นายถอยหลังเป็นเด็กที่ชอบแกล้งคนอื่นมาก
เขามักจะยืนแอบอยู่มุมตึกและโผล่หน้ามาออกมาตะโกนเสียงดังทำให้คนที่เดินทางผ่านไปผ่านมาตกใจ
เขาชอบเปิดกระโปรงเพื่อน ๆ ผู้หญิง
ด่าว่าคนอื่นเสียๆ หายๆ เสียงดัง
เขาไม่เคยตั้งใจเรียน
หนำซ้ำยังชอบเทขยะทิ้งเรี่ยราดเพื่อแกล้งคุณลุงภารโรง
นายถอยหลังไม่เคยช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน เขาชอบหลบไปเที่ยวนอกบ้านอยู่เป็นประจำ
แต่นอกบ้านนั้นไม่มีใครยอมเล่นอะไรเป็นเพื่อนเขาเลย เพราะทุกคนกลัวจะถูกนายถอยหลังแกล้ง
นายถอยหลังหงุดหงิดมาก เขาใช้กำลังบังคับให้คนที่อ่อนแอกว่าเล่นเป็นเพื่อนเขา คนที่สู้ไม่ได้คนที่หนีไม่ทันจึงต้องยอมเล่นเป็นเพื่อนกับนายถอยหลัง
แต่แล้วในที่สุดก็ไม่มีใครอยู่เล่นเป็นเพื่อนนายถอยหลังอีกเลย เพราะเด็กทุกทุกคนต่างพากันหลบหน้านายถอยหลังทุกครั้งที่มีโอกาส
นายถอยหลังได้แต่นึกโมโห เขาจึงคิดกลั่นแกล้งคนอื่น ๆ ให้มากขึ้น และเขาก็กลั่นแกล้งคนอื่น ๆ มากขึ้นจริง ๆ
เด็กและผู้ใหญ่หลายคนเริ่มไม่พอใจเขา พวกเขารวมกำลังกันต่อว่านายถอยหลังจนเขาต้องวิ่งหนี
นายถอยหลัง วิ่ง วิ่ง วิ่ง หนีผู้คนเล่านั้นไปบนถนน ความไม่ระวังทำให้เขาถูกรถยนต์ชนเข้าอย่างจัง
**********************************************
นายถอยหลังสลบไป และฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล
ฟื้นขึ้นมาเขาก็ปวดปัสสาวะ นายถอยหลังจึงลุกขึ้นนั่ง จากนั้นจึงก้าวเท้าลงจากเตียงด้วยหวังว่าจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่...เขาก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้าไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาก้าวเท้าจะเดินออกไปข้างหน้า เท้าของเขาจะเดินก้าวถอยหลังจนชนกับเตียงทุกครั้ง
นายถอยหลังไม่ยอมแพ้ เขาพยายามก้าวเท้าออกไปข้างหน้ามากขึ้น แรงขึ้น แต่เท้าของเขาก็ยังคงเดินก้าวถอยหลัง ในที่สุดเขาก็ล้มลงเพราะทรงตัวไม่อยู่และปัสสาวะเรี่ยราด
หมอและพยาบาลที่เข้ามาดูอาการบอกกับเขาว่า อุบัติเหตุส่งผลกระทบทำให้ระบบประสาทสั่งการให้เท้าก้าวเดินไปข้างหน้าของเขาบกพร่อง ดังนั้นหากเขาต้องการจะเดินไปในทิศทางข้างหน้าเขาจะต้องหันหลังเดิน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นนายถอยหลังไปแล้วจริง ๆ
**********************************************
เมื่อนายถอยหลังเดินถอยหลังกลับบ้านตอนที่คุณแม่มารับ ทุกคนต่างมองดูเขาเหมือนเป็นตัวประหลาด บางคนอมยิ้ม บางคนถึงกับหัวเราะออกมา ทำเอานายถอยหลังอายได้แต่เดินก้มหน้า เขานึกในใจว่ารอให้ฉันหายดีก่อนเถอะ ระวังไว้ให้ดี
นายถอยหลังนึกเจ็บใจคนอื่นๆ ที่หัวเราะเยาะเขา เขาคิดหาวิธีการที่จะทำให้เขากลับมากลั่นแกล้งคนอื่น ๆ ได้อีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่เขาคิดได้ก็คือเขาจะต้องเดินถอยหลังให้คล่องขึ้นและเร็วขึ้น นายถอยหลังจึงทำหมวกที่มีกระจกมองหลังให้กับตัวเอง
เขาใส่หมวกนั้นตลอดเวลาที่เดิน มันทำให้เขาสามารถเดินถอยหลังได้โดยไม่ชนกับสิ่งของต่าง ๆ และมันทำให้เขาสามารถเดินถอยหลังได้เร็วขึ้น จนในที่สุดเขาสามารถวิ่งถอยหลังได้
เมื่อสามารถวิ่งถอยหลังได้เร็วขึ้น นายถอยหลังก็กลับมาแกล้งคนอื่น ๆ ได้อีกครั้ง เขาแกล้งคนแล้วก็วิ่งหนี วิ่งหนีแบบถอยหลังตามวิธีการที่เขาคิดค้นได้ วิ่งหนีโดยการใช้กระจกมองหลัง น่าแปลกที่ไม่มีใครวิ่งตามเขาทันสักคน
นายถอยหลังดูเหมือนจะกลับมามีความสุขอีกครั้ง แต่ลึกๆ จริง ๆ แล้วเขายังคงรู้สึกเหงาเพราะไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับเขาเลย
**********************************************
จนกระทั่งวันหนึ่งมีนักเรียนใหม่เข้ามาเรียนในชั้นเรียน คุณครูให้นักเรียนใหม่เลือกนั่งกับเพื่อนในห้องเรียน เขากวาดสายตามองไปทั่วห้อง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินไปที่โต๊ะของนายถอยหลังและบอกกับนายถอยหลังว่า
“หวัดดี ฉันชื่อนายเดินหน้า ฉันขอนั่งข้าง ๆ นายได้หรือเปล่า”
นายถอยหลังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเพราะไม่เคยมีใครทักเขาก่อนมาก่อน แต่เขาทำเป็นวางมาดเข้ม เพราะอยากแสดงให้นายเดินหน้ารู้ว่าเขาเป็นคนยิ่งใหญ่
“ตามใจสิ ถ้านายกล้านั่ง” นายถอยหลังเอ่ยบอก
ไม่นานนายเดินหน้าก็รู้ว่านายถอยหลังมีวิธีการเดินไม่เหมือนคนอื่นๆ  ตั้งแต่นั้นมาทุก ๆ ครั้งที่นายถอยหลังเดินไปไหน นายเดินหน้าจะคอยเดินอยู่ข้าง ๆ นายถอยหลังเพื่อคอยบอกทางและชวนนายถอยหลังคุยอยู่ตลอดเวลา
นายเดินหน้าจะเดินเป็นเพื่อนนายถอยหลังกลับบ้านในตอนเย็น และเดินไปรอนายถอยหลังที่บ้านของนายถอยหลังในตอนเช้าเพื่อเดินมาโรงเรียนด้วยกันทุกวัน ไม่ว่านายถอยหลังจะเดินไปไหน จะมีนายเดินหน้าเดินอยู่ข้าง ๆ เสมอ นายเดินหน้าทำอย่างนี้อยู่ตลอดทั้งอาทิตย์จนนายถอยหลังรู้สึกรำคาญ เพราะมันทำให้เขาแกล้งคนอื่นได้ไม่ถนัด
วันหนึ่งนายถอยหลังทนไม่ไหวเขาจึงเอ่ยถามนายเดินหน้าว่า
“ทำไม นายต้องคอยเดินอยู่ข้างๆ และชวนฉันคุยนู่นคุยนี่อยู่เรื่อย”
“เพราะฉันอยากเป็นเพื่อนกับนาย” นายเดินหน้าตอบ
“ทำไมนายถึงอยากเป็นเพื่อนกับฉันนัก” นายถอยหลังถามต่อ
“เพราะนายไม่เหมือนใคร และฉันคิดว่านายก็ต้องการฉันเป็นเพื่อน” นายเดินหน้าตอบ
นายถอยหลังนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามนายเดินหน้าอีกคำถามหนึ่ง
“ทำไมต้องคอยบอกทางให้ฉันอยู่ตลอดเวลาด้วยล่ะ”
“ก็เพราะฉันอยากให้นายรู้ว่านายไม่ได้เดินอยู่คนเดียวนะสิ” นายเดินหน้าตอบ
นายถอยหลังเร่งฝีเท้าของตัวเองเร็วขึ้น เขาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง รู้เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากให้นายเดินหน้าเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้
นายเดินหน้าพยายามเอื้อมมือรั้งนายถอยหลังไว้ แต่นายถอยหลังสะบัดมือนายเดินหน้าอย่างแรงจนนายเดินหน้าเสียหลัก เซถลาไปบนถนน ตอนนั้นรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว
“ระวัง” นายถอยหลังตะโกนบอก
“เหวอ” นายเดินหน้าได้แต่ตกใจ ร้องตะโกนเสียงดัง ก้าวขาไม่ออก
นายถอยหลังโผตัวกระโดดเข้าหานายเดินหน้า ตอนนั้นเขานึกแปลกใจมากว่าทำไมเขาถึงกระโดดออกมาข้างหน้าได้
แต่นายถอยหลังกระโดดเข้าไปช่วยนายเดินหน้าไม่ทัน นายเดินหน้าถูกรถยนต์คันนั้นเฉี่ยวเข้าอย่างแรง เขาล้มลงกับพื้นและหมดสติไป
**********************************************
นายเดินหน้าฟื้นขึ้นมาและพบว่าตนเองเดินไม่ได้ เขามองเห็นนายถอยหลังยืนนั่งอยู่  ข้าง ๆ เตียงของเขา ตอนนั้นเขาบอกตัวเองได้คำเดียวว่าเขารู้สึกโกรธมาก
“เป็นเพราะนายนั่นแหล่ะ ทำให้ฉันต้องเป็นอย่างนี้ เป็นเพราะนายนั่นแหล่ะทำให้ฉันเดินไม่ได้” เขาต่อว่านายถอยหลังเสียงดัง
“ไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก” เขาตะโกนไล่นายถอยหลัง
นายถอยหลังไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาก้มหน้าเดินถอยหลังออกจากห้องไป
นายเดินหน้าทรุดตัวนอนร้องไห้อยู่บนเตียง บอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้ฉันคงเดินไม่ได้อีกแล้ว
หลายวันผ่านไปนายถอยหลังไม่เคยมาเยี่ยมนายเดินหน้าอีกเลย คุณพ่อคุณแม่ของนายเดินหน้าก็มาเยี่ยมนายเดินหน้าได้เพียงบางเวลาเท่านั้น เพราะพวกเขาต้องทำงานหาเงินมาเป็นค่ารักษานายเดินหน้า
นายเดินหน้ารู้สึกเหงาเหลือเกิน ตอนนี้เขารู้สึกคิดถึงนายถอยหลังเป็นที่สุด
...นายถอยหลังหายไปนะ
**********************************************
ตั้งแต่ถูกนายเดินหน้าต่อว่า นายถอยหลังก็เริ่มได้คิด เขาอยากจะเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพื่อทำให้นายเดินหน้าเห็นและมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นเดินได้ใหม่ เขาไปฝึกซ้อมเดินโดยการจับราวช่วยฝึกเดินที่ห้องกายภาพบำบัดทุกวัน
ครั้งแรกเขาจับตรงปลายราว เมื่อคิดว่าจะเดินไปข้างหน้า เท้าของเขาก็ก้าวไปข้างหลังจนมือเขาหลุดจากราวจับ และล้มลงก้นกระแทกพื้น คนที่เห็นต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เอาใหม่ นายถอยหลังบอกกับตัวเอง คราวนี้เขาเปลี่ยนมาเริ่มเดินจากบริเวณกลางราวช่วยฝึกเดิน เขาเอามือจับราวและบอกกับตัวเองว่าให้เดินไปข้างหน้า แต่เท้าของเขาก็ยังคงก้าวเดินไปข้างหลัง ผู้คนยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เอาใหม่ นายถอยหลังบอกกับตัวเองอีกครั้ง
...ก้าวเดินไปข้างหน้าช้า ๆ...
...ก้าวเดินไปข้างหน้าช้า ๆ นะ...ค่อย ๆ ก้าว...เขาบอกกับตัวเอง
ขาและเท้าของเขาเริ่มสั่น มือของเขาจับกับราวช่วยฝึกเดินไว้มั่นเพราะกลัวว่าจะหกล้มอีก
..เอาใหม่...
...ก้าวเดินไปข้างหน้าช้า ๆ...
...ก้าวเดินไปข้างหน้าช้า ๆ นะ...ค่อย ๆ ก้าว...
...ขอให้ก้าว ก้าวแรกให้ได้ก่อน...เขาบอกกับตัวเอง
...ก้าวเดินไปข้างหน้าช้า ๆ นะ...ค่อย ๆ ก้าว...
ขาและเท้าของเขาสั่นแรงขึ้น ในที่สุดมันก็ค่อย ๆ เหยียดก้าวออกไปข้างหน้า
ทำได้แล้ว นายถอยหลังบอกกับตัวเอง เขาบอกให้ตัวเองก้าวเท้าต่อไปข้างหน้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับเป็นว่าเท้าของเขากลับมาเดินก้าวถอยหลังอีกครั้งหนึ่ง
...ไม่เป็นไร เอาใหม่ ฉันจะต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ ฉันจะต้องเดินไปข้างหน้าให้นายเดินหน้าเห็นให้ได้...นายถอยหลังบอกกับตัวเอง
นายถอยหลังฝึกเดินหน้าอยู่หลายวัน พอวันที่สามเขาก็เริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าได้สามก้าวโดยเดินถอยหลังกลับมาเพียงหนึ่งก้าว เข้าวันที่ห้าเขาก็สามารถเดินหน้าได้ห้าก้าวโดยเดินถอยหลังกลับมาเพียงหนึ่งก้าว ผู้คนที่เคยยิ้มเยาะเขาเริ่มแสดงอาการยอมรับนับถือความตั้งใจที่จะเดินไปข้างหน้าให้ได้ของเขา และแอบเอาใจช่วยเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ
จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นสองสัปดาห์ ในขณะที่นายถอยหลังหัดก้าวเดินเขาได้แต่หวังว่าจะมีโอกาสได้เห็นนายเดินหน้า มาฝึกเดินที่ห้องกายภาพบำบัดสักครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยพบกับนายเดินหน้าเลย
เข้าสัปดาห์ที่สาม นายถอยหลังก็สามารถเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่เดินถอยหลังกลับและไม่ต้องจับราวช่วยฝึกเดิน ผู้คนในห้องกายภาพบำบัดต่างโห่ร้องแสดงความยินดีและตบมือให้กับเขา
ดูเหมือนผู้คนหลายๆ คนจะให้อภัยในสิ่งที่เขาเคยทำมาในอดีตแล้ว
**********************************************
สามสัปดาห์แล้วที่นายเดินหน้าเอาแต่นอนอยู่บนเตียง เขานึกน้อยใจตัวเอง และนึกน้อยใจนายถอยหลังที่ไม่เคยมาเยี่ยมเขาอีกเลย เขาเริ่มเกิดคำถามกับตัวเองว่าตนเองคิดผิดหรือไม่ที่อยากจะเป็นเพื่อนกับนายถอยหลัง เขาคิดไปต่างต่างนานา...น่าแปลกที่ทุกเรื่องที่เขาคิดเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาและนายถอยหลังทั้งสิ้น
   
และแล้วในขณะที่เขามองออกไปที่ประตู เขาก็เห็นนายถอยหลังถือช่อดอกไม้เดินหน้าเข้ามาในห้อง เขาขยี้ตาอยู่หลายครั้งเพราะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
   
นายถอยหลังเดินหน้าเข้ามาในห้องจริง ๆ ด้วย...นายถอยหลังเดินหน้าได้แล้ว
   
“นายเข้ามาทำไม” เขาลืมอารมณ์โกรธ อารมณ์น้อยใจนายถอยหลังไปชั่วขณะแต่ก็ยังคงแกล้งเอ่ยถาม
   
“ฉันมาเยี่ยมนาย และมาบอกนายว่าดูสิฉันเดินไปข้างหน้าได้แล้ว ดูสิ ฉันทำได้แล้ว และในที่สุดนายก็จะทำได้เหมือนกัน นายจะต้องเดินหน้าใหม่ได้อีกครั้ง”
   
“ทำไมนายมาพูดเอาป่านนี้ มันคงสายไปเสียแล้ว”
   
“ไม่หรอก ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอกเพื่อนรัก”
   
“นายเรียกฉันว่าอะไรนะ” นายเดินหน้าแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
   
“ฉันเรียกนายว่าเพื่อนยังไงล่ะ เพื่อนรัก ต่อไปฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง ฉันจะอยู่ช่วยให้นายเดินได้อีกครั้งหนึ่งเหมือนที่นายพยายามช่วยฉัน”
   
“เพื่อนรึ” นายเดินหน้าทวนคำเป็นคำถาม
   
“ใช่เพื่อน เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
   
นายเดินหน้านิ่งเงียบไป ดูเหมือนความโกรธ ความน้อยใจของเขาจะมลายหายไปสิ้นแล้ว
   
“ใช่แล้ว เราเป็นเพื่อนกัน”
   
นายถอยหลังยิ้ม เขายื่นช่อดอกไม้ให้กับนายเดินหน้า และเอ่ยบอก
   
“งั้นอย่าช้าอยู่เลยเพื่อนเอ๋ย เรามาฝึกเดินไปด้วยกันเถอะ” เขายื่นมือออกมาฉุดนายเดินหน้าให้ลุกขึ้น
   
นายเดินหน้าผุดลุกขึ้นยืน เขาเซถลาเสียหลักแต่นายถอยหลังประคองรับเอาไว้ได้
   
“นายไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปเราจะเดินไปด้วยกันนะ ฉันจะอยู่ข้างนาย คอยช่วยให้นายฝึกเดิน จนกว่านายจะเดินได้ด้วยตัวเอง” นายถอยหลังเอ่ยบอก
   
“ได้ ต่อไปเราจะเดินไปด้วยกัน แล้วนายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นนายถอยหลังอีกต่อไปแล้วนะ” นายเดินหน้าเอ่ยบอก
   
“อ้าวแล้วนายจะให้ฉันเป็นอะไรล่ะ”
   
“ก็เป็นนายเดินหน้าไง ตอนนี้ฉันให้นายยืมชื่อนี้ไปก่อน ส่วนฉันจะเป็นนายหัดเดิน ต่อไปถ้าฉันเดินได้เราก็จะได้เป็นนายเดินหน้าหนึ่ง กับนายเดินหน้าสองด้วยกันยังไงล่ะ”
   
“ได้สิ นายเดินหน้าหนึ่ง มา เรามาหัดเดินด้วยกัน” อดีตนายถอยหลังเอ่ยบอก
   
“ได้สิ นายเดินหน้าสอง”
   
ทั้งสองหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น