ตอนที่ 6 : บทที่ ๖
-๖-
จันหาใช่คนไม่รู้วิชา เขาเคยร่ำเรียนเวทย์มนตร์คาถา มีของดีที่อมนุษย์ล้วนยำเยง เคยผ่านการรบ การฆ่า เคยปะสัตว์ร้ายและภูตผีต่อตา ทว่าครั้งไหนไม่สยดสยองพิลึกพิลั่นเท่าครานี้
ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ตาเหลือกลานจ้องผู้แก่วัยกว่ากันไม่กี่ปีที่ค่อยลุกขึ้น แลสุดท้ายเขาเองเป็นฝ่ายผงะถอย “พี่สิงห์!”
ไม่ทันตั้งสติ มีอีกเสียงดังขึ้นด้านข้าง เสียงเด็กสะอื้น!
จันหันไป เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าในระยะสิบก้าว ตรงโคนไม้จุดนั้นมีร่างน้อยหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ อาภรณ์เฉกชนยางมีบางช่วงขาดวิ่นจนดูรุ่ยร่าย ช่วงกลางหน้าผากเลยขึ้นถึงกระหม่อมฉ่ำเลือดเป็นรอยยาวอย่างถูกคมเล็บเสือตะปบ “อ้ายหนู!”
“ข...ขอบน้ำใจพี่ ท...ที่ช่วยชีวิตข้า...” เด็กน้อยอายุไม่น่าถึงสิบขวบ ตัวสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นขณะก้มทำความเคารพ
จันไม่ทันปะติดปะต่อเรื่องราว หันตามทิศที่เจ้าหนูไหว้สา ปรากฏว่าใจสิงห์ที่... ‘อุบัติใหม่’ กำลังสืบเท้าตรงเข้าไปหา
หน้าคร้ามยังคมคาย ร่างสันทัดสมบูรณ์ปราศจากบาดแผลแม้ปลายเล็บ ผิดเดิมแต่ดวงตาที่จ้องมาหามีตาดำไม่
เหมือนไม่ใช่ตามนุษย์!
ฉับพลัน เสียงโฮกกก! ลั่นจากข้างหลัง จันสะดุ้ง เอี้ยวหลบแต่สายตายังมองตามเจ้าของเสียงด้วยความตื่นตะลึง
เสือลายเมฆอีกตัวโดดข้ามหัวเขาเข้ามา ลวดลายเหมือนกันทุกกระเบียดกับตัวที่เพิ่งถอยหลบจากพี่สิงห์ เพียงแต่ตัวนี้ใหญ่กว่าและกลับพุ่งใส่เจ้าตัวด้วยอารามมาดร้ายเต็มกำลัง
และแล้ว เพียงกรงเล็บของมันตะปบถูก ร่างที่เพิ่งสมานใหม่อย่างอัศจรรย์ของพี่สิงห์ก็กลับสลายไปในลม เหลือเพียงประกายวิบวับราวกับหิ่งห้อยฟุ้งฟ้า เสียงร้องฮือๆ หวือๆ ชวนขนหัวลุก
ในกลุ่มแสงวับแวมฝั่งหนึ่ง ฝั่งเดียวกับที่เสือตัวใหม่โดดมา ร่างของใครอีกคนแหวกฝ่าเข้ามาว่องไว
อีกครั้งที่จันแทบไม่เชื่อสายตา “พี่สิงห์!”
“เสือใช่แค่ไม่ทำร้ายเอ็ง บัดเดี๋ยวนี้มันนำทางข้ามาช่วยชีวิตเอ็งด้วย!”
. . . . . . . . . . .
ครู่ก่อน
จากท่าทางผิดประหลาดของเสือ นอกจากคำรามขู่แล้วยังโดดมางับชายผ้านุ่งรั้งไว้ ใจสิงห์ตระหนักว่ามันกำลังเตือนภัย ทางข้างหน้าอันตราย! อย่างไรก็ตาม ด้วยร่องรอยของอ้ายจันที่ปรากฏอยู่ เขาไม่อาจปล่อยสหายรุ่นน้องล่วงไปพบพิบัติลำพัง เช่นนั้น แทนการผลักไส ชายหนุ่มจึ่งเอ่ยปากขอร้องเสือลายเมฆ เอ็งช่วยนำทางข้าไปได้หรือไม่ เสือถอนเขี้ยว ผ่อนลมหายใจ และแล้วในที่สุดมันยินยอมนำมาถึงนี่
“พวกผีป่า มันหลอกล่อเอ็งมาสู่ความตาย!” ชายหนุ่มตะโกนบอกจัน
เมื่อนั้นเอง เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กชายยางกลับกลายเป็นหัวเราะขบขัน ร่างน้อยลุกขึ้นแต่กลับหดเล็กลงไปอีกกลายเป็นเด็กหัวจุก นุ่งโจง เปลือยท่อนบน ร้องเรียก “พี่จัน!”
เจ้าของชื่อตกตะลึง ในความว่างเปล่าฟากตรงข้าม จู่ๆ แสงวิบวับก็กลับรวมเป็นรูปกายเขา จันตัวปลอมนั่งคุกเข่าลงกับพื้น มือใหญ่ฉีกกล้วยลูกหนึ่งจากเครือ ยื่นไปตรงหน้า “--ดี เมื่ออิ่มแล้วก็จงไป อ้ายหนู ไปทำภารกิจที่ข้ามอบไว้ให้สัมฤทธิ์!”
“ระวัง!” ใจสิงห์ร้อง แต่อ้ายจันยังไม่ตื่นจากความพรึงเพริศ คนร้องจึ่งจำผลักมันให้พ้นจากเสือลายเมฆผีที่กระโจนเข้ามาทีเผลอ
ร่างจันล้มกอง ย่ามกระเด็นหลุดมือ ใจสิงห์เองถูกเสือผีโถมใส่ หากแทนการก้มหลบ ชายหนุ่มพลันสอดแขนสองข้างเข้าหว่างขาคู่หน้าของมัน ยกสองแขนขึ้นกันมิให้เสือร้ายถูกตัว จากนั้นแทงเข่าเข้ากลางลำตัวเสือโต้ตอบ ท่ามกลางความรวดเร็วนั้น พลันเสียงหนึ่งกระซิบชื่อท่าแม่ไม้ที่เขาบอกไม่ได้ว่าตัวเองรู้จัก
ปักษาแหวกรัง!
ไม่มีเวลาให้แปลกใจ เสือผีคำรามเจ็บแต่ยังไม่ทิ้งลาย ระหว่างร่างลอยกลางอากาศและกำลังจักเสียหลักเพราะเข่าลูกนั้น มันยื่นคมเขี้ยวแสยะหมายใบหน้าของเขา ใจสิงห์ก้มหลบทางขวา สันมือซ้ายยันคางเสือจนหงายหน้า
ขะแมค้ำเสา!
ช่วงบนของเสือถูกผลักห่าง จังหวะนั้นมันอาศัยท่อนล่างกางกรงเล็บตีนคู่หลังหมายยึดชายหนุ่มไว้ เฉพาะข้างขวาเฉียดจิกเข้าชายโครงของใจสิงห์ เขาสะบัดแขนขวากดบนขาเสือช่วงข้อต่อ เหงื่อกระเซ็นเป็นเม็ดๆ เมื่อกระตุกมือทั้งสองข้างกลับมายกขาข้างนั้นของมันขึ้นสูง
สุครีพถอนต้นรัง!
ครานี้เสือผีเสียหลัก ตะกายขวักไขว่ในอากาศครั้นถูกเหวี่ยงลิ่วเข้ากระแทกตะแบกต้นเก่า มันกระอัก ร่างสลายกลายเป็นแสงวอมแวม เสียงครางฮือดังยิ่งขึ้นด้วยความเคียดแค้น
จังหวะเดียวกัน เสือลายเมฆตัวจริงกำลังจ้องตาหยั่งเชิงกับกุมารหัวจุก ก่อนเข้าช่วยมัน ใจสิงห์ร้องสั่งโดยไม่หันไปทางจัน “รีบออกไปจากที่นี่!”
. . . . . . . . . . .
ผู้ถูกสั่งไม่ลืมเอื้อมกระตุกหูย่ามและคบไฟก่อนถลาห่างมา ริมทางข้างหน้าเริ่มลาดเป็นหุบ จันหลบเข้าหลังไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง สำนึกได้ว่าพวกผีจักไม่ล่าถอยเพียงเพราะกำลังกายของพวกเขา ชายหนุ่มหันไปสำรวจอีกครั้ง เด็กหัวจุกหายไปแล้ว แต่ใจสิงห์และเสือลายเมฆกำลังตกกลางวงล้อมของกลุ่มดวงไฟ ในที่สุดจันจึ่งตัดสินใจ
มือใหญ่กวาดหาของจำเป็นในย่าม แต่สัมผัสอีกอย่างที่คุ้นเคยลับหาย จันถึงกับเบิกตาเหงื่อแตก แหวกย่ามมองข้างในแต่กลับกลายอ้าปากค้าง เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบ
อุตส่าห์หาย่ามจนเจอ แต่ของสำคัญ...ของสำคัญที่สุดข้างในกลับหายไป!
“พุทโธ่เว้ย!” จันสบถ กัดกรามรวบรวมความคิดใหม่ ถึงอย่างไรเขาต้องไปช่วยใจสิงห์ก่อน พี่สิงห์เป็นคนป่าแต่น่าแปลกที่รู้แม่ไม้เชิงมวย ถึงกระนั้นเชิงมวยแทบไม่ช่วยอันใดในสถานการณ์เช่นนี้
ชายหนุ่มกำลังจักเกี่ยวของบางอย่างจากในย่ามขึ้นมา ทว่าโสตสดับบางเสียงเข้าเสียก่อน
“ช่...ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
จันสะบัดหน้าไปตามทิศที่มาของเสียง “อุษา!”
ร่างน้อยวิ่งเซซังมากลางไพรมืด ตาดำงามดุจตาทรายเบิกโพลงตกตื่น ผมยาวดำขลับที่ขมวดเหนือขม่อมหลุดลุ่ย ลูกผมบางส่วนแนบริมหน้าเพราะเหงื่อชุ่มและน้ำตา
จันรู้สึกคล้ายหัวใจถูกบีบ เพิ่งพบกันไม่นานแต่สายสัมพันธ์กลับแนบแน่น เขากำลังจักคว้าเจ้าตัวมากอดปลอบ แต่สติ สติตัวเดียวฉุกเตือนขึ้นด้วยเสียงของพี่สิงห์
--พวกผีป่า มันหลอกล่อเอ็งมาสู่ความตาย!--
ผู้วิ่งเข้ามาเห็นเขากลางแสงไฟก็เบิกตาดีใจคล้ายเห็นทางรอด สองมือของนางยกสูงมาข้างหน้า “พี่จันช่วยข้าด้วย!”
ไม่มีเหตุผลที่อุษาจักออกมาวิ่งลำพังยามนี้!
จันขบกราม ตาแดงก่ำมีเส้นโลหิตแตกจ้องเขม็ง รอการพุ่งตัวเข้ามาของร่างอรชร
มึงหลอกกูไม่ได้อีกต่อไป!
ปลายนิ้วนิ่มแตะริมคอเขา แต่จันตั้งรับอยู่แล้ว เพียงเสี้ยวอึดใจชายหนุ่มพลิกร่าง ใช้ท่ามุดบาดาล!
ไวเกินกว่าผู้เข้ามาใหม่จักมองทัน หน้างามของอุษายังยิ้มพราย ในขณะที่จันโน้มตัวต่ำลงไปด้านหลัง เหวี่ยงแข้งขวาใส่ลำตัวของอีกฝ่ายเต็มรัก
“โอ๊ะ!” ร่างงามลอยกระเด็นไปข้างทาง แสงไฟสว่างส่องให้เห็นเจ้าตัวกลิ้งหลุนๆ ตกลงไปในหุบ มือข้างหนึ่งเหนี่ยวกิ่งไม้ได้ทันก่อนร่วงลึกไปกว่านั้น
จันจักออกวิ่งไปช่วยใจสิงห์ แต่เสียงเดิมยังรั้ง
“พี่จัน!” เสียงเด็กสาวครางเจ็บปวด “นี่ฉัน! อุษาเองหนาพี่!”
ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก หากในที่สุดไม่อาจแข็งใจ เพ็ชชะนาทีที่เขาหันกลับมา แสงวับวามเริ่มลอยขึ้นจากก้นหุบ เงาตะคุ่มคล้ายพงหญ้าที่นิ่งอยู่ใต้อุษาแต่แรกกลับค่อยเคลื่อน จากหนึ่ง เป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ ดงห่าผีในรูปซากศพเปื่อยเน่ากำลังขยับใกล้เด็กสาวเข้ามาทุกที!
จันปากสั่น ไม่ใคร่เชื่อว่าเขาเพิ่งทำสิ่งใดลงไป “แม่อุษา!”
. . . . . . . . . . .
อีกฟาก ใจสิงห์กำลังร่วมมือกับเสือลายเมฆ เขาเผชิญหน้าฝั่งหนึ่ง ส่วนมันอยู่ข้างหลังหันเผชิญหน้าอีกฝั่ง ดวงวิญญาณกลางไพรกะพริบแสงวูบวาบชวนวิงเวียนล้อมรอบ มันยังไม่หลอมเป็นรูปใด ต่างฝ่ายต่างไว้เชิงกันในที
ใจสิงห์ฉวยจังหวะนั้นถอยกลับทางเดิมทีละนิด ยิ่งห่างรังของมันเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น เสือลายเมฆเข้าใจแผนเช่นกัน มันเคลื่อนตัวสอดรับกับสหายเป็นทำนองเดียว
แผนเปลี่ยนเพราะเสียงร้องที่ดังขึ้นแต่ไกล
--แม่อุษา!--
“อ้ายจัน!”
ทันทีที่เขาเสียสมาธิ แสงไฟหลายดวงก็รวมตัวกันพุ่งเข้าใส่ดุจห่าลูกดอก ชายหนุ่มก้มหลบแล้วออกวิ่ง เสือลายเมฆไล่หลัง ตามมาติดๆ ด้วยดวงไฟพยาบาท
เห็นแสงคบสว่างโพลงเป็นหมุดหมาย ใจสิงห์ยิ่งหลากใจ ทำไมอ้ายจันไปทางนั้น! เขาต้องเปลี่ยนทิศตามมัน ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นชัดว่าเหลือแต่คบไฟซึ่งถูกเสียบไว้ตรงโคนไม้
ตัวมันหายไปไหนเล่า!
จวบถึงหมากเดื่อต้นนั้น ใจสิงห์แทบหยุดเท้าไม่ทัน หากไม่ทันเขาอาจกลิ้งตกหุบ!
แสงไฟกระจ่างกวาดให้เห็นภาพข้างล่าง ร่างใหญ่ของอ้ายจันกำลังไต่ลงไป ข้างใต้คือดวงไฟวับแวมที่เริ่มหลอมเป็นรูปซากเปื่อยเน่าของผีดิบจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นอ้ายจันไม่ยี่หระ “ไม่ต้องกลัว อุษา ยื่นมือขึ้นมา พี่จักช่วยเจ้าเอง!”
ใจสิงห์เบิกตา ขนหัวลุกเพราะภาพตรงหน้า “อ้ายจัน อย่าาา...!”
. . . . . . . . . . .
เสียงตะโกนจากด้านบนกระชากสายตาของจันกลับขึ้นไป “พี่สิงห์!”
เมื่อนั้นเอง หัวใจถูกฉุด สันหลังวาบและขนลุกทั่วสรรพางค์ จันรู้แล้วว่าตนกำลังเผชิญสิ่งใด ค่อยเบนหน้ากลับมายัง ‘อุษา’ เบื้องใต้...
ไม่มีร่างงามอีกต่อไปแล้ว แม้สิ่งที่ยื่นขึ้นเรี่ยปลายนิ้วของเขาก็คือซากเน่าหุ้มกระดูกขาวโพลน “พี่จันจ๋า ช่วยข้าที...!” ต่ำลงไป ตาแดงโชติของผีอีกนับสิบที่กำลังไต่ขึ้นมามองเขาอย่างหิวกระหาย!
หากเป็นคนอื่นอาจหัวใจวาย แต่ชายหนุ่มแค่ชะงักกึก พยายามสูดลมกลบอาการขนลุกหวือ รวบรวมสติอีกครั้ง โชคดีย่ามยังแขวนข้างไหล่
จันปล่อยมือข้างหนึ่งจากกิ่งไม้ ไม่ต้องล้วงลงไปเพราะของที่ต้องการโผล่ยาวขึ้นมาเหนือปากย่ามอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ทันคว้าขึ้น นางอุษาผีเน่าก็ตะกายขึ้นมาถึง มันกระชากย่ามหลุดจากแขนเขาแล้วเหวี่ยงทิ้งข้างล่าง ย่ามเกี่ยวกิ่งไม้ บางสิ่งข้างในจึ่งถูกแรงส่งเหวี่ยงปลิวขึ้นข้างบน หายไปในพงเหนือหัวจันกว่าสองวา
. . . . . . . . . . .
เสียงโฮกกก! ลั่นขึ้นดุจกัมปนาท เสือลายเมฆตามมาทันใจสิงห์ คำรามของมันเป่าไล่ดวงไฟที่ติดตามมาแต่ต้นจนกระเด็นสลายไม่เหลือธุลี ใจสิงห์ร้อง “ขอบน้ำใจ!” จากนั้นไต่หุบชันลงไปช่วยเพื่อน
ระยะใกล้กว่า เขาใช้เวลาไม่มากก็ถึงพงที่ของในย่ามกระเด็นมาค้าง ใจสิงห์หยิบขึ้น อ้ายจันแหงนเห็นก็ตะโกนฝ่าห่าผีที่สาระรุมตัวมันอยู่ขึ้นมา “พี่สิงห์ ใช้คชกุศ--!”
คชกุศหรือขอสับช้างมีขนาดยาวราวช่วงศอก ตัวด้ามทำจากไม้ดำสลักเป็นเกลียว ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์อันเต็มไปด้วยเวทอาคมของเหล่าควาญ ใช้กำราบสัตว์ใหญ่เยี่ยงคชสารให้เชื่องได้ ปลายด้านบนเป็นจะงอยโลหะสำหรับสับหัวช้าง ใจสิงห์ใช้ข้อนิ้วเกี่ยวช่วงตะขอนั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนคว้าด้ามไว้มั่น
ชายหนุ่มรีบเคลื่อนตัวลงไปตามลาดเนินนั้น ขณะเดียวกันมือแห้งเหลือแต่กระดูกหลายมือเหยียดตะกายถึงตัวอ้ายจัน มือผีข้างหนึ่งง้างปาก อ้ายจันพยายามสลัด แต่ไม่หลุด มือผีอีกข้างก็ไต่เข้าอุดปากอุดจมูก
“ปล่อยกู!” อ้ายจันดิ้นไม่ถนัด มือข้างหนึ่งต้องเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้ไม่ให้ไหลลงไปอีก กิ่งเหนียวเริ่มโน้มลง กลายเป็นโอกาสให้ผีอีกสามตนตามเข้ามา พวกมันตะกายขึ้นคร่อมผีตัวที่ปิดปากจันอยู่ แล้วจิกหัวเหยื่อกระแทกเข้ากับโขดหินที่ยื่นออกมาด้านข้าง “โอ๊ย!”
“อ้ายจัน!”
กว่าใจสิงห์จักถึงตัว หัวอ้ายจันก็ชุ่มเลือด ชายหนุ่มกวัดไกวคชกุศไล่ผีบนร่างมัน วาดไปทางไหนผีร้ายเบื้องนั้นก็แตกฮือด้วยอิทธิฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์จากการปลุกเสกแห่งหมอปะกำ สลายร่างเปื่อยเน่ากลายเป็นแสงวับแวมก่อนหรี่ดับไป ดับไปพร้อมสติสุดท้ายของอ้ายจัน!
เมื่อนั้น มือที่เหนี่ยวกิ่งไม้อยู่ของจันพลอยคลายออก ร่างใหญ่ของอ้ายหนุ่มพเนจรกำลังจักล่วงสู่อ้อมกอดของห่าผี พอดีใจสิงห์คว้าคอเสื้อมันได้ด้วยมือขวา แต่ไม่กระชับนักเนื่องจากมือข้างเดียวกันยังจับด้ามคชกุศไว้ ตาแดงของผีร้ายเบื้องใต้มองตามกันขึ้นมา ดูชั้นเชิงว่าจักตามขึ้นมารุมต่อดีหรือไม่
มือซ้ายของใจสิงห์ที่เหนี่ยวกิ่งไม้เหนือหัวขึ้นไปเริ่มสั่นเพราะรับน้ำหนักมาก ทั้งของตัวเขาเองแลของอ้ายจันซึ่งล่ำใหญ่กว่า อาการสั่นเริ่มลามสู่ท่อนแขน ไม่ช้าก็กระจายออกไปทั่วร่าง เหงื่อแตกเป็นน้ำตก มือลื่นจนน่ากลัวคชกุศและคอเสื้ออ้ายจันจักหลุดร่วง
“ย๊ากกก...!” ชายหนุ่มคำรามเรียกแรงที่เหลือ ห่าผีที่เตรียมโจมตีตกใจ เขาใช้จังหวะนั้นดึงจันลอยขึ้น คล้องแขนใต้คอเพื่อยึดมันแทน
พวกผีเริ่มรุมขึ้นมาอีกระลอก ใจสิงห์บังคับคชกุศให้ขยับไปมาได้แค่หมุนข้อมือ มันกินพื้นที่ไม่กว้างพอจักป้องกันทั้งตัวเองและอ้ายจันได้ ทางสุดท้ายคือชายหนุ่มต้องพยายามเหนี่ยวกายกลับขึ้นข้างบนให้เร็วที่สุด
ผีกัดที่อกจัน อีกตัวอ้อมตามมากัดถึงคางใจสิงห์ คชกุศหมุนมาไม่ถึงมันจึ่งไม่ยอมปล่อย ผีร้ายอีกตัวพยายามไต่ขึ้นฝังคมเขี้ยวที่แขนเพื่อให้เขาหมดกำลังยึดอาวุธ แต่ใจสิงห์เหวี่ยงแขนขึ้นได้ ร่างของมันจึ่งกระดอนมาถูกขอสับช้างเข้าเต็มเหนี่ยวและสลายไปในอากาศ
น้ำหนักของผีที่เกาะตามเป็นพัลวันทำให้การคืบเคลื่อนยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ ใจสิงห์มีแผลเลือดออกทั่วตัวเพราะการทำร้ายของพวกมัน อ้ายจันก็คงไม่ต่าง เขาพยายามสลัดและเหวี่ยงข้อมือกวาดอาวุธ แต่พวกผียังไม่หลุดไปง่ายๆ ใกล้ขอบบนขึ้นไป เสือลายเมฆพยายามคำรามไล่ลงมา
กว่าจักโผล่พ้นขอบเนินก็สะบักสะบอมเหมือนซากศพ ใจสิงห์ปล่อยให้เสือลายเมฆเข้ามารับช่วงจันต่อไป มันลากคอเสื้อของอ้ายหนวดขึ้นไปพักตรงโคนหมากเดื่อข้างคบไฟ ใจสิงห์สูดลมหายใจเข้า รวบรวมกำลัง
หันกลับไปได้ถนัดขึ้น ชายหนุ่มกัดกรามก่อนตะคอกด้วยแรงโทสะ
“ตายเสียพวกมึง!”
คชกุศวาดใส่ห่าผีด้วยกำลังที่เหลือ รัศมีบางอย่างคล้ายวาบจากปลายขอออกเป็นคลื่น เสียงกรีดดังก้องท้องไพร ผีร้ายสลายร่างฟอนเฟะกลายเป็นแสงหรุบหรู่ร่วงสู่หุบนรก
. . . . . . . . . . .
เจ้าของกระท่อมพาอาคันตุกะกลับถึงลานหน้าที่พักอย่างทุลักทุเล เสือลายเมฆตามมาด้วย ท่าทางมันโล่งใจแต่ก็ไม่วายเป็นห่วง โดยเฉพาะทันทีที่เขาชะงักกึก
สัญชาตญาณเตือนใจใจสิงห์ มีบางสิ่งผิดไป
กระท่อมเงียบชนิดปราศแม้เสียงม้า!
ชายหนุ่มสบตาเสือ วางร่างอ้ายจันลงนอนอย่างฝากฝังมันไว้ เสือลายเมฆยอมนิ่งเฝ้า ปล่อยให้เขาคืบไปทีละก้าว ยิ่งคบไฟเคลื่อนใกล้ เงาดำๆ ของตัวกระท่อมยืดยาวออกไปด้านหลังทุกที
ใจสิงห์ชะเง้อหน้า ม้าหลับสนิทเกินไป เขาไต่ขึ้นกระไดแล้วค่อยผลักประตูเปิด
อุษาไม่อยู่ ที่เหลืออยู่เป็นเพียงขี้ดินรูปรอยตีนขนาดคุ้นตา
เกือกใหญ่ตามมาเอาตัวนางไป!
. . . . . . . . . . .
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
