พระเพื่อน - พระแพง
ถ้าเลือกได้คุณอยากให้ความรักของคุณเหมือนกับตัวละครในเรื่องลิลิตพระลอ หรือว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามวิถีทางของมัน
ผู้เข้าชมรวม
2,729
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องสั้นเรื่องนี้ ผมแต่งตั้งแต่อยู่ ม. 4 ครับ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการอ่านเรื่อง ลิลิตพระลอ
ผู้หญิงสองคน เป็นเพื่อนกัน สนิทกันมาก เคยสวมบทเป็นตัวละคร พระเพื่อน พระแพง ในวรรณคดีอันเป็นตำนานแห่งความรัก จนสัญญาไว้ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เมื่อมีความรักเดินทางมาหาพวกเธอ คนหนึ่งกลับลืมสัญญา จนก่อเกิดเป็นเรื่องเศร้า ที่มีแต่น้ำตาเท่านั้น ที่จะรู้ซึ้งถึงคำว่า เพื่อน
ติดตามเรื่องราวนี้ได้ใน เรื่องสั้น พระเพื่อน - พระแพง
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตึกสูงใหญ่ในกรุงเทพมหานครได้บดบังภาพดวงอาทิตย์อัสดงที่สวยงามไปจนหมด มีเส้นแสงเพียงเล็กน้อย ที่พอจะเล็ดลอดผ่านตึกเหล่านั้นมากระทบกับ แม่น้ำเจ้าพระยาสีน้ำตาลขุ่นให้เกิดประกายระยิบระยับงามจับตาทดแทนความงามที่ถูกลบไปได้
ดิว หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ วางกระเป๋าทำงานลงบนโต๊ะของเธอ แล้วมองผ่านหน้าต่างเรือนไทยประยุกต์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังภาพเหล่านั้น ก่อนที่จะละสายตาหันมามองสมุดบันทึกปกสีเขียวกำมะหยี่ที่ว่างอยู่ตรงหน้า
เธอนั่งลงและถอนหายใจ แล้วเปิดสมุดเล่มนั้นขึ้นมาอย่างเบามือ มีบันทึกจำนวนหลายหน้า ถูกขีดเขียนลงไปด้วยลายมือที่บรรจงอย่างสวยงาม เธอหยิบปากกาขึ้นมาและจดปลายปากกานั้นลงไปในบรรทัดแรกของหน้ากระดาษที่ยังว่างเปล่า ดวงตาทั้งสองคลอไปด้วยน้ำตา
22 กุมภาพันธ์ 2546
วันนี้เป็นวันเกิดครบ 34ปีของฉัน ฉันรู้สึกหดหู่จิตใจมาก เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะวันนี้ เมื่อ 26 ปีก่อน ฉันได้ทำสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดลงไป ฉันทำให้เพื่อนรักของฉันต้องเดินจากันไปชั่วชีวิต ฉันจึงเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนั้นไว้ทุกปี เพื่อจะได้เป็นสิ่งเตือนใจฉันตลอดไป
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในสมัยที่ฉันเรียนอยู่ ม.6 ฉันมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่งและมีเพียงคนเดียว เธอชื่อ ฝน เราสนิทกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา เราทั้งสองมีหลายสิ่งที่เหมือนกัน อย่างเช่น รูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันมาก อีกทั้งเพื่อนคนอื่นๆก็ยังบอกว่า เราสวยเหมือนกันด้วย ฉันไม่ได้โกหก มันเป็นเรื่องจริง แม้กระทั่งนิสัยใจคอหรือความคิดเห็นที่มักจะตรงกันอยู่บ่อยครั้ง เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่ว่าจะไปไหนก็จะมีอีกคนหนึ่งไปด้วยเสมอ จนฉันคิดว่าคงไม่มีเพื่อนคู่ไหนที่สนิทสนมกันมากเท่า ฉันกับฝนอีกแล้ว เราจึงสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
ที่โรงเรียนฉันกับฝนได้รับเลือกให้เป็นนางรำประจำโรงเรียน ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของเราก็ได้จึงถูกจับมาเป็นนางรำ เราทั้งสองและเพื่อนร่วมคณะมักจะไปรำโชว์ในงานต่างๆ รวมทั้งยังได้แสดงละครเวทีซึ่งจัดขึ้นในวันสัปดาห์ภาษาไทยอีกด้วย ฉันจำได้ว่า ฉันและฝนได้รับเลือกให้แสดงเป็นตัวละครในเรื่องลิลิตพระลอ โดยฝนสวมบทเป็นพระเพื่อน ส่วนฉันเป็นพระแพง เราตื่นเต้นกันมาก รีบศึกษาเนื้อเรื่องทันที พอทราบเรื่องราวและลักษณะนิสัยของตัวละครแล้ว เราจึงเริ่มฝึกซ้อมกัน
พอถึงวันงานเราทั้งสองคงแสดงกันได้สมบทบาทจริงๆ สังเกตได้จากนักเรียน และครูอาจารย์ที่นั่งชมอยู่ถึงกับน้ำตาคลอร้องไห้ตาม เมื่อถึงฉากที่พระลอ พระเพื่อน และพระแพง กอดคอประคองกันและสิ้นใจตายในที่สุด แล้ววันนั้นสิ่งที่ทำให้หัวใจของฉันรู้สึกเบิกบานสดชื่นเป็นพิเศษก็เกิดขึ้น เมื่อการแสดงจบลง ฝนได้ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อ
ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาฉัน ฉันรู้ว่าเขาก็อยู่ ม.6 เช่นเดียวกัน เพราะดาวที่ปักอยู่บนอกเสื้อของเขานั่นเอง เขาบอกว่า เขาชื่อ เทียน แล้วเขาก็ยื่นดอกกุหลาบสีแดงให้ฉัน แล้วบอกกับฉันว่า เขาแอบชอบฉันมานานและ ขอเป็นแฟนกับฉันได้ไหม ฉันรู้สึกตกใจและไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร ได้แต่เขินอาย เพราะมันเป็นครั้งแรกของฉัน จึงเพียงพยักหน้าเป็นการตอบตกลงเท่านั้น ฉันรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกของฉันก็บอกฉันว่า เขานี่แหละคือพระลอของฉัน
หลังจากการแสดงละครเวทีวันนั้น นักเรียนทั้งโรงเรียนก็มักจะเรียกฉันกับฝน ว่าพระเพื่อน พระแพง เมื่อฉันได้ยินในครั้งแรกก็อดหัวเราะไม่ได้ ใช่ พระเพื่อนพี่พระแพงน้อง เหมาะสมกับเราทั้งสองจริงๆ แต่เมื่อฉันกลับมาคิดทบทวนดู ฉันก็ไม่อยากให้ชีวิตของฉันเหมือนในเรื่องลิลิตพระลอเลย เพราะพระเพื่อน พระแพงมีแฟนคนเดียวกัน
แล้วสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดก็เริ่มส่อแววว่าจะเป็นจริง เมื่อเพื่อนหลายคนมาบอกกับฉันว่า เคยเห็นเทียนไปพูดคุยกับฝนอยู่เสมอ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่อยากจะถามถึงความจริงจากปากของเทียนเพื่อความสบายใจของฉันเท่านั้น
แต่เมื่อเทียนมาหาฉัน ฉันก็ลืมถามเขาเสียสนิท เขามักพาฉันไปเที่ยวบ่อยๆ จนความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฝนเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม ฉันกับฝนเริ่มห่างเหินกันมากขึ้น แล้วในที่สุดความจริงก็ปรากฏขึ้นในวันเกิดครบ 18 ปีของฉัน
ดิวกดปากกาจนกระดาษทะลุเป็นรอยลึก หมึกของปากกาซึมกระจายเป็นวงกว้าง ดิวเอามือทั้งสองปิดหน้าพร้อมกับสะอื้นออกมาแล้วก็ซบหน้าลงไปกับสมุดบันทึกเล่มนั้น เวลาผ่านไปชั่วครู่ ดิวเงยหน้าขึ้นพลางปาดน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองของเธอแล้วสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ เหมือนกับจะพยายามเรียกสมาธิกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเขียนบันทึกต่อด้วยมืออันสั่นเทา
วันนั้น หลังจากที่รับประกาศนียบัตรจบ ม.6 แล้ว เทียนมอบของขวัญให้ฉันชิ้นหนึ่ง สีหน้าของเขาดูกังวลเหมือนกับมีอะไรบางอย่างในใจที่อยากจะบอกกับฉัน ฉันจึงเริ่มต้นบทสนทนา ด้วยการเป็นฝ่ายถามเขาก่อน เทียนบอกว่า เขารู้สึกผิดมากที่ตอนนี้เขาคบผู้หญิงสองคนไปพร้อมๆกัน นั่นก็คือ ฝนกับฉัน โดยที่เขาคบกับฝนมาก่อนแล้ว โดยที่ฉันไม่เคยรู้ ฉันเริ่มรู้สึกไม่พอใจและโกรธในการกระทำของเขา แต่เขาก็บอกว่าเขาตัดสินใจเลือกฉันเพราะ เขาไม่เคยรักฝนเลย
" อย่างนี้เองหรือ เทียน " เสียงของฝนดังขึ้น ฉันยังจำได้ไม่ลืมเลือน
" ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดกับฉันแบบนั้นหรอ " ฝนพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ความรู้สึกของฉันกลับบอกว่า เธอเสแสร้ง
" เธอไม่น่าพูดให้ฉันได้ยินเลย ฉันจะได้คิดว่าเธอรักฉันตลอดไป " ฝนพูดออกมาด้วยสีหน้าปกติ แต่น้ำตากลับไหลลงมาอาบแก้ม เทียนได้แต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร แล้วสิ่งใดหนอที่ดลใจฉันให้พูดออกไปทันทีว่า
" เทียนเป็นของฉัน ไม่ใช่ของเธอ " สายใยแห่งความเป็นเพื่อนที่ฉันกับฝนร่วมกันสร้างขึ้นมาคงขาดสะบั้นลงทันทีที่ฉันพูดออกไป ฝนพยักหน้าแสดงความเข้าใจ แล้วเริ่มร้องไห้ มีเสียงสะอื้นดังขึ้นโดยที่ฝนไม่อาจบังคับได้อีกต่อไป
" ฉันขอถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย " ฝนเช็ดน้ำตา
" เทียน เธอจะเลือกใคร ระหว่างฉันกับดิว " กรรมแต่ชาติปางก่อนที่ฉันทำไว้คงบันดาลให้ฉันเสียเพื่อนคนนี้ไปอย่างแน่นอน ฉันวิ่งเข้าไปตบหน้าฝนโดยไม่นึกถึงความเป็นเพื่อนระหว่างเราเลยสักนิด เทียนพยายามห้ามฉันไว้ และพูดขึ้นมาว่า
" ผมเลือกดิว เข้าใจไหม ผมรักดิว ผมรักดิว " คำพูดของเทียนคือคำพิพากษาความเป็นเพื่อนของฉันกับฝนให้จบลง ทำไม ทำไม ฉันถึงทำแบบนั้น
" ฉันไม่โทษเธอหรอกดิว ฉัน..." ฝนพยายามพูดให้จบ " ฉันขอยก...เทียน ให้เธอ เป็น...ของขวัญวันเกิด ก็แล้วกัน " นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ยิน คำพูดของฝน แล้วฝนก็เดินหันหลังจากไป กล่องของขวัญที่ฝนถืออยู่ก็พลันหล่นลงพื้น ฝนเดินจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาหาฉันอีกชั่วชีวิต ฉันไม่พบฝนอีกเลย ตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งวันนี้
ฉันรู้ทันทีสำหรับ คำว่า ความรัก กับ คำว่า เพื่อน คำไหนมีความสำคัญมากกว่ากัน ฉันเริ่มรู้สึกได้ว่า ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก น้องพระแพงคนนี้ช่างเลวจริงๆ ฉันไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้เลย ถ้าเลือกได้ฉันอยากให้มันจบแบบลิลิตพระลอซะดีกว่า พระเพื่อน พระแพง กอดคอกันตายโดยที่ทั้งสองไม่เคยบาดหมางกัน มันคงจะสายไปสำหรับคำขอโทษ แต่ถึงอย่างไร...ฉันก็ต้องขอโทษเธอ ขอโทษนะฝน ฉันขอโทษ
น้ำตาของดิวไหลหยดลงไปกระทบคำขอโทษที่เธอเขียนอยู่จนรางเลือนไป ลมพัดโชยเข้ามาทางหน้า ทำให้กระดาษบันทึก ปลิวย้อนกลับไป เผยให้เห็นคำบันทึกที่คล้ายกันกับที่เธอเขียนอยู่ในทุกวันนี้ ทุกๆปี และสิ่งที่ปรากฏอยู่ในคำบันทึกแต่ละปีนั้นคือ คำขอโทษที่รางเลือน เหมือนดั่งว่าพี่พระเพื่อนจะไม่ให้อภัยน้องพระแพงคนนี้ตลอดไป
ผลงานอื่นๆ ของ เธียรศกร ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เธียรศกร
ความคิดเห็น