ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Reborn] Flawless X95

    ลำดับตอนที่ #3 : Judge

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 64


    Chapter 3

     

    Who am I to judge another, when I myself walk imperfectly.

    (ตัวฉันเป็นใครกันถึงสามารถตัดสินผู้อื่นได้ ทั้งที่ตัวฉันเองยังก้าวเดินได้ไม่สมบูรณ์แบบเลย)

     

     

    ในห้องอาหารขนาดใหญ่ที่เหลือผู้นั่งรับประทานอาหารอยู่ห้าคนเท่านั้น รวมกับพ่อบ้านอีกหนึ่งชีวิตเป็นหกคน อันโตนิโอเดินไปเข็นรถเสิร์ฟที่บอสใหญ่แห่งวาเรียเพิ่งเตะชนกับกำแพงออกมา ก่อนจะจัดแจงข้าวของที่ล้มกระจายในนั้นให้เรียบร้อย

     

    “พ่อบ้านออกไปได้แล้ว”

     

    เสียงของสควอโล่พูดขึ้น ขับไล่พ่อบ้านวัยกลางคนออกไป เคียวโกะเห็นอันโตนิโอโค้งพยักนิดๆก่อนจะหยิบเหยือกน้ำมาวางไว้บนโต๊ะแล้วเข็นรถเสิร์ฟออกไปจากห้องนั้น

     

    เสียงของส้อมและมีดกระทบกับจานทำให้เคียวโกะได้สติ เธอมองตามเสียงก่อนจะเห็นว่าสควอโล่เริ่มลงมือกินอาหารตรงหน้าแล้ว เบลเฟกอลยังคงขำอยู่เหมือนเดิม ลูซซูเรียเองก็กำลังจัดแจงผ้าเช็ดปากตรงหน้าตัวเองก่อนจะลงมือกินอีกคน ส่วนเลวี่นั้นยังดูกังวลอยู่เขายังไม่ยอมลงมือทานอะไร

     

    “ไม่รีบกินเดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก เธอก็ด้วย ผู้หญิงของวองโกเล่”

     

    ประโยคของสควอโล่ที่พูดกับเลวี่อาแทน ก่อนจะกล่าวถึงเธอโดยไม่ได้หันมามอง คำพูดของชายผมเงินเรียกสติให้เธอหยิบส้อมและมีดขึ้นมา ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารตรงหน้า

     

    “ขนาดท่าจับมีดยังไม่มีที่ติเลย สมกับเป็นเจ้าหญิงสุดที่รักของวองโกเล่จริงๆ ชิชิชิ”

     

    ชายหนุ่มผมทองยังคงพูดจาแซวเธอต่อไป เคียวโกะเริ่มจะชินกับคำพูดของเขามากขึ้นแล้ว เธอคิดเอาเองว่าคงจะเป็นสไตล์การพูดของเขาแหละนะ จึงไม่ได้ติดใจอะไรก่อนจะตอบกลับไปเรียบๆ

     

    “โดนสอนมาน่ะค่ะ คอร์สอบรมสำหรับว่าที่เจ้าสาว”

     

    เธอตอบก่อนจะค่อยๆหั่นเนื้อช้าๆ กิริยามารยาททุกอย่างงดงามไม่มีที่ติ ไม่นานเนื้อในจานตรงหน้าก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆ เธอใช้ส้อมจิ้มลงไปก่อนจะลองลิ้มรสอาหารตรงหน้า

     

    เนื้อที่สัมผัสกับประสาทรับรส รสชาติที่ทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน เนื้อที่แทบละลายในปากนั้น สาวน้อยวัยยี่สิบตกใจอย่างมากกับรสชาติตรงหน้า ดูจากการจัดจานก็พอเดาได้ว่ารสชาติคงไม่ธรรมดาแน่ แต่นี่เกินความคาดหมายของเธอไปเยอะมาก เบลเฟอกอลคงสังเกตได้เลยแซวเธออีกรอบ

     

    “ทำหน้าแบบนั้นไม่เคยกินสเต็กหรือไง ดูท่าวองโกเลรุ่นที่สิบจะดูแลคู่หมั้นได้ไม่ดีนะเนี่ย ชิชิชิ”

     

    คำพูดคำจาที่ไม่สนใจความรู้ใครทั้งนั้นถูกกล่าวออกมา เคียวโกะเริ่มสังเกตว่านอกจากเบลเฟกอลแล้วคนอื่นก็ไม่ได้สนใจเธอเท่าไร ทุกคนสนใจแต่อาหารตรงหน้าตัวเองทั้งนั้น

     

    “หนวกหูจริงว้อย! กินกันเงียบๆไม่เป็นรึไง”

     

    เสียงดังของสควอโล่บ่นออกมา ด่าชายที่พูดจาไม่รู้จักจบสิ้น

     

    “ว้า~ พูดเล่นนิดๆหน่อยๆฉลามหัวหงอกก็ประสาทเสียแล้วหรอเนี่ย เจ้าชายละเบื่อจริงๆ ชิชิชิ”

     

    เบลเฟกอลพอไม่ได้พูดจาแซวเธอก็หันไปแขวะสควอโล่แทน ฉลามหนุ่มแห่งวาเรียทำหน้าตาเบื่อหน่าย เส้นผมของเขาจะเป็นสีเงินเงางามยาวกว่าเส้นผมของเธอเสียอีก

     

    “เงียบไปเหอะเบล บอสไม่อยู่ก็หัดทำตัวสงบๆบ้าง”

     

    เสียงของเลวี่อาแทนพูดออกมา เคียวโกะเริ่มจะเดาความสัมพันธ์ของสมาชิกในวาเรียได้นิดหน่อยแล้ว ดูเหมือนว่าชายที่ชื่อว่าเลวี่อาแทนจะดูเคารพซัสซัสมากกว่าใครๆ ส่วนสควอโล่ก็ดูจะรำคาญกับทุกสิ่งอย่างรอบตัว เบลเฟกอลเองก็ดูท่าจะชอบกวนประสาททุกคนไม่ใช่เธอแค่คนเดียว

     

    “นี่~ เคียวโกะจัง พี่ชายเธอเป็นยังไงบ้างฮ้า”

     

    เสียงจากคนที่เงียบมานานชวนเธอคุย เธอหันไปทางลูซซูเรีย ยังไม่มั่นใจว่าต้องวางตัวประมาณไหนเพราะเหตุการณ์มากมายก่อนหน้าที่ทำให้เธองุนงงไปหมด

     

    “พี่เขาบอกว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากลองสู้กับคุณลูซซูเรียอีกนะคะ”

     

    เธอไม่มั่นใจว่าคำถามที่ถูกถามหมายถึงอะไร เธอเลยเลือกที่จะตอบสิ่งที่ดูเกี่ยวกับผู้ถามหน่อย จะได้ไม่ดูเสียมารยาทเกินไป

     

    “แหม... เจ้านั่นยังใจสู้เหมือนเดิมเลยนะฮ้า ฝากบอกพี่ชายเธอด้วยว่ารอบนี้เจ๊ไม่อ่อนข้อให้หรอกนะฮ้า”

     

    คำลงท้ายประโยคอันเป็นเอกลักษณ์นั้นทำให้เคียวโกะเริ่มรู้สึกชอบคนตรงหน้าขึ้นมานิดหน่อย ดูท่าคนตรงหน้าเธอจะพอคุยเล่นได้บ้างล่ะนะ พอคิดแบบนั้นใจก็ชื้นขึ้นหน่อย ดูท่าว่าการมาอาศัยอยู่ในปราสาทวาเรียอาจจะไม่ได้เลวร้ายมากอย่างที่คิด

     

    “เจ้าหญิง~ ทำไมไม่เห็นคุยกับเจ้าชายบ้างเลยล่ะ”

     

    เบลเฟกอลเรียกร้องความสนใจจากเธอ เคียวโกะหันไปสบตาผู้พูด

     

    “เบลจังคุยไม่สนุกไงล่ะฮ้า”

     

    คำตอบที่ลูซซูเรียตอบออกไปแทนเธอ ทำให้เธอหน้าซีดเล็กๆ ความคิดที่ว่าลูซซูเรียอาจจะเป็นพวกเธอมากกว่าที่คิด พังทลายลงทันทีที่เขาหาเรื่องชวนผิดใจให้เธอกับเบลเฟกอล

     

    เธอเลยต้องยอมเป็นฝ่ายชวนเบลเฟกอลคุยบ้าง จะได้ไม่มีความเข้าใจผิดไปมากกว่านี้

     

    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คุณเบลเฟอกอลเองก็คุยสนุก”

     

    คำตอบที่ยังไม่เลือกว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหนดูท่าจะทำให้เบลเฟกอลชอบใจอย่างมาก

     

    “เห็นไหมลูซซูเรีย เจ้าหญิงบอกว่าเจ้าชายคุยสนุกแหละ ชิชิชิ”

     

    บรรยากาศที่เริ่มทำให้เคียวโกะงุนงงไปหมด สรุปว่าสองคนนี้กำลังชิงดีชิงเด่นกันโดยเอาเธอเป็นตัวกลางหรือไงนะ แบบนั้นเธอควรรีบหนีออกจากสถานการณ์ตรงนั้นไหม

     

    “รีบกินข้าวกันอย่างที่คุณสควอโล่บอกเถอะค่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”

     

    คนที่ถูกอ้างชื่อเงยหน้าขึ้นมามองผู้พูดทันที ผู้หญิงคนนี้กล้าเอาชื่อเขามาอ้างเพื่อให้สองคนนั้นเลิกทะเลาะกันเลยหรอ

     

    ตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าไร แต่ดูท่าผู้หญิงคนนี้จะคุมสถานการณ์เก่งกว่าที่เขาคิดแฮะ

     

    “ใครให้เอาชื่อฉันไปอ้าง ห้ะ!”

     

    เขาตะโกนออกมา ก่อนจะจ้องมองคู่หมั้นของวองโกเลรุ่นที่สิบด้วยสายตาแข็งกร้าว สาวน้อยผมสีน้ำผึ้งไม่ได้ดูตกใจกับคำพูดและสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย เธอยิ้มออกมาเล็กๆด้วยซ้ำ

     

    “ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นนะคะ แค่คิดว่าใกล้ค่ำแล้วเดี๋ยวพ่อบ้านจะลำบากถ้าพวกเรากินเสร็จช้า”

     

    ชื่อของพ่อบ้านที่ถูกกล่าวถึงทำให้สควอโล่ไม่ได้เถียงอะไรต่อ ชายหนุ่มผมเงินรับรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวคนนั้นใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถบอกได้แล้วว่าในปราสาทนี้ลำดับชั้นของอำนาจเป็นอย่างไร เธอสามารถเลือกชื่อของคนมาอ้างได้อย่างถูกจังหวะ จนสามารถควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าได้

     

    ‘อาจจะไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้นก็ได้’

     

    สควอโล่คิดในใจถึงภารกิจที่รุ่นที่เก้ามอบให้กับหน่วยวาเรีย ภารกิจปกป้องคู่หมั้นของวองโกเล่รุ่นที่สิบในช่วงเหตุการณ์ระส่ำระส่ายนี้

     

     

    ------------------------------------------

    ------------------------------------------

     

     

    29 ก.ย. 2564

    ไรท์รักวาเรียมากเลยค่ะ แก้งค์ตลกแห่งชาติ 5555 ไม่ได้เขียนตัวละครฝั่งวาเรียมานานเป็นยังไงติชมได้นะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×