ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Reborn] Lonely 1886

    ลำดับตอนที่ #5 : ความรู้สึก

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 64


    ตอนที่ 5

    - ความรู้สึก -

     

     

    16.00 น.

     

    ณ บ้านของวองโกเล่รุ่นที่ 10 หรือบ้านของ ‘ซาวาดะ สึนะโยชิ’ บ้านสองชั้นธรรมดาที่พบเจอได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น เสียงดังที่ลอดออกมาจากภายในห้องนั่งเล่น ทำให้คนที่ได้ยินพอนึกภาพตามได้เลยว่าในนั้นน่าคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย ฮารุกับเคียวโกะยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ก่อนที่มือเล็กของฮารุจะเอื้อมไปกดกริ่ง ไม่นานเกินรอประตูหน้าบ้านก็เปิดออก

     

    “มาแล้วหรอฮารุ อ้ะ! เคียวโกะจังก็มาพร้อมฮารุเลยหรอ”

     

    ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่สูงกว่าเธอไม่มากนักออกมาต้อนรับ ใบหน้าของสึนะฉายแววตกใจแวบหนึ่งที่เห็นสาวน้อยทั้งคู่ ใบหน้าของเขาระเรื่อสีนิดๆ ท่าทีดูประหม่ากว่าปกติ

     

    ตอนแรกฮารุเข้าใจว่าที่คุณสึนะประหม่า เป็นเพราะไม่คิดว่าฮารุกับเคียวโกะจังจะมาพร้อมกัน

     

    แต่ฮารุเพิ่งมารู้ทีหลัง ว่าจริงๆแล้วความรู้สึกของคุณสึนะน่ะ…

     

    .

    .

    .

     

    “พอดีเราสองคนแวะไปแต่งตัวที่บ้านฮารุมาค่า ก็เลยมาด้วยกันเลย”

     

    เสียงใสตอบคำถามคนตรงหน้า ใบหน้าร่าเริง หัวใจของสาวน้อยที่พองโตอยู่ในทรวงอกหลังจากได้เจอหน้าชายหนุ่มสุดที่รักของเธอ เคียวโกะเองก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำตอบของฮารุ

     

    “อ่อ มิน่าล่ะ… เข้ามาเลยสิเคียวโกะจัง ฮารุ ทุกคนมารอหมดแล้วล่ะ”

     

    สึนะเชิญชวนสาวน้อยทั้งสองเข้าไปในบ้าน ก่อนจะพาทั้งคู่เดินไปทางห้องนั่งเล่นที่ทุกคนมารวมตัวกัน ห้องนั่งเล่นขนาดไม่ใหญ่มาก มีโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง โต๊ะสี่เหลี่ยมที่มีเค้กและของกินวางอยู่ละลานตา ภายในห้องถูกประดับด้วยลูกโป่งและริบบิ้นสีขาวสลับเหลือง ฮารุยังจำสีหน้าทุกคนในวันนั้นได้ดี

     

    คุณยามาโมโตะที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง กำลังเถียงอะไรสักอย่างอยู่กับคุณโกคุเดระ พอประตูเปิดออกทั้งสองคนก็หันมามองทางพวกเธอ คุณโกคุเดระสีหน้าประหม่าเล็กๆ น่าจะเพิ่งเถียงอะไรสักอย่างแพ้คุณยามาโมโตะแน่ๆ ส่วนคุณยามาโมโตะก็ยิ้มให้พวกเธอตามแบบฉบับของเขา

     

    คุณเบียงกี้ที่สวมหน้ากากปิดครึ่งหน้านั่งอยู่บนโซฟา หันมาทักทายพวกเธอด้วยรอยยิ้มที่ฮารุเองยังหลงสเสน่ห์ แรมโบ้กับอี้ผิงกำลังเพลิดเพลินกับขนมในจาน ท่าทางที่กินขนมอย่างเอร็ดอร่อย จนคุณแม่ของคุณสึนะต้องคอยห้ามไม่ให้เด็กทั้งสองคนทะเลาะแย่งขนมกัน

     

    คุณรีบอร์นเองก็ไม่อยู่แล้ว คุณสึนะคงจะเหงาน่าดู

     

    “อ้าว เจ้าของวันเกิดมาแล้วล่ะ เข้ามาเลยจ๊ะฮารุจัง”

     

    เสียงอ่อนโยนของ ‘ซาวาดะ นานะ’ เอ่ยขึ้นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจัดแจงหาที่นั่งให้ผู้เข้ามาใหม่ทั้งสอง สึนะค่อยๆเดินไปตรงกลางห้อง ก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเค้กวันเกิด

     

    “เอาล่ะ ทุกคนมากันครบแล้ว…”

     

    เจ้าภาพกล่าวเปิดงาน สายตาของฮารุมองไปที่สึนะ ในใจเต้นตึกตัก ช่วงหลายปีมานี้ชายหนุ่มที่เธอแอบชอบโตขึ้นมาก เธอหลงรักในความอ่อนโยนของเขา ถึงแม้ว่าตอนที่เขาและเธอรู้จักกันแรกๆ สึนะอาจจะไม่ใช่คนที่พึ่งพาได้มากเท่าไร แต่เหตุการณ์หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นก็หล่อหลอมให้วองโกเลรุ่นที่สิบ กลายเป็นผู้นำที่สามารถปกป้องคนอื่นได้อย่างเต็มตัว ตัวเขาในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอหลงรักมากขึ้นไปอีก

     

    “วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 18 ปีของฮารุ พวกเราก็รู้จักกันมาน่าจะเกือบ 5 ปีได้แล้วเนอะ ใช่ไหมฮารุ?”

     

    “ใช่แล้วค่าคุณสึนะ”

     

    ฮารุตอบด้วยพลังงานที่เปี่ยมล้น ในใจเบิกบานเป็นอย่างมาก

     

    “พวกเราทุกคนก็ผ่านเรื่องต่างๆมามาก ฉันเลยคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว…”

     

    สึนะพูด ก่อนจะเว้นประโยคไปสักพัก ท่าทางเหมือนกำลังลังเลว่าจะพูดประโยคถัดไปดีไหม

     

    “คุณสึนะจะรับรักฮารุแล้วใช่ไหมคะ?”

     

    เธอถามขึ้นด้วยเสียงร่าเริง คำพูดทีเล่นทีจริงของเธอทำให้ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ถึงแม้ว่าทุกคำที่เธอพูดจะหมายความตามนั้นก็เถอะ

     

    “ฮ่าๆ ฮารุนี่ยังร่าเริงเหมือนเดิมเลยเนอะ”

     

    เสียงของยามาโมโตะที่พูดขึ้นอย่างสบายๆ

     

    “นี่หล่อนยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีกหรอห้ะ!”

     

    โกคุเดระแขวะเบาๆ

     

    “แหม… เด็กสาวที่มีความรักนี่ช่างน่าอิจฉาจริงๆ”

     

    เบียงกี้พูดชื่นชมสาวน้อยที่ตกอยู่ในห้วงความรัก

     

    “ฮารุน่ะนิสัยดีจะตาย ไม่เหมาะกับสึนะจอมห่วยหรอก แบร่”

     

    เสียงของแรมโบ้พูดขึ้น อี้ผิงที่ปกติมักจะทะเลาะกับแรมโบ้ก็ดันพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย

     

    “ทุกคนอย่าแซวเจ้าของวันเกิดเยอะสิจ๊ะ ฮารุจังหน้าแดงหมดแล้วเห็นไหม”

     

    เสียงของผู้เป็นแม่ปรามทุกคนลง ก่อนที่สาวน้อยเจ้าของวันเกิดจะโดนแซวไปมากกว่านี้

     

    ฮารุตอนนี้หน้าระเรื่อขึ้นเล็กน้อย แววตาอมยิ้มอย่างเห็นได้ชัด เธอหัวเราะคิกคักให้กับคำพูดของทุกคน ในใจรู้สึกอบอุ่นที่ทุกคนให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดี ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะเก็บภาพความทรงจำในตอนนี้ให้คงอยู่ตลอดไป

     

    “เอ่อ… ฉันขอพูดต่อนะ”

     

    สึนะเอ่ยขึ้นด้วยความลังเลเนื่องจากเมื่อครู่เขาโดนขัดจังหวะด้วยคำพูดของคนอื่นๆที่อยู่ในห้อง สีหน้าเขายังมีความลังเลอยู่ ราวกับว่าเรื่องที่เขาจะพูดต่อไป อาจจะทำให้ฮารุลำบากใจเป็นอย่างมาก

     

    “วันนี้ฮารุก็อายุครบ 18 ปีแล้ว ฉันเลยคิดว่าเธอน่าจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง…”

     

    ประโยคคำพูดของชายหนุ่มที่ยังคงเกริ่นต่อไป เรียกความสนใจจากทุกคนในห้องว่าประโยคที่เขาต้องเกริ่นนำยาวนานขนาดนี้ สึนะตั้งใจจะพูดอะไรกับฮารุกันแน่

     

    “ฉันคิดว่า เอ่อ…”

     

    “…”

     

    “ฮารุ… เธออยากมาทำงานกับวองโกเล่แฟมิลี่ไหม?”

     

    ทั้งห้องเงียบลงฉับพลัน บรรยากาศเย็นลงแบบที่ทุกคนในห้องสามารถสัมผัสได้ไม่ยาก ในใจของโกคุเดระกับยามาโมโตะคิดอะไรฮารุก็ไม่อาจรู้ได้ เธอรู้แค่ว่าสีหน้าเขาเปลี่ยนไป สีหน้าที่ดูจริงจังกว่าเมื่อสักครู่อย่างมาก เบียงกี้เองก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะเป็นคนที่พูดทำลายบรรยากาศตึงเครียดนี้

     

    “ได้เวลาตัดสินใจแล้วล่ะสาวน้อย ว่าจะทุ่มเทพลังแห่งรักให้กับบอสของวองโกเล่ไหม?”

     

    ประโยคของเบียงกี้ที่ช่วยขยายความหมายประโยคของสึนะอีกที

     

    ฮารุไม่เข้าใจว่า ทำไมทุกคนถึงต้องทำหน้าตาเครียดแบบนั้น ไม่ใช่ว่าสึนะกำลังจะชวนเธอมาเป็นครอบครัวเดียวกันหรอกเหรอ เรื่องแบบนั้นมันน่ากลัวขนาดไหนกันนะ

     

    ก่อนที่บรรยากาศจะตึงเครียดไปมากกว่านี้ สึนะเลยรีบอธิบายออกมา

     

    “ไม่ได้หมายความว่าให้ทุ่มเทเพื่อฉันนะฮารุ ฉันหมายถึงว่าพวกเราก็รู้จักกันมานานแล้ว เธอเองก็เคยร่วมเป็นร่วมตายมากับพวกเรา เอ่อ… แต่ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไรนะฮารุ ฉันเข้าใจว่าโลกของมาเฟียมันอันตราย”

     

    สึนะเริ่มลังเลในคำชวนของเขาอีกรอบ ก่อนจะพยายามอธิบายเหตุผลเพิ่ม

     

    “ฉันในฐานะบอสถ้าไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องนี้ก่อน ก็คงไม่มีใครกล้าเอ่ยปากชวนแหละนะ ฮ่าๆ”

     

    ชายหนุ่มหัวเราะแก้เขินเล็กๆ มือเกาท้ายทอยด้วยความประหม่า ก่อนที่เสียงใสของสาวน้อยจะดึงความสนใจเขาไป

     

    “ทำค่ะ! ฮารุจะทำงานให้วองโกเล่ค่ะ”

     

    เสียงใสตะโกนออกมาด้วยความแน่วแน่ สายตาของสาวน้อยมุ่งมั่นอย่างเห็นได้ชัด

     

    ‘นี่เป็นโอกาสที่ฮารุจะได้ช่วยคุณสึนะจริงๆสักที’

     

    เธอเองก็รอโอกาสนี้มานาน รอที่จะให้สึนะเป็นคนเอ่ยปากชวนก่อน ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย เธอเข้าใจมาตลอดว่าวองโกเล่แฟมิลี่คงไม่ได้มีงานอะไรที่เหมาะกับเธอ

     

    แต่ตอนนี้สึนะพูดขึ้นมาเอง แสดงว่าคงจะมีงานที่เหมาะกับเธออยู่บ้างสินะ

     

    สึนะหันมามองเธอด้วยสายตาแปลกใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าฮารุจะตอบรับด้วยความมุ่งมั่นขนาดนั้น สีหน้าแปลกใจค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่น แววตาแฝงด้วยความอ่อนโยน

     

    “ถ้าอย่างนั้น… สุขสันต์วันเกิดนะฮารุ แล้วก็ยินดีต้อนรับเข้าสู่วองโกเลแฟมิลี่”

     

    ชายหนุ่มพูดด้วยแววตายินดี ก่อนที่บรรยากาศในห้องจะกลับมาครื้นเครงอีกครั้งหนึ่ง

     

     

    ------------------------------------------

     

     

    งานเลี้ยงภายในบ้านของวองโกเลรุ่นที่สิบผ่านไปเนิ่นนาน อาหารบนโต๊ะเริ่มร่อยหลอลงไป เค้กที่ถูกตัดแบ่งอย่างดีบัดนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้น ฮารุนั่งอยู่ข้างๆแรมโบ้กับอี้ผิง เด็กวัย 10 ปีทั้งสองคนชวนฮารุคุยเล่นตลอดเวลา

     

    “สึนะให้ของขวัญวันเกิดเธอไปแล้ว ถัดไปก็ของขวัญวันเกิดจากฉันล่ะนะ”

     

    เสียงเปี่ยมเสน่ห์ของเบียงกี้พูดขึ้น ของขวัญที่สึนะให้คงหมายถึงการได้เป็นส่วนหนึ่งกับแฟมิลี่สินะ

     

    หญิงสาวผมสีม่วงอ่อนหยิบกล่องของขวัญเล็กๆออกมาก่อนจะยื่นให้ฮารุ สาวน้อยรับมาก่อนจะเปิดกล่องของขวัญนั้นออก ข้างในมีลิปสติกแท่งเล็กหรูหรา ดูจากวัสดุแล้วน่าจะแพงมาก ของขวัญสมกับเป็นของจากคุณเบียงกี้จริงๆ

     

    “ขอบคุณค่ะคุณเบียงกี้ ฮารุเดาว่าลิปสติกอันนี้ต้องแพงมากแน่ๆเลย”

     

    เบียงกี้ยิ้มให้กับคำพูดของสาวน้อย

     

    “ฉันก็มีของขวัญให้ฮารุจังเหมือนกันนะ”

     

    เสียงใสของเคียวโกะพูดขึ้นก่อนจะหยิบถุงกระดาษที่ถูกห่ออย่างประณีตออกมา มือเล็กยื่นของในมือให้กับเพื่อนรักของเธอตรงหน้า

     

    “ขอบคุณค่ะเคียวโกะจัง กระดาษห่อน่ารักมากเลยค่า”

     

    กระดาษลายทางสีฟ้าสลับขาว ผูกทับด้วยริ้บบิ้นสีเหลือง ขนาดพอๆกับมือเล็กของเธอ ฮารุค่อยๆแกะมันออกอย่าระมัดระวัง ภายในนั้นมีต่างหูเล็กๆ จี้ของมันเป็นรูปหัวใจสีขาว

     

    “ว้าว น่ารักจังเลย”

     

    เธอเอ่ยชมอย่างตื่นเต้น สายตาเป็นประกาย

     

    “นี่ ฮารุ… คุณแรมโบ้ก็มีของขวัญให้นะ”

     

    เด็กน้อยผมสีดำฟูในเสื้อยืดลายวัวค้นในกระเป๋ากางเกงของตน ก่อนจะยื่นลูกอมแท่งเล็กออกมาให้เจ้าของวันเกิดตรงหน้า

     

    “ขอบคุณนะจ๊ะ แรมโบ้จัง”

     

    ฮารุยิ้มให้แรมโบ้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะลูบหัวเด็กชายเบาๆ

     

    “อี้ผิงเอง ก็มีของขวัญให้ฮารุเหมือนกันนะ”

     

    เด็กหญิงในชุดจีนไม่ยอมน้อยหน้าคู่แข่ง เธอค้นในกระเป๋าครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเหรียญโลหะสีทองที่มีเชือกแดงคล้องอยู่ออกมา

     

    “เครื่องรางอันนี้ อี้ผิงให้ฮารุ”

     

    ฮารุรับของตรงหน้ามาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลูบหัวสาวน้อยเบาๆ

     

    “ขอบคุณนะอี้ผิงจัง”

     

    เธอยิ้มให้กับบรรยากาศตรงหน้าที่ทุกคนเอาใจใส่เธอ บรรยากาศที่อบอุ่นราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน

     

    “ว้า… ทุกคนมีของขวัญกันหมดเลย ฉันไม่ได้เตรียมมาแฮะ ขอโทษนะฮารุ”

     

    เสียงเศร้าๆของยามาโมโตะดังขึ้น เรียกความสนใจจากฮารุให้หันไปมอง

     

    “โกคุเดระ นายก็เตรียมของขวัญมาให้ฮารุเหมือนกันใช่ไหม ฮ่าๆ”

     

    ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณโยนความสนใจจากคนในห้องไปทางชายหนุ่มผมสีเงินแทน

     

    “ให้ตายฉันก็ไม่เตรียมของขวัญให้ยัยนั่นหรอกนะ”

     

    เสียงโวยวายของเขาดังขึ้น เจ้าของวันเกิดยิ้มเล็กๆ ขำในความตลกของทั้งสองคนที่ประหม่าอย่างมาก การที่ไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดมาโดยที่คนอื่นเตรียมมาหมด ก็คงจะรู้สึกเขินมากๆแหละนะ

     

    ไหนๆวันนี้เธอก็มีความสุขมาก เธอจะช่วยชีวิตทั้งสองคนละกัน

     

    “แค่ทุกคนมางานวันเกิดฮารุ ฮารุก็ดีใจมากๆแล้วค่า ขอบคุณทุกคนนะคะ”

     

    เสียงใสพูดขึ้น ทำให้บรรยากาศในห้องกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองคนประหม่าลดลงอย่างเห็นได้ชัด เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศในงานวันเกิดตอนนี้เป็นอย่างมาก นี่คงเป็นงานวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตเธอแล้วล่ะ

     

    จนไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มที่เธอหลงรัก กับเพื่อนสาวคนสนิทของเธอไม่ได้อยู่ในห้องตอนนี้

     

    ดวงอาทิตย์ภายนอกเริ่มคล้อยต่ำลง แสงที่ทอเข้ามาในห้องยามนี้ขับให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง เค้กวันเกิดในมือของเธอค่อยๆหมดลงไป

     

    “ฮารุ คุณแรมโบ้หิวน้ำล่ะ”

     

    เสียงของเด็กน้อยที่นั่งข้างเธอบอกกับเธอ ฮารุมองดูด้วยความเอ็นดู

                

    “ฮารุเองก็คอแห้งเหมือนกัน เดียวฮารุแวะเข้าไปในครัวแปปนึงนะ”

     

    เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาใหญ่กลางห้อง เดินไปเปิดประตูเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องครัว ร่างเล็กเดินไปตามทางพร้อมกับฮัมเพลงในใจด้วยความสุข พลันได้ยินเสียงคนคุยกันดังลอดออกมาจากห้องครัว

     

    “เคียวโกะจัง เอ่อ…”

     

    เสียงคุณสึนะนี่นา น่าจะอยู่กับเคียวโกะจัง ตอนแรกเธอตั้งใจจะเดินเข้าไปทักคนทั้งคู่ก่อนจะหยุดความคิดนั้นหลังได้ยินประโยคถัดไป

     

    “วันนี้เคียวโกะจังสวยมากๆ เลยล่ะ”

     

    น้ำเสียงอบอุ่นของเขาที่ฮารุไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าก็พอนึกภาพออกว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังทำสีหน้าแบบไหน ขาเรียวที่ก้าวอยู่หยุดชะงักทันที

     

    “ขอบคุณจ่ะ”

     

    เสียงของเคียวโกะลอดออกมา น้ำเสียงที่ไม่ได้ดูมีอะไรเป็นพิเศษ

     

    “เอ่อ… ฉันพูดจริงๆนะ ชุดสีเหลืองวันนี้เข้ากับเคียวโกะจังมากเลย”

     

    ฮารุใจกระตุกวูบ เหมือนโดนมีดแทงเข้าที่หัวใจ

     

    “อ๋อ อันนี้ชุดฮารุจังนะจ่ะ ฉันยืมมาใส่อีกที วันนี้เราสองคนลองสลับลุคกันดูน่ะ”

     

    “อ่าวหรอ… แหม ฉันไม่ทันสังเกตเลย ฮ่าๆ”

     

    เสียงหัวเราะแห้งๆของสึนะ ที่ฮารุเดาได้ไม่ยากว่าท่าที่ของเขาคงจะประหม่าเป็นอย่างมาก เสียงของเคียวโกะเองก็ไม่ได้ดูมีอะไรพิเศษ ในใจของฮารุตอนนี้เต้นถี่รัว ความรู้สึกหวิวจนสมองแทบขาวโพลน

     

    เสื้อตัวนั้นเธอเคยใส่หลายครั้ง สึนะเองก็เคยเห็น แต่เขากลับจำไม่ได้

     

    .

    .

    .

     

    อ่อ…

     

    ฮารุเข้าใจแล้วล่ะ

     

    คุณสึนะไม่ได้ชอบ ‘ผู้หญิงหวานๆแบบเคียวโกะจัง’ สินะ

     

    คุณสึนะชอบ ‘เคียวโกะจัง’ ต่างหาก

     

    .

    .

    .

     

    สาวน้อยที่ตอนแรกตั้งใจจะเดินเข้าไปในครัวเปลี่ยนใจเดินกลับออกมา ร่างเล็กกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอตีหน้าป่วยเล็กๆก่อนจะบอกทุกคนว่าเธอปวดท้อง สงสัยอาหารจะไม่ย่อย แล้วขอตัวกลับก่อน

     

     

    ------------------------------------------

     

     

    บนสะพานข้ามแม่น้ำในเมืองนามิโมริ ร่างเล็กของสาวน้อยในชุดสีขาวยืนอยู่ น้ำตาหยดเล็กๆที่เอ่อขึ้นตามขอบดวงตาคู่สวย สะท้อนกับพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินเบื้องหน้า เธอยืนนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย

     

    ตอนแรกตั้งใจว่าจะเดินกลับบ้านเลย แต่ถ้าร้องไห้แบบนี้ คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอคงเป็นห่วงน่าดู เธอเลยเลือกที่จะสงบจิตใจของตัวเองก่อน แล้วค่อยกลับบ้านอีกที

     

    ในหัวของฮารุเล่นย้อนภาพความทรงจำต่างๆระหว่างเธอกับสึนะ เธอค่อยๆพิจารณาแต่ละเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง

     

    บางอย่างที่เธอคงรู้ดี แต่ปฏิเสธมาโดยตลอด

     

    ‘คุณสึนะชอบเคียวโกะจังจริงๆแหละเนอะ’

     

    เธอสรุปความคิดกับตัวเองอีกครั้ง ถ้าคิดพิจารณาจากเหตุการณ์ทุกอย่าง มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นเธอเองที่ไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กๆเหล่านั้น เธอเพิ่งนึกออกว่ารอยยิ้มและแววตาของสึนะตอนมองเคียวโกะนั้นแตกต่างจากที่เขามองคนอื่นอย่างมาก

     

    ถ้าแบบนั้น เธอก็ยิ่งไม่ควรทำให้เขาทั้งคู่ลำบากใจ เธอควรจะเป็นคนถอยสินะ

     

    ร่างเล็กยังคงคิดวนเวียนอยู่ในหัวของตัวเอง ยังไม่ได้บทสรุปที่แน่ชัด ขาข้างหนึ่งของเธอก็ดันก้าวล้ำไปแล้ว เธอตอบตกลงที่จะทำงานให้กับวองโกเลแฟมิลี่ ส่วนขาอีกข้างยังอยู่ที่เดิม คือความรู้สึกที่เธอเริ่มไม่มั่นใจว่าควรจะแสดงความรักให้เขาเห็นหรือหยุดแค่นี้ดี ก่อนที่เสียงจากข้างหลังจะดังขึ้นเรียกให้เธอหลุดออกจากภวังค์

     

    “ยัยบ้า ไหนบอกปวดท้องจะรีบกลับบ้านไง”

     

    คนปากเสียที่คำพูดมาก่อนตัวเรียกสติเธอ เธอหันไปทางเขาโดยที่ลืมว่าน้ำตายังอาบอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง

     

    “เห้ย! ร้องไห้ทำไมเนี่ย ใครทำอะไรเธอ”

     

    เสียงโวยวายของเขา ใบหน้าของชายหนุ่มที่ฉายแววความตกใจอย่างเห็นได้ชัด แววตาสีมรกตมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ

     

    “บอกมา เดี๋ยวฉันไประเบิดมันทิ้งให้”

     

    ฮารุคิดในใจ เขาคงไม่รู้ว่าคนที่เขาจะไประเบิดให้นั้นก็คือชายหนุ่มที่เขาเคารพอย่างสุดหัวใจนั่นแหละ พอคิดได้ดังนั้นเธอก็นึกตลกในใจเล็กๆ ก่อนจะยิ้มออกมา

     

    “ฮ่าๆ คุณโกคุเดระตลกจังเลยนะคะ”

     

    เสียงใสของเธอพูดกับเขา แววตายังคงสั่นเครือ

     

    “ตลกบ้าอะไรล่ะ สรุปเธอเป็นอะไรกันแน่ห้ะ!”

     

    ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น ‘ศัตรูหัวใจ’ ที่คอยขัดขวางเธอตลอดเวลา แต่ว่าอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ความเป็นห่วงต้องมีอยู่บ้างเป็นเรื่องปกติ

     

    “ฮารุหักอกตัวเองน่ะค่ะ”

     

    “ห้ะ!”

     

    เขาอุทานอย่างงงุนงง ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อเท่าไร เหมือนฮารุสัมผัสได้เธอเลยอธิบายเพิ่ม

     

    “ฮารุเพิ่งรู้น่ะค่ะ ว่าคุณสึนะชอบเคียวโกะจัง”

     

    ได้ยินแบบนั้นโกคุเดระก็โล่งใจขึ้น นึกว่ามีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้เกิดขึ้น ถ้าเป็นเรื่องนี้เขารู้อยู่แล้วว่ารุ่นที่สิบชอบซาซางาวะ แค่ว่าฮารุคงจะเพิ่งรับรู้แหละนะ ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไร ก็มีอีกเสียงจากข้างหลังดังขึ้นเรียกให้คนทั้งคู่หันไปมอง

     

    “อ้าว… ทั้งสองคนยังไม่กลับบ้านอีกหรอ ฮ่าๆ”

     

    เสียงอารมณ์ดีของยามาโมโตะทักทั้งสองคนโดยที่ไม่ได้ดูบรรยากาศตรงหน้าเลยสักนิด ชายหนุ่มอารมณ์ดีเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของฮารุ

     

    “ฮารุร้องไห้ทำไม โดนโกคุเดระแกล้งหรอ”

     

    เขาสรุปเหตุการณ์ตรงหน้าตามความคิดของตัวเองอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้โกคุเดระปวดหัวแทบจะระเบิด ก่อนจะลากคอเพื่อนร่วมชั้นเรียนของตัวเองออกไป เว้นระยะห่างจากสาวน้อย

     

    “นายมานี่ก่อน ไอ้บ้าเบสบอล”

     

    ประโยคสุดท้ายที่ฮารุได้ยินชัดเจน ก่อนที่ทั้งสองคนจะไปคุยกันไกลๆห่างจากเธอ สีหน้าของคุณโกคุเดระดูรำคาญและหงุดหงิด ส่วนคุณยามาโมโตะก็ตั้งใจฟัง ไม่เหมือนทะเลาะกันเท่าไร ฮารุมองเห็นคุณยามาโมโตะพูดตอบกลับบ้าน คุณโกคุเดระที่ดูเหมือนเถียงกลับ เธอไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน

     

    ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาทางสาวน้อย น้ำตาในตอนนี้ของเธอแห้งไปแล้ว นั่นเป็นเพราะความสนใจของเธอถูกทั้งสองคนดึงเอาไว้ เธอเลยคิดถึงเรื่องของสึนะน้อยลง

     

    “โกคุเดระเล่าให้ฉันฟังแล้วล่ะ”

     

    เป็นยามาโมโตะที่พูดขึ้นก่อน

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฮารุสบายมาก”

     

    เธอตอบกลับให้เขารู้สึกสบายใจ เดาเอาเองว่าเขาน่าจะรู้สึกผิด

     

    “ฉันกับโกคุเดระยังไม่ได้ให้ของขวัญเธอเลยนิเนอะ ฮ่าๆ”

     

    เสียงร่าเริงของยามาโตะพูดขึ้น ประโยคของเขาเรียกความสนใจจากฮารุได้เป็นอย่างดี

     

    “ไม่เข้าท่าหรอกน่า ความคิดเชยๆแบบนั้น”

     

    โกคุเดระพูดขึ้น ฮารุเดาว่าคงจะเกี่ยวกับเรื่องที่ทั้งสองคนคุยเมื่อกี้สินะ

     

    “เดี๋ยวพวกฉันพาไปที่ๆนึง”

     

    สิ้นเสียงของยามาโมโตะ ร่างสูงของชายหนุ่มนักกีฬาก็เดินนำทั้งสองคนไปยังจุดหมายที่เขาพูดถึง

     

     

    ------------------------------------------

     

     

    ทั้งสามคนยืนอยู่หน้าร้านตัดผมเล็กๆ ฮารุไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าทำไมทั้งสองคนพาเธอมาที่แห่งนี้ เหมือนยามาโมโตะเดาได้ เขาจึงพูดขึ้นก่อน

     

    “สาวน้อยอกหัก ก็ต้องตัดผมสิเนอะ”

     

    ประโยคของเขาที่ทำให้ฮารุพอจะปะติดปะต่อความคิดได้มากขึ้น

     

    “ฉันบอกแล้วว่าความคิดนี้ไม่เข้าท่า นายไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกันนะ…”

     

    โกคุเดระพูดด้วยความระอา เขาเองก็ตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในความคิดเห่ยๆนี้ สมกับเป็นความคิดของไอ้บ้าเบสบอลจริงๆ ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันสักนิด

     

    ดวงตาสวยของฮารุมองป้ายหน้าร้าน ในหัวของเธอคิดตามสิ่งที่ยามาโมโตะพูด

     

    “นั่นสินะคะ”

     

    กลายเป็นเธอยอมรับความคิดนี้อย่างง่ายดายจนโกคุเดระตกใจ ชายหนุ่มผมเงินถอนหายใจยาว ทั้งสามคนเดินเข้าไปในร้านก่อนที่สาวน้อยจะนั่งลงบนเก้าอี้ เธอมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเองในกระจกตรงหน้า คุณลุงช่างตัดผมค่อยๆเดินลากอุปกรณ์เข้ามาใกล้ๆ แต่ยังไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของทั้งสามคนตรงหน้า

     

    “อกหักแล้วก็ต้องตัดผมแหละเนอะ ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ไง ฮ่าๆ”

     

    ยามาโมโตะพูดด้วยเสียงร่าเริง ให้กำลังใจสาวน้อยเต็มที่

     

    “เสี่ยวเป็นบ้า…”

     

    โกคุเดระพูดเบาๆ แต่ยามาโมโตะได้ยินชัดเจนก่อนจะห้ามปราม

     

    “ฮ่าๆ ไม่เอาน่าโกคุเดระ วันนี้เป็นวันของฮารุนะ”

     

    เสียงของเขาห้ามปรามเพื่อนของตัวเอง จริงๆแล้วสองคนนี้อาจจะสนิทกันมากกว่าที่ฮารุคิดก็ได้ โกคุเดระแสดงสีหน้ารำคาญออกมา คงจะรำคาญคำพูดของยามาโมโตะแหละนะ

     

    “เออๆ ก็ได้ ฉันจะยอมยัยนี่วันนึง งั้นฉันอวยพรก่อนเลยนะ… ขอให้เธอลืมรุ่นที่สิบให้ได้”

     

    เขาพูดสั้นๆ กระชับ ฮารุขำให้กับความเก้ๆกังๆของชายหนุ่มผมเงินที่มักจะทะเลาะกับเธอเป็นประจำ

     

    “ส่วนฉันก็… อวยพรให้เธอเจอรักครั้งใหม่ละกัน”

     

    ยามาโมโตะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ

     

    ถึงอย่างนั้นฮารุก็สัมผัสได้ถึงความหวังดีของทั้งสองคน

     

    ของขวัญของพวกเขา คือ คำอวยพรให้อนาคตเธอมีความสุข

     

    .

    .

    .

     

    นั่นสินะ… เริ่มต้นใหม่ดีกว่าฮารุ

     

    .

    .

    .

     

    “เอาเป็น ผมสั้นเลยค่ะ”

     

    เสียงหวานเอ่ยบอกกับช่างตัดผมวัยกลางคน เขาก้มตัวเล็กน้อยเป็นเชิงรับทราบก่อนจะหยิบกรรไกรคมขึ้นมา ค่อยๆบรรจงตัดเส้นผมสีน้ำตาลยาวของเธอ

     

    เส้นผมสีน้ำตาลที่ร่วงหล่นลงบนพื้น ราวกับตัวตนในวัยเด็กของเธอที่ไม่มีวันหวนคืน

     

    ลาก่อน… เส้นผมสีน้ำตาลยาวของเธอ

     

    ลาก่อน… ชีวิตวัยเยาว์อันสดใส

     

    ลาก่อน… ความรักครั้งแรกที่ไม่มีวันเป็นจริง

     

     

    ------------------------------------------

    ------------------------------------------

     

     

    13 ก.ย. 2564

    ช่วงนี้ไรท์เริ่มว่างแล้วค่า ประมาณ 2 สัปดาห์นี้จะมาอัพให้รัวๆเลย บทนี้ยังมีอะไรอีกเยอะต้องรอติดตาม อิ้อิ้ รี้ดคงอยากถามว่าทำไมไรท์ไม่อัพ 100% ทีเดียว 555 ปกติไรท์อัพ 10-20% ก่อน เพราะจะได้เป็นการเร่งให้ตัวเองรีบมาเขียนต่อ ไม่อยากให้รี้ดรอแต่ละตอนนานเกินไป <3

    ว่างๆเดี๋ยวไรท์จะกลับไปแก้คำผิดตอนก่อนๆให้นะคะ ตอนนี้น่าจะอัพครบ 100% ภายในสัปดาห์นี้แหละค่า

     

    15 ก.ย. 2564

    ไม่รู้ว่าทุกคนเดากันถูกมั้ยว่าเหตุการณ์จะมาแบบนี้ 555 พล้อตตอนนี้ทำไรท์มูฟออนจากโกคุเดระไม่ได้ เลยไปเปิดฟิค 5986 เรื่องใหม่แล้วค่ะ (//รี้ดตบ) เรื่องนั้นไม่ดีเทลเท่าเรื่องนี้ค่ะ เน้นสบายๆ ฟิค 1886 อันนี้ดีเทลเยอะ ไรท์มึนไปหมดค่ะบางทีเลยมาอัพช้า พยายามเก็บรายละเอียดไม่ให้หลุด

    ฝากฟิค 5986 ไม่สั้นไม่ยาวค่ะ อิ้อิ้

    [Reborn] Let Me Love You 5986

    ชื่อเรื่องมาจากเพลง Let Me Love You ของ DJ Snake, Justin Bieber ตามนั้นเลยค่ะ 555 ชอบคำนี้อ่ะทำไงได้ ความรักของโกคุมันต้องฟีล EDM หน่อยๆเนอะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×