NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โคตรคน โรงเรียนเถื่อน

    ลำดับตอนที่ #12 : รู้ไว้ซะ...ฉันเป็นใคร (7)

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 65


    ‘น่ากลัว... ทั้งแววตาและสีหน้า สัตว์ประหลาด... มันเป็นสัตว์ประหลาดชัด ๆ’

    เมธีสั่นระริกขณะเดินลงบันได ในใจก็ไม่วายพูดพร่ำถึงความรู้สึกหวาดกลัวที่พบเห็นมากับตาเมื่อครู่ ก่อนจะถูกไตรภพถาม

    “คาบนี้เลิกกี่โมงนะ ?” 

    “หวา ! เอ่อ... ก็...สิบเอ็ดโมงสี่สิบน่ะ” 

    เมธีลนลานตอบ เหงื่อท่วมตัว ยิ้มแหย ๆ 

    “แล้วตอนนี้กี่โมงแล้ว นายมีนาฬิกาหรือเปล่า ?” 

    “มีสิ ๆ” เมธีพูดพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือมาดู “ก็สิบเอ็ดโมงครึ่งน่ะ

    พวกเขาทั้งสองพากันเดินกลับไปหาห้องเรียนตนเองที่อยู่ห้อง 637 ชั้นสาม ไตรภพดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่เมธีที่มองเห็นทุกอย่างกลับหวาดผวาแทบเป็นลม 

    ‘ไอ้บ้านี่เป็นใครกันแน่...?’ 

    เด็กหนุ่มผู้สวมแว่นสายตาพึมพำกับตนเองในใจลึก ๆ  หายใจหนักหน่วงเนื่องจากเสียวสันหลัง เพราะว่าถูกไตรภพเดินตามมา 

    ‘ตายแน่ ๆ ฉันต้องตายแน่ ๆ  ถึงฉันจะถูกเจ้าสวมตัวนั่นรังแกมาตลอดตั้งแต่ ม.ต้น แต่พอมาเจอเจ้านี่เข้าแล้ว สงสัยจะถูกมันจับไปเป็นเบ๊เหมือนเคยแน่ ๆ  แถมยังอยู่ห้องเดียวกันอีกด้วย อัลบั้มวาย น็อต เซเว่น ของฉันก็พังไปแล้วด้วย อุตส่าห์เก็บตังค์ซื้อมาเกือบเดือน ฮือ ๆ’

    “นายน่ะ...ชื่อ เมธี ใช่หรือเปล่า ?” 

    “อะจึ๋ย ! เอ่อ...ใช่แล้วล่ะ แหะ ๆ  ส่วนนายคงเป็นไตรภพสินะ”  

    “อืม ถ้าอย่างงั้นมาเป็นเพื่อนกันเถอะ เดี๋ยวจะพักเที่ยงแล้ว พาไปแนะนำร้านอาหารอร่อย ๆ หน่อยนะ” 

    ว่าแล้วไตรภพก็เดินผ่านเมธีเข้าไปในห้อง ทิ้งระเบิดแห่งความสับสนลูกใหญ่ไว้ให้เมธีสงสัย 

    ‘เอ๊ะ ! เจ้าหมอนี่... แตกต่างจากคนอื่น ๆ มากเลย’ 

    เมธีมีความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจมากโข ยืนแน่นิ่งมองแผ่นหลังของไตรภพอยู่อย่างนั้น ผุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นที่ปาก 

    ไตรภพเดินเข้าไปยังประตูตรงกลางห้อง เนื่องจากไม่อยากเป็นจุดสังเกตของเพื่อน ๆ ภายในห้อง แต่มันก็ล้มเหลวเมื่อรู้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งของใครบางคน จ้องมองตนอย่างเดาใจไม่ออก 

    ทอฝันที่นั่งอยู่หน้าห้องหันหน้าเข้าประตูเท้าคางกับโต๊ะ หรี่ตามองมายังไตรภพที่เพิ่งเดินเข้ามา แววตาที่เย็นชาแฝงความห่างเหินอยู่เบื้องลึกนั้น กำลังบอกเป็นนัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำชายชั้นสี่นั้น อย่าลืมเชียวล่ะ 

    เด็กหนุ่มหลบหน้าทำเป็นไม่สนใจ เดินไปยังโต๊ะที่นั่งของตนเอง

    “นายไปเข้าห้องน้ำมาเหรอ ?” 

    วายุเอ่ยทักหลังจากเห็นไตรภพเดินกลับมา 

    “ใช่ ฉันว่าจะชวนนายแล้ว แต่นายหลับน่ะ โทษทีนะ ไม่กล้าปลุก” 

    “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เมื่อคืนฉันตื่นเต้นน่ะ เลยหลับดึกไปหน่อย เช้านี้เลยง่วง ๆ” 

    วายุผู้สวมแว่นดำปิดบังดวงตาอยู่ตลอดปิดปากหาวหวอด บิดเนื้อตัวไปมาจนเอวลั่น 

    “ว่าแต่นายเขียนตัวชี้วัดเสร็จแล้วเหรอ ?” 

    ไตรภพถามพลางมองดูสมุดของอีกฝ่าย 

    “ยังเลย เพิ่งได้ห้าข้อเอง แล้วนายล่ะ ?” 

    “เหลือไม่ถึงห้าข้อน่ะ ไว้เขียนตอนพักเที่ยงละกัน” 

    ขณะที่กำลังพากันเก็บสมุดและถุงปากกาใส่กระเป๋า เสียงคุยกันแซ่ดก็พลันดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าห้อง เหมือนกับว่ามีขบวนมนุษย์เคลื่อนตัวใกล้เข้ามา อากัปกิริยาของเพื่อนร่วมห้องที่รู้สึกตัวก็ตกใจจนนิ่งเงียบ บรรยากาศถูกสะกดด้วยฤทธิ์เดชบางอย่าง 

    ไตรภพที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าก็เพิ่งจะรู้สึกตัว หันไปมองรอบ ๆ ห้องอย่างนึกสงสัย เพื่อน ๆ ทุกคนพากันตกตะลึงบางอย่าง และสิ่งเหล่านั้นก็ปรากฏอยู่เต็มระเบียงหน้าห้อง มันเป็นร่างของนักเรียนที่ดูอย่างไรก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ทว่ามีมากมายเกือบห้าสิบคน ยืนออกันอยู่หน้าประตูห้องเรียน 637 แห่งนี้ 

    บรรยากาศโดยรอบเหมือนถูกบังบดด้วยอำนาจบางสิ่ง แดดที่ร้อนระอุแผดแสงแรงกล้าเมื่อสักครู่ถูกเมฆกลบรัศมี ภายในห้องเงียบสกัด มืดทึบ เป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวด 

    และในวินาทีนั้นเอง ร่างของชายคนหนึ่งก็เดินแหวกกลุ่มคนที่ยืนอออยู่หน้าประตูห้องข้างหน้าเข้ามา ซึ่งมันได้สร้างความตื่นตระหนกจนเลือดแทบแข็งเป็นก้อนแก่ทุก ๆ คน 

    เขาคนนั้นคือ กองทัพ หนึ่งในสี่จตุรเทพแห่งวสันศิลป์ 

    “กองทัพมาทำอะไรที่นี่น่ะ ?” 

    “หรือว่าจะมีเรื่องกับเพื่อนห้องเรา ?” 

    “บ้าน่า ต้องยกพวกมากันขนาดนี้เลย” 

    “ซวยแล้ว ๆ  แบบนี้เป็นเรื่องแน่ ๆ”

    เกิดเป็นเสียงซุบซิบพูดคุยของเพื่อนในห้อง 

    กองทัพเดินผึ่งผายล้วงกระเป๋าเข้ามา ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่ต่างอะไรกับดารานักร้องยิ้มละไม ไว้ผมแสกกลางเงางามสวยเหมือนผู้หญิง หว่านเสน่ห์หมายให้ลุ่มหลงแก่บรรดาเพื่อนผู้หญิงภายในห้อง 

    ข้างหลังของเขามีคนสามคนเดินติดตามมาด้วย 

    ใช่แล้ว เจ้าสามคนนั่นก็คือ โต รุจ กิต ที่ถูกไตรภพอัดจนน่วมที่ห้องน้ำชายชั้นสี่นั่นเอง 

    โตคิ้วและปากแตก รุจดั้งหักจนยับเยิน ส่วนกิตตาแตกจนเลือดคั่งอยู่ข้างใน สภาพไม่ต่างอะไรจากศพเดินได้ เดินกะเผลกคลำตรงจุดที่เจ็บปวดเดินตามหลังกองทัพมา 

    เหล่าเพื่อนร่วมห้องของไตรภพพากันสยองและหวาดเสียวในสภาพแผลที่สดใหม่มีเลือดไหล

    หลังจากเหลียวซ้ายแลขวาหาใครสักคนหนึ่งอยู่ จนกระทั่งเห็นไตรภพที่นั่งอยู่ข้างหลังสุดใกล้หน้าต่าง โตชี้นิ้วพร้อมกับพูดบอกกองทัพ

    “มันอยู่ตรงนั้น” 

     แล้วพวกเขาจึงพากันเดินมาหาไตรภพ

    “นายเองสินะ เด็กใหม่ที่ต่อยเจ้าพวกนี้จนยับขนาดนี้” 

    “หา !” 

    เสียงของเพื่อน ๆ ภายในห้องพากันอุทานเพราะตกใจในสิ่งที่ได้ยินจากปากของกองทัพ 

    “ไตรภพเล่นงานไอ้โต ไอ้รุจ และไอ้กิตจนยับขนาดนี้เลยเหรอวะ ?” 

    “ไอ้สามหน่อนั่น... มันไม่ใช่พวกที่จะสู้ได้ง่าย ๆ นะ” 

    เมื่ออากัปกิริยาของเพื่อน ๆ ภายในห้องแปรเปลี่ยนไป ไตรภพก็อาศัยช่วงจังหวะนั้นพูดบอกวายุขึ้น

    “ขอโทษทีนะ วายุ นายช่วยเปลี่ยนที่นั่งกับฉันหน่อยสิ” 

    “อ๊ะ อืม ได้สิ”

    วายุแคลงใจในสิ่งที่ไตรภพขอร้อง แต่ก็ไม่พูดพร่ำอะไรมาก รีบลุกขึ้นและสลับที่นั่งกับไตรภพ โดยตนมาอยู่ฝั่งใกล้หน้าต่างแทน 

    เหตุผลของไตรภพนั้นมีอยู่เพียงข้อเดียว เวลามีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยวายุก็ไม่ได้มีส่วนเอี่ยวด้วย และเขาเองก็จะได้โต้ตอบอย่างเต็มที 

    “ฉันชื่อว่า กองทัพ อยู่ห้อง 8 หรือว่าห้องคิง ยินดีที่ได้รู้จักนะ” 

    กองทัพเพิกเฉยที่ไตรภพไม่สนใจคำพูดก่อนหน้านี้ จึงเปลี่ยนมาเป็นการแนะนำตนเองแทน 

    ‘ห้องของเด็กเรียนดีนี่นา แต่กลายมาเป็นสี่จตุรเทพเนี่ยนะ ? ...แต่ก็เถอะ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ’ 

    ไตรภพนึกคิดในใจพักหนึ่ง แล้วจึงพูดตอบกลับ โดยสนใจแต่กระเป๋าตนเอง ไม่คิดจะหันหน้าไปพูดกับคู่สนทนา

    “อา ฉันไตรภพ ยินดีที่ได้รู้จัก” 

    ‘ไตรภพ... ไตรภพ... ไอ้หมอนี่สามารถล้มเจ้าสามคนนี้ได้ แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ’ 

    กองทัพใคร่ครวญในใจ หันไปมองสภาพพวกตนเอง แล้วจึงหันกลับมาพูด

    “อืม” กองทัพก้มมองไตรภพที่อยู่ต่ำกว่า ยิ้มแฝงเลศ “ว่าแต่นายแค่คนเดียว สามารถจัดการไอ้สามคนที่เปรียบเสมือนตัวเกเรประจำกลุ่มของฉันได้เชียวเหรอ ไม่ธรรมดาเลยนะ” 

    “อย่างนั้นเหรอ... โทษทีนะ สงสัยพวกนั้นจะจำคนผิดน่ะ” 

    การพูดของไตรภพไม่ต่างอะไรจากการนั่งโทสะเสียมากกว่า และเหมือนว่ากองทัพก็ไม่ค่อยสบอารมณ์ด้วย เขาแค่นยิ้มออกมา ยกมือขึ้นสีจมูก

    “โอ๊ะโอ... รู้ไหม ไตรภพ ว่าสิ่งที่ฉันเกลียดมากที่สุดในชีวิตคืออะไร ?” 

    ไตรภพถึงกับมองกองทัพที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยหางตา 

    “อะไร ?” 

    ได้ยินอย่างนั้นกองทัพก็โน้มตัวเข้ามาหน้ากระซิบที่ข้างหูของไตรภพ 

    “ฉันน่ะ...เกลียดพวกขี้เก๊กและวางมาดอย่างมึงที่สุดเลยว่ะ ไตรภพ อะไรนะ... ที่ไอ้สามตัวลูกกระจ๊อกของกูว่าให้มึง อ๋อ... ลูกกะหรี่ใช่ไหม ? ไตรภพ” 

    พริบตาเดียวกันนั้น มันรวดเร็วจนทุกคนไม่ทันจะมอง มันรวดเร็วจนกองทัพเองก็ไม่ทันจะตั้งตัว แต่ทว่าเขาโดนเข้าแล้ว โดนเข้าเต็ม ๆ 

    กองทัพกระเด็นจนตัวลอยไปชนกับพวกของโตที่อยู่ข้างหลังจนล้มระเนระนาด เด็กหนุ่มผู้มาดเท่วางฟอร์มชวนให้ใครต่อใครหลุ่มหลงในหน้าตาที่เกิดมาหล่อเหลา ร่างกายที่แข็งแกร่งสันทัด มีฝีไม้ลายมือในการต่อยตีจนกลายมาเป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพที่น่าครั่นคร้ามไปทั่วพระนคร ทว่าบัดนี้กลับพลาดท่าถูกสวนกลับเข้าจัง ๆ 

    แต่ท่ามกลางความตกตะลึงของทุก ๆ คนนั้น นอกจากไม่มีใครเห็นช่วงวินาทีที่ไตรภพออกหมัดต่อยกองทัพ ก็ยังไม่มีใครเห็นตอนที่กองทัพยกแขนขึ้นมาป้องกันได้เหมือนกัน 

    แม้จะยกแขนขึ้นมาไขว้กากบาทเพื่อป้องกันการโจมตีของหมัดตรงได้ทันท่วงทีก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจทำให้กองทัพรู้สึกตื่นเต้นหรือสนุกสนานที่ถูกสวนกลับเหมือนทุกครั้งได้เลย เพราะครั้งนี้มันต่างออกไป ต่างออกไปอย่างมหันต์ 

    ‘บ้าน่า... ไอ้หมอนี่... เป็นใครกันแน่... หมัดหนักมาก ชาไปหมดเลย รู้สึกเหมือนแขนจะหักเลย’

    กองทัพกัดกรามเพราะเจ็บปวดที่แขน ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพนอนหงายทับร่างพวกของโต รุจ และก็กิตอยู่ เจ้าพวกนั้นก็ร้องโอดโอยเพราะรับน้ำหนักของเขาเต็ม ๆ  บวกกับแรงต่อยของไตรภพอีกทีหนึ่ง 

    “ตั้งแต่เช้ามาแล้ว... ฉันต้องเจอกับพวกเด็กช่างที่ขนานนามตนเองว่าเทวดงเทวดาอะไรนั่น จนพลาดท่าเกือบโดนยิงตาย พอหนีมาได้ก็มาถูกไล่ยิงจากโรงเรียนคู่อริของพวกแก พอมาถึงโรงเรียนก็เจอกับความเน่าเฟะและความคึกคะนองอันไร้สาระของเด็กนักเรียนที่นี่ แล้วสุดท้ายก็มาเจอเด็กผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งเอากับผัวของมันในห้องน้ำชาย ยังไม่พอก็ถูกลูกน้องของแกรังแกจนต้องสั่งสอนไป ถ้าแกเป็นฉันก็จะรู้เองว่ามันแม่งโคตรน่าหงุดหงิดเลยว่ะ น่าหงุดหงิดโคตร ๆ  ไอ้พวกเด็กเมืองกรุงเอ๊ย...” 

    ไตรภพเล่าความในใจที่เก็บงำเอาไว้พยายามที่จะไม่พูดออกมา เขาเต็มกลืนแล้วกับความคึกคะนองและฟอนเฟะของโรงเรียนแห่งนี้ ไม่สิ สภาพสังคมของกรุงเทพมหานครต่างหาก 

    เขาลุกขึ้นยืนและเดินมายังกองทัพที่นอนล้มอยู่ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลนแกมรังเกียจ เย็นชาไม่มีความรู้สึก ทำให้กองทัพรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลบางอย่าง 

    “แกชื่อว่าอะไรนะ ? กองขี้หมาเหรอ อ๋อ กองทัพ เอาล่ะ กองทัพ ลุกขึ้นมาซะ ฉันจะทำให้แกเห็นนรกทั้งเป็นเอง” 

    ไตรภพยิ้มร้ายกาจออกมา ยกหมัดข้างหนึ่งขึ้นมากำจนเส้นเลือดปูดโปน กล้ามเนื้อที่เร้นซ่อนอยู่แข็งเกร็งเป็นมัด ๆ  

    ‘คราวนี้ก็หัดรู้ไว้ซะ...ฉันเป็นใคร !’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×