คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : รู้ไว้ซะ...ฉันเป็นใคร (3)
อาคารเรียนโมคคัลลานะหลังนี้เป็นอาคารเรียนไม้สองชั้น ทาด้วยสีม่วงแก่ตัดกับขาวสว่าง แต่ภาพที่เห็นตอนนี้จะดูหมองหม่นขาดการลงสีใหม่มาหลายปี มีจำนวนห้องเรียนรวมทั้งห้องพักครูทั้งหมดสิบห้อง ในที่นี้ยังไม่รวมห้องเรียนวิชาต่าง ๆ อีกสี่ห้อง โดยห้องเรียนทั้งแปดห้องจะเป็นห้องประจำของชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ ซึ่งมีทั้งหมดแปดห้อง รวมห้องคิงและควีนอีกอย่างละสองห้องร่วมด้วย
ไตรภพที่ย้ายมากลางคันก็ได้อยู่ห้อง ม.4/2 เนื่องจากผลการเรียนที่ค่อนข้างดีเยี่ยมและเป็นที่น่าชื่นชมทัดเทียมกับห้องต้น ๆ แต่จะเป็นการไม่ดีหากให้เขาได้เข้าไปอยู่ในห้องของเด็กที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม เพราะเขาไม่ได้เข้าเรียนโดยผ่านกระบวนการสอบเข้าเฉกเช่นคนอื่น ๆ อาจารย์ฝ่ายทะเบียนหลายคนค่อนข้างที่จะเสียดายในผลการเรียนของเขาไม่น้อย พอจะช่วยได้แค่ให้อยู่ห้องสองไป
บันไดทางขึ้นหินอ่อนทั้งสองฝั่งของอาคารเรียนพลุกพล่านไปด้วยหมู่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ กลายเป็นความวุ่นวายเอิกเกริกไม่น้อย มีทั้งเสียงด่าทอใส่กัน เสียงหยอกล้อเล่นกัน จะถือว่าเป็นสีสันของวัยก็กระไรอยู่ เพราะความหลากหลายนี้ย่อมบ่งบอกถึงความคึกคะนอง บ้าบิ่น อันแฝงความกักขฬะ หยาบคาย และความเกกมะเหรกเกเรไว้ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กผู้ชาย
ด้วยความเป็นเด็กใหม่ของไตรภพ เขาทำตัวลีบเล็ก ไม่สุงสิงกับใคร อีกทั้งยังไม่พยายามยืนเกะกะหรือตกเป็นที่สนใจของใคร พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอาศัยการเลียนแบบนักเรียนคนอื่น ๆ รอบข้าง
‘ม.4/2 อยู่ห้องไหนกันนะ’
ไตรภพพูดกับตนเองในใจ แหงนหน้ามองขึ้นไปยังชั้นสองของตัวอาคาร พร้อมกันนั้นก็ไม่พลาดที่จะสังเกตเลขบนหน้าอกของนักเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ แต่ก็พลาดไปมองตรงหน้าอกของเด็กนักเรียนหญิงเข้า จนแทบจะเบือนหน้าหนีไม่ทัน
‘นมใหญ่ชะมัด... เกือบโดนมองว่าเป็นโรคจิตแล้วสิ’
เขายืนแยกอยู่ข้าง ๆ บันไดทางขึ้น อยู่ตรงหน้าต้นข่อยที่ปลูกในสวนหย่อม ลึกเข้าไปเมตรสองเมตรมีต้นวาสนาอยู่ด้วย อีกทั้งบ่อปลาคล้าย ๆ รูปเมล็ดถั่วเขียว ระหว่างรอให้บันไดทางขึ้นโล่งคน สายตาก็จับไปที่ปลาทองในบ่อปลา จนกระทั่งถูกใครบางคนเดินมาชนเข้าที่ไหล่ขวาของตน
“โอ้ ! ขอโทษทีว่ะ พอดีลืมมองว่ามีคนอยู่ตรงนี้”
เสียงทุ้ม ๆ แถมยังชวนกวนประสาทร้องขึ้น ไตรภพหันไปมอง เป็นร่างของเด็กคนหนึ่งชั้นปีเดียวกับเขาเดินผ่านไปพร้อมกับหันหน้ามามอง ทำหน้าระรื่น ยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับไป อีกฝ่ายใส่ชุดพละ แต่สวมรองเท้าคอนเวิร์ส คำขอโทษดังกล่าวคงเป็นคำหาเรื่องมากกว่า
แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขี้น ไตรภพไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรเดินหลีกทางให้พวกนักเรียนที่เดินเกาะกลุ่มกันมาจากถนนด้านหลังเขา แน่นอนว่ามองผาดเดียวก็รู้
พวกนี้คงเป็นกลุ่มเด็กเกเรหัวไม้ของชั้นปีนี้แน่ ๆ
ขณะที่กำลังอ้ำอึ้งพลางลอบสังเกตกลุ่มนักเรียนพวกนี้เดินผ่านไปทีละคน สายตาเขาก็เหลือบไปสบกับใบหน้าด้านข้างของใครคนใดคนหนึ่ง อันเป็นบุคคลที่ยืนอยู่แทบจะใจกลางกลุ่ม เกิดความคิดในใจขึ้นมาในตอนนั้น
‘คงจะเป็นหัวโจกเหมือนกับกลุ่มก่อนหน้านี้สินะ’
ความคิดของเขาไม่ได้ผิดเพี้ยนไปแต่ประการใด การแต่งตัวในเช้าวันเปิดเทอมวันแรกต้องเป็นชุดนักเรียนถึงจะถูก แต่กลุ่มของพวกนี้มีทั้งรองเท้าแฟชั่น เสื้อยืดแขนยาวทับนอก สวมแว่นดำอีก แถมยังเป็นกลุ่มใหญ่อีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวโจกคนนั้น
ส่วนสูงราว ๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร ไว้ผมแสกกลางเป็นดำขลับ โครงหน้าคมงามอย่างกับเทพบุตรดูหล่อเหลา ผิวขาวชวนให้สตรีเพศหลงใหล ขนตางอนและริมฝีปากบางดูเจ้าสำอางค์ การวางตัวก็สุขุมลุ่มลึก เหมือนกับเป็นผู้รากมากดีอย่างไรอย่างนั้น
“เช้าวันนี้ได้เห็นหน้ากองทัพแบบนี้ ทั้งวันนี้เรียนวิชาเลขทุกคาบยังได้เลย”
“ต๊ายตาย คนอะไรหล่อขนาดนี้ เห็นหน้ามาทั้งเทอมยังไม่เบื่อเลย”
“คนอะไรกัน เรียนก็เก่ง หน้าตาก็หล่อ แถมยังบ้านรวยอีกต่างหาก ถ้าได้เป็นแฟนคงดีมากเลยเนอะ”
มีเสียงของนักเรียนหญิงบางกลุ่มแว่วมาให้ได้ยิน ไตรภพเหลียวไปดู พวกเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นก็หน้าตาดีกันทั้งนั้น แต่ก็ยังหลงเสน่ห์ของชายที่ชื่อกองทัพกันหมด
“นึกว่าจะมาสาย ๆ เพราะไปเล่นกับโรงเรียนอื่นเสียอีก หนึ่งในสี่จตุรเทพของวสันศิลป์ กองทัพ”
“เฮ้ย ! อยากตายหรือยังไง ถ้าเขาได้ยินขึ้นมาจะทำยังไง คงไม่อยากถูกฆ่าตายหรอกนะ”
เสียงของเด็กผู้ชายไม่ทราบห้องสองคนพูดขึ้นข้าง ๆ ไตรภพ คนหนึ่งเกือบจะหลุดปากออกไป ส่วนอีกคนช่วยห้าทปรามไว้ทัน ซุบซิบพูดคุยอะไรกันต่ออีก
ทว่าสิ่งที่ทำให้ไตรภพตะลึงงันจนลืมเรื่องต่าง ๆ ไปในวินาทีนั้นก็คือ เรื่องของสี่จตุรเทพ
‘สี่จตุรเทพ ! ที่ไอ้หมอนั่นพูดขึ้นบนรถ มันหมายถึงคนที่เปรียบเสมือนหัวโจกของโรงเรียนอย่างงั้นเหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า...? อย่างกับการ์ตูนเลยนะ แสดงว่าไอ้หมอนั่นที่เดินผ่านไป... คงจะเป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพสินะ’
ไตรภพยิ้มจืด ๆ พร้อมกับทำหน้างงงวย คำว่า ‘สี่จตุรเทพ’ ที่ตนได้รับรู้มา ไม่เคยคิดว่าจะมีของแบบนี้ด้วย แทนที่จะรู้สึกอึ้งทึ่งมหัศจรรย์ใจ แต่ดูเหมือนเขามองไปในทางขบขันเสียมากกว่า โดยหารู้ไม่ว่าเด็กนักเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากมายแค่ไหน
ไม่สิ ทั่วทั้งกรุงเทพมหานครเสียมากกว่า ที่ผ่านตามาในเช้าวันนี้คงจะพอเป็นอันเข้าใจแล้วว่า เรื่องที่เขาพบเผชิญจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาต้องพบเผชิญอีกในวันข้างหน้า
แต่อย่างไรเสีย ตอนนี้ในหัวของไตรภพไม่ได้นึกคิดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะกำลังให้ความสนใจเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังเดินขึ้นอาคารเรียนอยู่
“ให้ตายสิ... คนเยอะชะมัดเลย วันแรกตอนเปิดเทอมจะเป็นอย่างนี้ตลอดเลย”
“ใช่ ความจริงคาบแรกห้องเรามีเรียนวิชาคหกรรมนะ ไม่อย่างงั้นคงได้เย็บผ้าแล้ว”
เด็กนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านมาบ่นสนทนากัน ไตรภพก็เห็นด้วยกับพวกเขา คนแน่นขนัดพากันเดินขึ้นอาคารเรียนขนาดนี้ ประเมินด้วยสายตาก็สักสองร้อยกว่าคน
เขาไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนั้นหรอก เพียงแต่ว่าไม่ทราบว่าห้องของตนอยู่ที่ไหนต่างหาก จะถามใครก็เกรงว่าจะถูกเมินเฉยเหินห่าง เพราะดูจากการแต่งตัวที่ไม่ต่างอะไรกับยุคฮิปปี้ ไม่ว่าจะทรงผมหรือเครื่องแฟชั่น การพูดจาโผงผางและการวางตัวยังดูไม่เป็นมิตรอีกด้วย ไตรภพรู้สึกจนตรอกเลยทีเดียว
แต่ทันใดนั้นเอง ประหนึ่งราชรถมาเกย เสียงอ่อนหวานปานเทพธิดานางงามเอ่ยขึ้นจากเบื้องหลัง ก่อนที่สายลมอ่อนจะโชยกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ไม่รู้ว่ามาจากเครื่องสำอาง หรือฟีโรโมนของเพศตรงข้ามกันแน่ และที่สำคัญ มันทำให้ไตรภพสะดุ้งเฮือกขึ้นอย่างไม่ลืมอาย
“นายน่ะ...”
“อะจึ๋ย !”
เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวหันกลับมาเร็วพลัน ทว่าในวินาทีนั้นเอง เมื่อสองเนตรคู่นั้นเพ่งมองไปยังบุคคลปริศนาที่ทักตนขึ้นจากด้านหลัง ซึ่งฟังจากเสียงก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง มันถึงกลับทำให้ไตรภพอึ้งตะลึงจนเบิกตาโต เกือบเผลออ้าปากค้าง
“เอ่อ... นายคงเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาสินะ ?”
ไตรภพได้ยินชัดเจนดี แต่ยังไม่อยู่ในอาการที่จะตอบโต้สนทนาได้ แข็งค้างเพราะเคอะเขินสุดขีด ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กนักเรียนชั้นปีเดียวกันกับเขาไม่ผิดแน่ แต่ทำไมเธอถึงได้สวยถึงเพียงนี้
‘วันแรก...ก็มีผู้หญิงสวยขนาดนี้มาทักเรา หน้างามเรียวขาวผุดผาด ตาคมเป็นประกายมีเสน่ห์ ริมฝีปากสีแดงชมพูแม้จะทาแค่ลิปสติกมัน เอว... เอวคอดหุ่นดีขนาดนี้ และที่สำคัญคือ...หน้าอก !’
อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาดี ผิวพรรณขาวสวยผิดจากเด็กหนุ่มที่เป็นสีน้ำผึ้ง หน้าสวยเรียวคมแต่มีแก้ม ปากเป็นกระจับธรรมชาติ เอวบางร่างเล็กแต่มีน้ำมีนวลสมส่วนทุกอย่าง มัดผมรวบหางม้าปล่อยปอยผมด้านหน้าและด้านข้างบาง ๆ ทั้งความสดใสและความสวยงามนี้ หาใครมาเปรียบได้ยากยิ่งนัก
“ฉันทำนายตกใจไปเหรอ ?”
ไตรภพรีบสะบัดหน้าเพื่อคืนสติอย่างรวดเร็ว ยิ้มกลบเกลื่อน หัวเราะแหะ ๆ
“เอ่อ... เปล่า ใช่ ! ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่น่ะ ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไงเหรอ ?”
“เพราะฉันไม่คุ้นหน้านายเลยน่ะสิ ถึงเทอมนี้จะมีคนย้ายเข้ามาใหม่ค่อนข้างเยอะ แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่าคนนี้ต้องเป็นเด็กใหม่ยังไงล่ะ ที่สำคัญนายน่ะอยู่ห้องเดียวกับฉัน”
ไตรภพยิ่งทำตาโพลงโตอีกครั้ง ตื่นตัวสั่นระริกเพราะรู้สึกเสียวซ่านในใจ แต่ไม่ใช่เพราะได้รู้จักเพื่อนร่วมห้องแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะรู้สึกดีใจที่มีสาวสวยอย่างอีกฝ่ายมาเป็นเพื่อนร่วมห้อง
เขาอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้ ยกมือลูบศีรษะเพราะเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะรีบคืนสู่อาการปกติ ถามเสียงราบเรียบออกไป
“อ้อ ๆ ฉันชื่อ ไตรภพ ส่วนเธอ...?”
“ทอฝัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทอฝัน”
ทั้งคำพูดและการแสดงออกทางพฤติกรรมทำให้แม่สาวทอฝัน เพื่อนแรกของเขาถึงกับตกใจและอดตลกไม่ได้ เธอหัวเราะคิกอย่างน่ารัก ยกมือปิดปากอย่างจริตของผู้หญิง ใบหน้าขาวผุดผาดแดงเรื่อขึ้นมาเพราะเลือดวิ่งพล่าน
ไตรภพยิ่งเขินไปกันใหญ่ในท่าทางการหัวเราะอย่างน่ารักของอีกฝ่าย ทำตาล่อกแล่ก กัดริมฝีปากไม่ให้ยิ้มออกมา
“ฮิ ฮิ ฮิ ...นายนี่ตลกจัง ไม่เห็นต้องมีพิธีรีตองอะไรขนาดนั้น รู้สึกเลี่ยน ๆ ขึ้นมาเลย”
หญิงสาวหัวเราะจนอกกระเพื่อม กลิ่นกายหอมปานดอกบุปผชาติของเธอเย้ายวนเพศตรงข้าม ไตรภพหัวเราะแหะ ๆ อย่างพาซื่อ จนกระทั่งอีกฝ่ายเงียบลง ใบหน้ายังคงแดงเรื่ออมชมพูอยู่
“นี่ ทอฝัน ไปเข้าห้องน้ำได้แล้ว”
เสียงเพื่อนผู้หญิงของเด็กสาวแว่วมา ไตรภพเหลียวไปมองทำหน้าเหลอหลา พวกนั้นคงจะเป็นเพื่อนร่วมห้องเป็นแน่
“เพื่อนเธอเรียกน่ะ”
เขาพูดพร้อมกับชี้นิ้วให้อีกฝ่ายรู้
“อ๋อ ใช่ ก็เพื่อนร่วมห้องเดียวกับนายนั่นแหละ พวกเขาให้ฉันมาทักทายนายน่ะ”
จากสีหน้ายิ้มแย้มร่าเริงเมื่อครู่ของไตรภพเปลี่ยนเป็นแห้งแล้งอย่างลำบาก หัวเราะกลบเกลื่อน
‘หลงคิดว่าเขาใจดีมาทักเราเพราะมีปฏิสัมพันธ์ดี หรือไม่ก็สงสารในความเป็นเด็กหน้าใหม่ของเราเสียอีก แต่ไม่เป็นไร...ให้อภัยเสมอครับ’
“ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันนะ ไตรภพ ห้องเรียนเราอยู่ห้อง 523 นะ”
ทอฝันพูดพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายให้ไตรภพ เดินไปสมทบกับเพื่อน ๆ ของเธอที่มีอยู่กับประมาณสี่ห้าคน ก่อนจะมีเสียงซุบซิบหยอกเล่นกันตามประสาเด็กผู้หญิงแว่วมา
“หน้าตาไม่เลวเนอะ เด็กใหม่คนนี้ แถมยังอยู่ห้องเราอีกต่างหาก”
“เหมือนเขาจะชอบเธอด้วยนะ ทอฝัน ฮิ ฮิ ฮิ”
“ว่าแต่เธอเหมาะกับกองทัพมากกว่านะ”
“ไม่เอาน่า พวกเธอก็พูดจนเกินไป”
ไตรภพที่ฟังอยู่ห่าง ๆ ยิ้มแห้งแล้วเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง อยากจะหงายหลังล้มลงนอนสลบอยู่ตรงนี้ แต่ก็ตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไป
ห้องเรียน 523 พอจะเข้าใจความหมายในหมายเลขว่าอยู่ชั้น 2 ห้องที่ 3 แต่เลข 5 นั้นค่อนข้างแปลก แต่พอคิดเล่น ๆ ในหัวไตรภพก็พอจะเข้าใจว่า อาคารเรียนโมคคัลลานะหลังนี้คืออาคารเรียนที่ 5 ของบรรดาอาคารเรียนทั้งหมดในโรงเรียนแห่งนี้
ใต้บันไดทางขึ้นไปชั้นสองจะเป็นห้องสุขาของห้องสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ซึ่งอยู่ห้อง 512 ข้าง ๆ นี้เอง โดยห้อง 511 เป็นห้องเรียนของรายวิชาสังคมศึกษา ส่วนห้อง 513-515 จะเป็นห้องเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ไม่ห้องใดก็ห้องหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้มีคนเดินไปมาพร้อมทั้งนั่งที่ม้านั่งไม้หน้าระเบียงติดกับรั้วกั้นของอาคาร
เมื่อรู้ว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่ตน ไตรภพก็รีบหลบหน้า มุ่งเดินขึ้นอาคารเรียนชั้นสองอย่างเดียว แล้วก็พบห้องของตนที่อยู่ทางซ้ายมือของบันไดพอดี
แม้เพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ จะพากันพูดคุยถึงสารทุกข์สุกดิบเพราะเป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน ตลอดจนเดินเล่นไปมาหรือออกมานั่งที่ม้านั่งหน้าห้องบ้าง พอพวกเขาเหล่านั้นเห็นหน้าไตรภพที่ไม่เคยคุ้นชินมาก่อน ต่างก็พากันเงียบงันเหลียวมามองกันแทบทุกคน
ไตรภพตกอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เก้ ๆ กัง ๆ เล็กน้อย ค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องด้วยอาการเขินอายใจแทบระเบิด เหลียวแลไปยังโต๊ะเก้าอี้ทั่วบริเวณห้อง เฟ้นหาด้วยสายตาว่ามีจุดไหนว่างเว้นไว้บ้าง จนท้ายที่สุดก็เจอโต๊ะที่นั่งที่ยังว่างเว้นอยู่ที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ท้ายสุดของแถวชิดหน้าต่าง
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาต้องงงันจนหยุดเดินกะทันหัน เพราะโต๊ะเรียนในห้องนี้จะติดกันเป็นคู่ เป็นโต๊ะมีชั้นข้างใต้แยกกับเก้าอี้ที่นั่ง ไม่ได้แยกเดี่ยวเหมือนเก้าอี้เลคเชอร์แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการนั่งเรียนในแต่ละคาบของห้องนี้จะต้องนั่งติดกับใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเพื่อนสนิทหรืออะไรก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับตกตะลึงก็คือ เพื่อนคนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ของตน เป็นเด็กผู้ชายที่สวมแว่นกันแดดสีดำสนิทราวกับไม่อยากให้ใครเห็นดวงตาของตนที่อยู่ข้างหลังเลนส์แว่นคู่นั้น
ไตรภพกลืนน้ำดังเอื๊อกแม้จะคอแห้งผาก ประการแรกคือ เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นหัวโจกที่คุมห้องแห่งนี้ ประการที่สองก็คือ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร แต่ต้องเป็นพวกนักเลงหัวไม้ไส้ระกำเป็นแน่
‘วันนี้ฉันจะต้องเจอกับพวกแบบนี้ตลอดทั้งวันเลยหรือ ?’
เด็กหนุ่มคิดในใจพร้อมกับรำพึงในเรื่องที่เกิดขึ้นในเช้านี้ แต่ขณะเดียวกันก็ถูกทักจากอีกฝ่ายขึ้น
“นายน่ะ... ยังไม่มีที่นั่งใช่หรือเปล่า ?”
ไตรภพยิ้มกระตุกออกมา ค่อย ๆ ตอบอีกฝ่าย
“ใช่ ๆ ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่น่ะ”
“อ้าว ! ฉันก็เหมือนกัน ถ้าอย่างงั้นนายมานั่งกับฉันสิ”
เด็กหนุ่มคนผู้สวมแว่นตาดำคนดังกล่าวพูดอย่างเป็นมิตร ก่อนจะยกกระเป๋าของตนที่วางอยู่บนเก้าอี้ตัวที่อยู่ติดกับหน้าต่างมาวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ไตรภพได้เข้าไปนั่ง
การสนทนาตลอดจนการกระทำของพวกเขาถูกเพื่อนร่วมห้องหลายคนมองอยู่ห่าง ๆ บังเกิดเป็นเสียงซุบซิบนินทาในเรื่องดีหรือร้ายก็ไม่อาจทราบได้
“ฉันชื่อว่า ไตรภพ ส่วนนายล่ะ ?”
ไตรภพเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นอย่างเป็นมิตร ถามถึงชื่อเสียงเรียงนามเพราะต้องนั่งข้างกันทั้งเทอม อีกฝ่ายก็ไม่ได้เกี่ยงหรือเมินเฉยอะไร พูดกับเขาด้วยความเต็มใจยิ่ง
“วายุ ฉันชื่อ วายุ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ไตรภพ”
เด็กยิ้มแสดงออกให้เห็นชัดเจน แม้จะไม่เห็นดวงตาที่ไม่อาจเดาถูกว่ากำลังแสดงอารมณ์ใดแอบแฝงอยู่ก็ตาม แต่เขาก็รับรู้ได้จากรอยยิ้มและน้ำเสียงที่แลดูเป็นมิตรของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา
ความคิดเห็น