คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #146 : [Off.] Haiku (ไฮขุ)
俳句
『古池 や 蛙飛び込む水の音』(芭蕉) これは日本で最も有名な俳句の一つです。俳句は上の例から分かる
ように、『五・七・五』の合計17音節で表現されるきわめて短い形 式の詩なのです。
室町時代後期、15世紀~16世紀初頭に盛んになった『俳諧の連歌』 の発句 (最初の句)が、『俳諧』として独立し、江戸時代に松尾芭蕉(1644-94)らによって洗練された芸術性を与えられ,自然と人生を 融合する詩境をもって文芸の確固たる位置を築きました。
明治時代になり、正岡子規(1867-1902)がこの文学形式を『俳句』と 呼び、この名称が定着しました。日本人の耳に快く響く『七五調』すなわち7音節・5音節の句を単位とする17音節という簡潔な形式で、誰にでも比較的手軽にできることから、今日では俳句人口は 1,000万とも言わ れ、外国人にも愛好者が増えつつあります。
ACTIVITY
《俳句の味わい方》
A. 定 型
『五・七・五』の合計17音節で構成されます『五・七・五』の3 の部分は、それぞれが意味の上でもまとまりをもって、相互に関わ り合っています。
〈例〉
ふるいけや |
かわずとびこむ |
みずのおと |
5(音節) |
7(音節) |
5(音節) |
B. 季 語(季題)
俳句には必ず『季語』を用いなければなりません。季語は春(1~3 月)・夏(4~6月)・秋(7~9月)・冬(10~12月)の各季節の風物を表 す単語で、『季題』ともいい、各季節につき定められています。この 季語(季題) を集め、分類・解説した書物を『俳句歳時記』といい、俳句をつくるときに参照します。
〈例〉古池や蛙飛び込む水の音
蛙:季語 (春)
C. 切れ字
俳句 の 形式 上 、意味 を 区切る ところ に 用い られる 文字 を 『切れ字 』と いい ます 。 俳句 など に 独特 の 表現 で 、この『 切れ字』によって、 俳句 に ひびきが生まれ、感情をいっそう深く表現します。
よく 用いられる 『切れ字』 に は、次のようなもの があります。『や』『かな』『けり』『らん』『つ』『ぬ』『ず』『いかに』『か』『し』(形容詞の語尾として)など 。『切れ字』そのもの に とくに 意味 が ある わけ で は あり ませ ん 。
〈例〉
(1) 古池や蛙 飛び込む 水の音
や:切れ字
(2)
春の海 終日 のたりのたり かな (無村)
かな:切れ字
(3) 道 のべ の 木槿は馬に 喰われ けり ( 芭蕉 )
けり:切れ字
Q & A
1 |
Q :: |
俳句は必ず「五・七・五」の17音節でなければいけませんか。 |
A :: |
原則は「五・七・五」の17音節ですが、部分的あるいは全体的に通不足がっても、過不足 があっても、高い評価を得ている俳句も少なくありません。 〈例〉 雀 の子 そこのけ そこのけ お 馬が 通る ( 一茶 ) |
|
2 |
Q :: |
季語 に は どんな 言葉 が あり ます か。 |
A :: |
時候・ 天文・地理 ・生活・行事 ・動物・ 植物 に関して、それぞれ新年・春・ 夏・秋・冬 を表す季語 があります 。 |
|
3 |
Q :: |
俳句はどのように楽しみますか。 |
A :: |
個人でも、鑑賞したり、自分で作ったりして 楽しむことができますが、趣味を同じくする人たちがグループを作って『句会』を開いたり、『会報』を発行したりするほか、一般の新聞や雑誌に作品を投稿して、掲載されるのを期待するのも楽しいものです 。 |
|
4 |
Q :: |
『句会』ではどんなことをするのです か。 |
A :: |
参加者がそれぞれ自分で作った俳句を持ち寄って発表したり、その場で作ったりして、お互いの作品を鑑賞し、親睦を深め合います。 |
ไฮขุ
สระน้ำอันเก่าแก่
เจ้ากบตัวหนึ่งกระโดดลง
เสียงน้ำพลันดังจ๋อม
บะโซ มะทสึโอะ (Bashoo Matsuo)
นี่คือโคลงไฮขุที่มีชื่อเสียงที่สุดบทหนึ่งของญี่ปุ่น
จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า ไฮขุเป็นโคลงที่มีขนาดสั้นมากโดยมีเพียง 17 พยางค์
ประกอบไปด้วย 3 วรรค คือ วรรคละ 5, 7 และ 5 พยางค์ตามลำดับ
บทกวีที่เรียกว่า ไฮไค-เร็งงะ
(haikai-renga) เป็นที่แพร่หลายตอนปลายสมัย Mutomachi
ค.ศ. 1338 – 1570 ช่วงต้นศตวรรษที่ 15 – 16 ส่วนแรก คือ 17
พยางค์ของ ไฮโคเร็งงะ เรียกกันว่า haikai ในสมัยเอะโดะ (ค.ศ.
1603 – 1868) บะโซ มะทสึโอะ (ค.ศ. 1644 – 1694)
เป็นผู้สร้างขึ้นมาในวงวรรณทัศน์ในรูปแบบบทกวี
โดยมีท่วงทำนองศิลปะที่ขัคเกลาประณีตที่พรรณนาถึงความสอดประสานในฉากแห่งธรรมชาติและชีวิตมนุษย์
ในสมัยเมจิ (ค.ศ. 1868 – 1912) Shiki Masaoka ตั้งชื่อรูปแบบกวีนิพนธ์นี้ว่า ไฮขุ และมีการใช้ชื่อนี้นับแต่นั้นมา ใคร ๆ ก็สามารถแต่งโคลงไฮขุได้ค่อนข้างง่ายเนื่องจากรูปแบบคำประพันธ์สั้น ๆ ใช้เพียง 17 พยางค์ ซึ่งประกอบไปด้วยวรรคที่มี 7 พยางค์ กับ 5 พยางค์ จังหวะ 5, 7 พยางค์ ฟังไพเราะให้ความรู้สึกที่ดีกับคนญี่ปุ่น ในปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นที่นิยมแต่งไฮขุถึง 10 ล้านคน และชาวต่างประเทศที่รักการแต่งไฮขุก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
กิจกรรม
<<วิธีชื่นชมโคลงไฮขุ>>
ก. เทเค (Teikei = รูปแบบ)
ประกอบด้วย 3 วรรค คือวรรคละ 5, 7 และ 5 พยางค์ตามลำดับรวม 17 พยางค์
แต่ละวรรคจะมีความหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวและจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับวรรคอื่นด้วย
ตัวอย่าง :
Furu ike ya 5 พยางค์ สระน้ำอันเก่าแก่ |
Kawazu tobi – komu 7 พยางค์ เจ้ากบตัวหนึ่งกระโดดลง |
Mizu no oto 5 พยางค์ เสียงน้ำพลันดังจ๋อม |
ข. คิโงะ(Kigo = คำแสดงฤดูกาล)
โคลงไฮขุทุกโคลงต้องมีคำแสดงฤดูกาล
เป็นคำซึ่งแสดงธรรมชาติหรือวัตถุสิ่งของของแต่ละฤดูกาล (ฤดูใบไม้ผล เดือนมกราคม –
มีนาคม ฤดูร้อน เดือนเมษายน – มิถุนายน ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกรกฎาคม – กันยายน
และฤดูหนาว เดือนตุลาคม – ธันวาคม) คิโงะ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Kidai เป็นคำที่ถูกกำหนดไว้แล้วในแต่ละฤดูกาล หนังสือชื่อ
Haiku – saijiki เป็นพจนานุกรมที่รวบรวมคำแสดงฤดูกาล
มีการแบ่งแยกประเภทรวมทั้งวิเคราะห์และอธิบายไว้ด้วย
เป็นหนังสืออ้างอิงสำหรับการเขียนโคลงไฮขุ
ตัวอย่าง :
สระน้ำอันเก่าแก่
เจ้ากบตัวหนึ่งกระโดดลง
เสียงน้ำพลันดังจ๋อม
ในโคลงบทนี้
คำว่า “กบ” เป็นคำแสดงฤดูกาลสำหรับฤดูใยไม้ผลิ
ค. คิเระจิ (Kireji = คำแบ่งวรรคตอนของความหมาย)
ตัวอักษรที่วางในตำแหน่งแบ่งวรรคตอนของความหมายของไฮขุ
เรียก คิเระจิ คิเระจิเป็นลักษณะเฉพาะของไฮขุ
คิเระจิจะช่วยให้ไฮขุมีจังหวะจะโคนเสียงกัววานรวมทั้งแสดงความรู้สึกของไฮขุลึกซึ้งยิ่งขึ้น
คิเระจิที่ใช้กันบ่อย คือ “ยะ” “คะนะ” “เคะริ” “รัง” “ทสึ” “นุ” “อิคะนิ” “คะ” และ
“ชิ” (รูปลงท้ายของคำคุณศัพท์) เป็นต้น ลำพังคิเระจิเองไม่ได้มีความหมายอะไร
ตัวอย่าง :
(1.) Furu ikeya kawazu tobi-komu mizu no oto.
สระน้ำอันเก่าแก่ / เจ้ากบตัวหนึ่งกระโดดลง
/ เสียงน้ำพลันดังจ๋อม
(2.) Haru no umi hinemosu notary notary
kana.
ทะเลฤดูใบไม้ผลิ – ตลอดทั้งวันคลื่นแผ่วเบา
/ คลื่นซัดอย่างแผ่วเบา
(3.) Michinobe no mukuge wa uma ni kuware keri.
ซึ่งอยู่สองข้างทาง /
ดอกบานเช้าบานเบ่งไปทั่ว / ม้ากินไปเสียสิ้น
คำถาม – คำตอบ
1 |
Q :: |
โคลงไฮขุต้องประกอบด้วย
17 พยางค์ (5, 7, 5) เสมอไปหรือไม่ |
A :: |
โดยกฎพื้นฐานประกอบด้วย
17 พยางค์ อย่างไรก็ตาม
มีโคลงไฮขุจำนวนไม่น้อยที่ถือกันว่ามีคุณค่าสูงแม้ว่าในบางวรรคหรือทั้งโคลงจะมีจำนวนพยางค์มากเกินไปหรือขาดหายไปบ้าง ตัวอย่าง
:: Suzume no ko soko noke soko noke ouma ga tooru (20
พยางค์) (เจ้าลูกนกกระจอก
/ ออกไป ออกไปให้พ้นทาง / ม้ากำลังจะผ่าน) |
|
2 |
Q :: |
คำแสดงฤดูกาลมีคำอะไรบ้าง |
A :: |
มีคำที่เกี่ยวข้องกับฤดู
ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ชีวิตประจำวัน งานเทศกาล สัตว์ และพืช
ซึ่งแต่ละคำแสดงหรือบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นปีใหม่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูหนาว |
|
3 |
Q :: |
จะเพลิดเพลินกับไฮขุอย่างไร |
A :: |
เราสามารถเพลิดเพลินเป็นการส่วนตัว
อ่านผลงานของคนอื่น หรือแต่งไฮขุของเราเอง นักแต่งไฮขุเป็นงานอดิเรกจะมารวมกันกันจัด
Kukai = งานประชุมโครงไฮขุ หรือจัดพิมพ์นิตยสารไฮขุ
นับเป็นความสนุกสนานหากได้ส่งโคลงไฮขุแล้วรอคอยการลงพิมพ์ในคอลัมน์ไฮขุของหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร |
|
4 |
Q :: |
ผู้ที่มาในงานประชุมโคลงไฮขุทำอะไรกันบ้าง |
A :: |
ผู้ที่มาร่วมงานจะรวบรวมนำผลงานของตนเองออกแสดงบ้าง
แต่งบทโคลงไฮขุใหม่ ๆ บ้าง แลกเปลี่ยนผลัดกันชื่อชมโคลงของแต่ละฝ่ายเป็นการสร้างเสริมมิตรภาพให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น |
ความคิดเห็น