ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bleach] OS ❄ All for Hitsugaya Toshiro

    ลำดับตอนที่ #10 : HitsuGin || 離れたくないなあ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 612
      20
      7 ม.ค. 64



    「離れたくないなあ」

    “I don’t want to leave.”


    PG || One shot


    Ichimaru gin x Hitsugaya Toshiro



    ตอนนี้แรงบันดาลใจมาจากบางส่วนของเนื้อเพลง bleach op15 ยังไงสามารถกดที่ลิ้งค์ชื่อเพลงด้านล่างเพื่ออรรถรสหรือถ้าไม่ถนัดอยากเอาชื่อเพลงไปเสิร์จทีหลังก็ชื่อตามด้านล่างนี้เลยย

    Harukaze - scandal


    ___________________________________




    เหหห อัจฉริยะคนที่สองงั้นเหรอ


    ใช่แล้วล่ะ ดูจากการพัฒนาแล้วอีกไม่นานเขาก็อาจจะมีสิทธิ์ได้ตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าหรือไม่ก็อาจจะเป็นได้ถึงหัวหน้าหน่วยของข้าด้วยล่ะ” 


    ขนาดนั้นเลย?”


    ช่ายยย ไว้วันหลังข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเขาดีไหม


    นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินรันงิคุพูดถึงใครให้ข้าฟังได้อย่างภาคภูมิ เพื่อนสาวคนสนิทคนนี้ไม่ค่อยจะพูดชื่นชมคนอื่นอะไรเท่าไหร่ให้ข้าฟังในด้านความสามารถเพราะรู้ดีถึงความสามารถของข้าที่ยากจะกำราบ


    ข้าไม่ได้พูดเกินจริงเลยจะบอกให้...แต่ถ้ารันงิคุพูดขนนาดนี้แล้วล่ะก็นะ


    ก็ได้ ทีหลังว่างข้าจะแวะไปพบเขา


    ในวันนี้ข้าประมาทยมทูตนามว่า ฮิตสึกายะ โทชิโร่ มากเกินไป


    ในวันนั้นที่เหล่ากลีบดอกไม้ปลิดปลิวไปตามลมได้พัดพาช่องว่างหัวใจของข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว



    .


    นั่นไง คนที่ตัวเล็กที่สุดในหน่วยน่ะครับรองหัวหน้า


    เฮ้ เจ้านั่นน่ะเหรอ


    ข้าประหลาดใจกับขนาดตัวที่เล็กน่าเอ็นดูเกินคาดของเขา ผมสีเงินประกายคล้ายคลึงและน่าตกใจยิ่งกว่าเมื่อเขาหันมามอง


    มีใครเรียกข้า


    นัยน์ตาสีฟ้าดุจท้องฟ้าสะท้อนเงาหิมะแทบไม่ต่างอะไรกับนัยน์ตาของข้า แม้จะกลมโตผิดกับข้าที่แทบจะไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้เห็นดวงตาเพื่อปิดม่านความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง


    ความรู้สึกของข้าถูกเชื่อมโยงเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวภายในเสี้ยววิ


    เอ๋ ป้ายนี้นี่...รองหัวหน้าหน่วยที่ห้ามาทำไม


    รู้จักข้าอยู่แล้วนี่นา เหหหห น่าภูมิใจชะมัด


    อ้าวงินมาไม่บอกกันก่อนได้ไง ข้าว่าจะมาพาแนะนำด้วยตนเองซะหน่อย


    “เจ้ารู้จักกันกับคนนี้ดีงั้นรึมัตสึโมโตะ


    ใช่ค้าาา เพื่อนข้าเองแหละ อิจิมารุ งินรองหัวหน้าหน่วยห้าส่วนคนนี้ ฮิตสึกายะโทชิโร่


    รันงิคุจับมือของข้าและเขาจับประสานทำความรู้จักแบบที่เธอชอบ กระแสบางอย่างแล่นแปลบปลาบ ระหว่างมือ อาจจะเป็นกระแสพลังวิญญาณทั้งสองขั้วที่ต่างกันหรืออะไรอย่างอื่นก็ตามข้าไม่รู้  รู้เพียง ตอนนั้นข้าก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มกว้างยิ่งกว่ายามไหน


    แต่โทชิโร่กลับทำสีหน้าปุเลี่ยนประหลาดใส่ เหมือนเขาไม่ชอบรอยยิ้มของข้าเท่าไหร่แล้วก็ดูจะไม่ชอบท่าทางเข้าหาสุดๆ ที่ข้าทำกับเขาอยู่เสียด้วย


    ฮิตสึกายะ โทชิโร่ เขาเป็นคนนิ่งจริงจังน่ะ


    เราสองคนช่างแตกต่างกัน... แต่ไม่ทันรู้ตัวก็พาตัวเองไปอยู่ข้าง เสียแล้ว




    .


    เลิกมากวนเวลาพักผ่อนของข้าได้แล้ว


    เดี๋ยวนี้มาบ่อยเชียวนะงิน


    แล้วมันทำไมเหรอคร้าบบบไม่มีใครจับความรู้สึกข้าได้ แต่ดูเหมือนว่าข้าจะเริ่มมาบ่อยเกินจนรันงิคุรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง 


    แต่ทำไงได้ล่ะ ก็มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะได้อยู่ใกล้แบบไม่มีพิรุธกับเพื่อนกับคนที่สนใจ ดีออกจะตายไป


    มีเวลามากขนาดนี้เอาแต่เดินเล่นไม่กลับไปฝึกตัวเองเดี๋ยวก็ไม่ได้เลื่อนขั้นนะงินรันงิคุแซว


    เจ้าก็ไม่ต่างกันนั่นแหละแต่แวบหนึ่งความคิดในหัวก็แวบขึ้นมาให้ทำอะไรบางอย่างลงไป


    ได้ยินมาจากรันงิคุว่าเจ้าก็เก่งไม่เบานี่นาโทชิโร่ มาลองประมือกันซักทีดีมั้ยน้า” 


    กับเจ้าตรงนี้น่ะเรอะ


    แหม ไม่ต้องกลัวหรอกน่าโทชิโร่


    ข้าไม่ได้กลัวซะหน่อย เข้ามาแบบไม่ต้องออมมือเลยก็ได้!” โทชิโร่ฮึดฮัดลุกพรวดประจันหน้าอย่างไม่ยอมแพ้


    ในวันนั้นข้าค้นพบว่าโทชิโร่ถูกล่อลวงให้หัวเสียได้ไม่ยากแถมค่อนข้างหน้าบาง หลังจากนั้นข้าก็มักจะแกล้งเขาเสมอด้วยความสนุกสนาน แน่นอนว่าก็มักจะจบด้วยการต่อสู้ประลองฝีมือระหว่างเรา


    ข้าชอบเวลาต่อสู้...ฟังดูแปลกแต่ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดหรอก ข้าชอบที่ได้อยู่ในสายตาที่มองตรงมาที่ข้าเพียงผู้เดียวอย่างจริงจัง ข้ามักจะค้นพบสิ่งใหม่ๆเสมอเกี่ยวกับ ฮิตสึกายะ โทชิโร่ ระหว่างการต่อสู้


    ครั้งแรก ข้าพบว่าเขามีพลังวิญญาณที่สูงมากเกินกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก


    ครั้งที่สอง ข้าค้นพบว่าดวงตาของเราไม่ใช่สีเดียวกันอย่างที่ข้าคิด นัยน์ตาสีฟ้าของเขาสะท้อนเขียวน้ำทะเลยามต้องแสงแดด


    ครั้งที่สาม ข้าค้นพบว่าพลังของเราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ของข้ารวดเร็วลึกลับ ของเขางดงามยิ่งใหญ่ 


    ครั้งที่สี่ ข้าพบว่าเขาหัวเสียแค่ไหนกับการประลองที่ไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะได้เลยสักครั้ง


    ครั้งที่ห้า ข้าก็ค้นพบถึงจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด


    เจ้าใช้พลังชิไคที่ก็รู้อยู่แล้วว่าอันตรายแค่ไหนกับการประลองแค่นี้ได้ยังไง!” สีหน้าของรันงิคุบ่งบอกชัดเจนว่าอยากจะจัดการข้าให้สาสมที่ทำโทชิโร่บาดเจ็บหนักในการประลองเล่น


    แต่โทชิโร่ไม่พอใจที่ข้าไม่ยอมใช้พลังนี่นาข้าได้แต่พูดด้วยสีหน้าเดิม แต่ใครจะรู้ว่าในใจข้าเองสับสนหนัก 


    ข้าไม่อยากให้โทชิโร่คิดว่าข้าดูถูกจึงไม่ใช่พลัง แต่ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บหนักเช่นนั้น ผ่านไปเพียงคืนเดียวโทชิโร่ก็ฟื้นคืนเดินเหินได้ปกติ แต่ความกังวลของข้ายังไม่จางหายไป


    เหมือนตอนนั้น...บาดแผลในใจที่ข้าไม่สามารถช่วยอะไรรันงิคุได้เลยจากการถูกทำร้ายในวัยเด็ก


    ทั้งเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า และคนที่ข้าทั้งสนใจทั้งชื่นชอบก็ด้วย


    ฮิตสึกายะบอกข้าว่าเจ้าไม่ผิดอะไรเพราะเขาเป็นคนบอกให้เจ้าใช้พลังอย่างเต็มที่เอง


    “…”


    เลิกรู้สึกผิดแล้วไปหาเขาเถอะนะงิน


    แต่ข้ารู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้...จะทำให้เขาเจ็บปวดเพิ่มขึ้นไม่ได้จริง  


    บัดนั้นข้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตนเอง


    ไม่ว่าหัวใจจะพบความเจ็บปวดสักแค่ไหน ข้าจะต้องเผชิญหน้ากับมันและหาทางออกให้ได้


    .

     

    นับแต่วันนั้นข้าก็ใช้เวลาไม่เว้นวันที่จะแก้แค้นตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ นั่งเล่นพูดคุยไม่เป็นสิ่งที่ข้าโปรดอีกต่อไป มีเพียงเดินไปข้างหน้าเท่านั้น 


    เข้าร่วมกับไอเซ็น โซสึเกะ ได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่สาม หลังจากได้นามหัวหน้าหน่วยสอดแนมมาครอบครองก็กลายเป็นผู้ทำให้เขาเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต่างกับฉายาที่พวกเขาเริ่มเรียกขาน อสรพิษผู้ทรยศ


    "ว้า น่าสงสารจัง ทำไมกระแทกทำฮินาโมริบาดเจ็บแบบนั้นได้ลงล่ะหัวหน้าฮิตสึกายะ" 


    คำเหล่านั้นออกจากปากข้าไหลลื่นเหลือเกิน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าฮินาโมริถูกยุยง กลายมาเป็นอีกตัวเบี้ยสร้างความเจ็บปวดให้โทชิโร่เช่นกันกับตอนนี้... ตอนนี้ที่เขาเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นจากการกระทำของข้า


    "เป็นเจ้า ตั้งแต่ตอนนั้น เป็นเพราะเจ้าทั้งหมด!" 


    เคร้ง!


    การต่อสู้ระหว่างเราไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกของเขาบอกชัดบนใบหน้าว่าเคียดแค้นคณานับ แม้ข้าจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่ส่วนลึกของจิตใจยังคงเต้นระรัวให้แก่การประลองระหว่างเราในอดีตที่คงมีเพียงข้าที่คิดถึง


    หลายต่อหลายกระบวนท่าชวนให้หวนนึกถึง


    "ไม่ได้เร็วขนาดนั้นนี่"


    "..."


    "ความเสียใจที่แท้จริงของเจ้ามันเริ่มต้นตั้งแต่นี้" 


    ข้าไม่รู้ว่าเสียใจที่ถูกดูถูกในความสามารถหรือสมเพชตนเองในความเสียใจที่โทชิโร่พูดถึงจะทำให้รู้สึกดีมากกว่ากัน


    เอาเข้าจริง ความเสียใจเหล่านั้นมันอาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเมื่อวันนั้นแล้วก็ได้..


    "จงสถิตเหนือฟ้าเหมันต์"


    "หึ"


    "เฮียวรินมารุ!"


    พลังวิญญาณอันสูงส่งของหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่สิบแผ่กระจายกดดันไปทั่วบริเวณ การจู่โจมต่อสู้ทั้งบ้าคลั่งและหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ 


    แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเขาที่พัฒนาขึ้นเพียงผู้เดียว


    "จงพุ่งสังหาร ชินโซ"


    "อะ เฮือ-"


    เคร้ง!!


    "มัตสึโมโตะ"


    "ได้โปรดลดดาบของท่านลงเถอะค่ะ หัวหน้าอิจิมารุ"


    "..."


    "ถ้าไม่ทำตาม ข้าคงต้องขอมีส่วนร่วมในการต่อสู้"


    ดาบของรันงิคุเริ่มแตกร้าว แม้ข้าจะมองจากมุมอันห่างไกลก็เห็นมันอย่างชัดเจน


    ถ้าหากเธอมาไม่ทัน มันจะเหมือนครั้งอดีตที่ข้าเคยทำร้ายเขาหรือเปล่านะ?


    แต่ช่างปะไรล่ะ ข้าเสียทั้งเพื่อนที่ดีที่สุดและคนที่ข้าอยากจะหยุดความรู้สึกไว้ที่เพียงคำว่า 'สนใจ' ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นัยน์ตาแข็งกร้าวและเจ็บปวดของพวกเขา เพียงแค่เห็นข้าก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีก


    อย่างน้อยคราวนี้เขาก็ปลอดภัย.. 


    เดี๋ยว-- อิจิมารุ


    "แทนที่มาคอยตามข้า ไปดูแลรองหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ห้าที่เจ้าทำบาดเจ็บไม่ดีกว่าหรือครับฮิตสึกายะคุง"


    ไม่อยากแยกจากเจ้าไปเลย


    แต่ข้ารู้...สิ่งที่อยากพูดนั้นไม่มีทางออกไปจากปากของข้า


    ข้าเดินจากไปจากสายตาเคียดแค้น ผิดหวัง และหวาดกลัว ในระหว่างที่ก้าวข้ามผ่านประตูมิติ ทุกย่างก้าวข้ากลับอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงในช่วงเวลาแรกที่เราได้พูดคุยกัน


    ข้ามีพลังวิญญาณสูงก็จริง แต่ก็รู้สึกว่าการเลื่อนขั้นเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากข้านัก นัยน์ตาสีฟ้าเช่นเดียวกันกับข้า ทว่าความงดงามมากกว่าเหนือชั้นในสายตาข้า


    ดูถูกตัวเองไปแล้วโทชิโร่


    เพิ่งจะได้คุยกันไม่กี่ครั้งจะรู้ดีอะไรเรื่องของข้า ข้ายกยิ้มพลางคิด...จะไปรู้ได้อย่างไรว่าตั้งแต่ได้พบหน้า ข้าใส่ใจเจ้ามากขนาดไหน


    เอาเป็นว่ารู้น่า” 


    โกหก


    เอาอะไรมากล่าวหาข้า ยมทูตเด็กอัจฉริยะโทชิโร่ที่เขาลือกันไม่ได้ได้มาง่าย หรอกน้า


    ทำตัวน่าหงุดหงิดชะมัด เจ้าก็อัจฉริยะไม่ใช่หรือไง


    แต่ก็ไม่แน่ ข้าว่าในอนาคตโทชิโร่เก่งกว่าข้าแน่นอน


    โกหกอีกแล้ว


    เหห ทำไมชอบกล่าวหาข้า"


    มันเขียนชัดอยู่บนหน้าเจ้าเจ้ามักจะตีความรอยยิ้มของข้าผิดไปเสมอตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนี้


    ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยแต่ข้าไม่ถือสาอะไรเลยกับความเจ็บปวดน้อยใจเล็กน้อยของข้าพรรณนั้น


    เพียงแค่อยากจะหัวเราะข้างกันอีกครั้ง คอยเช็ดน้ำตาให้ในคืนที่เจ้าร้องไห้ คอยปลอบโยนเพราะไม่มีใครเข้มแข็งเมื่อต้องหวาดกลัวเพียงลำพัง


    แม้รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรแต่ข้าคงทำได้เพียงคอยมองเจ้าที่ยังคงเข้มแข็งมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง


    ข้าตัดสินใจทิ้งความทรงจำและก้าวต่อไปข้างหน้า


    ขอโทษนะที่ข้าเลือกแบบนี้


    ลาก่อน ฮิตสึกายะ โทชิโร่





    ______________________________


    จบเท่านี้แหละค่ะ ไม่มีต่อแล้ว ความเศร้าผู้แต่งเองก็อยู่ด้วยได้ไม่นาน//แหะๆ

    ว่าแต่คนที่ฟังเพลง..โทนเพลงสดใสมากดูต่างจากเนื้อเรื่องใช่ไหมคะ55555

     และถึงแม้ว่าเรื่องจะจบในความหมายเดียวกันกับเนื้อเพลงที่ร้องว่าต้องก้าวต่อไปข้างหน้า แต่ทุกคนที่รู้ตอนจบของงินก็คงรู้ดีว่าถ้าแต่งต่อเรื่องก็คงจะมีแต่เศร้าลงๆ ;___;

    ส่วนชื่อเรื่องว่า離れたくないなあก็คือประโยคที่พูดว่า "ไม่อยากแยกจากไปเลย"เป็นอะไรที่เหมาะกับเนื้อเรื่องมาก ๆ ค่ะ เอาเข้าจริงเราอินกับคู่งินรันมาก แต่ถ้าคู่กับโทชิโร่ในมุมนี้ก็ฟินไม่แพ้กัน//เขียนไปซึมหงอยไปกันเลยทีเดียว
    เอาจริงๆหาข้อมูลเยอะมากค่ะเพราะไม่อยากให้เห็นช่องโหว่ในไทม์ไลน์ อย่างตอนที่ทั้งสองคนสู้กันเราแทบจะเบสคำพูดแทบทุกคำมาจากอนิเมะฉากนั้นเลยนะ (เรื่องสีตาของงินก็ด้วย เปลี่ยนไปมาได้งงมาก5555 แต่เรายึดจากสีสุดท้ายที่เห็นในตอนหลังนะคะเพราะสีนั้นหล่อกว่า---แค่กๆ)
    ตอนนี้เราใช้ความพยายามพอสมควรเพื่อค้นคว้าเพราะอยากให้เข้ากับเนื้อเรื่องเดิมจริงๆ ถ้าชอบยังไงหรือ AU ดีกว่าก็เข้ามาคอมเม้นและร่วมด้วยช่วยหวีดหน่อยนะ มันจะเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้อย่างดีเลยล่ะ:) 



    *ขอบคุณเครดิตทั้งคู่เลยค่ะ เราอ่านคำแปลทั้งสองแล้วก็เอาภาษามาเกลาเพิ่มเอง ส่วนตัวเอียงที่ไม่ใช่คำพูดในอดีตนั่นก็คือเนื้อเพลงค่ะ







    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×