดกอดอกดูดีโน่กำลังเช็ดน้ำลายของเขาออกจากใบหน้า
ในขณะที่ร่างเล็กกำลังยืนยิ้มอย่างมีความสุขอยู่นั้น หนุ่มอิตาลีก็ค่อยๆบรรจงปาดน้ำลายออกจากหน้าของตน ก่อนที่จะค่อยๆหันหน้าของตนมามองที่ร่างเล็กอีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยๆขยับปากพูดประโยคหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ตั้งแต่ฉันเกิดมาจนป่านนี้ ไม่เคยมีใครถ่มน้ำลายใส่หน้าฉันเลยนะ นายเป็นคนแรกเลย แล้วนายรู้มั๊ยล่ะ!? ว่าการที่นายหยามฉันถึงขนาดนี้ นายจะโดนอะไรบ้าง”
“แล้วยังไงล่ะ ถ้าแกคิดว่าแกสามารถทำอะไรฉันได้ ก็ลองดูสิ!!” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงยียวน พร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย
.
.
.
.
TBC.
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ^^
ความคิดเห็น