ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Ton*James : I can't see a tear in yours eyes.
Fic Academy Fantasia Season 8
I can’t see a tear in your eyes.
TJ
Rate : PG 13
ผมเข้าใจดีในความรู้สึกของคนที่ได้อยู่ปากเหว แต่สิ่งที่ผมไม่รู้คือความรู้สึกของที่อยู่ข้างหลังจะเป็นยังไง ผมจำได้ว่าหลังสัมภาษณ์เสร็จผมกลับมานั่งที่ Living room เพื่อจะได้จดคอมเม้นท์ของโชว์ตัวเองเมื่อวันเสาร์ ให้ตายเหอะ เห็นโชว์ตัวเองแล้วจะอยากจะเอาหัวมุดลงสระน้ำไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับตัวเองพร้อมกับจดสิ่งที่พี่ไก่พูดไปเรื่อยๆ ผมดีใจที่หลายๆคนคิดว่าผมร้องเพลงได้ดีขึ้น ผมจะร้องให้ดีกว่านี้อีก โดยเฉพาะเพลงคู่ แค่คิดก็อดขำไม่ได้ รู้สึกตลกตัวเองมากกับอาการดีใจตอนจับฉลากได้เพลงเดียวกับพี่ต้น คราวนี้แหละผมจะทำให้พี่เห็นว่าผมทำได้ หลังจดคอมเม้นท์เสร็จ ผมหยิบรีโมตเพื่อจะปิดแผ่นที่กำลังจะเล่นอยู่ แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมเลื่อนจากปุ่ม stop ไปที่ปุ่ม Forward ผมกดเพลงอีกครั้งตอนช่วงเวลาประกาศผล หลังที่พี่ทาทาให้คะแนนกับฝ่ายผู้หญิง เมื่อโดนบ่ายผมดูไปแค่ผิวเผิน ไม่ค่อยได้สนใจดูเท่าไหร่ และอีกอย่างเหมือนใจอยากจะเห็นอะไรบางอย่าง ผมนั่งแทบจะเรียกได้ว่าติดหน้าจอเพื่อดูวินาทีสำคัญที่เกิดขึ้นไปเมื่อวันเสาร์ สิ้นเสียงประกาศ วี 10 ผมเห็นตัวเองก้าวเดินออกไปข้างหน้า อย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองคนที่อยู่ข้างหลัง แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ สิ่งที่ผมได้เห็นทำให้หัวใจกระตุกอย่างประหลาด ภายใต้ใบหน้าของร่างบางที่อยู่ข้างๆผมก่อนหน้านี้ เต็มไปด้วยความกังวลอย่างบอกไม่ถูก แต่สิ่งที่ย้ำลงในใจของผม คือดวงตาโตคู่สวย นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัว ถ้าตาผมไม่ได้ฝาดผมแอบเห็นน้ำใสเกาะเอ่อขึ้นใต้ดวงตากลมคู่นั้น ภาพที่ผมเห็นยิ่งชัดเจนหลังจากที่แพรวาเดินกลับไป ใจหนึ่งผมดีใจที่ได้รู้ว่า พี่ต้นห่วงผม พี่ต้นแคร์ผม ไม่อยากให้ผมเดินออกจากบ้าน แต่อีกใจหนึ่งกลับมีความรู้สึกบางอย่างแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกเจ็บที่อกข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถึง สายตาของพี่ต้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด ยิ่งน้ำใสๆที่เปื้อนอยู่บนตานั้น ทำเอาผมต้องเผลอเอื้อมมือไปลูบใบหน้านวลในจอแก้ว หวังเพียงจะปัดเป้าความกังวลและความกลัวในใจออกไปหมดสิ้น แต่ผมทำไม่ได้ ผมเลือกกดปิดซีดีแผ่นนั้น ก่อนที่จะปล่อยให้ความคิดบางอย่างวิ่งวนอยู่ในสมอง แต่สิ่งๆหนึ่งที่ผมคิดได้โดยไม่ต้องผ่าน ตรรกะ หรือ เหตุผลใดเลยก็คือ “ผมไม่อยากเห็นน้ำตาบนใบหน้าแบบนั้นของพี่ต้นอีกแล้ว”
*
*
อิจฉาแพรวอย่างที่สุดถึงที่สุด ตอนแรกก็แอบดีใจนะตอนนี้ครูใหญ่เรียกออกไปรับโจทย์ แต่ก็รู้แล้วละว่าแพรวต้องได้ และที่รู้ยิ่งกว่ารู้นั้นก็คือ เพลงหมอลำ ต้องเป็นของผมชัวร์ โอ้ย ไอ้ร้องสนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่มันก็ยากอยู่นะเนี่ย เอานะทำได้ๆ ผมบ่นในใจไปพลางฟังเพลงแกะเนื้อเพลงไป พอวนมาถึงเพลงคู่ ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ใครจะไปรู้ว่าจะจับฉลากได้ร้องเพลงกับไอ้อ้วน ไอ้เหนื่อยนะเหนื่อยแน่นอน ไม่รู้มันไปไหนแทนที่จะมาช่วยกันแกะเนื้อเพลง แต่ท่อนมันก็ไม่ได้ยาวความจริงผมแกะเผื่อให้มันก็ได้ นึกขำตัวเองตอนนี้ไอ้หมีเดินมาบอกว่า ได้เพลงเดียวกัน ขำกับการที่ต้องเก็บอาการดีใจของตัวเองทั้งที่ท่าทางทีของไอ้ตัวโตมันแสดงออกว่าดีใจชัดเจนขนาดนั้น เดี๋ยวมันเดินค่อยจับมันนั่งท่องเนื้อก็ได้ แกะให้มันไปก่อน มันจะได้จำง่ายๆ ผมกำลังนั่งแกะเนื้อเพลงอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดินมาจากทาง Living room ผมเงยหน้าขึ้นมองปรากฏว่าเป็นไอ้คนที่ผมกำลังแอบนินทาอยู่เมื่อกี้อะแหละ ไอ้อ้วนมันหยุดสบตากับผมสักพัก เหมือนผมจะสังเกตได้ว่าแนวตาของฉายแววเศร้าแปลกๆ มันยิ้มน้อยๆให้ผมก่อนที่จะเดินมานั่งข้างๆ ผมว่ามันผิดสังเกตตรงที่นั่งนิ่งๆไม่ได้หันมามองผมหรือทำอะไรมากไปกว่านั่งเฉยๆ ผมก็ไม่รู้จะถามอะไรมันดี แต่ผมว่าผมมีเรื่องต้องถามมันนะ และผมก็คิดว่าคำตอบจากปากมันก็ตรงกับที่ผมหวังไว้
“เจมส์วันนี้นอนไหน” ผมหันไปยิ้มถาม อย่างหวังคำตอบ เจ้าหมียิ่งไปสักพัก ก็จะถอนหายใจแล้วพูดว่า
“นอนกับเฟรม”
*
*
*
เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเลือกมันดีหรือไม่ แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยมันก็ใช่ที่สุดสำหรับตอนนี้ยอมรับเลยว่าแทบอยากจะงับคำพูดด้วยเองกลับเข้ามาเมื่อเห็นแววตาที่วูบลงอย่างชัดเจนเมื่อได้ยินคำตอบของผม ตอนนั้นผมอยากให้พี่ต้นเถียง พี่ต้นด่า หรือพี่ต้นพูดอะไรก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง แต่พี่ต้นกลับไม่พูดอะไร ร่างบางหันกลับมาก้มหน้าก้มตาแกะเนื้อเพลงต่อ โดยไม่ได้หันกลับมามองอีก ผมเลือกที่จะเดินขึ้นห้องนอนทันที เพราะคงไม่ได้กับท่าทีเมินเฉยของพี่ต้นแบบนั้น ผมชะโงกหน้าขึ้นหันไปมองอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ร่างบางยังคงหลับอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ผมตัดสินใจลุกจากเตียงเดินไปที่นอนเดินของผม ผมพยายามล้มตัวลงนอนข้างๆพี่ต้นช้าๆ อยากจะเอื้อมแขนไปกอดไว้แต่กลัวว่าคนในผ้าห่มจะตื่น ผมทำได้แค่พยายามเบียดตัวเข้าให้ใกล้ที่สุดและเบาที่สุด
“พี่ต้นผมขอโทษ ผมขอโทษที่เลือกทำแบบนี้ ผมยอมรับว่าที่ผมทำตอนนี้เพราะผมกลัว ไม่ใช่กลัวว่าต้องออก ไม่ใช่กลัวว่าโชว์จะไม่ดี แต่ผมกลัว กลัวที่จะเห็นใบหน้าแบบนั้นของพี่ต้นอีก ผมทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าต้องทำได้เพียงมองดูน้ำตาของพี่ที่เปื้อนอยู่เต็มใบหน้า โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้ แค่คิดผมก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ผมแค่อยากให้พี่เริ่มชินกับการที่ไม่มีผมอยู่ข้างๆ เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้ และผมเชื่อว่าพี่ก็ไม่รู้ ผมกลัวว่าถ้าเรายังเป็นอยู่อย่างเดิมวันข้างหน้าหากไม่มีผม พี่จะอยู่ยังไง ผมคงไม่คิดเองไปคนเดียวใช่ไหมว่าพี่ก็คิดแบบเดียวกับที่ผมคิด แต่ต้องห่วงนะครับ ผมจะยังคงอยู่ใกล้ๆพี่เสมอ ผมจะอยู่สายตาของพี่เสมอไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน กว่าถึงวันโชว์ ถ้าผมทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ การไม่มีผมอยู่ข้างๆอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับพี่ ถ้าเวลานั้นต้องมาถึงจริงๆ พี่จะได้ไม่ต้องเหงานานๆ ไม่ต้องเสียใจมากมาย เพราะพี่ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ ผมเชื่อว่าพี่ต้องไปทำถึงอิมแพค และเอาวิสดอม มาฝากผมให้ได้ ขอโทษอีกครั้งที่ผมไม่ได้บอกพี่ในเรื่องทั้งหมด ผมแค่เพียงอยากระบายออกมาให้พี่ฟัง แต่ไม่ต้องการให้พี่ได้ยินเพราะถ้าพี่ได้ยินความคิดโง่ๆของผม พี่ต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน พี่ต้นครับผมทำเพื่อพี่ ทำเพื่อเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่ต้นครับ ผมรักพี่นะครับ” ผมคาดว่าสิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ลม อย่างที่ผมบอกผมไม่ต้องการให้พี่รับรู้ แต่หากผมไม่ระบายออกมาผมคงต้องอกแตกตายแน่นอน ผมตัดสินใจยันตัวขึ้นประทับริมฝีปากลงที่หัวไหล่ของร่างบางช้าๆ
“ฝันดีนะครับ พี่ชายสุดที่รักของผม”
*
*
*
ผมว่าผมต้องฝันอีกแล้ว เมื่อคืนหลังจากที่ผมได้รับคำตอบที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากไอ้อ้วย ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมเจ็บปวด วินาทีแรกที่ผมได้ยินผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจนชาไปทั้งตัว ตอนนั้นความโกรธและความเสียใจมันเหมือนจะถาโถม กันเข้ามาพร้อมๆกัน แต่ก่อนที่ปากผมจะพูดอะไรออกไป สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือในดวงตาเรียวเล็กของคนตรงหน้า ฉายแววเศร้าอย่างชัดเจน นั้นเป็นสิ่งที่ทำความรู้สึกที่เกือบจะถาโถมเข้ามาเมื่อครู่ถูกหยุดไว้ราวกับแช่แข็ง คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว แต่ไม่มีคำถามไหนที่สามารถหลุดออกจากปากผมออกมาได้ ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรแล้วทำเป็นว่ากลับมาแกะเพลงต่อ ทั้งที่ข้างในใจเต็มไปด้วยคำถาม บางครั้งผมก็อยากมีพลังพิเศษ ผมอยากอ่านใจคนได้ ไม่ต้องทุกคนบนโลก ขอแค่ไอ้หมีตัวนี้ตัวเดียวก็พอ ตอนขึ้นมาถึงห้องนอนผมเห็นไอ้หมีมันอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงของผม ผมมันหันมาเห็นผมแววตาของมันฉายแววเศร้าอีกครั้ง ก่อนที่จะกลับไปนอนที่เดิมของมัน ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร ผมก็ได้แต่ล้มตัวลงนอน แล้วพยายามข่มตาตัวเองให้หลับ ถึงแม้ว่าจะมีคำถามมากมายขึ้นอยู่ในหัว สิ่งที่ผมต้องทำก็คือต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้เท่านั้นเอง แต่ผมรู้ว่าตัวเองหลับได้ไม่นาน ผมก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างที่สัมผัสได้อยู่ข้างๆ พร้อมกับเสียงกระซิบพึมพำที่แผ่วเบา จนผมแทบจะไม่ได้ยินอะไร แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้คือสัมผัสสุดท้ายที่หัวไหล่ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจลืมตาตื่นขึ้น สิ่งที่ผมเห็นกลับมีเพียงความว่างเปล่า ผมหันไปมองที่ริมสุดของเตียง ร่างใหญ่ยังคนนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ผมได้แต่ถอนหายใจให้ความฝันบ้าๆของตัวเอง แล้วล้มตัวลงนอนช้าๆ ข่มตาให้หลับอีกครั้ง โดยได้ภาวนาให้ความฝันเมื่อครู่ก่อตัวเป็นจริงสักครั้ง ผมตื่นมาได้สักพักแล้ว ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องน้ำ กำลังจ้องความโทรมของตัวเองในกระจก ขอบตาที่ดำคล้ำ ทำเอาผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนที่ตื่นผมไม่ลืมที่จะมองไปที่ริมสุดของเตียงอีกครั้ง ไอ้อ้วนยังคงนอนอยู่ที่เดิมของมัน ผมคงผิดเองที่หลงคิดไปว่ามันจะเดินกลับมากอดผมเหมือนวันอาทิตย์ ผมเริ่มล้างหน้าล้างตัวเอง เพื่อไล่เอาความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้หมด แต่ตอนนั้นเองผมสัมผัสถึงใครสักคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ทันทีผมหลังกลับไปดู ร่างของผมก็ถูกวงแขนใหญ่ๆกลืนเข้าไปในอ้อมกอดของใครบางคนที่ผมจำได้ดีเพราะความอบอุ่นแบบนี้ไม่มีทางเป็นใครไปนอกจากมัน หน้าผมซุกอยู่กับอกของมัน วงแขนของมันกระชับยิ่งขึ้น เหมือนไม่หมีใหญ่ที่เกาะต้นไม้ไว้เพราะกลัวตก ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของมัน รวมถึงผม ผมกอดตอบมันอย่างที่เราเคยทำกันเป็นประจำแต่ครั้งผมไม่ได้คิดไปเองใช้ไหมว่ามันแฝงความหมายมากกว่าทุกครั้ง
“ผมขอโทษ” แม้จะเป็นน้ำเสียงของมันจะเบาๆแค่ไหน แต่มันก็ชัดเจนอยู่ในความรู้สึกผม สิ้นคำพูดมันปล่อยตัวผมก่อนจะเกิดเข้าห้องน้ำด้านในไป ผมได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้ความคิดหลายๆอย่างวิ่งวนอยู่ในหัว คำถามในใจผมไม่ได้ลดลง แต่ผมกลับรู้สึกว่าคำถามพวกนั้นความจริงไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อ ไม่ว่าไอ้หมีจะคิดอะไร หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้มันแบบนี้ ผมก็เชื่อในตัวมัน อย่างน้อยอ้อมกอดของมันก็คงไม่ทำให้ผมคิดไปเองว่า ถึงแม้จะมีความเปลี่ยนแปลงระหว่างเรา แต่สิ่งที่จะไม่มีทางเปลี่ยนไปก็คือ ความรัก ความผูกผันที่ผมและมันจะมีให้กันตลอดไป
Writer Talk : ตอนนี้ต้องขอบพระคุณ ครูหมี เป็นอย่างมากที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียน เพราะข้อความที่ครูหมีได้โพสในสตูนั้นทำให้ผมเข้าใจอะไรได้มาก ขออนุญาติเอาข้อความบางส่วนจากคุณครูมาร้อยเรื่องราวเป็นตอนที่ได้อ่านไปนี้ ผมเองก็เชื่อเหมือนกันว่าไม่ว่าอะไรจจะเกิดขึ้น สิ่งที่อยู่ในใจของคนทั้งสองคนต้องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน Love Jame Love P’Ton Love Studio 9*10 ครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
I can’t see a tear in your eyes.
TJ
Rate : PG 13
ผมเข้าใจดีในความรู้สึกของคนที่ได้อยู่ปากเหว แต่สิ่งที่ผมไม่รู้คือความรู้สึกของที่อยู่ข้างหลังจะเป็นยังไง ผมจำได้ว่าหลังสัมภาษณ์เสร็จผมกลับมานั่งที่ Living room เพื่อจะได้จดคอมเม้นท์ของโชว์ตัวเองเมื่อวันเสาร์ ให้ตายเหอะ เห็นโชว์ตัวเองแล้วจะอยากจะเอาหัวมุดลงสระน้ำไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับตัวเองพร้อมกับจดสิ่งที่พี่ไก่พูดไปเรื่อยๆ ผมดีใจที่หลายๆคนคิดว่าผมร้องเพลงได้ดีขึ้น ผมจะร้องให้ดีกว่านี้อีก โดยเฉพาะเพลงคู่ แค่คิดก็อดขำไม่ได้ รู้สึกตลกตัวเองมากกับอาการดีใจตอนจับฉลากได้เพลงเดียวกับพี่ต้น คราวนี้แหละผมจะทำให้พี่เห็นว่าผมทำได้ หลังจดคอมเม้นท์เสร็จ ผมหยิบรีโมตเพื่อจะปิดแผ่นที่กำลังจะเล่นอยู่ แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมเลื่อนจากปุ่ม stop ไปที่ปุ่ม Forward ผมกดเพลงอีกครั้งตอนช่วงเวลาประกาศผล หลังที่พี่ทาทาให้คะแนนกับฝ่ายผู้หญิง เมื่อโดนบ่ายผมดูไปแค่ผิวเผิน ไม่ค่อยได้สนใจดูเท่าไหร่ และอีกอย่างเหมือนใจอยากจะเห็นอะไรบางอย่าง ผมนั่งแทบจะเรียกได้ว่าติดหน้าจอเพื่อดูวินาทีสำคัญที่เกิดขึ้นไปเมื่อวันเสาร์ สิ้นเสียงประกาศ วี 10 ผมเห็นตัวเองก้าวเดินออกไปข้างหน้า อย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองคนที่อยู่ข้างหลัง แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ สิ่งที่ผมได้เห็นทำให้หัวใจกระตุกอย่างประหลาด ภายใต้ใบหน้าของร่างบางที่อยู่ข้างๆผมก่อนหน้านี้ เต็มไปด้วยความกังวลอย่างบอกไม่ถูก แต่สิ่งที่ย้ำลงในใจของผม คือดวงตาโตคู่สวย นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัว ถ้าตาผมไม่ได้ฝาดผมแอบเห็นน้ำใสเกาะเอ่อขึ้นใต้ดวงตากลมคู่นั้น ภาพที่ผมเห็นยิ่งชัดเจนหลังจากที่แพรวาเดินกลับไป ใจหนึ่งผมดีใจที่ได้รู้ว่า พี่ต้นห่วงผม พี่ต้นแคร์ผม ไม่อยากให้ผมเดินออกจากบ้าน แต่อีกใจหนึ่งกลับมีความรู้สึกบางอย่างแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกเจ็บที่อกข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถึง สายตาของพี่ต้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด ยิ่งน้ำใสๆที่เปื้อนอยู่บนตานั้น ทำเอาผมต้องเผลอเอื้อมมือไปลูบใบหน้านวลในจอแก้ว หวังเพียงจะปัดเป้าความกังวลและความกลัวในใจออกไปหมดสิ้น แต่ผมทำไม่ได้ ผมเลือกกดปิดซีดีแผ่นนั้น ก่อนที่จะปล่อยให้ความคิดบางอย่างวิ่งวนอยู่ในสมอง แต่สิ่งๆหนึ่งที่ผมคิดได้โดยไม่ต้องผ่าน ตรรกะ หรือ เหตุผลใดเลยก็คือ “ผมไม่อยากเห็นน้ำตาบนใบหน้าแบบนั้นของพี่ต้นอีกแล้ว”
*
*
อิจฉาแพรวอย่างที่สุดถึงที่สุด ตอนแรกก็แอบดีใจนะตอนนี้ครูใหญ่เรียกออกไปรับโจทย์ แต่ก็รู้แล้วละว่าแพรวต้องได้ และที่รู้ยิ่งกว่ารู้นั้นก็คือ เพลงหมอลำ ต้องเป็นของผมชัวร์ โอ้ย ไอ้ร้องสนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่มันก็ยากอยู่นะเนี่ย เอานะทำได้ๆ ผมบ่นในใจไปพลางฟังเพลงแกะเนื้อเพลงไป พอวนมาถึงเพลงคู่ ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ใครจะไปรู้ว่าจะจับฉลากได้ร้องเพลงกับไอ้อ้วน ไอ้เหนื่อยนะเหนื่อยแน่นอน ไม่รู้มันไปไหนแทนที่จะมาช่วยกันแกะเนื้อเพลง แต่ท่อนมันก็ไม่ได้ยาวความจริงผมแกะเผื่อให้มันก็ได้ นึกขำตัวเองตอนนี้ไอ้หมีเดินมาบอกว่า ได้เพลงเดียวกัน ขำกับการที่ต้องเก็บอาการดีใจของตัวเองทั้งที่ท่าทางทีของไอ้ตัวโตมันแสดงออกว่าดีใจชัดเจนขนาดนั้น เดี๋ยวมันเดินค่อยจับมันนั่งท่องเนื้อก็ได้ แกะให้มันไปก่อน มันจะได้จำง่ายๆ ผมกำลังนั่งแกะเนื้อเพลงอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดินมาจากทาง Living room ผมเงยหน้าขึ้นมองปรากฏว่าเป็นไอ้คนที่ผมกำลังแอบนินทาอยู่เมื่อกี้อะแหละ ไอ้อ้วนมันหยุดสบตากับผมสักพัก เหมือนผมจะสังเกตได้ว่าแนวตาของฉายแววเศร้าแปลกๆ มันยิ้มน้อยๆให้ผมก่อนที่จะเดินมานั่งข้างๆ ผมว่ามันผิดสังเกตตรงที่นั่งนิ่งๆไม่ได้หันมามองผมหรือทำอะไรมากไปกว่านั่งเฉยๆ ผมก็ไม่รู้จะถามอะไรมันดี แต่ผมว่าผมมีเรื่องต้องถามมันนะ และผมก็คิดว่าคำตอบจากปากมันก็ตรงกับที่ผมหวังไว้
“เจมส์วันนี้นอนไหน” ผมหันไปยิ้มถาม อย่างหวังคำตอบ เจ้าหมียิ่งไปสักพัก ก็จะถอนหายใจแล้วพูดว่า
“นอนกับเฟรม”
*
*
*
เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเลือกมันดีหรือไม่ แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยมันก็ใช่ที่สุดสำหรับตอนนี้ยอมรับเลยว่าแทบอยากจะงับคำพูดด้วยเองกลับเข้ามาเมื่อเห็นแววตาที่วูบลงอย่างชัดเจนเมื่อได้ยินคำตอบของผม ตอนนั้นผมอยากให้พี่ต้นเถียง พี่ต้นด่า หรือพี่ต้นพูดอะไรก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง แต่พี่ต้นกลับไม่พูดอะไร ร่างบางหันกลับมาก้มหน้าก้มตาแกะเนื้อเพลงต่อ โดยไม่ได้หันกลับมามองอีก ผมเลือกที่จะเดินขึ้นห้องนอนทันที เพราะคงไม่ได้กับท่าทีเมินเฉยของพี่ต้นแบบนั้น ผมชะโงกหน้าขึ้นหันไปมองอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ร่างบางยังคงหลับอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ผมตัดสินใจลุกจากเตียงเดินไปที่นอนเดินของผม ผมพยายามล้มตัวลงนอนข้างๆพี่ต้นช้าๆ อยากจะเอื้อมแขนไปกอดไว้แต่กลัวว่าคนในผ้าห่มจะตื่น ผมทำได้แค่พยายามเบียดตัวเข้าให้ใกล้ที่สุดและเบาที่สุด
“พี่ต้นผมขอโทษ ผมขอโทษที่เลือกทำแบบนี้ ผมยอมรับว่าที่ผมทำตอนนี้เพราะผมกลัว ไม่ใช่กลัวว่าต้องออก ไม่ใช่กลัวว่าโชว์จะไม่ดี แต่ผมกลัว กลัวที่จะเห็นใบหน้าแบบนั้นของพี่ต้นอีก ผมทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าต้องทำได้เพียงมองดูน้ำตาของพี่ที่เปื้อนอยู่เต็มใบหน้า โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้ แค่คิดผมก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ผมแค่อยากให้พี่เริ่มชินกับการที่ไม่มีผมอยู่ข้างๆ เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้ และผมเชื่อว่าพี่ก็ไม่รู้ ผมกลัวว่าถ้าเรายังเป็นอยู่อย่างเดิมวันข้างหน้าหากไม่มีผม พี่จะอยู่ยังไง ผมคงไม่คิดเองไปคนเดียวใช่ไหมว่าพี่ก็คิดแบบเดียวกับที่ผมคิด แต่ต้องห่วงนะครับ ผมจะยังคงอยู่ใกล้ๆพี่เสมอ ผมจะอยู่สายตาของพี่เสมอไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน กว่าถึงวันโชว์ ถ้าผมทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ การไม่มีผมอยู่ข้างๆอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับพี่ ถ้าเวลานั้นต้องมาถึงจริงๆ พี่จะได้ไม่ต้องเหงานานๆ ไม่ต้องเสียใจมากมาย เพราะพี่ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ ผมเชื่อว่าพี่ต้องไปทำถึงอิมแพค และเอาวิสดอม มาฝากผมให้ได้ ขอโทษอีกครั้งที่ผมไม่ได้บอกพี่ในเรื่องทั้งหมด ผมแค่เพียงอยากระบายออกมาให้พี่ฟัง แต่ไม่ต้องการให้พี่ได้ยินเพราะถ้าพี่ได้ยินความคิดโง่ๆของผม พี่ต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน พี่ต้นครับผมทำเพื่อพี่ ทำเพื่อเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่ต้นครับ ผมรักพี่นะครับ” ผมคาดว่าสิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ลม อย่างที่ผมบอกผมไม่ต้องการให้พี่รับรู้ แต่หากผมไม่ระบายออกมาผมคงต้องอกแตกตายแน่นอน ผมตัดสินใจยันตัวขึ้นประทับริมฝีปากลงที่หัวไหล่ของร่างบางช้าๆ
“ฝันดีนะครับ พี่ชายสุดที่รักของผม”
*
*
*
ผมว่าผมต้องฝันอีกแล้ว เมื่อคืนหลังจากที่ผมได้รับคำตอบที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากไอ้อ้วย ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมเจ็บปวด วินาทีแรกที่ผมได้ยินผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจนชาไปทั้งตัว ตอนนั้นความโกรธและความเสียใจมันเหมือนจะถาโถม กันเข้ามาพร้อมๆกัน แต่ก่อนที่ปากผมจะพูดอะไรออกไป สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือในดวงตาเรียวเล็กของคนตรงหน้า ฉายแววเศร้าอย่างชัดเจน นั้นเป็นสิ่งที่ทำความรู้สึกที่เกือบจะถาโถมเข้ามาเมื่อครู่ถูกหยุดไว้ราวกับแช่แข็ง คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว แต่ไม่มีคำถามไหนที่สามารถหลุดออกจากปากผมออกมาได้ ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรแล้วทำเป็นว่ากลับมาแกะเพลงต่อ ทั้งที่ข้างในใจเต็มไปด้วยคำถาม บางครั้งผมก็อยากมีพลังพิเศษ ผมอยากอ่านใจคนได้ ไม่ต้องทุกคนบนโลก ขอแค่ไอ้หมีตัวนี้ตัวเดียวก็พอ ตอนขึ้นมาถึงห้องนอนผมเห็นไอ้หมีมันอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงของผม ผมมันหันมาเห็นผมแววตาของมันฉายแววเศร้าอีกครั้ง ก่อนที่จะกลับไปนอนที่เดิมของมัน ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร ผมก็ได้แต่ล้มตัวลงนอน แล้วพยายามข่มตาตัวเองให้หลับ ถึงแม้ว่าจะมีคำถามมากมายขึ้นอยู่ในหัว สิ่งที่ผมต้องทำก็คือต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้เท่านั้นเอง แต่ผมรู้ว่าตัวเองหลับได้ไม่นาน ผมก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างที่สัมผัสได้อยู่ข้างๆ พร้อมกับเสียงกระซิบพึมพำที่แผ่วเบา จนผมแทบจะไม่ได้ยินอะไร แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้คือสัมผัสสุดท้ายที่หัวไหล่ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจลืมตาตื่นขึ้น สิ่งที่ผมเห็นกลับมีเพียงความว่างเปล่า ผมหันไปมองที่ริมสุดของเตียง ร่างใหญ่ยังคนนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ผมได้แต่ถอนหายใจให้ความฝันบ้าๆของตัวเอง แล้วล้มตัวลงนอนช้าๆ ข่มตาให้หลับอีกครั้ง โดยได้ภาวนาให้ความฝันเมื่อครู่ก่อตัวเป็นจริงสักครั้ง ผมตื่นมาได้สักพักแล้ว ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องน้ำ กำลังจ้องความโทรมของตัวเองในกระจก ขอบตาที่ดำคล้ำ ทำเอาผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนที่ตื่นผมไม่ลืมที่จะมองไปที่ริมสุดของเตียงอีกครั้ง ไอ้อ้วนยังคงนอนอยู่ที่เดิมของมัน ผมคงผิดเองที่หลงคิดไปว่ามันจะเดินกลับมากอดผมเหมือนวันอาทิตย์ ผมเริ่มล้างหน้าล้างตัวเอง เพื่อไล่เอาความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้หมด แต่ตอนนั้นเองผมสัมผัสถึงใครสักคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ทันทีผมหลังกลับไปดู ร่างของผมก็ถูกวงแขนใหญ่ๆกลืนเข้าไปในอ้อมกอดของใครบางคนที่ผมจำได้ดีเพราะความอบอุ่นแบบนี้ไม่มีทางเป็นใครไปนอกจากมัน หน้าผมซุกอยู่กับอกของมัน วงแขนของมันกระชับยิ่งขึ้น เหมือนไม่หมีใหญ่ที่เกาะต้นไม้ไว้เพราะกลัวตก ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของมัน รวมถึงผม ผมกอดตอบมันอย่างที่เราเคยทำกันเป็นประจำแต่ครั้งผมไม่ได้คิดไปเองใช้ไหมว่ามันแฝงความหมายมากกว่าทุกครั้ง
“ผมขอโทษ” แม้จะเป็นน้ำเสียงของมันจะเบาๆแค่ไหน แต่มันก็ชัดเจนอยู่ในความรู้สึกผม สิ้นคำพูดมันปล่อยตัวผมก่อนจะเกิดเข้าห้องน้ำด้านในไป ผมได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้ความคิดหลายๆอย่างวิ่งวนอยู่ในหัว คำถามในใจผมไม่ได้ลดลง แต่ผมกลับรู้สึกว่าคำถามพวกนั้นความจริงไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อ ไม่ว่าไอ้หมีจะคิดอะไร หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้มันแบบนี้ ผมก็เชื่อในตัวมัน อย่างน้อยอ้อมกอดของมันก็คงไม่ทำให้ผมคิดไปเองว่า ถึงแม้จะมีความเปลี่ยนแปลงระหว่างเรา แต่สิ่งที่จะไม่มีทางเปลี่ยนไปก็คือ ความรัก ความผูกผันที่ผมและมันจะมีให้กันตลอดไป
Writer Talk : ตอนนี้ต้องขอบพระคุณ ครูหมี เป็นอย่างมากที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียน เพราะข้อความที่ครูหมีได้โพสในสตูนั้นทำให้ผมเข้าใจอะไรได้มาก ขออนุญาติเอาข้อความบางส่วนจากคุณครูมาร้อยเรื่องราวเป็นตอนที่ได้อ่านไปนี้ ผมเองก็เชื่อเหมือนกันว่าไม่ว่าอะไรจจะเกิดขึ้น สิ่งที่อยู่ในใจของคนทั้งสองคนต้องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน Love Jame Love P’Ton Love Studio 9*10 ครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น