คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความรัก
ตอนที่ 1
- ความรัก -
หญิงสาวยืนอยู่ในลิฟท์ที่กำลังพาร่างของเธอขึ้นไปยังชั้น 38 ของอาคาร เธอก้มหัวลงเล็กน้อยเพราะไม่อยากสบตาของผู้ชายที่ยืนอยู่ในลิฟท์ด้านตรงข้ามกับเธอ สายตาของเธอจ้องไปที่รองเท้าของเขา เธอไล่สายตาสำรวจการแต่งกายของชายตรงหน้าที่มีอายุประมาณ 40-50 ปี
ชายตรงหน้าเธอกำลังเปิดอ่านสมุดโน้ตเล่มเล็ก เธอเดาว่าน่าจะเป็นตารางงานของเขา เขาสวมชุดสูทสีดำสนิท รองเท้าหนังที่ถูกขัดเงาจนแทบจะสะท้อนหน้าเธอกลับมา
ลิฟท์หยุดลง ประตูค่อยๆเลื่อนออก เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเห็นว่าชายตรงหน้าเธอเดินออกจากลิฟท์ไป เธอกำลังจะเดินตามออกไป ก่อนสายตาจะไปสะดุดอยู่บนตัวเลข นี่เพิ่งชั้นที่ 26 เองนี่นา
ประตูลิฟท์ปิดลง คราวนี้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเพราะในลิฟท์มีเพียงเธอคนเดียว แค่เรื่องที่คิดในหัวก็หนักมากพออยู่แล้ว บรรยากาศเมื่อสักครู่ยิ่งทำให้เธอตึงเครียดเข้าไปอีก เธอหายใจออกยาวๆ สายตาจับจ้องไปบนตัวเลขที่แสดงเลข 35 36 37 ...
เอาวะ! มาถึงขนาดนี้แล้ว ให้มันรู้ไป!
ประตูลิฟท์ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ เนิ่นนานราวกับจะฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น หรือบางทีมันอาจจะกำลังบอกให้ฮารุคิดใหม่อีกรอบก่อนจะก้าวเท้าออกไป
ประตูลิฟท์ปิดลงและเลื่อนไปรับผู้โดยสารจากชั้นอื่นต่อไป ฮารุหันตัวไปมองที่ประตูลิฟท์ที่ปิดอยู่ ในใจคิดว่าถ้าหากกดลิฟท์ตอนนี้แล้วออกจากอาคารนี้ไปอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาปิดหน้า เธอสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด มือสองข้างเลื่อนออกไปบริเวณแก้มก่อนผละออก
ฮารุหันไปทางซ้าย เธอเห็นป้ายเขียนอยู่เหนือประตูว่าบันไดหนีไฟ ทางขวาเป็นทางเดินไม่ยาวมาก สุดทางมีทางแยก 2 ทาง เธอเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตสีเหลืองในกระเป๋าเสื้อตัวนอกของเธอที่ถูกพับเป็นสีส่วน เธอค่อยๆคลี่มันออกมา บนกระดาษมีข้อความว่า
ติดต่อขอความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. โทร 98-56x-xxxx
ลงชื่อท้ายกระดาษ ‘ยามาโมโตะ ทาเคชิ’
57 58 59 ... เธอนับก้าวเดินในใจ ในหัวของเธอตอนนี้ว่างเปล่า บนทางเดินที่ถูกปูด้วยหินอ่อนสีขาว ในใจแอบคิดชมรสนิยมของตัวเอง รองเท้าสีน้ำตาลของเธอวันนี้ช่างตัดกับพื้นสวยงามจริงๆ
เธอหยุดลงตรงหน้าประตูที่ทำจากกระจกฝ้าบานใหญ่ เธอถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป ภายในช่างแตกต่างกับทางเดินข้างนอกอย่างมาก ตอนเดินอยู่ข้างนอกเธอแทบจะร้องไห้ออกมา ทางเดินบ้าอะไรเงียบขนาดนั้น คนสักคนก็ไม่มี เธอเกือบคิดไปแล้วว่าบางทีเธออาจจะหลุดเข้าไปในทางเชื่อมของมิติที่ 5
ข้างๆเธอตอนนี้มีกระถางต้นไม้วางอยู่ บรรยากาศภายในสงบเงียบ แต่แฝงไปด้วยความเรียบหรู เธอเดินไปยังโต๊ะทำงานที่ ฮิบาริ เคียวยะ นั่งอยู่ เขาปลายตามามองเธอ ในมือเขายังคงถือหนังสือที่อ่านอยู่ บนโต๊ะมีถ้วยชาที่ยังร้อนจนเธอสามารถมองเห็นควันที่ลอยขึ้นมาได้
"คิดว่าใคร ที่แท้เธอเองเหรอ"
ฮารุกลืนน้ำลาย เธอพยายามยิ้มออกมา เอาน่าบรรยากาศน่าจะดีขึ้นบ้าง คนตรงหน้าเธอเองก็รู้จักมานานแล้ว ไม่ใช่คนแปลกหน้าสักหน่อย
"คงไม่ผิดหวังนะคะ"
"...."
"ฮารุจะพยายามพูดน้อยๆละกันค่ะ"
ฮิบาริมองคนตรงหน้า ก่อนจะปรายตากลับมาอ่านหนังสือที่ค้างไว้ต่อ เขาอ่านไปได้ 2-3 บรรทัด คนตรงหน้าก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมราวกับว่ารอเขาออกคำสั่งก่อน
"เอกสารวางอยู่บนโต๊ะตรงนั้น"
ฮารุกวาดตามอง เห็นซองเอกสาร 3-4 ซองวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ
เธอหยิบซองเอกสารขึ้นมาก่อนจะเก็บลงในกระเป๋า ตอนนี้เธอเป็นเหมือนเด็กรับส่งเอกสารของเขาแล้ว ไม่สิ ต้องพูดว่าเธอเป็นเด็กรับส่งเอกสารแล้วต่างหาก หน้าที่โง่ๆแบบนี้คงจะมีเฉพาะในวงการมาเฟียเท่านั้นแหละนะ เอกสารบางอย่างก็สำคัญเกินกว่าจะเสี่ยงให้คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเป็นคนส่งให้ คนส่งคนเก่าก็เพิ่งถูกจับได้ว่าแอบขายข่าวให้แฟมิลี่อื่น สึนะเลยไหว้วานเธอให้มาทำหน้าที่นี่ให้ด้วยเลย
เธอสำรวจรอบๆห้อง ของในห้องนี้ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เธอสะดุดสายตากับพรมตรงหน้าห้องน้ำที่มีคราบเลือดเล็กน้อย ถ้าลางสังหรณ์ของเธอไม่ผิด เธอเอื้อมมือไปเปิดประตูและพบกับสิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้
"คุณฮิบาริคะ นี่มันเกินหน้าที่ไปหรือเปล่าคะ"
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง อย่างที่เขาคิด เธอเปิดประตูห้องน้ำแล้วเจอกับเหยื่อที่ถูกซ้อมและพันด้วยเทปในอ่างอาบน้ำ
"ก็เค้นความลับไง"
ฮารุหัวเสีย เพราะสภาพของเหยื่อนี่เรียกได้ว่าปางตายเลยทีเดียว คนๆนี้อยู่แฟมิลี่ที่เป็นศัตรูกับวองโกเล่ก็จริง แต่เขาก็ไม่ใช่ตัวอันตรายขนาดนั้น เขาเป็นแค่คนที่คอยซ่อมแซมอาวุธของแฟมิลี่มาร์เทลโล่เท่านั้นเอง
"ความลับระดับชาติหรอคะ ถึงต้องทำขนาดนี้"
ถึงเขาจะเป็นฝ่ายตรงข้าม แต่เธอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกว่ามันเกินไปหน่อย ยังไงก็ไม่น่าจะพันด้วยเทป เผื่ออย่างน้อยก็ยังลุกขยับเพื่อเรียกรถพยาบาลได้ จะอ้างว่าเพื่อไม่ให้เรียกพวกมา ฮารุว่าก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี
"พอดีฉันอารมณ์เสีย"
คำตอบนี้น่าจะเป็นคำตอบที่แท้จริงมากกว่า ฮารุจ้องตาเขม็งไปที่ฮิบาริที่ยังคงอ่านหนังสืออยู่ ความกังวลในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโกรธแทน
'ทำไมคนๆนี้ถึงไม่มีมนุษยธรรมเลยนะ'
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมา นิ้วเรียวกดไล่หารายชื่อ ในใจแอบคิดโทษคนที่มอบหมายงานแบบนี้มาให้เธอทำ ถึงแม้ว่าความจริงแล้วเธอต่างหากที่อาสามาทำเอง จะโทษใครคงไม่ได้ เธอกดโทรออกไปยังเบอร์ปลายสาย
[ [ "อ้าว ฮารุ" ] ]
ปลายสายทักทายมาอย่างอารมณ์ดี
"คุณสึนะคะ จะให้ฮารุเอาเอกสารไปให้ที่ไหนคะ"
[ [ "อ่อ ฉันฝากให้ยามาโมโตะไปรับแทนที่ร้านคาเฟ่ตรงซอย 22 น่ะ พอดีฉันมีธุระกะทันหัน ขอโทษนะ" ] ]
"อ่อ โอเคค่ะ"
หญิงสาวตอบเสียงอ่อยลง ในใจแอบเสียดายที่เธอจะไม่ได้พบหน้าของคนที่เธอแอบชอบ
เอาน่า ไม่เห็นต้องเจอหน้ากันทุกวันเลยนี่นา
หญิงสาวปิดประตูห้องน้ำลงก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับมนุษย์เลือดเย็นหัวใจอำมหิตที่ยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้ที่ไม่ใช่ของเจ้าตัวด้วยซ้ำ
"คุณฮิบาริคะ ถ้าเสร็จงานแล้วก็รีบออกไปจากตึกนี้เถอะค่ะ เดี๋ยวอีกฝ่ายจะแห่พวกกันมา"
ตอนที่เธอขึ้นลิฟท์มา เธอแอบสังเกตุได้ว่าชายตรงข้ามเธอมองเธอด้วยสายตาสงสัย ฮารุสวดภาวนามาตลอดทางว่าอย่าให้มีใครจับได้เลยว่าเธอเป็นฝ่ายตรงข้าม ตึกนี้เป็นตึกทำการของแฟมิลี่มาร์เทลโล่ ควรจะเรียกว่าธุรกิจบังหน้ามากกว่า แถมคุณฮิบาริก็ยังนั่งอ่านหนังสือสบายอารมณ์ ไม่กลัวว่าจะมีคนเข้ามาเจอตัวหรือไงเนี่ย
ฮิบาริเงยหน้าขึ้นมาสบกับฮารุ แววตาของเขานิ่งสนิท แต่ฮารุสัมผัสได้ถึงความรำคาญในนั้น เห็นอย่างนั้นฮารุยิ่งไม่อยากยุ่งกับเขาเข้าไปใหญ่ อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะ
"ขอให้โชคดีนะคะ"
ฮารุเดินออกจากห้องไป เหยื่อที่ถูกพันเทปทิ้งไว้ในอ่างก็ยังคงอยู่แบบนั้น ถึงฮารุจะเป็นคนขี้สงสารแต่มันก็ไม่ใช่ธุระของเธอที่จะไปช่วยเขา ยิ่งเขาเป็นฝ่ายตรงข้ามกับวองโกเล่ ไม่สิ สำหรับฮารุเขาคือคนที่เป็นศัตรูกับสึนะ เธอเลือกที่จะทิ้งเขาไว้ที่เดิม ถึงในใจจะรู้สึกผิดเล็กน้อย
------------------------------------------
ภายในห้องที่เงียบสงบ ฮิบาริ เคียวยะ ยังคงนั่งอยู่ในอิริยาบถเดิม ถ้วยชาบนโต๊ะก็ร่อยหรอลงไป มองไม่เห็นควันลอยออกมาจากถ้วยชาแล้ว แสดงให้เห็นว่าเขาใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือนานพอควร ฮิบาริได้ยินเสียงของเหยื่อพยายามขยับตัว
'คงจะรู้สึกตัวแล้วสินะ'
ฮิบาริค่อยๆปิดหนังสือที่อ่านอยู่ลง ในหนังสือเล่มนั้นมีรอยวงปากกาแดงอยู่ 12 แห่งเหมือนเป็นโค้ดลับอะไรสักอย่าง หรือเขาอาจจะแค่คิดมากไป ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลังเขาก็เลือกที่จะสนใจมันก่อน เขาตกลงกับซาวาดะว่าจะทำงานนี้ให้แลกกับการที่ไม่ต้องยุ่งกับคนบ่อยๆ ถ้าหากเขาไม่สามารถเก็บรายละเอียดทุกอย่างได้ ก็คงต้องกลับมาทำงานนี้อีกรอบ นี่สิสิ่งที่น่าเบื่อยิ่งกว่าการเปิดอ่านหนังสือไร้สาระนี่
ร่างสูงเก็บหนังสือเข้าไปในชั้นตามเดิม เขายกถ้วยชาขึ้นมา สัมผัสได้ว่ามันเย็นชืดหมดแล้ว เขาหงุดหงิดนิดหน่อยก่อนจะถ้วยชาไว้ที่เดิม ฮิบาริเดินออกจากห้องไปตามทาง ตอนนี้คนส่งเอกสารของเขาคงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว ความลับที่เขาเค้นมาได้ก็อยู่ในซองนั้นทั้งหมดยกเว้นก็แต่เรื่องหนังสือที่มีรอยปากกาแดง หน้าที่ของเขาหมดแล้ว ที่เหลือก็เป็นเวลาส่วนตัวที่ไม่ต้องสุงสิงกับใคร ถึงจะแค่ชั่วคราวจนกว่าซาวาดะจะมอบหมายงานใหม่ให้เขาก็ตาม
------------------------------------------
ฮารุกำลังยืนรอข้ามทางม้าลายอยู่ ในใจเต้นตึกตัก อารมณ์โทสะเมื่อสักครู่มลายหายไปหมดแล้วในระหว่างที่เธอเดินออกจากตึกมาจนถึงตรงนี้ เธอพยายามไม่สบตาคนรอบข้าง การสบตาคนรอบข้างทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย ในมือเธอตอนนี้มีเอกสารสำคัญซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าสำคัญขนาดไหนกัน แต่ขึ้นชื่อว่าวงการมาเฟียคงไม่ใช่บัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัทของเล่นหรอก คงเป็นเรื่องสำคัญพอตัวทีเดียว
ไฟคนเดินสลับจากสีแดงเป็นสีเขียวบ่งบอกให้รู้ว่ารถจอดเพื่อให้คนข้ามถนนได้แล้ว เธอเดินข้ามถนนอย่างเร่งรีบ อยากจะรีบเอาเอกสารฉบับนี้ออกจากการครอบครองของตัวเธอเองให้เร็วที่สุด เธอเดินเร็วมากจนทำให้ไม่ทันระวัง
"โอ้ยยยย"
เธออุทานออกมาเพราะชนเข้ากับเด็กผู้หญิงคนนึง เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ล้มลงเช่นเดียวกับตัวฮารุเอง ฮารุตกใจมาก เธอทำให้เด็กคนนั้นเจ็บตัวหรือเปล่านะ ฮารุประคองตัวเองขึ้น เธอยื่นมือไปช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้น
"พี่ขอโทษนะ เจ็บมากไหม"
ฮารุส่งยิ้มอ่อนๆให้เด็กผู้หญิงคนนั้น ก่อนที่แม่ของเธอจะรีบพาจูงมือข้ามถนนต่อ ฮารุก็รีบข้ามไปอีกฝั่งเช่นเดียวกัน เธอเดินไปตามทางเรื่อยๆ ร้านคาเฟ่ร้านนั้นที่สึนะบอกอยู่ถัดไปอีกสองซอย ฮารุมีสติในการเดินมากขึ้น ขณะเดินก็ลอบสังเกตร้านค้ารอบข้างไปด้วย
'อ้ะ! นั่นมันร้านเค้กเปิดใหม่'
ฮารุคิดในใจว่าขากลับจะแวะมาซื้อสักชิ้นสองชิ้น เป็นรางวัลให้ตัวเองในการทำงานครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ไม่สิ ใกล้จะสำเร็จแล้วมากกว่า เหลือแค่ส่งซองเอกสารทั้งหมดให้ยามาโมโตะก็เป็นอันว่ามิชชั่นคอมพลีทแล้ว
------------------------------------------
ภายในร้านคาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ร่างสูงที่มีดีกรีเป็นถึงผู้พิทักษ์พิรุณของวองโกเล่กำลังยืนต่อแถวรอสั่งเครื่องดื่มอยู่ เขาจ้องไปยังรายการเครื่องดื่มบนผนัง ในใจลังเลว่าจะสั่งอะไรดีระหว่างลาเต้หรือเอสเพรสโซ่ สองอย่างนี้ค่อนข้างจะไปคนละแนวเลยทีเดียว ในหัวยังครุ่นคิดว่าควรจะสั่งอะไร เหลืออีกคิวเดียวก็จะถึงคิวของเขาแล้ว ถ้าสั่งมันสองอย่างเลยก็คงจะไม่ดีสินะ
กริ๊งงงง
เสียงกระดิ่งทางเข้าร้านดังขึ้นต้อนรับลูกค้ารายใหม่ที่เดินเข้ามา ยามาโมโตะมองไปทางประตูทางเข้า เป็นฮารุอย่างที่เขาคิดจริงๆ
"ฮารุ"
เขาเรียกชื่อคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะโบกมือทักทายเป็นเชิงให้เดินมาหา ร่างเล็กเดินเข้าไปหาเขากำลังจะหยิบซองเอกสารยื่นให้ก่อนจะถูกขัดขึ้น
"เธอว่าฉันสั่งอะไรดีระหว่างเอสเพรสโซ่หรือลาเต้"
มือของยามาโมโตะเกาคาง ครุ่นคิดราวกับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระดมสมองกันคิด ฮารุฟังคำถามของคนตัวสูงกว่า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป
"ฮารุชอบลาเต้ค่ะ เอสเพรสโซ่ฮารุว่าเข้มไปนิด"
เธอตอบไม่ค่อยตรงคำถามเท่าไรนัก แต่ดูจากท่าทางของยามาโมโตะแล้ว คำตอบของเธอคงจะช่วยเขาได้ไม่ใช่น้อย ถึงคิวของยามาโมโตะแล้ว แต่เธอเลือกที่จะเดินออกมานั่งรอที่โต๊ะก่อน สักพักเขาก็ตามมาพร้อมกาแฟในมือสองแก้ว
"ฉันให้ ถือเป็นรางวัลสำหรับวันนี้"
ยามาโมโตะยื่นลาเต้ในมือให้ฮารุ ฮารุเองก็รับมาแบบงงๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับมา
"สรุปคุณยามาโมโตะสั่งอะไรคะ"
"เอสเพรสโซ่น่ะ ถือว่าเธอกินลาเต้แทนฉันละกัน ฮ่าๆ"
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ฮารุแทบไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้โกรธเลย ถ้าไม่นับครั้งนั้น ฮารุยิ้มให้เขาที่กำลังมีความสุขอยู่กับเอสเพรสโซ่
"งั้นฝากคุณยามาโมโตะกินเอสเพรสโซ่แทนฮารุด้วยเลยละกันนะคะ"
ฮารุเองก็เป็นคนอารมณ์ดีพอๆกับเขา ถ้าหากทั้งสองคนยังเป็นเด็กอยู่ เราอาจจะได้เห็นท่าทางที่สดใสกว่านี้ ตอนนี้ทั้งสองคนก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกทั้งยังคลุกคลีอยู่ในวงการมาเฟีย เป็นธรรมดาที่บุคลิิกจะเขร่งขรึมขึ้น
"อ่อใช่ นี่ค่ะ"
ฮารุวางแก้วกาแฟที่เธอกำลังดื่มอยู่ลงบนโต๊ะ มือค่อยๆเลื่อนไปเปิดกระเป๋า ก่อนจะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลสามซองออกมา เธอค่อยๆยื่นมันให้กับชายตรงหน้า ใบหน้าของยามาโมโตะเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่คือเหตุผลที่เขามาที่นี่
มือหนารับซองเอกสารจากมือเล็กไปโดยที่มืออีกข้างยังคงถือแก้วกาแฟดื่มอยู่ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ซักครู่ ก่อนจะวางซองทั้งหมดลงตรงหน้าราวกับว่าไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรมากมาย เขาค่อยๆวางแก้วกาแฟลง ก่อนจะเอ่ยปากถามหญิงสาวตรงหน้า
"แล้วเรื่องนั้นเป็นไงมั่ง คิดว่าไหวไหม"
ยามาโมโตะถามพร้อมสบตาหญิงสาวตรงหน้าเขา แววตาเค้ามีแววกังวลเล็กน้อย
"ฮารุคิดว่า.... ไหวมั้งคะ"
เธอตอบเสียงอ่อย
"แต่ว่า.... คือแบบ... บางทีฮารุก็คิดว่าคงจะไม่ไหวเหมือนกัน"
เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก ไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่มั่นใจ แต่เพราะเหตุการณ์ในวันนี้ต่างหากที่ทำให้เธอคิดหนัก
"ฮารุไม่ค่อยรู้จักเขาเลยค่ะว่าเป็นคนยังไง ถึงจะรู้จักกันมานานก็เถอะ"
ยามาโมโตะไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่รอฟังเธอพูดไปเรื่อยๆเท่านั้น มือของเขาถือแก้วกาแฟขึ้นดื่มแต่สายตาเขาจับจ้องไปที่คนพูด
"ฮารุคิดว่าเขาเป็นคนโหดร้ายมากค่ะ"
ในที่สุดเธอก็เริ่มเผยความในใจออกมา
"ฮารุว่าบางทีแผนนี้อาจจะไม่เวิร์คนะคะ"
เธอเลือกที่จะไม่พูดถึงเขาในแง่ร้ายต่อ เพราะว่าเธอเองก็ไม่ได้รู้จักตัวตนของเขามากพอที่จะบรรยายออกมาได้
ยามาโมโตะยิ้มแห้งๆให้เธอ เขาเองก็มีส่วนร่วมในแผนนี้ด้วยเช่นกัน เขาเองก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่คนที่รับกรรมหนักที่สุดเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ ความจริงถ้าหากเขาสามารถเข้าไปแทนเธอได้ เขาก็อยากจะทำ
"เอาน่า ถ้าไม่ไหวก็บอกฉันละกัน"
เขาพูดด้วยความรู้สึกผิดหน่อยๆ ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากช่วยเธอให้ได้มากที่สุด ยังไงแผนนี้ทุกคนก็ช่วยกันคิดขึ้นมา ถ้าหากปล่อยให้ฮารุลำบากคนเดียวก็คงจะไม่ยุติธรรมนัก
"เออช่าย สึนะฝากบอกว่าเย็นนี้ให้เธอไปหาที่ฐานทัพวองโกเล่นะ น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ"
ยามาโมโตะพูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
ฮารุหัวใจกระตุกวูบหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อของคนที่เธอแอบชอบ แต่เธอพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้แสดงออกมา เธอไม่อยากให้ยามาโมโตะรู้ว่าเธอนั้นยังรักสึนะอยู่ สึนะเองก็เข้าใจว่าเธอเลิกชอบตัวเขาไปแล้ว นั่นทำให้เวลาเธออยู่กับเขา คุยกับเขา เขาไม่ต้องเกร็งมาก สบายใจที่จะอยู่กับเธอ นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสึนะและตัวเธอเอง เธอพยายามทำตัวให้ธรรมดาที่สุด พยายามไม่แสดงสีหน้ายินดียินร้ายมากเกินไป
"โอเคค่ะ"
ความจริงเธออยากจะถามว่าตอนนี้สึนะทำอะไรอยู่ แต่เธอคิดว่าไม่ถามไปน่าจะดีกว่า
ยามาโมโตะหยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนหน้าจอดูเล็กน้อย เธอเดาว่าเขาอาจจะกำลังอ่านข้อความที่สึนะส่งมาให้ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องที่เขาพูดไปแล้ว แต่จะถามไปก็คงผิดมารยาท
จริงสิ เธอยังไม่ได้เมมเบอร์โทรศัพท์ของยามาโมโตะเข้าเครื่องเลยนี่นา ถึงเธอกับเขาจะรู้จักกันมานาน แต่จริงๆก็ไม่ได้สนิทกันมากมายขนาดนั้น แค่ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้เธอกับเขาได้เจอหน้ากันตลอด เธอว่าถึงเวลาที่ต้องเมมเบอร์ยามาโมโตะแล้ว เพราะต่อจากนี้เธอคงต้องพึ่งเขาไปอีกสักพักเลยล่ะ
------------------------------------------
"กลับมาแล้วค่าาาา"
ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก เสียงของฮารุก็แทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว หากเป็นปกติคนต้องหันมามองแล้ว แต่ว่าสำหรับพ่อแม่ของฮารุนั้น เรื่องแบบนี้ถือว่าปกติเอามากๆ
"เป็นไงลูก ลูกค้าเขาพอใจที่หนูทำให้ไหม"
เสียงของหญิงสาววัยกลางคนถามลูกสาวตนเองอย่างเอ็นดู ฮารุเองหลังจากเรียนจบมหาลัยแล้วก็ผันตัวเองเข้าวงการมาเฟียเลย แต่เรื่องนี้เธอไม่ได้บอกกับครอบครัวไว้ เธอทำงานเสริมคือรับพิมพ์งานเอกสารต่างๆ ตามแต่ที่ลูกค้าจะขอมา ฮารุคิดว่างานนี้พอจะเป็นข้ออ้างกับพ่อแม่ของเธอได้ดีทีเดียว ถ้าหากไม่ทำอะไรปกติแบบนี้ พ่อแม่เป็นห่วงตายเลย
"เขาบอกว่าฟ้อนต์เล็กไปหน่อย แต่ที่เหลือก็โอเคเลยค่ะ"
เธอเลือกที่จะปิดบังความจริงไว้เพื่อให้พ่อและแม่ของเธอสบายใจ การโกหกไม่ใช่สิ่งที่ดีนักหรอก แต่เมื่อโตขึ้นคุณจะรู้ว่าบางทีคำโกหกก็ดีกว่าความเป็นจริง
ฮารุเดินเข้าไปหาแม่ของเธอที่กำลังหั่นผักอยู่ เธอค่อยๆเอื้อมมือไปโอบรอบตัวหญิงสาวจากทางด้านหลัง ใบหน้าเธอซุกเข้ากับแผ่นหลังของมารดา อาจจะเป็นกิริยาที่ดูเด็กๆ แต่เธอคอยคิดเสมอว่า หากวันหนึ่งเธอได้รับงานอันตราย แล้วตัวเธอต้องมีอันเป็นไป หรือแม่ของเธอมีอันเป็นไปนั้น เธอคงจะไม่ได้กอดผู้หญิงที่เธอรักแบบนี้แล้ว
"แม่กำลังจะทำอะไรหรอคะ"
ฮารุพูดโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากตัวของหญิงวัยกลางคน
"ตอนแรกว่าจะทำข้าวหน้าเนื้อที่พ่อเค้าชอบน่ะ แต่เนื้อดันหมด เลยซื้อปลามาแทน โอ้ยยย อย่ากอดแรงนักสิฮารุ แม่หั่นผักไม่ได้"
แม่ของฮารุร้องบ่นอุบอิบ แต่ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยิ้ม ก็แน่สิ ลูกสาวใครกอดจะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไร
"ค่าาาา งั้นฮารุขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ"
ฮารุปล่อยมือออก เธอเหวี่ยงตัวอกกมาตามภาษาคนร่าเริง ก่อนจะก้าวเดินตามบันไดขึ้นไปยังห้องของเธอ
ในห้องของเธอนั้นตกแต่งด้วยโทนสีสว่าง เธอโยนตัวเองลงบนเตียง เหวี่ยงกระเป๋าไปที่โต๊ะทำงาน เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะถอนหายใจออกมาเหมือนกับเรื่องราวในวันนี้ที่จบลงด้วยดี
'สุดท้ายก็ลืมซื้อเค้กร้านนั้น'
เธอคิดในใจอย่างเสียดาย เพราะหลังจากเธอบอกลายามาโมโตะ เธอก็ตรงดิ่งกลับบ้านเลย ฮารุใช้แขนทั้งสองข้างดันลำตัวขึ้นมา เธอหันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะทำงาน
'15.47 น. ถ้าไปซื้อตอนนี้ก็ยังทันนะเนี่ย'
เธอคิดในใจก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าสึนะบอกให้เธอไปหาตอนเย็นนี้นี่นา ตายแล้วววววว ฮารุรีบกระโดดออกจากเตียง มือรีบคว้ากระเป๋าก่อนจะเปิดประตู และวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว เธอไม่ลืมที่จะบอกแม่ก่อนว่าเธอจะไปทำอะไร ฮารุชะโงกหน้าเข้าไปในห้องครัว
"แม่คะ พอดีฮารุนึกขึ้นได้ว่าลูกค้าอีกคนเขานัดตอนเย็น ยังไงแม่กับพ่อทานไปก่อนเลยนะคะ ฮารุคงทานข้างนอกเลย"
เธอพูดเสร็จก็รีบใส่รองเท้าและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จุดหมายคือฐานทัพวองโกเล่
------------------------------------------
20.28 น.
ร่างเล็กยืนอยู่ในร้านเค้กที่เมื่อตอนกลางวันเธอตั้งใจไว้ว่าจะต้องมาซื้อให้ได้ ในตู้นั้นมีเค้กให้เลือกมากมาย วันนี้เธอเลือกที่จะซื้อบลูเบอร์รี่ชีสเค้กไปฝากพ่อกับแม่ของเธอด้วย ถือว่าแทนคำขอโทษที่เธอไม่ได้ไปทานข้าวเย็นร่วมกับพวกเขา
เธอกำลังยืนรอพนักงานหยิบเค้กและแพ็คลงกล่องอยู่ สายตาของฮารุมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิท จะมีก็เพียงแสงไฟจากร้านรวงต่างๆตามข้างถนน ตอนนี้ก็เดือนเมษายน อีกไม่นานก็ใกล้จะวันเกิดเธอครบรอบ 23 ปีของเธอแล้ว เธอรับกล่องเค้กมาจากพนักงาน กล่าวคำขอบคุณแล้วเดินออกจากร้านมา
เมื่อตอนเย็นเธอรีบไปถึงฐานทัพวองโกเล่เพราะไม่อยากให้สึนะรอ เธอเองก็ลืมถามยามาโมโตะด้วยว่าสึนะนัดกี่โมง และยามาโมโตะเองก็เหมือนจะลืมบอกเธอด้วยเช่นกัน ดีที่มีโกคุเดระอยู่คุยเป็นเพื่อน เพราะกว่าสึนะจะมาก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว เบียงกี้ก็เลยถือโอกาสทำอาหารเลี้ยงเธอไปเลยในระหว่างรอ อาหารของคุณเบียงกี้นี่ยังอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย
ฮารุเดินไปตามทางเดินที่มีผู้คนประปราย เธอมองคนรอบตัว คู่รักคู่หนึ่งเหมือนกำลังงอนกัน ฝ่ายหญิงเดินหนีฝ่ายชาย ฝ่ายชายเองก็รีบวิ่งตามฝ่ายหญิงไป มองไปอีกทางเธอเห็นเด็กสาววัยรุ่นห้าคนกำลังจ้องดูของที่โชว์อยู่ในตู้กระจกด้วยท่าทางตื่นเต้น พวกเขาหัวเราะคิกคักตามประสา ฮารุหวนคิดถึงสมัยเธอยังอายุเท่านั้น เธอยิ้มบางๆให้กับความไร้เดียงสาของตัวเองเมื่อก่อน
ชีวิตของเธอถ้าเทียบกับเด็กคนอื่นแล้วคงเรียกได้ว่าไม่ปกติเท่าไหร่ เธอผ่านประสบการณ์ต่างๆมามากมาย ทั้งที่ผู้ใหญ่ทุกคนได้เจอ หรือไม่ได้เจอ ทุกอย่างหล่อหลอมให้เธอเป็นเธอในทุกวันนี้ บทเรียนต่างๆในอดีตทำให้เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หาเป็นแต่ก่อน ถ้าสึนะมาหาเธอในเวลาหนึ่งทุ่ม เธอคงน้อยใจจนเก็บกลับไปร้องไห้ที่บ้าน แต่ตอนนี้เธอโตพอที่จะแยกแยะแล้วว่าควรทำอย่างไร อะไรปล่อยวางได้ก็ปล่อย
ความรัก.....
เธอเคยให้ความสำคัญกับมันมาก
มากจนกระทั่งเธอสงสัยว่ามันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?
------------------------------------------
------------------------------------------
2 ม.ค. 2558
แต่งตามอารมณ์จ้า ไม่เคยแต่งเรื่องยาวมาก่อนเลย เคยแต่แปลฟิค 5555 ฟิคนี้เกิดจากอารมณ์เปลี่ยวของไรท์เตอร์เอง ยังไงก็ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
แก้ไขคำผิด จัดหน้านิยาย 9 ต.ค. 2564
ความคิดเห็น