ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nightmare ฝันอันตราย

    ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องด่วน

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 49


    ๑.เรื่องด่วน

     

     

                เมื่อรถฉุกเฉินจอดเทียบท่าตรงเชิงบันไดทางขึ้นตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่กู้ชีพและพยาบาลที่ดูแลคนไข้อยู่ในรถก็ดันประตูท้ายรถให้เปิดออก และเข็นเปลนำคนไข้เข้าตัวตึกอย่างรีบเร่ง

              หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่นั่งรถติดมาด้วยอายุไล่เลี่ยกันกับคนไข้ หลังจากที่เดินลงมาจากรถเธอเดินตามเจ้าหน้าที่กู้ชีพและพยาบาลที่ดูแลคนไข้ตามเข้าไปในติดๆ  

              พยาบาลที่ไปรับคนไข้มาจากที่เกิดเหตุแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคนไข้ให้กับหมอผู้ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาดูอาการของคนไข้ทันที ป้ายชื่อของเขาบอกให้ทราบว่าชื่อ นพ.สำราญ ลาภเจริญ

              คนไข้ชื่อดวงรัตน์ กุลนาวัฒน์ คาดว่าคงนอนหมดสติมาได้ประมาณสองวันแล้วก่อนที่เพื่อนของเธอจะเข้าไปเจอที่ห้องพักค่ะ หมอ

              ความดันกับชีพจรคนไข้เป็นยังไง หมอสำราญถามพลางใช้มือตรวจชีพจรคนไข้ไปพลาง

              คนไข้ความดันต่ำมากเลยค่ะวัดได้ 70/40 มิลลิเมตรปรอท ชีพจรเบาและช้ามาก เต้นประมาณ 40 ครั้งต่อนาที คนไข้หายใจประมาณ 12 ครั้งต่อนาที น่าจะใส่ท่อช่วยหายใจนะค่ะหมอพยาบาลให้ข้อมูลและให้ความเห็นประกอบ

              อุณหภูมิร่างกายล่ะ เท่าไหร่

              เอ่อ...อุณหภูมิร่างกายประมาณ 35.5 องศาเซลเซียสค่ะ

              ปริมาณอ๊อกซิเจนในเลือดล่ะ

              วัดได้ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ค่ะ

              ถ้าอย่างงั้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจแล้วล่ะ เตรียมเครื่องช่วยหายใจให้ผมด้วย

              สิ้นคำสั่งของหมอสำราญ พยาบาลใช้เวลาไม่นานนักในการเตรียมเครื่องช่วยหายใจ หลังจากที่ใส่ท่อช่วยหายใจให้คนไข้แล้ว หมอสำราญจึงเอ่ยปากซักถามประวัติคนไข้จากพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง

              คนไข้มีประวัติเป็นโรคเบาหวานหรือเป็นโรคความดันหรือเปล่า

              ไม่มีค่ะ สอบถามเพื่อนคนไข้แล้วไม่มี

              ไม่มีเหรอ?” น้ำเสียงบ่งให้รู้ว่ามีข้อสงสัยบางอย่าง

              หมอสำราญ ลองเขย่าตัวของคนไข้ดูเพื่อทดสอบความรู้สึกตัว แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากคนไข้ เขาเปิดเปลือกตาของคนไข้และใช้ไฟฉายส่องดูการหดขยายของรูม่านตา พบว่ามันยังปฏิกิริยาต่อแสงเท่ากันทั้งสองข้าง

              หมอสำราญสั่งพยาบาลให้วัดความดันของคนไข้ซ้ำ เมื่อพบว่าความดันของคนไข้ยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง จึงให้ยาเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและให้ยาเพิ่มความดันโลหิตกับคนไข้ พร้อมกับสั่งให้พยาบาลทำเรื่องส่งตัวคนไข้เข้าไปรักษาตัวที่หอผู้ป่วยหนักทันที ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการของคนไข้อยู่

              ...ไม่มีประวัติเป็นโรคเบาหวานหรือเป็นโรคความดัน อะไรทำให้คนไข้หมดสติได้ขนาดนี้นะ...

              แต่ความสงสัยนี้เกิดขึ้นได้ไม่นาน หมอสำราญก็ถูกดึงความสนใจจากเสียงเรียกของพยาบาลอีกคนในแผนกที่เรียกเขาให้ไปดูอาการของคนไข้อุบัติเหตุที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้ามา

    *****************************

              ดวงรัตน์นึกว่าเธอตายไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ตาย

              หลังจากที่ตกอยู่ในความมืดมิดอยู่นาน ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างคอยกระตุ้นเร้าให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

              ดวงรัตน์หลงดีใจว่าเธอได้ตื่นจากฝันร้ายที่มีมันมาคอยราวีแล้ว

              แต่ไม่ใช่...มันกลับกลายเป็นว่าเธอตื่นจากความมืดมาสู่ความฝันอีกครั้งหนึ่งต่างหาก

                ...ความฝันซึ่งเป็นความฝันเดิมที่ยังคงมีร่างของมันปรากฎให้เห็นอยู่ตรงหน้า

              ...มันไล่ล่า เธอวิ่งหนี เมื่อเธอเหนื่อยและล้มลง มันฉุดคร่าและกลืนกินหัวใจเธอ...จากนั้นในขณะที่เธอคิดว่าชีวิตของตนเองคงดับสิ้นลงแล้ว ทุกอย่างจะมลายหายไปกลายเป็นความมืด...แต่แล้วช่วงระยะเวลาไม่นานเธอก็ตื่นขึ้นมาอีก และถูกมันไล่ล่าอีก...เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนดวงจิตของดวงรัตน์เริ่มรู้สึกจะทนไม่ไหว บอกกับตัวเองว่าอยากจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

              ...แต่เธอก็ยังไม่ตาย...

              ...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...ดวงจิตของดวงรัตน์ดิ้นรนไขว่คว้าหาคำตอบ

                ...พอซักทีเถอะ พอซักที...ใครก็ได้ช่วยที ช่วยทำให้ฉันตื่นจากความฝันนี้เสียทีเถอะ...

              *****************************

              ตอนเวลาสิบโมงครึ่ง เสียงเครื่องตรวจวัดสัญญาณชีพของคนไข้ดังระรัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ดูเหมือนว่าพยาบาลและแพทย์เวรประจำหอผู้ป่วยหนักซึ่งเคยตื่นตระหนกในช่วงวันแรกๆ จะเริ่มรู้สึกชินชากับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

              ...นับจากวันแรก วันที่คนไข้หญิงที่ชื่อดวงรัตน์ กุลนาวัฒน์ถูกส่งตัวเข้ามารักษาตัวที่หอผู้ป่วยแห่งนี้ ห้าวันมานี้มีคนไข้อาการคล้ายคลึงกับเธอถูกส่งตัวมาเพิ่มอีกสองคน และสิ่งที่เหมือนกันตลอดเวลาที่คนไข้ทั้งสามคนนั้นนอนอยู่ในตึกผู้ป่วยหนักแห่งนี้ก็คือ คนไข้จะมีอาการนอนกระสับกระส่ายสลับกับนอนหมดสติอยู่นิ่งๆ วันเว้นวันอย่างสม่ำเสมอ และทุกครั้งที่พวกเขามีอาการนอนกระสับกระส่ายเสียงเครื่องตรวจวัดสัญญาณชีพก็จะดังระรัวขึ้นทุกครั้งเหมือนกัน

              หลังจากดูอาการของคนไข้ทั้งสามและให้ยาปรับความดันอยู่ครู่หนึ่ง เสียงโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์งานก็ดังขึ้น

              ฮัลโหล ไอซียูค่า พยาบาลที่อยู่ใกล้โทรศัพท์ที่สุดเป็นผู้รับสาย

              ค่ะ..ค่ะ เดี๋ยวจะแจ้งให้หมอทราบนะคะ เธอเอ่ยปากรับคำคนที่พูดอยู่ต้นสาย

              หลังจากที่เธอวางหูโทรศัพท์ หมอพิษณุซึ่งเป็นแพทย์เวรก็เอ่ยถามเธอทันที

              มีอะไรเหรอ นิตย์

              เดี๋ยวจะมีคนไข้ที่มีอาการเหมือนคนไข้ที่นอนไม่ได้สติอยู่ที่นี่ถูกส่งมาอีกสองคนค่ะ แล้วตึกบนเขาฝากบอกมาว่าหลังจากที่หมอดูอาการของคนไข้เสร็จแล้วให้เข้าประชุมชี้แจงข้อมูลให้ผอ.ด่วนค่ะ

              เรื่องด่วนเหรอ อย่าบอกนะว่า เขาสงสัยว่ามันจะเป็น...

              ค่ะ เขากลัวว่ามันอาจจะมีการระบาดของโรคบางอย่างเกิดขึ้นในเขตพื้นที่เรา

              *****************************

              สิบเอ็ดโมงเกือบครึ่งการประชุมของหมอและพยาบาลระดับหัวหน้าเวรและหัวหน้าตึกที่เกี่ยวข้องจากตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน และตึกผู้ป่วยหนักรวมจำนวนแปดคนจึงเริ่มขึ้น  

              สำราญ คุณเป็นคนแรกที่พบเคสนี้ใช่มั๊ย ผู้อำนวยการเอ่ยถามผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อนำสู่ประเด็นที่จะพูดคุยกันทันที

              ครับ ผอ. เมื่อห้าหกวันก่อน แล้วหลังจากนั้นอีกสามวันก็มีคนไข้ทะยอยเข้าอีกประมาณวันล่ะคนครับ

               ตอนนี้มียอดคนไข้ที่มีอาการอย่างนี้กี่คนแล้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอ่ยถามหมอสำราญอีกครั้งหนึ่ง

              ยอดรวมกับคนไข้ที่ถูกส่งตัวมาเมื่อเช้าตอนนี้ก็ห้าคนแล้วครับ หมอสำราญรายงาน          ห้าคนเหรอ... ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทวนจำนวนคนไข้ ณ ปัจจุบันก่อนเอ่ยถามกับที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง

              ใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง

              คนไข้ทุกคนไม่มีประวัติเจ็บป่วยเป็นเบาหวานหรือเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิต แต่มีอาการร่วมอย่างหนึ่งที่คนไข้มีเหมือนกันก็คือ คนไข้มีประวัติเป็นลมหมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่จะเกิดอาการอย่างนี้ประมาณหนึ่งหรือสองสัปดาห์ค่ะ หนึ่งในห้าพยาบาลที่เข้าร่วมประชุมรายงานข้อมูลให้กับที่ประชุมทราบเพิ่มเติม

              แล้วเส้นเลือดในสมองล่ะ

              ส่ง CT Brain แล้ว ผลปกติ ไม่มีเส้นเลือดในสมองแตก และไม่มีอาการเลือดคั่งในสมองค่ะ พยาบาลคนเดิมเอ่ยตอบ

              เป็นไปได้มั๊ยค่ะว่าคนไข้หมดสติเพราะสูดดมเอาก๊าซพิษบางอย่างที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไปพยาบาลอีกคนหนึ่งที่นั่งติดอยู่กับหมอสำราญเอ่ยถามกับที่ประชุม

              เป็นไปได้เหมือนกันครับ แต่หลังจากที่ผมส่งตัวอย่างเลือดให้ห้องแล็บเขาตรวจแล้ว เราไม่พบว่ามีก๊าซพิษในร่างกายผู้ป่วยครับ คราวนี้เป็นหมอพิษณุจากแผนกผู้ป่วยหนักหรือไอซียูเป็นผู้ให้ข้อมูลกับที่ประชุม

              งั้นก็หมายความว่า ไม่มีอาการทางกายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหมดสติของผู้ป่วยเลยใช่มั๊ย ผู้อำนวยการเอ่ยถามกับที่ประชุม ก่อนที่เขาเองจะเอ่ยถามถึงสมมติฐานใหม่

              แล้วอาการทางใจล่ะ มันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า

              เรายังไม่ได้ตรวจครับ เรื่องนี้ผมคิดว่าเราคงต้องให้ทางจิตเวชเขาเข้ามาช่วยตรวจสอบร่วมด้วย หมอสำราญเอ่ย

              งั้นพวกคุณก็ส่งเรื่องปรึกษาทางจิตเวชเลยก็แล้วกัน แล้วก็ช่วยกันหาคำตอบให้ผมเร็วๆ ด้วยว่าอะไรกันแน่ที่มันทำให้คนตั้งหลายคนหมดสติในเวลาไล่เลี่ยกันเหมือนเกิดโรคระบาดในพื้นที่เราอยู่ในตอนนี้

              สำราญ เรื่องนี้ผมให้คุณเป็นคนรับผิดชอบนะ ส่วนพิษณุคุณเข้ามาช่วยสำราญเขาอีกแรงหนึ่งด้วยก็แล้วกัน วันนี้พอแค่นี้ก่อน...อย่าลืมหาคำตอบมาให้ผมเร็วๆ ก่อนที่สาธารณสุขจังหวัดกับคนที่กระทรวงเขาจะเข้ามาตั้งคำถามกับผมก็แล้วกัน ผู้อำนวยการมอบหมายงานและกล่าวปิดการประชุม ก่อนที่เขาจะลุกและเดินออกไปจากห้องประชุมเป็นคนแรก

              หลังจากผู้อำนวยการออกไปแล้ว หมอสำราญยังง่วนอยู่กับการจัดเก็บเอกสารบนโต๊ะ หมอพิษณุซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานจากผอ.เหมือนกันยังรอท่าที่จะเข้าไปคุยกับหมอสำราญเกี่ยวกับเรื่องงานที่พวกเขาได้รับมอบหมาย ส่วนหมอและพยาบาลคนอื่นๆ ค่อยๆ ทยอยออกจากห้องประชุมไปทีละคน

              หมอ คิดว่ายังไงครับ งานนี้ หมอพิษณุเอ่ยถามเมื่อมีโอกาส

              จะให้ผมว่ายังไงได้ล่ะ ในเมื่อผอ.เขามอบหมายงานมาให้อย่างนี้ ก็คงต้องดูๆ กันไป งานนี้คงต้องลำบากหมอด้วยเหมือนกัน

              ไม่เป็นไรหรอกครับ เคสทั้งหมดผมก็ดูอยู่เหมือนกัน แล้วนี่หมอจะทำยังไงต่อ

              หมอสำราญยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะเอ่ยตอบ

              ถามได้ ก็ต้องไปที่แผนกจิตเวชนะสิ หมอจะไปกับผมหรือเปล่า

              หมอพิษณุมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เพิ่งเลยเวลาเที่ยงไปไม่นานนัก เขายังพอมีเวลาอยู่บ้างก่อนที่จะไปขึ้นเวรตอนบ่ายต่อ

              ไปสิครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าทางจิตเวชเขาจะคิดกับเรื่องนี้ว่ายังไง หมอพิษณุตอบ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×