ความรักที่ไม่อาจเลือกได้ - ความรักที่ไม่อาจเลือกได้ นิยาย ความรักที่ไม่อาจเลือกได้ : Dek-D.com - Writer

    ความรักที่ไม่อาจเลือกได้

    ความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนได้ของผู้ชายคนนึง อยากบอกว่ารักเธอ รักเธอเหลือเกิน

    ผู้เข้าชมรวม

    66

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    66

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  อื่นๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 พ.ย. 57 / 18:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ความทรงจำในลมหายใจ
       
      สวัสดีครับก่อนอื่นผมขอพูดอะไรสักนหน่อยเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผมจะเขียนดังต่อไปนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักของผมที่มันได้จบลงไปแล้ว และไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นมาอีกครั้งไหม ผมได้แต่เฝ้ารอและภาวนาว่าขอให้มีโอกาสได้กลับมาอีกสักครั้ง
      ผมขอเรียกเธอคนนั้นว่า "เบ๊อะ"  ก็แล้วกันครับ เพราะชื่อนี้เป็นชื่อที่ผมใช้เรียกเธอ ส่วนเธอจะเรียกผมว่า ปลาทอง (ครั้งแรก) เพราะแก้มผมป๋องเหมือนปลาทอง  ต่อมาก็ได้ชื่อใหม่เป็น "ม๊ดดดด"  ไม่รู้ว่า เพราะอะไร ? ถึงได้ชื่อนี้  
      ขอย้อนกลับไปเมื่อก่อนช่วงที่ผมจะเผยความรู้สึกให้เธอรู้ว่ารักเธอ เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ประมาณ ปลายปี 2554  ช่วงที่น้ำท่วม  ผมได้รู้จักผู้หญิงคนนึงผ่านทางเฟชบุค (ผมได้เห็นเธอจากเฟชบุคของพี่ชายไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนเลย แต่ก็คุ้นหน้ามากๆ ) ซึ่งเธอคนนั้นได้อัพวีดิโอน้ำท่วม
      เธอเป็นผู้หญิงที่สวย และน่ารัก และที่สำคัญ เธอฮาอะ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารัก และสำคัญเธออารมณ์ดี (จึงมีหลายๆ คนบอกว่าเธอไม่เหมาะที่จะมีแฟน เธอควรจะเป็นบุคคลสาธารณะ ที่ทำให้คนอื่นๆ มีความสุข) เธอทำอาการแต่ละอย่าง ถ้าไม่เบ๊อะจริงๆ ทำไม่ได้    จนมาช่วงต้นปี 2555  ผมได้หายออกไป แต่ตอนนั้นผมก็ได้เห็นการอัพสถานะอะไรต่างๆ ของเธอผ่านเฟชบุคพี่ชาย ซึ่งผมกับเธอ
      ไม่ได้เป็นเพื่อนกันในเฟชเลย (ลืมบอกไปว่า ช่วงนั้นเธอก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย)   จนมาช่วงกลางปี 2555 เราสองคนได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน  เธอได้เข้ามาช่วยทำโครงการร่วมกัน ช่วงนั้น เป็นวันที่ 8 กันยายน 2555 ได้มีโอกาสได้คุยกัน ซึ่งตอนนั้น เธอก็คงไม่ได้คิดอะไร เพราะโดยนิสัยของเธอ เป็นคนที่ชอบสนุกสนาน และคิดกะเราได้แค่เพื่อนธรรมดาคนนึงเท่านั้น  นี่คือจุดเริ่มต้นของการได้คุยกันของเราสองคน
      หลังจากนั้น ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความเริ่มผูกพัน ผมจะพูดถึงในด้านความรู้สึกของผมแล้วกันว่า มันเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า ชอบผู้หญิงคนนี้จัง  ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอก้อมีแฟนแล้ว   แต่ก็ไม่ได้ไปทราบถึงรายละเอียดว่า เธอและเขา ความสัมพันธ์ กันดีหรือไม่ แต่ความรู้สึกของตัวเองรู้เลยว่า ชอบผู้หญิงคนนี้ซะแล้ว  ต้องบอกด้วยว่า นิสัยของผมก็คล้ายๆ กับเธอมาก
      คือเป็นคนที่ร่าเริง สนุกสนาน สร้างความเฮฮาให้กับคนรอบข้าง เราสองคนจึงเป็นเหมือนคู่กัดกัน มีเรื่องให้แซวกันบ้างเถียงกันบ้าง แต่ช่วงนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมาย  แต่สำหรับผม ผมรู้ตัวว่า มันเริ่มเกิดขึ้นแล้วสำหรับความผูกพัน์ แต่เธอ เธอคงไม่ เพราะเธอมีคนรักอยู่   ไม่เป็นไร ขอแค่ได้มีความรู้สึกดีๆ ได้อยู่ใกล้ๆ และมีความสุขก็เอา (บอกกับตัวเอง)  หลังจากนั้น เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวกันที่ ต่างประเทศ ไปเป็นคณะใหญ่ 
      ช่วงนี้ ถือเป็นช่วงที่เราสนุกสนานกันมากและได้ใกล้ชิดกันได้ทำอะไรร่วมกัน  มีครั้งนึงที่กลุ่มพวกเราต้องทำรายงานด้วยกัน เพื่อสรุปให้รู้ว่า พวกเรามาทัศนศึกษาแล้วได้อะไรบ้าง  คืนนั้นผมกะเพื่อนๆ ออกไปเที่ยว แต่ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายเลย คือไปนั่งกินเหล้าที่ หน้า โรงแรง (แต่ผมเป็นคนไม่กินเหล้า ก็ไปนั่งเป็นเพื่อน) พอรุ่งเช้า เธอไม่คุยกับผม ผมก็พูดด้วย แต่เธอก็ทำเงียบไม่คุย ที่ไหนได้ เธอแกล้งเป็นโกรธ แบบเล่น ๆ ให้สนุกเท่านั้น
      ซึ่งความรู้สึกตอนนั้น ผมกลับแคร์ความรู้สึกเธอมาก  รู้ตัวว่าทำผิด ที่หนีไปเที่ยวกัน แต่ไหนได้ เธอแค่เล่นๆ แต่เราดันคิดจริงซะงั้น  ยิ่งทำให้แน่ชัดในความรู้สึกของตนเองเลยว่า น่าจะเริ่มรักเธอเข้าให้ซะแล้ว เอาหละสิ  งานเข้าแล้ว จะทำไงดี ก็ได้แต่ทำความรู้สึกว่า ตายแน่ๆ  ไปหลงรักจนได้ จนกลับมาก็คิดมาก แต่ไม่เป็นไร เพราะ ตราบใดที่เรารักเขาข้างเดียว ไม่ต้องเผยความรู้สึกอะไรให้เขารู้ มันก็ไม่มีปัญหาอะไร ?  เราทุกข์ เราเศร้า 
      เราเสียใจ เธอก็ไม่ได้ต้องมาทุกข์ด้วยอะไรด้วย   แบบนี้ก็โอเคแล้ว  หลังผ่านจากช่วงนั้นมา ความสนิทของเราสองคนมาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น บอกตามตรงว่า  อยากโทรหา อยากคุยในไลน์ อยากคุยในเฟช แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะติดที่ว่า เธอมีแฟนแล้ว  นี่และสำคัญเอามากๆ  เลยไม่กล้าที่จะถาม ไม่กล้าที่จะอะไร  ต้องรอได้เจอเธอเวลาที่เธอเข้ามาทำธุระในที่ทำงาน ได้มองนิดๆ  ได้คุยหน่อย ๆ แค่นี้ก็โอเคดีแล้ว  ต่อมาช่วงต้นปี 2556 มีงานที่จะต้องทำให้เราได้มีโอกาส
      ได้ทำงานร่วมกันอีกแล้ว คือ เราได้ทำงานในโครงการเดียวกัน ที่จะต้องไป ต่างประเทศ ที่มีเราสองคนและคนอื่นๆ ประมาณ 4 คนเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า เราจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้กันอีกแล้ว มันเป็นสิ่งที่ผมถวินหา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอเวลาที่อำนวยให้เท่านั้นเอง  และนี่โอกาสก็มาถึงแล้ว แต่กว่าเราจะได้ไปต่างประเทศด้วยกัน ผมต้องรออีกประมาณ ปี 2557  นั่นก็หมายความว่า อีก 1 ปี เต็มๆ  แต่ไม่เป็นไร 1 ปีก็ ไม่นานเท่าไร ขนาดรู้สึก
      ว่ามีความรู้สึกดี ๆให้เขามานานแล้ว ยังทนได้ แล้วทำไมแค่นี้จะรอไม่ได้  ทุกครั้งที่มีโอกาสที่คณะ ต้องประชุมกัน ผมต้องโทรตามให้เธอมา แต่ไม่เคยพูดเพราะๆ เลย จะพูดแบบว่า ให้เข้ามาประชุมนะ เวลานี้  แต่เสียงก็จะเรียบๆ แบบธรรมดา เธอก็จะมา ทุกครั้งที่มา  เราก็จะมีเสียงกัน หยอกกัน แกล้งกัน ทำให้ผมมีความสุขมาก แต่มันอาจจะผิดกับเธอที่ เธอเล่นเพราะสนุกแบบเพื่อนคนนึงเท่านั้น  ช่วงนั้นเรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกันหลายอย่าง ได้ขับรถให้เธอนั่งบ้าง
      เธอขับบ้าง  ในความรู้สึกของเราสองคนมันต่างกันคือ เราชอบเธอและรักเธอเข้าแล้ว  แต่เธอก็คิดกับเราแบบเพื่อนที่ดีคนนึงเท่านั้น  กาลเวลาผ่านมา เราสองคนจะคุยกันมากขึ้น แหย่กันมากขึ้น   แต่ทุกครั้งก็มีความสุขนะ  เพราะเธอไม่รู้ว่าเรารักเธอ  จนมาถึงช่วงที่รอคอย คือเราต้องไปทำงานกันที่ต่างประเทศ  มันเป็นอะไร ที่ดีมากสุดๆ  ช่วงไปสนามบินที่ดอนเมือง ในกลุ่มพวกเราก็ต่างคนต่างนัดกันไปเจอที่ สนามบิน แต่เราสองคนได้ไปพร้อมกัน ซึ่งเราก็ไม่สนแหละ ว่า 
      เธอจะรู้ไม่รู้ รู้แค่ว่า เรามีความสุขนะเฟ้ย ก็นั่งแท็กซี่ไปด้วยกันจนถึงสนามบิน  แต่ช่วงนั้น ไม่เคยจะถามเธอเลยว่า ตอนนี้กับแฟนเป็นไงบ้าง แต่พอรู้ข่าวมาบ้างว่า เธอน่าจะโสดแล้ว มั้ง   พอได้ไปต่างประเทศไปทำงานอะไรด้วยกันมันเป็นอะไรที่มีความสุขมาก  ไม่สนใจแหละว่า งานจะเป็นยังไง เพราะเป็นหน้าที่ของท่านที่ไปด้วย  แต่เรารู้ว่า ที่ไปนี่ เพราะได้ไปเที่ยวกับเธอเท่านั้น (ลืมงานลืมการ) ช่วงเวลาไปที่ไปยอมรับว่า คิดมากว่า จะบอกความรู้สึกไปตั้งแต่ตอนนั้นดีไหม
      เพาะใกล้จะถึงวันวาเลนไทน์แล้วด้วย  ช่วงที่ไปได้นั่งใกล้ชิดกัน ได้ฟังเพลงด้วยกัน  ได้หลับในรถข้างๆกัน  มันฟินมากอะ  ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน  แต่ก็ทำเป็นเข้ม จนกลับมาจาก ต่างประเทศ เธอก็ถามว่า อย่าทำแบบนี้ได้ไหม  มันรู้สึกไม่ดีอะ  เธอเจตนาหรือป่าว มาถูกเนื้อต้องตัว  คือต้องอธิบายว่า ไม่ได้ไปแตะอั๋งอะไรนะคับ เพียงแต่ว่า ใช้กล้องถ่ายรูป แล้ว มือไปโดนเนื้อโดนตัว ถามว่า เจตนาไหม ก็ไม่ได้เจตนา แต่ตั้งใจนิดๆ เท่านั้นเอง  หลังจากกลับมา รู้เลยว่า ความรู้สึก
      มันบอกว่า เพื่อน กรุรักเมิงหวะ  แต่ก็ไม่สามารถทีจะพูดอะไรได้  พอกลับมาเธอมีโปรเจ็คที่จะต้องไปเข้าวัดปฎิบัติธรรมที่ ตจว  ช่วงนั้น มีโอกาสได้คุยไลน์กับเธอบอ่ย คุยมาก คุยกันดึก  ร้องเพลงให้เธอฟัง  จนเธอถามว่า ทำไม ทำทำไม คิดอะไรหรือป่าว ด้วยความที่นิสัยไม่ดี คือ เป็นคนที่ปากแข็ง  ก็เลยตอบเธอไปว่า ป่าว ไม่ได้มีอะไร   เธอก็บอกว่า ช่วงนี้อะ เธอเยอะๆ  ไม่อยากให้เธอคิดอะไร  ?  ผมก็คิดในใจ แหม  ไม่อยากให้คิด แต่รู้ไหม ว่า คิดมาตั้งนานแล้ว   แต่ด้วยความ
      ที่เป็นคนปากแข็ง  ก็เลยบอกว่ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากให้ฟัง เท่านั้นแหละ  หลังจากนั้นด้วยความที่คุยกันบ่อยทุกวัน  ก็ทำให้เกิดความผูกพันธ์ขึ้นมากๆ  ช่วงนั้น ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นอีก  อยู่ดี ๆ แฟนเก่าโทรมาหา บอกว่า อยากคืนดีด้วย  คือต้องบอกตามตรงเลยว่า แฟนเก่า ลืมไปตั้งนานแล้ว รู้แค่ว่าเขามีตัวตน ทำงานที่ไหน ทำอะไร แต่ความรู้สึกแบบรัก มันหายไปหมดแล้ว แต่ที่คุย เพราะ คิดว่าเขาเป็นเหมือนน้องคนนึง ที่เข้ามาทำงานใน กทม  แต่ในด้านของความรู้สึกว่าที่มากกว่านี้
      ไม่มีแล้ว   และจุดนี้นี่เอง  ก็หาเรือ่งที่จะคุยกับเธอ(เบ๊อะ) จึงโทรไปปรึกษาเธอ  และได้คุยกันทางโทรศัพท์บ่อยขึ้น จนเธอเริ่มสงสัยกับการกระทำว่า  ทำไมคิดอะไร ก็เลยบอกความรู้สึกไป  เท่านั้นแหละ  ผลที่ตามมา กลายเป็นไปในทางที่ดี มันเหนือความคาดหมาย  แต่นั่น คือจุดเริ่มต้นของความรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้  แต่มันก็เป็นรักที่เราเฝ้ารอมาถึง 2 ปี กว่าจะได้พูดคำว่ารักผู้หญิงคนนึง ซึ่งตอนนั้น มันไม่ได้สนใจแล้วว่า  อะไรจะเกิดขอแค่ได้รัก และเธอรักตอบมาก็เพียงพอแล้ว 
      ตอนนี้รู้ตัวว่า รักผู้หญิงคนนี้มาก  แต่...รักที่แอบๆ ซ่อนๆ  เราสองคนไม่สามารถที่จะบอกใครได้ ว่า เราสองคนรักกัน  เธอบอกว่า "ฉันสงสารเธอ เธอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้"  นี่คือประโยค ที่เธอบอกกกับผม แต่ผมสนใจที่ไหนหละ รอมาเป็น 2 ปีแล้ว ไม่รู้แหละว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าปัจจุบัน ฉันมีเธอ และเธอก็รักฉัน ฉันไม่อยากจะคิดวันที่ทุกข์แล้ว  นั่นคือจุดเริ่มต้นของเราสองคน เราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็จะแอบไปกัน เพราะเธอมีงานที่บ้าน และต้องอยู่กับแม่ตลอด
      พูดง่ายๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่สามารถจะไปไหนมาไหนได้ง่าย ต้องทำงานอยู่กับบ้าน อยู่กับแม่ตลอด  ซึ่งผมก็สงสารเธอตรงจุดนนี้  ช่วงนี้ 3 เดือนนี้ เป็นอะไรที่ โอเคมากๆ มีความสุขมากๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีโอกาได้ไปไหนด้วยกันบ่อย แต่เราก็หาโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันได้  ทุกสถานที่ที่เราไป ได้เดินจูงมือกัน มันเป็นอะไรที่มีความสุข แต่มันผิดตรงที่เราไม่สาามรถให้ใครรู้ได้นี่สิ มันยิ่งทรมาน   จนมาช่วงนึงผมรู้สึกว่า รักเธอมาก และต้องการที่จะอยู่กับเธอมากขึ้นกว่านี้ อยากจะเปิดเผย
      ในที่ทำงานได้อะไรได้  ผมว่า ในความรู้สึกของผู้ชายหลายๆคน  ต้องคิดแน่ว่า เราทำอย่างไร ถึงจะทำให้เราสองคนเปิดเผยได้ สิ่งนี้ ที่ผมคิดมาตลอดว่า ผมมันทำไมด้อยกว่าคนอื่น ทำไม ยอมรับว่าเครียดมาก และช่วงนี้ผมอยากจะหาอะไรทำ เพื่อจะหาทางพัฒนาตัวเองให้มีรายได้หลายๆ ด้าน  นั่นคือจุดเริ่มต้นของการที่จะสูญเสียของที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมไป ตอนนั้นผมเครียดมาก จากที่คุยกัน ก็คุยกันน้อย ลง เธอก็พยายามที่จะคุยด้วย ซึ่งผมรู้ว่า เธอเป็นคนที่เฮฮา และทำให้ผม
      มีความสุข ทำให้ไม่คิดมากกได้แน่นอน แต่ด้วยความที่ผมรักเธอมาก ผมอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเธอ อยากจะทำให้ แม่ พี่เธอยอมรับในตัวผม ผมต้องมาคิดมาก จนมาช่วงนึงที่เราเพิ่มความสัมพันธ์ให้กันแบบไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำของผมและเธอแน่นอน  และสิ่งนี้ มันทำให้เกิดความเห็นต่าง เพราะมันเกิดจากการกระทำของผมที่ทำไม่ดีต่อเธอ ยิ่งความสัมพันธ์กันลึกมาก ผมยิ่งต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองให้เธอและครอบครัวเห็น  แต่มันยิ่งกลับเลวร้าย เพราะความคิดของผมคนเดียว
      ผมไม่เคยปรึกษาเธอเลย ซึ่งเธอเคยบอกว่า  "เราต่างคนต่างรู้ว่าเวลาที่จะอยู่ด้วยกันมีน้อยอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ทำเวลาที่เหลือให้มันดี"  ประโยคนี้ ทำให้ผมรู้สึกผิดมากเหลือเกิน  ผมไม่รู้จะทำอย่างไร  การคุยของเราเริ่มน้อยลง ผมเริ่มจะเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองให้กลับมาเป็นคนดี คนน่ารัก เป็นม๊ดด เป็นปลาทอง  ที่น่ารักของเธออีกครั้ง ก็เลยตั้งใจว่า ในช่วงวันเกิดเธอ จะทำให้เธอมีความสุขมากๆ  แต่......ผมไม่คิดเลยว่า มันจะเป็นวันสุดท้าย ที่เธอเริ่มทำใจได้ ที่จะไม่มีผม  ผมสละสิทธิ์ที่จะไป ต่างประเทศ
      เพื่อที่ว่า จะได้อยู่กับเธอ เพราะ ช่วงนี้ ที่ทำงานจะว่าง คนจะไม่ค่อยอยู่กัน จะได้มีเวลาคุยกันและทำความเข้าใจกัน แต่เธอเลือกที่จะไปต่างประเทศ มันทำให้ผมหมดโอกาสนั้นไปโดยปริยาย  และเหมือนลางว่า จะไม่มีโอกาสที่จะได้มีความสุขอีกแล้ว  นับตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ ผ่านไปแล้ว  4 เดือน ที่ผมยังเฝ้ารอ และยังหวังว่า ผมจะมีโอกาสได้โอบกอดเธอด้วยความรู้สึกที่รักอีกครั้ง  ได้ดูแลเอาใจใส่ในความรู้สึกของเธออีกครั้ง  แต่ตอนนี้ เธอจะมีคนที่เธอหมายปองแล้วหรือยังก็ไม่รู้  คนที่เท่าเทียมเธอ
      คนที่เธอมองว่า เธอควรจะคบกับเขา  ในด้านของความเท่าเทียมผมยอมรับเลยว่า ผมคงสู้คนอื่นๆ ไม่ได้  แต่ในด้านของความเอาใจใส่ การดูแล ผมกล้าที่จะพูดว่า เธอจะมีความสุขที่สุด ผมจะทำทุกอย่างให้เธอมีความสุขที่สุด เท่าที่ผู้หญิงคนนึงควรจะได้รับ  แต่โอกาสนั้น ไม่มีแล้วสำหรับผมและผมก็ได้แต่หวังว่า จะมีสักวัน  
      ทุกวันนี้เธอพยายามที่จะดึงความคิดของผมให้รู้สึกแบบเพื่อนกับเธอ ซึ่งเธอเคยทรมานมาแล้ว กว่าจะหลุดพ้นจุดนนี้ได้  แต่ผมไม่สามารถที่จะลืมได้ที่จะมีความคิดแบบเพื่อนกับเธอ  เพราะผมไม่ได้เพิ่งจะเริ่มรักเธอ แต่ผมรักเธอมานานโดยที่เธอไม่เคยรู้  แต่มีผมได้บอกความรู้สึกของผมที่มันอยู่ในหัวใจผมมานานแสนนานให้กับคนที่ผมรักไปแล้ว จะให้ผมลืมมันเป็นการยากเหลือเกิน  
      มีคำพูดนึงที่อยากจะพูดว่า ถ้าเรายังไม่พูดคำว่า รักใครออกไป เราจะเป็นนายของคำพูด แต่ถ้าเราพูดว่ารักเขาออกไปแล้ว เราจะตกเป็นทาสของคำพูดทันที่ ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังเป็นแบบนั้นอยู่ ถ้าถึงตอนนี้ผมไม่ไบอกว่า ผมรักเธอไป  ตอนนี้เธออาจจะมีแฟนใหม่แล้วหรือยังไม่มี  ผมก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่รู้สึกอะไร เพราะผมรักเขาข้างเดียว ผมรู้คนเดียว ผมรักเธอแค่คนเดียว   แต่เหตุการณ์นี้ มันไม่ใช่อย่างนั้น ผมรู้ว่าเธอรักผม ซึ่งเพิ่งรัก  แต่ผมรักเธอมานานมากเหลือเกิน  แล้วจะให้ผมใช้เวลา เพียงแค่ 1 ปีเพื่อลืมเธอ
      ได้อย่างไร  การจะลืมใครต้องคูณด้วย 3  จากเวลาที่รู้จัก สำหรับผมถ้าผมรักใครแบบที่หัวใจโหยหา ผมเป็นอย่างนี้ มันลืมไม่ได้  แต่ผมคงต้องเลือกที่จะทำแบบไม่ได้รู้สึกอะไร เพื่อที่จะได้เห็นเธอ เพื่อที่จะได้คุยกับเธอบ้าง วันละ 2 ประโยค ก็ยังดี   นี่คือสิ่งที่ผมเสียใจสุดๆ และจะเป็นความทรงจำของผม  
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×