คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ประวัติ กิมจิ
ประวัติของกิมจิ ตั้งแต่มนุษย์เริ่มทำการเพาะปลูกมานั้น ผักเป็นที่ชื่นชอบเนื่องจากมีวิตามินและแร่ธาตุมาก มาย อย่างไรก็ดีในฤดูหนาวเมื่อการเพาะปลูกไม่เอื้ออำนวย จึงได้นำไปสู่ การพัฒนาการ การ ถนอมอาหารโดยวิธีการหมักดอง กิมจิซึ่งเป็นผักดอง ชนิดหนึ่งจึงถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 7 | |
กำเนิดการใช้พริกเผ็ดป่น |
|
แรกทีเดียว กิมจิเป็นผักดองเค็มดีๆนี่เอง แต่ในระหว่างศตวรรษที่ 12 ได้มีการทำกิมจิในรูปแบบใหม่ที่มีส่วน ผสมของเครื่องเทศ และเครื่องปรุงรสและใน ศตวรรษที่ 18พริกเผ็ดป่นก็ได้มาเป็นส่วนผสมที่สำคัญของกิมจิในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้อง ขอขอบคุณการนำเอากะหล่ำปลี เข้ามาในศตวรรษที่ 19 มาทำเป็นกิมจิ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในปัจจุบันนี้ |
ที่มาของชื่อกิมจิ |
เป็นที่น่าสงสัยกันมาตลอดว่าชื่อกิมจินี้คง มาจากคำว่าชิมเช (Shimchae) (ผักดองเค็ม) แต่ด้วยสำเนียง |
ทำไมกิมจิถึงได้มีการพัฒนาในประเทศเกาหลี |
|
ในโลกนี้มีอาหารประเภทผักหมักดองไม่กี่ชนิด เหตุผลเป็นไปได้ว่า กิมจิได้รับการพัฒนาเป็นอาหารหมัก ขึ้นชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศเกาหลีมีดังนี้: |
กิมจิในสมัยโบราณ |
|
เป็นการยากที่จะพิสูจน์ขบวนการการพัฒนากิมจิในสมัยโบราณ เพราะการบันทึกทางประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นแทบจะไม่มีเลย เราเพียงแต่สันนิษฐานเอาว่า ใช้วิธีการนำผักมาดองเกลือ เพื่อที่จะเก็บรักษาไว้ให้นานที่สุด เท่าที่จะทำได้เท่านั้น | |
กิมจิในสมัยอาณาจักรโคเรียว |
|
แม้จะไม่มีการบันทึกแน่ชัดลงไปว่ามีการพบกิมจิในสมัยก่อน กะหล่ำปลีได้ถูกกล่าวถึง ในตำรายารักษาโรค ทางภาคตะวันออกเรียกว่า ฮันยักกูกึบบัง (Hanyakgugeupbang) มีกิมจิสองชนิดคือ กิมจิ-จางอาจิ (Kimchi-jangajji) (หัวไชเท้าฝานเป็นแผ่นดองด้วยซอสถั่วเหลือง) และ ซุมมู โซกึมชอลรี (Summu Sogeumjeori - หัวไชโป๊) สมัยนี้กิมจิเริ่มได้รับความสนใจว่า เป็นอาหารแปรรูปที่ชื่นชอบ โดยไม่คำนึงถึงฤดูกาล และการเก็บรักษาในฤดูหนาว สงสัยกันว่า การพัฒนาให้มีรสชาติในสมัยนั้น คือการทำกิมจิให้มีรสจัดจ้าน | |
กิมจิในสมัยโชซอน |
|
หลังจากที่ได้มีการนำผักจากต่างประเทศเข้ามา กะหล่ำปลีใช้เป็นผักหลักใน การทำกิมจิโดยทั่วไป ต้นศตวรรษที่ 17 (หลังจากที่ถูกญี่ปุ่น รุกรานในปี ค.ศ. 1592) มีการนำเข้าพริกจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นราว 200 ปี พริกได้ถูก ใช้เป็นส่วน ผสม อย่างหนึ่งของกิมจิ ดังนั้นราวปลายสมัยโชซอน สีของกิมจิจึงกลายมาเป็นสีแดง |
กิมจิในราชสำนักโชซอน |
| |
|
แม้หัวไชเท้าและน้ำจะเป็นวัตถุหลักในการทำกิมจิน้ำ (dongchimi) ยังมีเครื่องปรุงหลายอย่างใช้ในการเพิ่มรสชาติสำหรับราชสำนักโชซอน หัวไชเท้าที่นำไปทำกิมจิน้ำจะต้องมีรูปทรงที่ดี และจะต้องล้างและหมักด้วยเกลือ ก่อนที่จะนำไปหมักในไหฝังดิน มีเกร็ดเล็กน้อยว่ากษัตริย์โกชอง (Gojong) กษัตริย์องค์รองสุดท้ายของโชซอน โปรดก๋วยเตี๋ยวเย็นผสมในกิมจิน้ำพร้อมด้วยน้ำซุปเนื้อเป็นอาหารมื้อค่ำในฤดูหนาว ดังนั้นจึงมีการทำกิมจิน้ำตำหรับพิเศษโดยมีลูกแพร์เป็นส่วนผสมใช้ทำก๋วยเตี๋ยวเย็นโดยเฉพาะ กิมจิสมัยใหม่ | |
มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า กิมจิเป็นอาหารบำรุงอย่างดี และมีนักโภชนาการ ทั้งหลายยังได้แนะนำให้เป็นอาหาร ในอนาคต สำหรับการบริโภคทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นกิมจิจึงเป็นสินค้าส่งออก ไปยังประเทศต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวเกาหลีที่ เดินทางเข้าประเทศจีน รัสเซีย และ เกาะฮาวาย และ ญี่ปุ่น เป็นคนแรกที่แนะนำกิมจิ และรับประทานกิมจิเป็นเครื่องเคียง และค่อยๆเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อย ๆ ในหมู่ชาวต่างชาติ ด้วยประการฉะนี้ จะพบกิมจิได้ในที่ที่มีชาวเกาหลีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งมีชาวเกาหลีมากมาย กิมจิบรรจุกล่องหาได้ง่าย แต่ก่อนการผลิต และการบริโภคกิมจ ิจะอยู่ในสังคมชาวเกาหลีเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นอาหาร ของโลกไปแล้ว |
ความคิดเห็น