คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คำขอของใครบางคน
��������������� ในยามที่สงครามที่กำลังคลืบคลานเข้ามา เทพแสงผู้เป็นดั่งแสงสว่างให้แก่หมู่มวลเหล่าหางทั้งหลาย นามอัลคาเชีย ได้เล็งเห็นถึงอนาคตอันใกล้ ด้วยความกังวลว่าจะถึงคราวสูญสิ้นโลกอีกครั้ง จึงได้ออกคำสั่งให้ท่านแม่ทัพโบดาสทหารเอกของพระองค์เอง ออกตามหาเหล่าผู้กล้าทั้ง 12 หาง ณ หมู่บ้านต่างๆ
��������������� เวลาล่วงเลยไป ตั้งแต่ท่านโบดาสย่างก้าวออกจากเมืองแสงไปร่วมปีและไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ความหวังของชาวเมืองที่ดูจะลิบหรี่ลงเรื่อยๆจนกว่าเป็น ความสิ้นหวัง
จนกระทั่ง เสียงระฆังน่าประตูเมืองนั้นดังกังวานเป็นการบ่งบอกถึงการกลับมาของท่านโบดาสทหารเอก พร้อมกับเหล่าผู้กล้าทั้ง 12 หาง ความปลื้มปิติดีใจเป็นดั่งการจุดฉนวนให้เปลวไฟแห่งความหวังในใจของชาวเมืองอีกครั้ง
หากแต่ว่า ความหวังนั้นอาจต้องการรอคอย เมื่อเหล่าผู้กล้าที่เดินเข้ามาในเมืองแสงนั้น ยังเยาว์เกินกว่าที่จะมาจับดาบถือโล่ เมื่อดูผิวเผินแล้วอายุอานามไม่น่าจะถึง 5 ขวบปี ด้วยซ้ำเมื่อชาวเมืองเห็นดังนั้นต่างตั้งคำถามภายในใจและต่างเป็นคำถามเดียวกัน
“เด็กตัวแค่นี้หน่ะหรือ ผู้กล้า ??” คำถามถูกยิงเข้าสู่โสตประสาทความเชื่อมั่นในตัวเหล่าผู้กล่าค่อยๆน้อยลงๆ
“ถึงตอนนี้ พวกเขาจะยังเยาว์วัย แต่ข้าเชื่อในท่านอัลคาเชีย เมื่อท่านได้เลือกแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเช่นไรข้าก็จะขอฝากอนาคตไว้กับพวกเขา” เสียงนุ่มทุ่มองเสือที่อายุอานามไม่น่าจะเกิน 40 เอ่ย พรางมองเหล่าผู้กล้าที่ยังไม่ปะสีปะส่าเท่าไรนัก
“นั้นสินะ อย่างไรเสีย จะให้รอความตายโดยสิ้นหวังข้าคงไม่เอาด้วยแน่ อย่างน้อยก็ขอฝากความหวังไว้กับพวกเจ้ารึกันนะ” แพะหนุ่มนามโกทันกล่าวด้วยรอยยิ้มชาวเมืองได้ยินดังนั้นต่างพากันเฮลั่น เห็นด้วยกับความคิดของแพะหนุ่ม
“ไหนไหนก็ไหนไหนแล้วเรามาฉลองกันดีกว่า” เสียงของเซฟประจำเมืองเสียง เอ่ยเสียงเข้มเพียงเท่านั้นชาวเมืองต่างพากันเฮลั่นอีกครั้ง เหล่าผู้กล้าน้อยในคลาแรกที่ย่างก้าวเข้ามาต่างพากันงุนงงในสิ่งที่ตนได้รับมอบหมายจนกระทั่งมาถึงคลานี้ เมื่อได้ยินคำว่า ฉลองนั้น มันต้องหมายถึง ขนม นม เนย เป็นแน่
“จะมี ขนม อาหาร อร่อยๆให้พวกเรากินใช่ม้า” วาฬน้อยเปรยขึ้นด้วยความดีใจพรางมองไปทางเหล่าผู้กล้าคนอื่นๆ “นี่ อาหาร อาหารไงล่า พวกเจ้าไม่หิวกันรึไงน่ะห๊า” เสียงติดจะทุ้มหน่อยๆยังดังต่อไปวาฬน้อยพยายามหาพันธมิตในการร่วมกินดื่มสังสัน หากแต่ว่าไม่มีใครตอบรับ โดยเฉพาะแกะน้อยที่มีสีหน้าติดจะเศร้า “แกะ เจ้าเป็นอะไรรึป่าวหน่ะ” วาฬน้อยที่วิ่งไปวิ่งมาหยุดถามร่างเล็กเท้ากีบ
“ข้าแค่คิดถึง พ่อกับแม่ของข้า” แกะน้อยเอ่ยพลันดวงตาสีฟ้าใสเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา แค่เท่านั้นเหล่าผู้กล้าคนอื่นๆต่างพากันมองหน้ากัน ในใจนึกถึงพ่อแม่ที่จากมา แต่ทว่า
“อะไรกันเจ้าแกะขี้แย จะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมาน่ะหา” เสียงแหลมของหมาป่าขนฟ้าดังขึ้น ซึ่งแน่นอน คำพูดหมิ่นประมาทนั้นทำให้บ่อน้ำตาตื้นยิ่งกว่าเดิม
“แล้วนายไม่คิดถึงพ่อกับแม่รึไงน่ะ ฉันน่ะ ฉันน่ะ” แกะน้อยเอ่ยเสียงสะอึกน้ำตายิ่งหลั่งไหลออกมาไม่หยุด
“เจ้าหมาปากเสีย พูดอะไรหัดรักษาน้ำใจบ้างสิ” แมวน้อยตวาดก้าว ท่านแม่ทัพโบดาสยืนมองเหตุการ์ณตรงหน้าไม่แม้แต่จะห้ามการกระทำที่เกือบจะกลายเป็นลานชกมวย เมื่อหมาน้อยนั้นดูจะขนฟูฟ่องด้วยความโกธรมือน้อยๆกำแน่น ฟันขบกันดังกรอด
“ท่านโบดาสครับ จะไม่ห้ามหรอครับ” ทหารเสือนายหนึ่งเอ่ยถาม ท่านโบดาสส่ายหัวเป็นการตอบ
“ปัญหาเพียงแค่นี้หากแก้กันเองไม่ได้ ความหวังของเทพแสงเห็นทีข้าจะฝากไว้มิได้” แม่ทัพวัย40เอ่ยพรางมองภาพตรงหน้าต่อไป ในใจของโบดาสนั้นหวังว่าจะได้เห็นมวยคู่เอก หากแต่ว่าความหวังนั้นดูจะลิบหลี่ลงเมื่อหมาน้อยที่เมื่อครู่พร้อมจะชกแมวน้อยแต่มาบัดนี้กลับแค่เดินไปเอ่ยปลอบธรรมดา
“อะไรกันเล่า คิดว่ามีแต่เธอรึไงที่ไม่อยากจากหมู่บ้านมาน่ะ” หมาน้อยะเอ่ยขึ้นพรางหันมองผู้กล้าคนอื่นๆที่ต่างคนต่างพากันมองหน้ากัน “ฉันเองหรือเธอหรือคนอื่นๆที่มาอยู่ตรงนี้ ฉันเชื่อว่ามันจะต้องมีเหตุผล เหตุผลที่ทุกคนเชื่อใจเรา เหตุผลที่ทำให้เราต้องมาอยู่ตรงนี้ฉันเชื่ออย่างนั้น” หมาน้อยพูดต่อเมื่อทุกเสียงเงียบลง แกะน้อยได้ยินดังนั้นเงยหน้าขึ้นมองหมาน้อย หมาน้อยเห็นดังนั้นจึงยิ้มออก เหตุการณ์นี้ทำให้ใครหลายคนมองหมาน้อยว่าเหมาะสมจะเป็นผู้นำที่สุด แต่
“เพราะงั้น เลิกร้องไห้ได้แล้วมันน่ารำคาญ” เหล่าผู้กล้าและท่านโบดาสต่างพากันอึ้งกิ่มกี่เมื่อ อิริยาบทของหมาน้อยเปลี่ยนไป
“โถเจ้าหมาปากเสีย” แมวน้อยไม่วายจิกกัด หมาน้อยที่ดูจะความอดทนต่ำที่สุดไม่สามารถทนต่อไปได้ กะโจนเข้าใส่แมวน้อยทันที มวยคู่เอกคงเกิดขึ้นหากไม่ได้ไบสันน้อยช่วยไว้ มือแกร่งเข้าล๊อคร่างเล็กไว้ และมันได้ผล
“แมวเป็นผู้หญิงนะหมาป่า” เสียงทุ้มต่ำเอ่ย
“ปากเป็นอย่างนี้ถึงจะเป็นผู้หญิงก็ไม่เว้นแล้ว” หมาป่าเอ่ยพรางดิ้นพรากๆ แต่ดูจะไร้ผลเมื่อไบสันดูจะไม่สะทกสะท้านเท่าไร
� � � � � � � � "แน่จริงก็เข้ามาซี่ แบร่" แมวน้อยแลบลิ้นปิ้นตาใส่ ยิ่งทำให้หมาน้อยความอดทนต่ำยิ่งปรี๊ดควันออกหู
� � � � � � � � "โว๊ย ปล่อยฉันเด่วนี่นะ" หมาป่าตะโกนดั่งลั่นเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น ไบซันได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ
“ไม่เป็นไรนะคะคุณแกะ” กระต่ายน้อยเดินเข้ามาปลอบในความเป็นจริงแล้วมันควรจะสลับหน้าที่กันด้วยซ้ำเมื่อกระต่ายน้อยเองก็มีสภาพไม่ต่างไปจากแกะเลยแม้แต่น้อย แกะน้อยยิ้มกลับ
เหตุการ์ณทุกอย่างท่านโบดาสได้เห็นทั้งหมด ในคลาแรกท่านไม่คิดจะเชื่อใจในผู้กล้าเท่าไร แต่เหตุการ์ณเมื่อกี้ได้ทำให้ท่านเชื่อในสิ่งที่ท่านเทพแสงผู้เป็นนายได้เลือก
“พวกเจ้าจะทำให้ความหวังนั้นเป็นจริงรึไม่ ข้าจะขอเชื่อในสิ่งนั้นหน่อยเถอะ” โบดาสคิด
15 ปีผ่านไป
กริ๊งงงงงง
เสียงนาฬิกาแผดดังลั่น ร่างบางบนที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมา เอื้อมมือมากดกริ่งพลันเสียงนาฬิกาเงียบลง ไม่นานร่างบางรีบลุกพรวดคว้านาฬิกามาดู ไม่นานร่างงัวเงียกลับกลายเป็นตื่นเต็มที่รีบลุกขึ้นจากที่นอนวิ่งเข้าห้องน้ำไป
15 นาทีผ่านไปร่างบางเท้ากีบเดิบออกจากห้องของตนรีบตรงหรี่ไปยังที่ทำการเมืองแสงเพื่อที่จะเจอกับ ทหารเอก ท่านโบดาส
“เจ้ามาช้า” เสียงทุ้มต่ำกว่าที่เคยขงเสือวัยทองเอ่ย
“คือว่า เมื่อวานการฝึกของท่านทำให้ข้า...”
“นั้นไม่ใช่คำแก้ตัวหรอกนะ” แม่ทัพเสือตวาดก้าวแกะน้อยตัวสั่นกึก “แต่เอาเถอะ เมื่อวานข้าทำเจ้าไว้แสบจริงๆนั้นแหละนะ” โบดาสเอ่ยพรางถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เมื่อตนเป็นผู้ฝึกให้กับร่างบางด้วยไม้นวดแป้ง มันอาจหนักไปสำหรับนักบวชผู้เยียวยาตนนี้ก็เป็นได้
“วันนี้ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรือ” ร่างบางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ในวันพรุ่งจะถึงเทศกาลปีใหม่แล้วหล่ะ ข้าจะให้เจ้าไปช่วยชาวเมืองน่ะ” โบดาสเอ่ยเสียงทุ้ม
“หา พรุ่งนี้แล้วหรอนี่ข้าฝึกหนักจนลืมเลยหรอเนี่ย” ร่างบางเอ่ยตอบพรางคิดถึงเรื่องการฝึกที่ตนฝึกเอาฝึกเอาจนไม่มีเวลาคิดคำนึงถึงเทศกาลนี้เลย
“เอาเถอะ ไปช่วยชาวเมืองซะ” โบดาสเอ่ยสั่งพรางหมุ่นตัวเดินจากไป สาวน้อยมองภาพตรงหน้ารีบวิ่งไปยังน้ำพุเมืองแสง ที่ที่บัดนี้ถูกตกแต่งด้วยสายรุ้งหลากสี
“โหสุดยอดไปเลย สวยจัง” แกะน้อยเดินไปพรางมองภาพตรงหน้า
“อ้าว น้องแกะนี่เองมาช่วยกันหน่อยซี่” จิ้งโจ้ที่เคยมีหน้าที่บอกทางหรือเป็นไกด์นำเที่ยวบัดนี้กลับกลายเป็นบุรุษสายรุ้งไปเสียแล้วเมื่อตามร่างกายนั้นถูกประดับไปด้วยสายรุ้งหลากสี แกะน้อยรับคำรีบวิ่งเข้าไปช่วย
ความสามัคคีของชาวเมืองที่คอยช่วยเหลือกันไม่ว่าจะหนักหนาสาหัดรึไม่พลันปรากฏตลอดทั้งวัน แกะน้อยที่คอยให้ความช่วยเหลือได้แต่วิ่งไปทางนั้นทางนี้เพื่อที่จะหยิบของให้แก่ชาวเมือง บางคนที่เป็นลมแดดเพราะหักโหม แกะน้อยก็คอยเยียวยาจนเป็นเหมือนเดิม เหตุการณ์เป็นแบบนี้ตลอดทั้งวันจนเวลาพบค่ำ
ที่ห้องของแกะ
ร่างบางเดินเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อวันนี้เธอต้องเดินไปเดินมาทั้งยังต้องใช้พลังในการช่วยเหลือคนอื่นๆที่บาดเจ็บหรือเป็นลม ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ร่างบางทิ้งตัวลงที่โซฟา พรางมองสิ่งแปลกปลอมตรงหน้า เมื่อพินิจพิจารณาดูแล้ว มันคือ กล่องของขวัญ เมื่อพลิกดูใบ ส.ค.ส ก็พบตัวอักษรที่เขียนว่าจากคุณมี่มี่
“คุณมี่มี่ ขอบคุณนะคะ” แกะน้อยเอ่ย สีของกระดาษห่อของขวัญสีแดงพร้อมกับโบสีน้ำเงิน สะท้อนซึ่งความทรงจำครั้งเก่าที่ไม่อาจลืมเลือน เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้วในตอนนั้นเองเธอยังเด็กนัก
15 ปีที่แล้ว แกะน้อยอายุแค่ 5 ขวบ
ในเมืองที่ถูกประดับไว้ด้วยสายรุ้งสีสวยหลากสี น้ำพุที่ถูกประดับด้วยผ้าสีแดงชาติ กล่องของขวัญที่ถูกนำมากลองไว้เกลื้อนตามทางเดินเป็นสัญลักษณ์แห่งสิ่งใหม่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อวันรุ่งขึ้น ชาวเมืองต่างรอวันเค้าว์ดาวเพื่อรับวันใหม่
แกะน้อยที่เตรียมสิ่งของที่จะมอบให้แก่เหล่าหาง กล่องสีแดงชาติใหญ่พอมือ ข่างในมีกำไลหลากสีที่เธอเป็นคนทำเองโดยเรียนมาจากคุณมี่มี่ แกะน้อยนั่งนับกำไลทั้ง 12 อันด้วยรอยยิ้มภาวนาให้ถึงเวลานั้นเสียที เธอหันมองนาฬิพลันดวงตาสีฟ้าใสเบิกโพรงเมื่อเธอพบว่าเธอสายแล้ว เธอรีบวิ่งออกจากห้องของเธอและรีบวิ่งไปยังสวนของเทพแสง
ในเวลาเดียวกัน หางคนอื่นๆที่มารอเคาว์ดาว ต่างพากันจัดดูถึงควงามเรียบร้อย เหล่าผู้กล้าน้อยที่อยากจะช่วยเหลือแต่ทำได้แค่นั่งดูอยู่ห่างๆ ไม่ต่างไปจากปีที่แล้วเลยแม้แต่น้อย
“น่าเบื่อจังเลย ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงไม่ให้พวกเราช่วยบ้างเลยนะ” แมวน้อยเอ่ยอย่างเบื่อหน่ายเมื่อตนมีหน้าที่แค่รอว่าปาร์ตี้จะเริ่มเมื่อไหร่ แต่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปช่วยเลยแม้แต่น้อย
“เอาน่ายัยแมว” ก่าร่างสูง เอ่ยอย่างเบื่อหน่ายไม่แพ้กัน
“เฮ้อ แกะไปไหนนะ” ไบสันเอ่ย
“นั้นสินะ นัดกันไว้แล้วนิ” หมาน้อยเอ่ยบ้างเมื่อมองนาฬิกาเล้ว แต่ร่างบางยังไม่มา
“ขอโทษทีนะพอดียุ่งอยู่น่ะ” ร่างบางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นเคย
“เอ๋คุณแกะไปไหนมาคะ ให้รอตั้งนาน” ร่างเล็กที่ดูจะเด็กกว่าเอ่ยถาม
“ความลับนะจ๊ะ” แกะน้อยตอบพรางมองคนที่ดูจะเบื่อที่สุดในกลุ่ม
“วาฬเป็นอะไรรึเปล่า” แกะน้อยเอ่ยถาม
“นั้นสิข้าเห็นท่านทำหน้าเบื่อโลกมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะขอรับ” แพนด้าตัวเล็กประจำก๊กเอ่ยถามสำเนียงจีนหน่อยๆ
“จะมีอะไรเล่า ก็หมอนี่มันหิวอะซี่” กวิ้นตอบแทนเสียงแหลมเปรี๊ยว
“ก็ฉันหิวนี่เมื่อไหร่จะถึงเวลาล่า” ประโยคติดจะพุดไม่ชัดดังขึ้น ตามด้วยเสียงท้องร้องดังโค๊กคราก
“ถ้าหิวให้ฉันทำให้กินมั้ยหล่ะวาฬจัง” ลิงแดงเอ่ยด้วยรอยยิ้มมีเล่ห์สนัย เพียงแค่นั้นปลาวาฬก็ขนลุกสู่เมื่อนึกถึงอาหารที่เจ้าลิงทำมันชั่ง น่ากลัว
“บอกกี่ครั้งแล้วยะ ว่าอย่าไปแกล้งน่ะ” ค้างคาวสาวน้อยเพื่อนสนิทลิงแดงเอ่ยปลาม
“คุณลิงยังชอบแกล้งเหมือนเดิมเลยนะคะ” แกะน้อยพูดแล้วขำเล้กขำน้อย บรรยากาศดูจะสนุกสนานจนกระทั่ง
“นั้นท่านเร็กกุนี่” หมาน้อยเอ่ยพรางมองแมวน้ำผู้อาวุโสของพวกเขา
“พวกเจ้ามากับข้าหน่อยซิ ท่านเทพแสงมีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้า” เสียงทุ้มต่ำของแมวน้ำวัยชราภาพเอ่ย
“พวกเราหรอ” แมวน้อยถามอีกครั้งเมื่อตนหาเรื่องสนุกๆได้
“ใช่พวกเจ้า รีบตามข้ามา” ท่านเร็กกุหมุนตัวเดินจากไปหากแต่ว่าท่านชะงักแล้วหันกลับมาอีกครั้ง “แต่เจ้าไม่ต้องไปนะชีป”
“ข้าหรอ” แกะน้อยทวนท่านเร็กกุแค่พยัคหน้ารับ
“เดี่ยวสิพวกเราไม่ใช่หรอแล้วทำไมยัยแกะถึง..”
“เอาเถอะ ข้าเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าไปเถอะข้าจะรอที่นี้แหละมันคงไม่นานนักหรอก” ร่างบางรีบเอ่ยขัดเมื่อรู้ถึงนิสัยของหางตรงหน้าดี
“ก็ได้ จะรีบไปรีบมานะ” หมาป่าพูดก่อนที่จะเดินตามท่านเร็กกุไป
“เอาหล่ะเราเองก็ต้องพร้อมเหมือนกัน” ร่างเล็กพูดบอกกับตัวเองพรางวิ่งเข้าไปช่วยลุงจาม่อนว่างอาหารต่างๆลงโต๊
เวลาผ่านล่วงเลยไปนานนับชั่วโมงก็ยังไม่เห็นวี่แววของเหล่าหางที่จะเดินกลับมา บัดนี้ปร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้วชาวเมืองต่างพากันสนุกสนานเว้นแต่ร่างเล็กเพียงคนเดียว แกะน้อยไม่อาจสนุกได้เมื่อเพื่อนๆของเธอยังไม่มาร่วมงาน
“ไม่มาสนุกด้วยกันหล่ะ ชีปจัง” หมูป่าเอ่ยถาม
“อ๋อหนูรอเพื่อนน่ะคะ” แกะน้อยตอบหมู่ป่าพยัคหน้าให้แล้วเดินเข้างานไป ร่างเล็กเหม่อมองเส้นทางลงจากวังแสง ตอนนี้ทำได้แค่ รอ รอ รอ และ รอ สินะ เธอพูดในใจ แต่แล้วพวกเขาก็มา เหล่าหางทั้ง11คนเดินลงมาด้วยสีหน้าดูจะหมองลงเล็กน้อย แกะน้อยมองเพื่อนของตนด้วยความงุนงง เมื่อหมาป่าเห็นร่างบางดวงหน้าพลันเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแย้ม หางตนอื่นก็เหมือนกัน
“รอนานสินะ ขอโทษทีนะเหมียว” แมวน้อยเดินมาพรางกล่าวขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอก” แกะน้อยเอ่ยยิ้ม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าใกล้จะถึงเวลานั้นแล้ว “เอ่อแปปนึงนะฉันลืมของน่ะ” เธอพูดแค่นั้นแล้วรีบวิ่งไปยังที่พักของเธอทันที หมาน้อยมองแผ่นหลังของเธอไม่วางตา
“นายจะไม่บอกเธอจริงๆหรอ หมาป่า” กิ่งก่าเดินเข้ามาถาม หมาน้อยก้มหน้าลงพื้น
“ค่อยบอก หลังจากงานจบเถอะ ฉันไม่อยากให้ยัยนั้นต้องมาเสียน้ำตาเพราะเรื่องแค่นี้” หมาน้อยเอ่ยพรางเงยหน้าขึ้นหยาดน้ำสีใสขึ้นมาคลอแต่มิอาจหลั่งไหล กิ้งก่ามองภาพตรงหน้า
“นั้นสินะ”
ด้านน้องแกะ
เท้ากีบวิ่งเข้ามาในตัวเมืองแสงจุดหมายคือห้องพัก เพื่อที่จะมาหยิบกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้ รอยยิ้มเฉิดฉายเมื่อนึกถึงภาพที่ความประทับใจในตอนนั้น แค่คิดก็ดีใจแล้วหล่ะ ร่างเล้กวิ่งมาจวนจะถึงตึกหากแต่เจอท่านแม่ทัพยืนคุยกับทหารเสือของตน
“ท่านโบดาสนี่นา” แกะน้อยเปรยขึ้นในคลาแรกว่าจะเข้าไปทักหากแต่ว่า
“ท่านคิดถูกแล้วหรือท่านโบดาส ท่านจะไม่บอกเด็กคนนั้นจริงๆน่ะหรอ” ทหารเสือเอ่ยถาม
“ให้พวกเขาบอกกันเองบจะดีกว่า” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ
“แต่ว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นเพื่อนกันทำไมถึงไม่บอกไปเลยหล่ะท่าน ยิ่งถึงเวลานั้นยัยนั้นจะย่งเสียใจนะท่าน” ทหารเสือตนที่2เอ่ยถามขึ้นบ้างคราวนี้เสียงร้อนรนกว่าตนที่1
“เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากบอกรึไง การที่เพื่อนของตนจะต้องจากไปยังที่ห่างไกลทีเดียวถึง11คนมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจเลยนะ” ท่านโบดาสเอ่ยเสียงขรึม เพียงแค่นั้นแกะน้อยถึงกลับชะงัก
“การอยู่คนเดียวน่ะมันเจ็บนะพวกเจ้าก็...” เสียงทุ้มหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงของกล่องของขวัญล้มดัง พึก “นั้นใคร” ทหารเอกประกาศก้อง ร่างเล็กค่อยๆเดินออกมา ท่านโบดาสถึงกับชะงักงัน “นี่เจ้า มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อไหร่หรอคะ” แกะน้อยเอ่ยถามแทนคำตอบ เพียงเท่านั้นท่านโบดาสก็รู้ว่าร่างเล็กได้ยินหมดทุกอย่างที่คุย
“พรุ่งนี้เช้า” ท่านโบดาสกล่าวตอบ แกะน้อยได้ยินเช่นนั้นหยาดน้ำสีใสพลันหยดไหลอาบแก้ม
“หรอคะ ดีจังเลย อย่างน้อยก็ยังได้สนุกกันอยู่” เธอพูดด้วยรอยิ้ม “อุ้ยแย่แล้ว สายซะแล้วสิขอตัวก่อนนะคะ” แกะน้อยเอ่ยลารีบว่างขึ้นตึกไป
“ท่านโบ...”
“เด็กคนนั้นร้องไห้โดยไม่รู้ตัวเลยสินะ ขอโทษด้วยนะ ชีปคุง” โบดาสพูดขึ้นรู้สึกผิดที่ตนทำร้ายเด้กตัวเล็ก
บนห้อง
“พรุ่งนี้แล้วหรอ เอาน่ายังไงก็ยังสนุกกันได้นี่” ร่างบางเอื้อมมือไปหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ หยดน้ำไหลตกใส่กล่องของเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว “อะไรกัน ถ้าหมอนั้นมาเห็นละก็ ต้องโกธรมากแน่ๆ” ยิ่งคิดเช่นนั้นน้ำตายิ่งไหลเป็นสายร่างบางกอดกล่องไว้แน่นเมื่อไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอกำลังเสียใจ ไม่อาจปฏิเสธน้ำตาที่เอ่อไหลนี่ได้ หยาดน้ำตาที่ไม่อาจอัดอั้นไว้ได้เอ่อไหลไม่หยุด
��������������� ในงานปาร์ตี้ ทุกคนต่างพากันสนุกสนาน เว้นแต่เหล่าผู้กล้าที่ดูจะเบื่อโลกไม่แพ้กัน ในใจไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ วันที่ไม่มียัยแกะงั้นหรอ จะเป็นยังไงนะ” แมวน้อยเอ่ยอย่างเบื่อๆ เมื่อทุกๆวันเธอมักจะเล่นกับแกะตลอด
“คุณแกะจะต้องเสียใจมากแน่ๆเลย” กระต่ายเอ่ย
“นั้นสินะ” ค้างคาวเสริมบรรกาศดูจะอึมครึมขึ้นเมื่อทุกคนต่างพากันคิดเรื่องวันพรุ่งนี้ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น
“ขอโทษที่มาช้านะคะ” แกะน้อยวิ่งมาพรางหอบหายใจ
“ไปไหนมาน่ะ นานจริงๆ” หมาน้อยจิก
“พอดีว่าเจอเรื่องยุ้งๆนิดหน่อยน่ะคะ”� แกะน้อยเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเช่นเคย “ฉันว่าเราไปงานกันเถอะคะ” แกะน้อยเอ่ยเดินนำเพื่อนเข้างานปาร์ตี้
ภายในงาน ชาวเมืองต่างพากันสนุกสนาน เสียงเพลงดังกระหึ่มตอนรับปีใหม่� อาหารหลากรสที่ขึ้นโต๊ะมีรสชาติอร่อย วาฬน้อยกระโดดขึ้นเก้าอี้พรางกินแบบไม่อั้น คนอื่นๆพากันสนุกสนาน อีกด้านหมู่เทพตนอื่นๆกำลำงยืนคุยกันอย่างสนุก โดยเฉพาะเทพลมที่ดูจะสนุกที่สุด งานเสี้ยงเป็นไปอย่างราบรื่นและเมื่อเวลานับถอยหลังมาถึงทุกหางช่วยกันนับ
“10”
“9”
“8”
“7”
“6”
“5”
“4”
“3”
“2”
“1” เมื่อนับถึง 1พุนับ 10 นับ 100 ดังขึ้น ประกายสีสวยเฉิดฉายบนท้องฟ้ายามราตรี แกะน้อยมองภาพนั้นด้วยความดีใจ เธอปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนเดินไปหยิบกล่องของขวัญนั้นมา และรีบวิ่งกลับมายังกลุ่มเพื่อนของเธอ
“เธอไปไหนมาน่ะยัยแกะ” หมาน้อยเอ่ยถามติดจะหงุดหงิด ยัยนี่เดี่ยวหายเดี่ยวหาย
“ฉันมีของจะให้น่ะ” แกะน้อยพูดจบพรางเปิดกล่องนั้นขึ้น กำไลสีสวยเปล่งประกายยามราตรีสวยงาม
“ให้ฉันหรอ ขอบคุณนะแกะ” วาฬเอ่ยเสียงหวานพรางหยิบเสียงเหลืองเหมือนกับสีของตัวเอง
“คะ เลือกเลยคะว่าชอบสีไหน” แกะน้อยเอ่ยแค่นั้นพรางเลือกสีที่ตนเองชอบ โดยที่ตนเองเลือกสีฟ้า
“นี่หมา” ก่าสะกิด หมาน้อยพยัคหน้าให้
“แกะคือว่าฉันมีอะไรจะบอก คือว่า...”
������������“ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก” แกะน้อยรีบเอ่ยขัดรอยยิ้มอบอุ่นยังคงปรากฏขึ้นบนใบหน้านี้ตลอด
��������������� “ไม่ เธอไม่เข้าใจ” หมาป่าเอ่ยเสียงดัง
“เพราะอย่างงั้นไง ฉันถึงให้ของไว้ดูต่างหน้าไงหล่ะ อย่างน้อยถ้าคิดถึงกันก็ยังมีกำไลนี้ไงหล่ะ” แกะน้อยเอ่ยพยายามอดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“เธอ...เธอรู้” แมวพูดด้วยความตกใจ
“วันนี้ดึกแล้วนะ วันนี้ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้านี้ไปนอนกันเถอะ” ร่างเล็กเอ่ยเตือนพรางมองที่นาฬิกา
“เธอไม่เป็นไรนะ” ค้างคาวถามอย่างกังวล
“ไม่นี่ ไปนอนกันเถอะ” แกะตอบถึงด้วยรอยยิ้มทั้งๆที่ในใจน้ำตาจะไหลยู่แล้ว
ในคืนนั้นแกะน้อยและเหล่าหางพากันมานอนที่ห้องโถงเพื่อที่จะได้พูดคุยในสิ่งที่คั่งค้างไว้ในใจได้แลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึก ในคืนนั้นเองที่แกะน้อยรู้สึกว่าเธอมีความสุขที่สุดเลย
วันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขาต้องแยกกัน แกะน้อยแล้วท่านโบดาสยืนส่งขบวนเหล่าผู้กล้าที่นั่งอยู่บนรถมูโป้ ทั้ง11หางต่างพากันมองแกะน้อยด้วยความเศร้าหมอง ภายในใจไม่อยากให้เหตุการณ์นี้มาถึงเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่อาจปฏิเสธได้
“อย่าร้องไห้กันนะ” แกะน้อยตะโกนเสียงดัง เมื่อรถมูโป้ขยับเคลื่อนจากไปทีละน้อยๆ แกะน้อยมองภาพตรงหน้าหมุนตัวเดินจากไปอดกลั้นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้ใครจับผิดได้แต่สุดท้าย
“เดี๋ยว” ร่างเล็กตะโกนก้าวเท้ากีบวิ่งตามรถนั้น แต่มีหรือที่เท้าจะสู้รถ “ขอร้องหล่ะ อย่าพึ่งไป” ร่างเล็กตะโกนอีกครั้ง เธอสะดุดก้อนหินลงไปกองกับพื้น ร่างเล็กค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่งน้ำตาที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้พลันไหลไม่หยุด
� � � � � � �"ยัยแกะ เดี่ยวหยุดรถก่อนได้มั๊ย ขอร้องหล่ะ" หมาน้อยยื่นหน้ามองมายังแกะน้อยก่อนจะพูดกับคนขี่มูโป้ แต่คำตอบที่ได้มาทำให้หมาน้อยใจหาย
� � � � � � �"ขอโทษจริงๆครับท่านผู้กล้า แต่มูโป้ที่ท่านขี่ได้โดนท่านเร็กกุลงเวทย์มนต์ให้ไปถึงจุดหมาย ไม่สามารถหยุดกลางคันได้ขอรับ" เสือดำหนุ่มหันมากล่าวขอโทษ หมาป่าเบิกตาโพลงก่อนจะหันกลับไปมองร่างของแกะน้อยที่ทำได้แค่ตะโกน
� � � � � � �"ยัยแกะ เธอต้องรอนะ รอพวกฉันนะกลับมา จนกว่าจะถึงตอนนั้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาดนะ" หมาป่าตะโกนร้องสุดเสียงก่อนที่มูโป้นั้นจะวิ่งหายไป
� � � � � � �“ได้สิ�ฉันน่ะ ฉันน่ะ จะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนฉันก็จะรอ”
“เดี๋ยว”คำพูดสุดท้ายหลังจากตื่นขึ้นจากนิททรามือที่เอื้อมขึ้นสูงถูกชักเข้าหาตัว ดวงตาสีฟ้าใสมองมายังกำไลสีผ้าใส�“เมื่อไหร่จะได้เจอกันนะ” หยาดน้ำตาเอ่อซึมอีกครั้ง “ฉันอยากเจอพวกเธอจัง อยากเจอที่สุดเลย” ดูเหมือนจะเป็นคำขอที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อยเเม้แต่เเสงจันทร์ที่อาบลงมาทาบทับร่างบางราวกลับกำลังปลอบประโลมแต่มันคงไม่ช่วยทำให้ร่างบางดีขึ้น เมื่อสิ่งที่เธอรอมาตลอด 15 ปีนั้นคือ การได้พบเจอกับเพือนของตน แต่มันก็คงเป็นแค่คำขอที่ไม่อาจเป็นจริง
-------------------------------------------------------
อาจอ่านอยากหน่อยนะ
คำถาม
ถ้าขอพรได้หนึ่งข้อ จะขออะไรกันเอ่ย ^ ^
�
ความคิดเห็น