ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Ton*James : So close
Fic Academy Fantasia Season 8
So close
TJ
Rate PG 13
“แหลม เห็นเจมส์ปะ” ผมถามยายแหลมเมื่อขาตัวเองมาถึงห้องกินข้าว นอกจากถามแล้วก็พยายามหันซ้ายหันขวาดูว่าไอ้หมียักษ์มันไปไหนของมัน ตัวก็ไม่ได้เล็กๆ ใช่จะหายาก
“ไม่เห็นอะต้น ไปสัมภาษณ์หรือเปล่า” ผมส่ายหน้าอีกครั้ง เพราะตั้งแต่เลิกคลาสที่ห้องเสียง ผมก็ไม่ได้เห็นไอ้หมีตัวโตอีกเลย แถมวันนี้มันดูอึนๆทั้งวันเลยด้วย ไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน คุยด้วยตอนกลางวันก็ไม่คุย
“ไม่อะแหลม จอยซั่มอยู่อะ เฟรมก็รอคิวอยู่ด้วย ไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน พูดด้วยก็ไม่พูด คชาเห็นมันบ้างปะ” ผมเริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่กำลังคีบซาลาเปาไส้ครีมออกจากตู้ตั้ง 2 ลูก ไม่บอกก็รู้ว่าจะเอาเผื่อใคร หึๆ แต่ไม่ใช่เวลาแกล้งชาวบ้านต้องหาไอ้อ้วนให้เจอก่อนมันจะไปมุดคอห่านตายซะก่อน
“ไม่เห็นเลย ทะเลาะกันเหรอ” คชาส่ายหน้าแต่กลับยิงคำพูดหนักเข้าที่ใจผม ทะเลาะเหรอ เปล่านะผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับมันเลย นอกจากเรื่องเวิ้นๆของมัน หรือว่ามันจะเรื่องนั้น
“บ้า ไม่ได้ทะเลาะ” จบความคิดผมรีบสวนกลับในทันที เล่นเอาพ่อคชาหน้าเดียวขวัญใจแม่ยกชายหญิงทั่วไปประเทศ ลอบยิ้มจนอยากจะถ่ายรูปนี้แล้วไปขายตาม pantip สงสัยคงได้เงินทำทุนเปิดกิจการได้เลยทีเดียว
“ก็ปกติเห็นเจมส์เงียบๆทุกครั้ง ก็ทะเลาะกับต้นทุกครั้งอะ ทำตัวเหมือน” คชาทำหน้าเหมือนคิดอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ยอมให้คำพูดนี้หลุด Air time ไปได้เด็ดขาด ถึงแม้ไม่แน่ใจว่ากล้องจะจับอยู่หรือเปล่า
“พี่น้อง” ผมเติมคำในช่องว่างของคชาอย่างทันควัน แต่นั้นไม่ได้ทำให้คชารวมถึงยายแหลมแพรว หยุดยิ้มได้เลย
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แล้วพี่น้องที่ไหนเขางอนกันทุกวันแบบนี้ละ” ผมใช้สายตาในแบบฉบับของไก่ตัวพ่อที่คนอื่นๆเขาชอบเรียกกันใส่คชา แต่ก็รู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้คชาหน้าเดียวของเราสะเทือนได้
“จ้า พ่อหน้าเดียว ซาลาเปาเย็นหมดแล้ว จะเอาไปให้เต๋าไม่ใช่เหรอ ป่านนี้หิวแย่แล้วมั่ง At love” เป็นไปตามที่คชาหุบยิ้มแล้วกลายเป็นพ่อหน้าเดียวอย่างเก่าแล้วหนีเดินไปที่พลาซ่า
“งอนกันอีกแล้วหรือไงต้น” คราวนี้เป็นแพรวที่หันมาถามผมด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใย ผมถอนหายใจช้าๆก็จะนั่งลงโต๊ะตรงข้ามกับแพรว
“ไม่รู้อะแหลม เราบางทีก็พูดกับมันเล่นๆ แต่ไม่รู้ว่ามันคิดจะจริงจังหรือเปล่า บ้างที่ก็เดาอารมณ์มันไม่ถูก ทีกับคนอื่นไม่เคยเห็นมันจะว่าแต่ทำไมกับต้นมันถึง” ผมเงียบไปสักพักปล่อยความคิดอะไรให้เรื่อยเปื่อย ผมเห็นใครหลายคนก็พูดเหมือนกับเจมส์อย่างที่ผมพูดแต่ทำไมมันถึงได้แสดงออกแตกต่างกันขนาดนั้น
“ไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้เนี่ย” แพรวพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เรื่อง” แพรว ลุกขึ้นมาจับหลังผมนวดเบาๆ
“ก็เจมส์มันแคร์ต้นไง แต่สำคัญยื่งกว่าคือต้นก็แคร์เจมส์เหมือนกันไม่ใช่หรอ” ผมเงยหน้ามองแพรวอย่างงงๆ ก่อนที่แพรวจะเดินออกไป ผมปล่อยตัวเองให้นั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น จนทำให้ผมต้องถอนหายใจ เพราะบางทีผมก็ไม่รู้ว่าผมควรทำจะยังไงดี แต่ถ้าหากว่ามันแคร์ผมจริงๆอย่างที่แหลมบอก ที่มันหายไปตอนนี้ มันต้องการให้ผมไปแสดงให้มันเห็นใช่ไหมว่า ผมก็แคร์มันเหมือนกัน
*
*
*
*
ผมพาตัวเองมาอยู่ที่ริมสระในมุมอับๆที่ใครหลายคนยากจะมองเห็น เมื่อกี้พี่เต๋าก็เดินมาถามว่าเป็นอะไร ผมก็ได้แต่ปัดตอบไปว่าเครียดเรื่องโจทย์ พี่เต๋าก็ทำหน้ายิ้มพร้อมกัดไอ้แรบบิทไส้ครีมที่อยู่ในปากพร้อมเดินไปหาพี่คชาในพลาซ่า เหมือนท่านกูลต้าจะรู้เลยว่าผมโกหก ใช่ผมไม่ได้เครียดเรื่องโจทย์ แต่ผมแค่น้อยใจ น้อยใจที่คนที่ผมแคร์ชอบทำให้ผมรู้สึกน้อยใจอยู่บ่อยๆ เอะอะก็เวิ่นๆ ใช่สิผมไม่ได้ขาวแสนดีเทพบุตรอย่างพี่เต๋า หล่อนิ่งมีสไตล์อย่างพี่คชา หรือจะน่ารักน่าเอ็นดูได้อย่างเฟรมนี้ พี่ต้นนะพี่ต้นทำเหมือนผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้รอให้ง้ออยู่ไม่รู้หรือไง ผมก็ไม่ได้อยากงอนพี่มากนักหรอก ทำตัวห่างๆพี่มันทรมานจะตาย อย่างไอ้ตอนเลิกคลาสก็ต้องกลั้นใจวิ่งออกมาเลย ถ้าผมเห็นหน้าพี่ ผมก็คงอดไม่ได้หรอก แต่ทำไงได้เล่า ก็ผมอยากให้พี่แคร์ผมบ้างนิ เมื่อไหร่นะพี่ต้น เมื่อไหร่ที่ผมจะเป็นคนที่พี่จะยอมรับจริงๆสักที ผมได้แต่ปล่อยความคิดของตัวเองให้พลั่งพลูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความน้อยใจทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าอยู่กับเข่าของตัวเอง แต่อยู่ดีๆผมก็รู้สึกเหมือนมีใครสักคนมาอยู่ข้างหน้า ผมเงยหน้าดู ภาพที่ผมเห็นทำให้หัวใจผมเหมือนจะพองโตขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แหละถ้าพี่ไม่ง้อผมดีๆ ผมไม่ยอมจริงๆด้วย หึ ไอ้เจมส์สู้(แค่)ตาย
*
*
*
ในที่สุดผมก็หาไอ้เด็กยักษ์คนนี้จนเจอ มาเล่นนั่งแอบอยู่ริมสระน้ำ แต่ตัวมันก็ไม่ได้เล็กพอที่จะบังตัวมันได้เลย ไอ้อ้วน ดูหน้ามันซิ ผมแอบเห็นจะว่ามันเหมือนจะยิ้มขึ้นมาแว่บหนึ่งของที่เงยหน้ามาเป็นผม แต่แค่เสี้ยววิเท่านั้นและมันก็ปรับเข้ามาโหมดอภิมหาขี้เก็กของมันเหมือนเดิม ไอ้เด็กบ้า
“มาทำไม” แนะยังจะมาทำถามอีกก็มาทำไม มาว่ายน้ำมั่ง
“มาตามไปอาบน้ำ” ผมพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างมันๆ มันยังนิ่งไม่ก้มหน้าก้มมองนู้นมองนี่ของมันไปเรื่อย แต่ไม่มองผม เอาว่ะ ไหนๆก็จะง้อแหละ
“เป็นไรอะอ้วน” ผมเอานิ้วไปจิ้มๆที่ไหล่มัน พร้อมทำเสียงได้แบบว่า เออ สาบานได้เลยว่าไม่เคยพูดกับใครแบบนี้เลยนะเนี่ย ดูๆมันยังนิ่ง ผมก็เริ่มลองเสต็ปต่อไป โดยเปลี่ยนการจิ้มเป็นเริ่มเอานิ้วเขี่ยที่ที่ไหล่หนาของมัน ไปเรื่อยๆ
“มีอะไรก็พูดดิอย่าเงียบดิเจมส์” ผมยังคงสติลทำต่อไป โอยเขี่ยจนมือจะหงิกหมดแล้วนะเว้ยเห้ย
“เปล่า” ไอ้อ้วนมันพูดออกมาเบาๆ เปล่าบ้านแกซิ หน้าแบบนี้มาบอกว่าเปล่า อยากถีบลงน้ำซะให้เข็ดจริงๆไอ้เด็กบ้า แต่ก็เก็บเอาความคิดนั้นเข้าหัวไปก่อนเพราะขืนจะทำจริง ถ้าพิจารณาจากขนาดตัวแล้ว ผมก็น่าจะเป็นฝ่ายที่โดดมันโยนลงน้ำเสียเอง
“เปล่าแล้วทำไมหน้างี้อะเจมส์ โกรธพี่เหรอ” ผมเริ่มพัฒนาสเตปตัวเองโดยคราวนี้เอาหน้าเข้าไปใกล้มันมากขึ้นอีก แต่มันก็ยังนิ่งได้ โอยไอ้หมีบ้า
“พี่ขอโทษคือไม่ได้ตั้งใจพูดเข้าใจปะ คือก็เล่นๆอะ ไม่ได้คิดว่าจริงจัง ขอโทษน้า เดี๋ยววันนี้นวดให้ก็ได้อะ ไม่โกรธพี่นะ อ้วนนะ” ผมใช้ไม้ตายสุดท้ายเอาหัวไปซบกับไหล่มันแหละก็เอาผมถูไหล่มันไปด้วย แต่ผลที่ได้รับคือมันยังสติลนิ่งสงบอยู่เหมือนกัน ไอ้หมีบ้า พอกันที ผมดีดตัวขึ้นลุกพรวดออกจากที่นั่งข้างมัน
“เออ มาพูดแค่นี้แหละ ไม่หายโกรธก็ไม่ต้องหายและก็ไม่ต้องมาคุยกันเลยนะ ไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อนเลยรู้ไหมไอ้เด็กบ้า” ผมพูดไปน้ำตาก็จะไหล ผมคงแคร์มันมากอย่างที่แหลมบอก ไม่เคยง้อใครได้ถึงขนาดนี้ ถ้าคิดจะไม่พูดกันก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว ผมหันหลังกลับจะเดินหนีมัน แต่ตอนนั้นเองผมก็รู้สึกว่าผมโดนแขนใหญ่ๆ ดึงแขนเล็กของผมก่อนที่ผมจะโดนฉุดให้ลงไปนั่งบนตักของไอ้เด็กยักษ์พร้อมกับมือของมันที่รัดผม ผมพยายามดิ้นออก แต่ด้วยแรงหมีๆของมันทำให้ผมไม่สามารถขืนออกจากสัมผัสของมันได้เลย
“ไหนๆก็ไม่เคยทำให้ใครแล้วทำไมไม่ทำให้มันนานๆกว่านี้ละ” นั้นไงไอ้หมีบ้า รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ของมันกลับมาอีกแล้ว แสดงว่าเหมือนกี้มันแกล้งผมใช่ไหมเนี่ย น่าจะให้ครูเมย์มอบเกียรตืบัตรนักเรียน Acting ดีเด่นให้มันนะเนี่ย
“ปล่อย” ผมยังพยายามขืนตัวเองออกจากอ้อมแขนของมันทั้งที่รู้ว่าคงเป็นไม่ได้
“อยู่อย่างงี้สักพักไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงและสายตาที่เว้าวอนของมันเอื้อนเอยผ่านหูของผมอย่างใกล้ชิดชนิดที่เรียกว่าได้ยินสียงลมหายใจกันเลยทีเดียว ผมล้มเลิกความพยายามที่จะดิ้นหนี แล้วเลือกที่จะพิงตัวลงบนไหล่หนาๆอันแสนอบอุ่นของมัน
“ไม่กลัวกล้องจะถ่ายเหรอ” ผมถามขึ้นเบาๆเพราะแอบกลัวเหมือนกันว่าบรรดาสาววายป้ายต้นเจมส์คงจะกรี๊ดกันสลบถ้าเห็นซีนนี้เข้าไป
“ไม่หรอก พี่คชากับพี่เต๋าเขาเรียกกล้องให้อยู่แหละ ปกติเขาก็ไม่ค่อยถ่ายเราสองคนเท่าไหร่หรอก” ผมแอบอมยิ้มกับเหตุผลหมีของไอ้ตัวยักษ์ข้างหลังผมนี้
“เมื่อกี้ที่ง้อตั้งนานเนี่ย แกล้งงอนใช่ไหม” ผมถามลองเชิง หาเรื่องตีหัวมัน
“ไม่ ผมงอนจริง” อ้าวงอนจริงเหรอเนี่ย ผมเงยหน้ามองมัน เราประสานสายตากันพอดี ผมพยายามส่งคำถามผ่านสายตาของผมหวังจะหาคำตอบจากสายตาของคนตรงหน้า และเหมือนกันก็รู้เหมือนกันว่าผมต้องการอะไรไอ้หมียักษ์เอาคางมาเกยไว้ที่หัวผมก่อนจะพูดบางอย่างออกมา
“ผมแค่อยากให้พี่แคร์ผมบาง ผมอยากเป็นคนดีในสายตาพี่ เหมือนที่พี่เต๋า พี่คชา หรือเฟรมเป็น บางครั้งผมก็เห็นว่าพี่มองผมพวกเขาด้วยสายตาชื่นชม ผมก็อยากได้สายตานั้นจากพี่บ้าง แต่ที่ผมได้ก็คิอเวิ่นแล้วเวิ่นเล่า โดนด่าตลอด จนบางทีผมก็อยากรู้ผมจะเป็นคนดีพอสำหรับพี่ได้ไหม แล้วผมควรทำยังไงผมจึงจะเป็นคนแบบที่พี่ต้องการ” คำพูดของมันแผ่วเบา แต่หนักแน่น อย่างที่ใครๆหลายคนบอกว่าเจมส์มันเป็นเด็ก ข้อเสียของมันคือความเด็กที่ไม่รู้จักคิด แต่ความไม่รู้จักคิดก็มีข้อดีในเรื่องความจริงใจ สิ่งที่มันพูดไม่ได้ประดิษฐ์ ไม่ได้ผ่านการสร้างสรรคำให้สวยหรู แต่ความรู้สึกจริงๆที่สื่อออกมาผ่านคำพูด ผมเอามือของผมวางไว้ที่มือของไอ้เด็กยักษ์ที่กำลังกอดผมอยู่ ผมบีบมือนั้นไว้เบาๆ
“พี่ไม่เคยขอให้เจมส์เปลี่ยนเป็นอะไรให้พี่ และไม่อยากให้เจมส์พยายามทำอะไรเพื่อให้พี่รู้สึกแบบนั้น สามคนนั้นเขามีเสห่น์ในตัวเอง มีสิ่งที่น่าชื่มชน เจมสก็มี แต่นั้นมันไม่ใชสิ่งสำคัญหรอก เพราะถ้าพี่จะรักใครสักคน พี่ก็ไม่คาดหวังจะให้เขามาเปลี่ยนอะไรเพื่อพี่หรอกนะ” ผมไม่รู้ว่าไอ้ตัวโตมันจะเข้าใจความหมายที่ผมพูดออกไปหรือเปล่า แต่สัมผัสได้ถึงรอยยิ้มที่อยู่ข้างหลังผม พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น
“และที่หลังถ้ามีอะไรไม่พอใจก็พูดออกมาเลยเข้าใจไหม ไม่ต้องมาเงียบ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะจบซีซั่นแล้วนะ เดี๋ยวพอออกไปข้างนอกเราก็คง”
“พี่ต้น” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรจบ ไอ้เด็กยักษ์มันก็เรียกชื่อผมด้วยเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับขึ้นมากกว่าเมื่อกี้อีกหลายเท่าๆจนผมเกือบจะรู้สึกอึดอัด จนทำให้ผมรู้ได้เลยว่า การที่มันเรียกชื่อผมเพราะมันต้องการให้ผมหยุดพูดอะไรบางอย่างซินะ
“ไม่ต้องพูดถึงอนาคตได้ไหมครับ ตอนนี้มีแค่เราก่อนได้ไหม” เจมส์ซุกหน้าเข้ามาที่ไหล่ของผมพร้อมกระซิบผ่านหูอย่างแผ่วเบาจนหวังว่าคงมีแต่เราสองคนที่ได้ยิน ไม่นานจมูกซนๆของมันก็สัมผัสลองบนแก้มของผม พร้อมๆกับที่ผมหันหน้าไปซบตากับดวงตาเรียวเล็กที่ตอนที่เต็มไปด้วยความหมายบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างใน ความหมายที่ผมกับมันเท่านั้นที่รู้ ไอ้เด็กยักษ์เลื่อนวงหน้าเข้ามาใกล้ผมจนหน้าผากติดกัน ริมฝีปากของเราห่างกันเพียงลมหายใจกั้น ร่างสูงใหญ่มอบสัมผัสอันแสนนุ่มนวล ผ่านริมฝีปากคู่สวยคู่นั้นแตะลงที่ริมฝีปากของผมก่อนจะผละออกด้วยความเขินอาย เราสองคนมองตากันอีกครั้ง พร้อมยิ้มให้กันเหมือนทุกครั้งๆ แต่ครั้งนี้มันเปี่ยมไปด้วยความ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าสุดท้ายเราต่างจะต้องกลายไปเป็นของใคร แต่ผมก็จะไม่ลืมเรื่องราววันนี้ ความรู้สึกนี้และผู้ชายคนนี้ ไปอีกเลย ตราบชั่วชีวิต
So close
TJ
Rate PG 13
“แหลม เห็นเจมส์ปะ” ผมถามยายแหลมเมื่อขาตัวเองมาถึงห้องกินข้าว นอกจากถามแล้วก็พยายามหันซ้ายหันขวาดูว่าไอ้หมียักษ์มันไปไหนของมัน ตัวก็ไม่ได้เล็กๆ ใช่จะหายาก
“ไม่เห็นอะต้น ไปสัมภาษณ์หรือเปล่า” ผมส่ายหน้าอีกครั้ง เพราะตั้งแต่เลิกคลาสที่ห้องเสียง ผมก็ไม่ได้เห็นไอ้หมีตัวโตอีกเลย แถมวันนี้มันดูอึนๆทั้งวันเลยด้วย ไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน คุยด้วยตอนกลางวันก็ไม่คุย
“ไม่อะแหลม จอยซั่มอยู่อะ เฟรมก็รอคิวอยู่ด้วย ไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน พูดด้วยก็ไม่พูด คชาเห็นมันบ้างปะ” ผมเริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่กำลังคีบซาลาเปาไส้ครีมออกจากตู้ตั้ง 2 ลูก ไม่บอกก็รู้ว่าจะเอาเผื่อใคร หึๆ แต่ไม่ใช่เวลาแกล้งชาวบ้านต้องหาไอ้อ้วนให้เจอก่อนมันจะไปมุดคอห่านตายซะก่อน
“ไม่เห็นเลย ทะเลาะกันเหรอ” คชาส่ายหน้าแต่กลับยิงคำพูดหนักเข้าที่ใจผม ทะเลาะเหรอ เปล่านะผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับมันเลย นอกจากเรื่องเวิ้นๆของมัน หรือว่ามันจะเรื่องนั้น
“บ้า ไม่ได้ทะเลาะ” จบความคิดผมรีบสวนกลับในทันที เล่นเอาพ่อคชาหน้าเดียวขวัญใจแม่ยกชายหญิงทั่วไปประเทศ ลอบยิ้มจนอยากจะถ่ายรูปนี้แล้วไปขายตาม pantip สงสัยคงได้เงินทำทุนเปิดกิจการได้เลยทีเดียว
“ก็ปกติเห็นเจมส์เงียบๆทุกครั้ง ก็ทะเลาะกับต้นทุกครั้งอะ ทำตัวเหมือน” คชาทำหน้าเหมือนคิดอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ยอมให้คำพูดนี้หลุด Air time ไปได้เด็ดขาด ถึงแม้ไม่แน่ใจว่ากล้องจะจับอยู่หรือเปล่า
“พี่น้อง” ผมเติมคำในช่องว่างของคชาอย่างทันควัน แต่นั้นไม่ได้ทำให้คชารวมถึงยายแหลมแพรว หยุดยิ้มได้เลย
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แล้วพี่น้องที่ไหนเขางอนกันทุกวันแบบนี้ละ” ผมใช้สายตาในแบบฉบับของไก่ตัวพ่อที่คนอื่นๆเขาชอบเรียกกันใส่คชา แต่ก็รู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้คชาหน้าเดียวของเราสะเทือนได้
“จ้า พ่อหน้าเดียว ซาลาเปาเย็นหมดแล้ว จะเอาไปให้เต๋าไม่ใช่เหรอ ป่านนี้หิวแย่แล้วมั่ง At love” เป็นไปตามที่คชาหุบยิ้มแล้วกลายเป็นพ่อหน้าเดียวอย่างเก่าแล้วหนีเดินไปที่พลาซ่า
“งอนกันอีกแล้วหรือไงต้น” คราวนี้เป็นแพรวที่หันมาถามผมด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใย ผมถอนหายใจช้าๆก็จะนั่งลงโต๊ะตรงข้ามกับแพรว
“ไม่รู้อะแหลม เราบางทีก็พูดกับมันเล่นๆ แต่ไม่รู้ว่ามันคิดจะจริงจังหรือเปล่า บ้างที่ก็เดาอารมณ์มันไม่ถูก ทีกับคนอื่นไม่เคยเห็นมันจะว่าแต่ทำไมกับต้นมันถึง” ผมเงียบไปสักพักปล่อยความคิดอะไรให้เรื่อยเปื่อย ผมเห็นใครหลายคนก็พูดเหมือนกับเจมส์อย่างที่ผมพูดแต่ทำไมมันถึงได้แสดงออกแตกต่างกันขนาดนั้น
“ไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้เนี่ย” แพรวพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เรื่อง” แพรว ลุกขึ้นมาจับหลังผมนวดเบาๆ
“ก็เจมส์มันแคร์ต้นไง แต่สำคัญยื่งกว่าคือต้นก็แคร์เจมส์เหมือนกันไม่ใช่หรอ” ผมเงยหน้ามองแพรวอย่างงงๆ ก่อนที่แพรวจะเดินออกไป ผมปล่อยตัวเองให้นั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น จนทำให้ผมต้องถอนหายใจ เพราะบางทีผมก็ไม่รู้ว่าผมควรทำจะยังไงดี แต่ถ้าหากว่ามันแคร์ผมจริงๆอย่างที่แหลมบอก ที่มันหายไปตอนนี้ มันต้องการให้ผมไปแสดงให้มันเห็นใช่ไหมว่า ผมก็แคร์มันเหมือนกัน
*
*
*
*
ผมพาตัวเองมาอยู่ที่ริมสระในมุมอับๆที่ใครหลายคนยากจะมองเห็น เมื่อกี้พี่เต๋าก็เดินมาถามว่าเป็นอะไร ผมก็ได้แต่ปัดตอบไปว่าเครียดเรื่องโจทย์ พี่เต๋าก็ทำหน้ายิ้มพร้อมกัดไอ้แรบบิทไส้ครีมที่อยู่ในปากพร้อมเดินไปหาพี่คชาในพลาซ่า เหมือนท่านกูลต้าจะรู้เลยว่าผมโกหก ใช่ผมไม่ได้เครียดเรื่องโจทย์ แต่ผมแค่น้อยใจ น้อยใจที่คนที่ผมแคร์ชอบทำให้ผมรู้สึกน้อยใจอยู่บ่อยๆ เอะอะก็เวิ่นๆ ใช่สิผมไม่ได้ขาวแสนดีเทพบุตรอย่างพี่เต๋า หล่อนิ่งมีสไตล์อย่างพี่คชา หรือจะน่ารักน่าเอ็นดูได้อย่างเฟรมนี้ พี่ต้นนะพี่ต้นทำเหมือนผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้รอให้ง้ออยู่ไม่รู้หรือไง ผมก็ไม่ได้อยากงอนพี่มากนักหรอก ทำตัวห่างๆพี่มันทรมานจะตาย อย่างไอ้ตอนเลิกคลาสก็ต้องกลั้นใจวิ่งออกมาเลย ถ้าผมเห็นหน้าพี่ ผมก็คงอดไม่ได้หรอก แต่ทำไงได้เล่า ก็ผมอยากให้พี่แคร์ผมบ้างนิ เมื่อไหร่นะพี่ต้น เมื่อไหร่ที่ผมจะเป็นคนที่พี่จะยอมรับจริงๆสักที ผมได้แต่ปล่อยความคิดของตัวเองให้พลั่งพลูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความน้อยใจทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าอยู่กับเข่าของตัวเอง แต่อยู่ดีๆผมก็รู้สึกเหมือนมีใครสักคนมาอยู่ข้างหน้า ผมเงยหน้าดู ภาพที่ผมเห็นทำให้หัวใจผมเหมือนจะพองโตขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แหละถ้าพี่ไม่ง้อผมดีๆ ผมไม่ยอมจริงๆด้วย หึ ไอ้เจมส์สู้(แค่)ตาย
*
*
*
ในที่สุดผมก็หาไอ้เด็กยักษ์คนนี้จนเจอ มาเล่นนั่งแอบอยู่ริมสระน้ำ แต่ตัวมันก็ไม่ได้เล็กพอที่จะบังตัวมันได้เลย ไอ้อ้วน ดูหน้ามันซิ ผมแอบเห็นจะว่ามันเหมือนจะยิ้มขึ้นมาแว่บหนึ่งของที่เงยหน้ามาเป็นผม แต่แค่เสี้ยววิเท่านั้นและมันก็ปรับเข้ามาโหมดอภิมหาขี้เก็กของมันเหมือนเดิม ไอ้เด็กบ้า
“มาทำไม” แนะยังจะมาทำถามอีกก็มาทำไม มาว่ายน้ำมั่ง
“มาตามไปอาบน้ำ” ผมพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างมันๆ มันยังนิ่งไม่ก้มหน้าก้มมองนู้นมองนี่ของมันไปเรื่อย แต่ไม่มองผม เอาว่ะ ไหนๆก็จะง้อแหละ
“เป็นไรอะอ้วน” ผมเอานิ้วไปจิ้มๆที่ไหล่มัน พร้อมทำเสียงได้แบบว่า เออ สาบานได้เลยว่าไม่เคยพูดกับใครแบบนี้เลยนะเนี่ย ดูๆมันยังนิ่ง ผมก็เริ่มลองเสต็ปต่อไป โดยเปลี่ยนการจิ้มเป็นเริ่มเอานิ้วเขี่ยที่ที่ไหล่หนาของมัน ไปเรื่อยๆ
“มีอะไรก็พูดดิอย่าเงียบดิเจมส์” ผมยังคงสติลทำต่อไป โอยเขี่ยจนมือจะหงิกหมดแล้วนะเว้ยเห้ย
“เปล่า” ไอ้อ้วนมันพูดออกมาเบาๆ เปล่าบ้านแกซิ หน้าแบบนี้มาบอกว่าเปล่า อยากถีบลงน้ำซะให้เข็ดจริงๆไอ้เด็กบ้า แต่ก็เก็บเอาความคิดนั้นเข้าหัวไปก่อนเพราะขืนจะทำจริง ถ้าพิจารณาจากขนาดตัวแล้ว ผมก็น่าจะเป็นฝ่ายที่โดดมันโยนลงน้ำเสียเอง
“เปล่าแล้วทำไมหน้างี้อะเจมส์ โกรธพี่เหรอ” ผมเริ่มพัฒนาสเตปตัวเองโดยคราวนี้เอาหน้าเข้าไปใกล้มันมากขึ้นอีก แต่มันก็ยังนิ่งได้ โอยไอ้หมีบ้า
“พี่ขอโทษคือไม่ได้ตั้งใจพูดเข้าใจปะ คือก็เล่นๆอะ ไม่ได้คิดว่าจริงจัง ขอโทษน้า เดี๋ยววันนี้นวดให้ก็ได้อะ ไม่โกรธพี่นะ อ้วนนะ” ผมใช้ไม้ตายสุดท้ายเอาหัวไปซบกับไหล่มันแหละก็เอาผมถูไหล่มันไปด้วย แต่ผลที่ได้รับคือมันยังสติลนิ่งสงบอยู่เหมือนกัน ไอ้หมีบ้า พอกันที ผมดีดตัวขึ้นลุกพรวดออกจากที่นั่งข้างมัน
“เออ มาพูดแค่นี้แหละ ไม่หายโกรธก็ไม่ต้องหายและก็ไม่ต้องมาคุยกันเลยนะ ไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อนเลยรู้ไหมไอ้เด็กบ้า” ผมพูดไปน้ำตาก็จะไหล ผมคงแคร์มันมากอย่างที่แหลมบอก ไม่เคยง้อใครได้ถึงขนาดนี้ ถ้าคิดจะไม่พูดกันก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว ผมหันหลังกลับจะเดินหนีมัน แต่ตอนนั้นเองผมก็รู้สึกว่าผมโดนแขนใหญ่ๆ ดึงแขนเล็กของผมก่อนที่ผมจะโดนฉุดให้ลงไปนั่งบนตักของไอ้เด็กยักษ์พร้อมกับมือของมันที่รัดผม ผมพยายามดิ้นออก แต่ด้วยแรงหมีๆของมันทำให้ผมไม่สามารถขืนออกจากสัมผัสของมันได้เลย
“ไหนๆก็ไม่เคยทำให้ใครแล้วทำไมไม่ทำให้มันนานๆกว่านี้ละ” นั้นไงไอ้หมีบ้า รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ของมันกลับมาอีกแล้ว แสดงว่าเหมือนกี้มันแกล้งผมใช่ไหมเนี่ย น่าจะให้ครูเมย์มอบเกียรตืบัตรนักเรียน Acting ดีเด่นให้มันนะเนี่ย
“ปล่อย” ผมยังพยายามขืนตัวเองออกจากอ้อมแขนของมันทั้งที่รู้ว่าคงเป็นไม่ได้
“อยู่อย่างงี้สักพักไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงและสายตาที่เว้าวอนของมันเอื้อนเอยผ่านหูของผมอย่างใกล้ชิดชนิดที่เรียกว่าได้ยินสียงลมหายใจกันเลยทีเดียว ผมล้มเลิกความพยายามที่จะดิ้นหนี แล้วเลือกที่จะพิงตัวลงบนไหล่หนาๆอันแสนอบอุ่นของมัน
“ไม่กลัวกล้องจะถ่ายเหรอ” ผมถามขึ้นเบาๆเพราะแอบกลัวเหมือนกันว่าบรรดาสาววายป้ายต้นเจมส์คงจะกรี๊ดกันสลบถ้าเห็นซีนนี้เข้าไป
“ไม่หรอก พี่คชากับพี่เต๋าเขาเรียกกล้องให้อยู่แหละ ปกติเขาก็ไม่ค่อยถ่ายเราสองคนเท่าไหร่หรอก” ผมแอบอมยิ้มกับเหตุผลหมีของไอ้ตัวยักษ์ข้างหลังผมนี้
“เมื่อกี้ที่ง้อตั้งนานเนี่ย แกล้งงอนใช่ไหม” ผมถามลองเชิง หาเรื่องตีหัวมัน
“ไม่ ผมงอนจริง” อ้าวงอนจริงเหรอเนี่ย ผมเงยหน้ามองมัน เราประสานสายตากันพอดี ผมพยายามส่งคำถามผ่านสายตาของผมหวังจะหาคำตอบจากสายตาของคนตรงหน้า และเหมือนกันก็รู้เหมือนกันว่าผมต้องการอะไรไอ้หมียักษ์เอาคางมาเกยไว้ที่หัวผมก่อนจะพูดบางอย่างออกมา
“ผมแค่อยากให้พี่แคร์ผมบาง ผมอยากเป็นคนดีในสายตาพี่ เหมือนที่พี่เต๋า พี่คชา หรือเฟรมเป็น บางครั้งผมก็เห็นว่าพี่มองผมพวกเขาด้วยสายตาชื่นชม ผมก็อยากได้สายตานั้นจากพี่บ้าง แต่ที่ผมได้ก็คิอเวิ่นแล้วเวิ่นเล่า โดนด่าตลอด จนบางทีผมก็อยากรู้ผมจะเป็นคนดีพอสำหรับพี่ได้ไหม แล้วผมควรทำยังไงผมจึงจะเป็นคนแบบที่พี่ต้องการ” คำพูดของมันแผ่วเบา แต่หนักแน่น อย่างที่ใครๆหลายคนบอกว่าเจมส์มันเป็นเด็ก ข้อเสียของมันคือความเด็กที่ไม่รู้จักคิด แต่ความไม่รู้จักคิดก็มีข้อดีในเรื่องความจริงใจ สิ่งที่มันพูดไม่ได้ประดิษฐ์ ไม่ได้ผ่านการสร้างสรรคำให้สวยหรู แต่ความรู้สึกจริงๆที่สื่อออกมาผ่านคำพูด ผมเอามือของผมวางไว้ที่มือของไอ้เด็กยักษ์ที่กำลังกอดผมอยู่ ผมบีบมือนั้นไว้เบาๆ
“พี่ไม่เคยขอให้เจมส์เปลี่ยนเป็นอะไรให้พี่ และไม่อยากให้เจมส์พยายามทำอะไรเพื่อให้พี่รู้สึกแบบนั้น สามคนนั้นเขามีเสห่น์ในตัวเอง มีสิ่งที่น่าชื่มชน เจมสก็มี แต่นั้นมันไม่ใชสิ่งสำคัญหรอก เพราะถ้าพี่จะรักใครสักคน พี่ก็ไม่คาดหวังจะให้เขามาเปลี่ยนอะไรเพื่อพี่หรอกนะ” ผมไม่รู้ว่าไอ้ตัวโตมันจะเข้าใจความหมายที่ผมพูดออกไปหรือเปล่า แต่สัมผัสได้ถึงรอยยิ้มที่อยู่ข้างหลังผม พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น
“และที่หลังถ้ามีอะไรไม่พอใจก็พูดออกมาเลยเข้าใจไหม ไม่ต้องมาเงียบ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะจบซีซั่นแล้วนะ เดี๋ยวพอออกไปข้างนอกเราก็คง”
“พี่ต้น” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรจบ ไอ้เด็กยักษ์มันก็เรียกชื่อผมด้วยเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับขึ้นมากกว่าเมื่อกี้อีกหลายเท่าๆจนผมเกือบจะรู้สึกอึดอัด จนทำให้ผมรู้ได้เลยว่า การที่มันเรียกชื่อผมเพราะมันต้องการให้ผมหยุดพูดอะไรบางอย่างซินะ
“ไม่ต้องพูดถึงอนาคตได้ไหมครับ ตอนนี้มีแค่เราก่อนได้ไหม” เจมส์ซุกหน้าเข้ามาที่ไหล่ของผมพร้อมกระซิบผ่านหูอย่างแผ่วเบาจนหวังว่าคงมีแต่เราสองคนที่ได้ยิน ไม่นานจมูกซนๆของมันก็สัมผัสลองบนแก้มของผม พร้อมๆกับที่ผมหันหน้าไปซบตากับดวงตาเรียวเล็กที่ตอนที่เต็มไปด้วยความหมายบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างใน ความหมายที่ผมกับมันเท่านั้นที่รู้ ไอ้เด็กยักษ์เลื่อนวงหน้าเข้ามาใกล้ผมจนหน้าผากติดกัน ริมฝีปากของเราห่างกันเพียงลมหายใจกั้น ร่างสูงใหญ่มอบสัมผัสอันแสนนุ่มนวล ผ่านริมฝีปากคู่สวยคู่นั้นแตะลงที่ริมฝีปากของผมก่อนจะผละออกด้วยความเขินอาย เราสองคนมองตากันอีกครั้ง พร้อมยิ้มให้กันเหมือนทุกครั้งๆ แต่ครั้งนี้มันเปี่ยมไปด้วยความ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าสุดท้ายเราต่างจะต้องกลายไปเป็นของใคร แต่ผมก็จะไม่ลืมเรื่องราววันนี้ ความรู้สึกนี้และผู้ชายคนนี้ ไปอีกเลย ตราบชั่วชีวิต
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น