ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Reborn] Lonely 1886

    ลำดับตอนที่ #2 : ความเงียบ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 64


    ตอนที่ 2

    - ความเงียบ -

     

     

    แกร๊ง!

     

    เสียงของโลหะกระทบกับกระจกปลุกให้ ฮิบาริ เคียวยะ ตื่นขึ้นจากภวังค์ ร่างสูงที่นอนเหยียดอยู่บนโซฟาตัวยาวภายในห้องส่วนตัว ใบหน้ายังคงนิ่งสงบดังเดิมถึงแม่ว่าจะรู้สึกตัวแล้วก็ตาม ดวงตาสีนิลเหลือบไปมองบนโต๊ะกระจกที่วางขนานอยู่กับโซฟาที่มาของเสียงสักครู่

     

    นกน้อยตัวสีเหลืองเกาะอยู่บนพื้นกระจกที่ดูแล้วไม่น่าจะมั่นคงเท่าไหร่สำหรับตัวมัน ข้างๆมีแหวนของผู้พิทักษ์เมฆาวางอยู่ เดาได้ไม่ยากว่าเจ้านกน้อยตัวนี้คงจะเผลอไปชนกับแหวน ทำให้แหวนโลหะกระทบกับกระจกเกิดเป็นเสียงขึ้นมา

     

    ฮิบาริค่อยๆดันตัวลุกขึ้นนั่งบนโซฟา ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างวางพักอยู่บนตัก ฮิบาริค่อยๆเลื่อนมือไปใกล้ๆสัตว์เลี้ยงของเขา ใบหน้าที่เดาอารมณ์ไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงโทสะอย่างใด นกน้อยใช้จงอยปากแตะนิ้วเรียวของเขาอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะพยุงตัวขึ้นไปเกาะบนนิ้วเรียวของเจ้าของตน

            

    ความเงียบคือสิ่งที่เขาชอบ

     

    ไม่สิ ควรจะใช้คำว่าคุ้นเคยมากกว่า

     

    เขาลุกจากโซฟา มือเลื่อนมาบริเวณหัวไหล่เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของเขาเกาะที่ไหล่แทน ร่างสูงเดินไปยังชั้นหนังสือภายในห้องของเขา สภาพของชั้นหนังสือตอนนี้ค่อนข้างแปลกตาไปมากเมื่อเทียบกับสภาพปกติที่จะถูดจัดเรียงอย่างเรียบร้อย แต่บัดนี้กลับมีหนังสือวางซ้อนกันไปมาอย่างไม่เป็นระเบียบ ฮิบาริแอบหงุดหงิดในใจ เขาไม่ชอบความไม่เป็นระเบียบอย่างนี้มาก แต่ว่าในตอนนี้สิ่งที่รบกวนจิตใจของเขามากกว่าคืออีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเขากำลังพยายามหาคำตอบอยู่จากชั้นหนังสือตรงหน้า

     

    มือเขาไล่ไปตามชั้น ก่อนจะหยุดลงที่หนังสือสันปกสีขาวเล่มใหญ่ เขาค่อยๆหยิบมันออกมา เปิดดูสารบัญก่อนจะปิดกลับเข้าที่เดิม

     

     

    ------------------------------------------

     

     

    ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ชั่วโมงที่แล้ว

     

    ราวๆ 20.30 น. 

     

    ร่างสูงโปร่งเดินเอ้อระเหยอยู่บนทางเท้าที่ขนานไปตามแนวแม่น้ำ สายตาของเขามองไปข้างหน้า แต่แววตากลับไม่ได้สนใจสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงแค่มองเส้นทางเพื่อไม่ให้เดินชนกับคนที่สวนมาเข้าเท่านั้น

     

    เสียงน้ำไหลไปตามเส้นทางน้ำ สำหรับเขาแล้ว เสียงนี้ช่างสงบ และเรียบง่าย มันทำให้ความคิดที่ยุ่งเหยิงต่างๆหยุดลง แตกต่างกับเสียงที่วุ่นวายเวลามีพวกที่ชอบสุมหัวกัน เสียงของพวกสัตว์กินพืชพวกนั้นทำให้เขารำคาญ

     

    แม่น้ำนี้ชื่อว่าอะไรกันนะ?

     

    สำหรับ 'ฮิบาริ เคียวยะ' แล้ว คำถามนี้เป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในความคิดของเขาเสมอเมื่อเดินผ่านแม่น้ำแห่งนี้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะหาคำตอบของคำถามนั้น

     

    ทำไมหน่ะหรือ?

     

    ถ้ามีคนถามเขาด้วยคำถามนี้ เขาคงจะตอบกลับเจ้าตัวคนที่ถามคำถามที่ไม่เกิดสาระประโยชน์อะไรนี้ว่า

     

    รู้ไปแล้วได้อะไร...

     

    ฮิบาริมองดูโคมไฟที่รายเรียงไปตามทางเดินเลียบแม่น้ำ โคมไฟสีเขียวหม่นสูงกว่าเขาหลายช่วงตัว บริเวณตัวเสาแกะสลักเป็นลายศิลปะยุโรป ปลายยอดโค้งลงมาบรรจบกับไฟสองดวง ช่างเป็นภาพที่ไม่เข้ากันกับประเทศนี้เอาเสียเลย คนที่ออกแบบแล้วติดตั้งมันคงจะมีรสนิยมที่ดี เสียแต่ว่าไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมรอบข้างเท่าใดนัก

     

    ถ้าหากสังเกตดีๆ เสาบางต้นจะมีชื่อสลักไว้คู่กัน นัยว่าความรักของพวกเขาจะคงกระพันตลอดไป

     

    ไร้สาระ...

     

    ความคิดของคนบางทีฮิบาริเองก็ไม่ค่อยอยากจะรับรู้มากนัก คนที่เชื่อว่าแค่สลักชื่อคู่กันแล้วความรักจะมั่นคงตลอดไปช่างน่าสมเพศเหลือเกิน การกระทำที่โง่เง่านี้ สำหรับเขาเป็นเพียงการทำลายสาธารณะสมบัติของเมืองนามิโมริที่เขารักมากกว่า

     

    กริ๊ง!

     

    เสียงกระดิ่งแว่วมาตามสายลมกระทบเข้ากับโสตประสาทของเขา ฮิบาริกวาดตามองหาต้นตอของเสียง เสียงมาจากทางด้านบน เหนือศรีษะของเขาเยื้องไปข้างหน้าเล็กน้อย บริเวณยอดเสาพอดี

     

    วัตถุที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนถูกแขวนอยู่บริเวณยอดของโคมไฟ มันมีลักษณะกลมแบน ตรงกลางมีเส้นใยคล้ายด้ายถักทอเป็นเหมือนกับใยแมงมุมอย่างสวยงาม มีขนนกห้อยลงมาจากริมขอบกลมด้านล่าง นอกจากนี้ยังมีกระดิ่งเล็กๆที่ถูกผูกประดับตกแต่งไว้กับขนนกอีกด้วย

     

    'ให้ตายเถอะ'

     

    'เบื่อการทำงานที่ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ'

     

    ชายผู้ได้ชื่อว่ารักความสันโดษอย่างสุดหัวใจบ่นกับตัวเอง

     

     

    ------------------------------------------


     

    แต่ก แต่ก แต่ก

     

    เสียงของนิ้วมือที่รัวพิมพ์บนคียบอร์ดคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว หญิงสาวในทรงผมมัดหางม้าลวกๆ เสื้อไหมพรมแขนยาวสีพื้น กางเกงวอร์มขาสั้น นั่งอยู่บริเวณโต๊ะทำงานภายในห้องส่วนตัวของเธอเอง

     

    สายตาของฮารุจดจ้องอยู่บนแผ่นกระดาษที่ถูกเขียนด้วยลายมือที่ไม่บรรจงนัก ตัวอักษรที่เรียงกันยาวพรืด มีการเว้นวรรคที่แปลกประหลาดในบางประโยค นั่นทำให้คิ้วของหญิงสาวขมวดเข้าหากัน เธอพยายามทำความเข้าใจรูปประโยคและความหมายที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อออกมา ก่อนจะพิมพ์ประโยคนั้นๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์

     

    หลายๆ คนอาจจะเข้าใจว่าฮารุทำงานอยู่กับแฟมิลี่ของมาเฟียแบบเต็มเวลา แต่อันที่จริงแล้วเวลาว่างของเธอนั้นเยอะมากจนน่าแปลกใจ เยอะมากจนบางครั้งเธอเองก็สงสัยว่าแฟมิลี่ต้องการเธอจริงหรือไม่ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรตราบใดที่สึนะไม่พูดออกมาด้วยตัวเอง ถึงแม้จะเป็นงานเล็กน้อย เพราะสำหรับมุมมองของฮารุแล้ว งานไม่ว่าจะงานใหญ่หรืองานยิบย่อยต่างสำคัญหมด เธอนึกถึงคำกล่าวที่เปรียบเทียบว่าหยดน้ำอาจดูน้อยนิดเมื่อเทียบกับมหาสมุทร แต่มหาสมุทรเองก็เกิดจากหยดน้ำอันมากมายรวมตัวกัน

     

    หน้าที่ของเธอในแฟมิลี่ควรจะใช้คำว่าจิปาถะน่าจะทำให้เห็นภาพได้ดี หมายถึงงานไหนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาพรวมใหญ่หรืองานอันตราย ตัวอย่างประเภทเดินสายติดต่อสำนักงานอื่น ส่งเอกสาร หรือแม้กระทั่งชงกาแฟให้คนที่เข้าประชุม ซึ่งงานทั้งหมดนี้ต้องอาศัยคนที่มีเวลาว่างพอจะปลีกตัวมาได้เสมอ

     

    นอกเหนือจากการถูกเรียกตัวไปทำงานในแฟมิลี่แล้ว ฮารุยังรับงานพิมพ์เอกสารต่างๆ นัยว่าเพื่อฝึกฝนทักษะพิมพ์ดีดไปในตัว อีกอย่างการพบปะกับคนทั่วไปเป็นสิ่งที่ฮารุชื่นชอบเสมอมา เช่นงานที่ฮารุรับทำอยู่ในตอนนี้ ชายผู้จ้างวานเป็นคนที่มีไอเดียแปลกใหม่ซึ่งเธอสนใจมาก เขาแต่งนิยายได้น่าติดตาม เนื้อเรื่องและการพรรณนาความรู้สึกน่าทึ่ง แต่เขากลับพิมพ์ดีดไม่เป็นจึงได้จ้างวานฮารุเพื่อที่จะพิมพ์นิยายตามที่เขาได้เขียนในกระดาษต้นฉบับให้

     

    ครั้งแรกที่ฮารุได้อ่านต้นฉบับลายมือของเขา เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มมาเฟียพาตัวไปยังอิตาลี เนื่องจากพ่อของเขาได้กู้ยืมเงินมาเพื่อรักษาภรรยาของตน แต่ไม่สามารถหามาชดใช้ได้ ซึ่งในแฟมิลี่เขาถูกบังคับให้ทำหน้าที่เป็นเด็กส่งยาเสพติด เพื่อกระจายไปในย่านสลัมของเมือง และที่นั่นเขาได้พบกับเพื่อนรักคนหนึ่ง

     

    เขาสามารถเขียนบรรยายความรู้สึกของตัวละครได้น่าทึ่งราวกับเคยเผชิญสิ่งเหล่านั้นมาก่อน ฮารุสัมผัสได้ถึงความกลัว ความคับแค้นใจของตัวเอกที่ได้เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ นอกจากนี้เธอยังรู้สึกตลกในใจด้วยซ้ำที่เขาสามารถบรรยายสภาพแฟมิลี่ได้เหมือนจริง หรือว่าความจริงแล้วเขาอาจจะเป็นมาเฟียที่เกษียณตัวเองออกมาแล้วเล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอก็เป็นได้ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วนั่นทำให้เธออยากอ่านตอนถัดไปของนิยายเรื่องนี้มาก น่าเสียดายที่เขายังไม่ได้ส่งตอนถัดๆไปให้เธอ ที่เธอได้อ่านจึงเป็นเพียงตอนต้นของเรื่องเท่านั้น

     

    'ลัลลา ลัลลา ลัลล้า ลาาาา~'

     

    เสียงริงโทนเพลง twinkle little star จากโทรศัพท์ของฮารุดังขึ้น ฮารุรีบหยิบมันขึ้นมาแล้วกดรับทันที ฮารุตั้งเพลงนี้สำหรับสึนะโดยเฉพาะเลยทีเดียว เพราะสำหรับเธอเขาเปรียบเสมือนดวงดาวที่ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมกับเหตุผลอีกร้อยแปดพันเก้าที่เธอเพ้อเจ้อขึ้นมาในใจ แต่ที่สำคัญสุดคือทำให้เสียงเรียกเข้านั้นเป็นเสียงที่ต่างจากคนอื่นต่างหาก 

     

    "ค่า~ คุณสึนะ"

     

    เสียงใสตอบอย่างกระตือรือร้น

     

    "วันนี้ ประมาณบ่ายสาม ฮารุว่างไหม?"

     

    สึนะถามด้วยเสียงชัดเจน ประโยคสั้นกระชับ

     

    "แปปนึงนะคะ"

     

    เธอบอกกับปลายสายตรงข้าม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกที่อยู่เหนือหัวเตียงมาเพื่อดูเวลา

     

    ตอนนี้เวลา 11.47 น.

     

    เธอประมวลผลในหัวครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง และก็ไม่ลืมที่จะถามเหตุผล พร้อมสถานที่นัดหมายจากสึนะด้วยเช่นกัน

     

     

    ------------------------------------------

     

     

    'น่าจะได้เวลาแล้วสินะ'

     

    หญิงสาวมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายสองโมง ร่างเล็กเหยียดแขนสองข้างขึ้นเหนือศีรษะเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การทำงานกับคอมพิวเตอร์ทั้งวันในท่านั่งเดิมทำให้ฮารุรู้สึกชาไปทั่วขา ที่แย่กว่าคือสายตาที่ล้าจากการจ้องมองแสงสว่างบนจอโดยไม่ได้พักสายตา เธอค่อยๆลุกขึ้นปรับสภาพขาให้ชินกับท่ายืนครู่หนึ่ง มือเล็กเอื้อมพับปิดหน้าจอลง ก่อนจะเดินไปบริเวณโต๊ะเครื่องแป้ง

     

    สายตาของเธอไล่หาอุปกรณ์สำคัญในการแต่งหน้า ขั้นแรกเริ่มจากลงรองพื้นบางๆ เซ็ททับด้วยแป้ง แน่นอนว่าส่วนที่สำคัญที่สุดคือคิ้ว หญิงสาววัยใกล้ยี่สิบสามถือคติมาตลอดหลายปีเลยว่า คิ้วคือมงกุฏของใบหน้า คำกล่าวนี้ตอนแรกเธอเองก็ไม่ได้สนใจนัก แน่นอนว่าทุกคนก็คงไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ นอกซะจากว่าคุณอยากจะสวยขึ้นเพื่อให้ใครบางคนรู้สึกอยากหันมามอง

     

    อาจจะด้วยความเคยชินสนิทสนมกับสึนะมาหลายปี ฮารุจึงไม่ได้แต่งหน้าเยอะแยะมากมาย น่าแปลกที่ความจริงการพบเจอกับสึนะนั้นบรรยากาศมักจะเป็นไปด้วยความสบาย ซึ่งต่างจากที่เคยได้ยินคำบอกเล่ามาว่าเมื่ออยู่กับคนที่ชอบแล้วจะรู้สึกเขิน เกร็ง และทำอะไรไม่ถูก

     

    เธอใช้เวลาไม่นานกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าก่อนออกจากบ้านก็ไม่ลืมที่จะบอกกับแม่ของเธอเองว่ากำลังจะไปที่ไหนและกลับกี่โมง ในสายตาของแม่ทุกคนลูกล้วนเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอแหละนะ

     

    "ว้าย!!!"

     

    เสียงอุทานดังขึ้น

     

    ไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวพ้นประตูบ้าน สายรัดบนรองเท้าคู่เก่งของเธอดันขาด

     

    มุมปากเธอบึ้งลงเหมือนเด็กโดนน้อยที่ถูกผู้ใหญ่ใจร้ายเดินชน แล้วลูกอมในมือหล่นลงพื้น

     

    ถึงแม้จะไม่มีใครเห็นใบหน้าของเธอตอนนี้ แต่เธอเป็นคนประเภทว่าชอบแสดงความรู้สึกออกมามากกว่าวางมาดนิ่งๆ ดูดีมีบุคลิกให้เสียสุขภาพจิตตลอดเวลา ถึงมันจะทำให้ดูเป็นเด็กน้อยก็ตาม ฮารุคิดเข้าข้างตัวเองว่าตราบใดที่มันไม่ได้กระทบกระทั่งคนอื่น การแสดงออกทำนองนี้น่าจะช่วยให้ความเครียดในแต่ละวันไม่สะสมมากเกินไป

     

    ร่างบางเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนรองเท้า โชคร้ายที่ไม่มีรองเท้าคู่ไหนสีเข้ากับชุดเธอเลย นอกจากรองเท้าคู่ใหม่ที่เธอเพิ่งซื้อมาเมื่อสามวันก่อน จะว่าโชคดีก็ไม่เชิงที่วันนั้นมันดันลดราคาพอดี เธอเลยมีรองเท้าที่เข้ากันกับชุดในตอนนี้ แต่รองเท้าใหม่มักจะทะเลาะกับผู้สวมใส่เสมอ บางครั้งบางคราวยังฝากความรักด้วยการกัดเท้าอันแสนบอบบางของผู้ใส่ด้วย

     

    ถ้าเป็นไปได้ผู้หญิงทุกคนก็อยากจะดัดนิสัยเสียที่ว่า ยอมใส่รองเท้าที่ดูสวยงามมากกว่ารองเท้าที่ใส่สบายซึ่งดันหน้าตาขี้เหร่ แต่ให้พูดเถอะ ถ้าเลิกนิสัยอย่างว่าได้คงไม่ถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอีกต่อไปแล้ว

     

     

    ------------------------------------------

    ------------------------------------------

     

     

    18 มิ.ย. 2559

    เหมือนเอาชีวิตมุมมืดตัวเองมาเขียนเลย 5555 ตั้งแต่ด่าคนออกแบบเสาไฟ ยันรองเท้ากัด เอาจริงชื่อตอนก็ไม่เข้ากับเนื้อเรื่องเท่าไหร่หรอก แต่อยากให้มันเป็นซีรี่ย์แบบ "ความ....." อะไรก็ว่าไป ช่วยกันหวังหน่อยว่าไรท์เตอร์จะคีพโกอิ้งแบบนี้ไปได้จนฟิคนี้จบ

     

    แก้ไขคำผิด จัดหน้านิยาย 13 ก.ย. 2564

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×