NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โคตรคน โรงเรียนเถื่อน

    ลำดับตอนที่ #11 : รู้ไว้ซะ...ฉันเป็นใคร (6)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 65


    มันเป็นวินาทีที่ทำให้กาลเวลาบนโลกสำหรับไตรภพหยุดนิ่ง 

    ความรู้สึกประหนึ่งถูกฟ้าผ่าลงกลางกบาลแล่นผ่าไขสันหลังไปจนถึงก้นกบ หูดับอื้อ ตาพร่ามัว แทบจะไม่เชื่อสายตาและยอมรับในสิ่งที่ตนเห็นตำตา 

    ขึ้นชื่อว่า ‘มนุษย์' อย่าริอ่านมองกันอย่างผิวเผินหรือฉาบฉวย 

    ทอฝันแม่สาวหน้าตาน่ารัก ละมุนละม่อมขาวใส ดูปราศจากพิษภัยราวกับเด็กที่อ่อนโยนบริสุทธิ์ อีกทั้งยังดูเป็นคนที่มีปฏิสัมพันธ์อ่อนหวาน 

    ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมรัก เมื่อครั้นแรกที่เห็นไตรภพกลับหลงคิดไปในทางนั้นอย่างคนซื่อบื่อ 

    แต่มาตอนนี้เหมือนกับว่าเขาเพิ่งรู้ตัวว่าตนตกหลุมพรางอันไร้ที่ติเข้าเต็มเปา 

    ขณะที่เธอเองก็หน้าซีดขาวเพราะตกใจกลัวสุดขีด กำลังสบตากับไตรภพที่อ้ำอึ้งตะลึงงัน เสียงทุ้มหนักของรุ่นพี่ที่เป็นคนรักหรืออะไรก็แล้วแต่ก็ดังขึ้น 

    “เฮ้ย ! มองหาพ่อมึงเหรอ ไอ้หน้าจืด ไม่เคยเห็นคนเอากันหรือยังไง ?” 

    วินาทีแห่งความเลื่อนลอยจนเอื่อยเฉื่อยของไตรภพก็พังครืนลง กลับคืนสู่โลกของความเป็นจริงในครานั้น 

    “อ๊ะ ! ขอโทษครับ” 

    ไตรภพรีบก้มหน้างุดหันกลับมาจัดการกับตัวเอง กดน้ำลงโถ พร้อมทั้งเดินไปล้างมือทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

    แต่ดูเหมือนว่ารุ่นพี่คนนั้นไม่ยอม เดินมาข้างหลังเขาพร้อมกับกระแทกไหล่ใส่รุนแรง จนไตรภพเซถลาไปสองสามก้าว และดูเหมือนว่าฝ่ายที่เจ็บจะเป็นรุ่นพี่คนนั้นเสียมากกว่า 

    ‘ไอ้บ้านี่... ตัวเตี้ยกว่ากูแท้ ๆ  แต่ไหล่กว้างฉิบหาย แถมยังไม่ล้มอีกต่างหาก’ 

    ไตรภพก้มหน้าพูดขอโทษหลายต่อหลายหน แม้ว่าตนจะเป็นฝ่ายถูกกระทำก็ตาม 

    ทอฝันที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เริ่มเคลื่อนไหว เดินมาเหนี่ยวไหล่รุ่นพี่คนนั้นของเธอ 

    “อย่าไปทำเขาเลยค่ะ เราไปกันเถอะ เดี๋ยวครูมาเห็นนะ” 

    เธอพูดออดอ้อนอีกฝ่าย เอาแก้มแนบไหล่รุ่นพี่คนดังกล่าว

    “เออ ไปก็ไป แม่งน่าหงุดหงิดชะมัด ไอ้เหี้ยนี่” 

    รุ่นพี่คนนั้นเดินออกไปด้วยความฉุนเฉียวพร้อมกับทอฝัน เสียงบ่นผรุสวาทยังคงแว่วดังตามระยะห่าง ก่อนจะหายไปจนภายในห้องน้ำเงียบสงัดดังเดิม 

    ไตรภพอยู่ในสภาวะก้ำกึ่งเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบสะบัดหน้าไปมา หันไปมองดูที่หน้าห้องน้ำหนึ่งที แล้วจึงเดินไปยังห้องน้ำห้องสุดท้ายที่อยู่ชิดกำแพง ผลักประตูเข้าไปดูสิ่งที่เกิดขึ้น 

    ภาพแรกที่เห็นก็น่าสะอิดสะเอียนชวนผงะ ตามด้วยความรู้สึกผิดหวังในบางสิ่ง 

    เขาเห็นถุงยางอนามัยที่ถูกใช้แล้วโยนทิ้งอยู่ในโถสุขภัณฑ์ นึกเสียดายและแอบผิดหวังในสิ่งที่ตาเห็นไม่น้อย ค่อย ๆ ผละออกมาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง 

    แต่แล้วจู่ ๆ เสียงเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้นมาจากหน้าห้องน้ำ 

    “นายจะทำอะไร ? ไตรภพ” 

    เป็นทอฝนแม่สาวคนสวยเมื่อครู่นั่นเอง ดูเหมือนว่าเธอจะวกกลับมาหาเขาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง 

    “ทอฝัน... เอ่อ ฉันแค่...” 

    เด็กหนุ่มพูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างเล็กบางแต่เปี่ยมไปด้วยทรวดทรงองค์อรน่ารัญจวนใจชวนให้ลุ่มหลงก็ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อเขา 

    ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไป จากที่เคยยิ้มแย้มแลดูเป็นมิตร สดใสเหมือนดอกไม้ กลับกลายมาเป็นเหยเกผิดเพี้ยน ขึงตามองเขาด้วยความอาฆาต 

    “ถ้ามึงเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร... พรุ่งนี้จะไม่มีชื่อมึงอยู่ในโรงเรียนนี้ จำใส่กบาลมึงไว้ด้วย !” 

    คุณพระช่วย... มันช่างเป็นคำพูดที่เจ็บแสนแดกดันที่ไม่น่าหลุดลอดไรฟันของผู้หญิงอย่างทอฝันออกมาได้เลย 

    ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงที่งดงามประหนึ่งดอกไม้ราตรี เรียบร้อยเหมือนกุลสตรีไทย เหตุไฉนถึงได้แสดงกิริยาต่ำช้าป่าเถื่อนแบบนี้ออกมาได้ 

    ไตรภพที่อยู่ในสถานการณ์นั้นเงียบเฉยเหมือนกับปลงอนิจจัง เงยหน้ามองเพดานทั้ง ๆ ที่ถูกกระชากคอเสื้ออยู่ ตัดพ้อในใจอย่างน่าเศร้า

    ‘นี่เรา... กำลังคาดหวังอะไรอยู่กันนะ’ 

    “หูตึงหรือยังไง กูถามว่าได้ยินไหม ?” 

    ทอฝันตวาดเสียงดังออกมาอีกครั้ง 

    “วางใจได้เลย ทอฝัน ฉันไม่บอกใครหรอก” 

    พอพูดเสร็จ มือเรียวเล็กขาวผุดผาดจนเห็นเส้นเลือดของเธอก็คลายคอเสื้อไตรภพออกมา 

    “ดี แล้วคราวหลังก็อย่าได้มาเรียกชื่อกูเหมือนสนิทกันแบบนี้อีกล่ะ ก็แค่เด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามา อย่ามาทำเป็นรู้จักกัน โคตรไม่สบอารมณ์เลยว่ะ” 

    เสร็จแล้วเธอก็เดินออกไป ทิ้งความเปลี่ยวเปล่าน่าทุกข์ใจไว้ให้ไตรภพแต่เพียงผู้เดียว 

    คำพูดแต่ละคำช่างโหดร้ายหมายจะฆ่ากันได้เลย หัวใจของไตรภพแทบจะแตกสลาย ยืนนิ่งเป็นหินราวกับถูกสาปอยู่อย่างนั้น 

    ดูเหมือนว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายจะดับหายล่องลอยเหมอนควันไฟออกไปแล้วแท้ ๆ  เสียงพูดของนักเรียนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น 

    “เฮ้ย เมธี ได้ยินข่าวว่ามึงซื้อเพจเจอร์มาใหม่ไม่ใช่เหรอวะ ไหนเอามาดูหน่อยซิ” 

    “ฉันไม่ได้เอามาน่ะ ว่าแต่ซาวด์อะเบ้าท์ที่นายยืมไป เมื่อไหร่จะคืนเหรอ ?” 

    “อ้าว ! ไอ้นี่ ไอ้โตถามมึงอีกอย่าง เสือกตอบอีกอย่าง” 

    เมธีโดนตบศีรษะเข้าให้หนึ่งที ย่นคอลงเหมือนเต่าเพราะเจ็บ

    “อะไรอยู่ในกระเป๋ากางเกงมันวะ เทปเพลงเหรอวะ ? ไหนเอามาดูซิ” 

    บทสนทนาดังกล่าวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ  กระทั่งร่างของเด็กนักเรียนชายสวมแว่นตาคนหนึ่งค่อย ๆ โผล่เข้ามาในห้องน้ำในลักษณะเดินถอยหลัง ตามด้วยเด็กนักเรียนชายอีกสามคนที่ดูเหมือนว่ากำลังรังแกเด็กคนนั้นเดินติดกันเข้ามา 

    ‘เมธี ? ไอ้แว่นที่อยู่ห้องเดียวกับฉันนี่นา’ 

    หลังจากเด็กพวกนั้นคะยั้นคะยอฉกแย่งชิงเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงเมธีสำเร็จ พวกเขาก็ส่งเสียงหัวเราะในลักษณะเย้ยหยัน

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า อะไรวะ ! น้ำหน้าอย่างมึงนี่นะ ฟังวงหิน เหล็ก ไฟ” 

    หนึ่งในกลุ่มเด็กพวกนั้นถือเทปคาสเซ็ทชูขึ้น เมธีที่ส่วนสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบห้าไม่อาจเขย่งถึง เพียงแต่เอื้อมมือจะแย่งกลับ 

    “เฮ้ย ๆ  วงโปรดกูเลยนี่หว่า อย่างมึงไปฟังเพลงผู้หญิงดีกว่าว่ะ อย่ามาแปดเปื้อนดนตรีร็อกของกูนะโว้ย” 

    พร้อมกันนั้นเสียงหลังเท้าของเด็กอีกคนหนึ่งที่เตะเข้าตรงก้นของเมธีก็ดังขึ้น ก่อนจะถีบซ้ำจนเขาเซล้มลง 

    เด็กผู้ชายที่ถือเทปคาสเซ็ทวงดนตรีร็อกของเมธีอยู่ก็โยนมันทิ้งลงพื้น พร้อมกับเตะมันด้วยความโกรธ โดยไม่ได้ยั้งคิดเลยว่าเทปคาสเซ็ทดังกล่าวได้พุ่งมาทางไตรภพ 

    เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบหวุดหวิด เทปคาสเซ็ทดังกล่าวพุ่งไปชนกับกำแพงห้องน้ำข้างหลังเขาจนแตกเสียงดัง เปิดออกจนตัวเทปกระเด็นออกมาอยู่ที่พื้น 

    ไตรภพเริ่มหงุดหงิด ภายในในใจเริ่มมีพายุฝนตั้งเค้าร้องคำรามอยู่

    ‘อะไรของพวกมันวะ’ 

    ไตรภพได้แต่มองดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ห่าง ๆ  อันเกิดจากคนที่อ่อนแอกว่ากำลังถูกคนที่แข็งแกร่งกว่ารังแก 

    ถือเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่เขาก็หวั่นเกรงว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะมาถึงตัวเขาหรือเปล่าเหมือนกัน ซึ่งมันก็เป็นจริงตามนั้น 

    “โอ้ โทษที ๆ  พอดีลืมมอง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” 

    ไอ้ตัวที่เป็นคนเตะเทปคาสเซ็ทมายังไตรภพพูดขอโทษขอโพยอย่างเป็นเรื่องขำขัน เพื่อนของมันอีกสองคนก็หันมาทางเขาเป็นตาเดียว 

    ‘ขอโทษอย่างนั้นเหรอ ? คนที่หัวเราะได้แม้กระทั่งกำลังขอโทษคนอื่น ยังจะมีหน้ามาเรียกตนเองว่ากำลังขอโทษได้เหรอ !’ 

    ไตรภพเริ่มอารมณ์เสียตั้งแต่เมื่อครู่ แม้ว่าจะพยายามระงับอารมณ์ของตน แต่ถึงอย่างไรสีหน้าของเขามันแสดงออกชัดเจนจนเกินไป จนมันทำให้อีกฝ่ายรับรู้และไม่พอใจ 

    “เฮ้ย ๆ  ก็ขอโทษไปแล้วยังไงวะ จ้องหน้าอยู่ได้ ไม่สบอารมณ์อะไรหรือเปล่า ?” 

    “เอ๊ะ ฉันไม่คุ้นหน้าแกว่ะ อยู่ชั้นเดียวกันด้วย เด็กใหม่เหรอ ?” 

    ไตรภพเบนสายตาไปยังเมธีที่นั่งกองอยู่กับพื้น แววตาที่สั่นกลัวนั่นกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง และดูเหมือนไตรภพจะเข้าใจอย่างสุดซึ้ง 

    ‘ชักไม่ดีแล้วสิ... เจอพวกที่ชอบข่มเหงคะเนงร้ายคนที่อ่อนแอกว่าเข้าจนใจ’ 

    “นายเป็นเด็กใหม่สินะ อยู่ห้องไหนเหรอ ? ฉันคิดว่าเรามาเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ เอาไหม ?” 

    คนที่โตยิ้มร้ายกาจพลางยื่นมือมา ประหนึ่งเป็นการยื่นข้อเสนอของปีศาจชัด ๆ  

    “ว่ายังไง นายมีว่าชื่ออะไรนะ ?” 

    “อย่าไปฟังเขานะ ! รีบหนีไป !” 

    เมธีพูดขึ้นด้วยอาการสั่นกลัว

    “ใครสั่งให้มึงแหกปากพูด !” 

    หนึ่งในนั้นหันกลับไปตะคอกใส่เมธี พร้อมกับยกเท้าถีบเข้าที่กลางหน้าอกของเขา ปรากฏเป็นรอยรองเท้าประทับอยู่บนเสื้อนักเรียนสีขาว 

    “โอ๊ย !” 

    เมธีล้มลงไปนอนอย่างเจ็บปวด ส่งเสียงครางออกมา 

    “นายชื่อว่าอะไรนะ ? ฉันขอถามอีกรอบ” 

    “ไตรภพ ฉันชื่อ...ไตรภพ” 

    ไตรภพตอบเร็วรี่โดยไม่คิดที่จะลังเล

    เด็กหนุ่มทั้งสามพลันแสดงสีหน้ารับรู้กวนประสาท ยิ้มร้ายกาจออกมา 

    “ฉันชื่อว่า โต นายเพิ่งเข้ามาใหม่สินะ ?” 

    “ใช่” 

    “แล้วอยู่ห้องไหนเหรอ ? ใช่ห้องเดียวกับเมธีหรือเปล่า ?” 

    ไตรภพพยักหน้าเพียงอย่างเดียว ตาลอบมองเมธรที่ยันตัวลุกขึ้นมาเพราะจุกปวดที่หน้าอก อีกฝ่ายพยายามส่ายหน้าให้เขา อยากให้เขาหนีไปจากที่ตรงนี้ 

    “ใช่” ไตรภพไม่ลังเลที่จะตอบ “ฉันว่าฉันขอตัวก่อนล่ะ ใกล้จะพักเที่ยงแล้ว ต้องรีบไปเก็บของน่ะ” 

    ขณะที่พยายามจะเลี่ยงหลีกการเผชิญหน้ากับเจ้าพวกนั้น พวกมันก็รีบพรวดมาขวางหน้าไตรภพไม่ใหเดินออกไป ยังคงตะล่อมเขาอยู่แบบเดิม 

    “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก ชักช้าได้พร้าเล่มงาม ว่าแต่อยู่โรงเรียนนี้มันลำบากนะ นายคงยังไม่มีพวกสินะ” 

    “โทษที ฉันพอจะมีแล้วล่ะ” 

    ไตรภพยังคงดื้อดึง จนเริ่มรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีอาการฉุนเฉียว ส่ออารมณ์รุนแรงเพราะไม่พอใจเขา

    “ไม่หรอกน่า... ถ้านายมาอยู่กับพวกเราจะสบายมากกว่านะ พวกฉันอยู่แก๊งเดียวกับกองทัพน่ะ หนึ่งในสี่จตุรเทพเลยนะ สนใจหรือเปล่า ?” 

    มันเป็นการตกใจคำรบสองของไตรภพ เขาเผลอแสดงอาการตกใจออกมา ในสายตาพวกนั้นคงเห็นว่าเขากำลังตกใจกลัวอยู่เป็นแน่ แต่แท้ที่จริงเขากำลังสงสัยในความเป็นไปที่ไร้สาระของสถาบันแห่งนี้ 

    ไตรภพพ่นลมหายใจออกทางปาก ตอบปัดไปพร้อมกับเดินแทรกเด็กทั้งสามออกมา 

    “ถ้าจะให้ไปเป็นลูกน้องหรือเป็นเบ๊ที่คอยเลียแข้งเลียขาพวกแก ฉันขอลาล่ะ” 

    แต่ทว่าพริบตานั้น ท่อนแขนของคนที่ชื่อโตก็พุ่งมาขวางหน้าเขา ผลักหน้าอกเขาจนเซถอยหลังไป 

    “ไอ้ห่านี่ มึงชักจะรู้ดีเกินไปแล้ว กูอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอให้ เสือกมาต่อต้าน ห้อง 2 คงไม่มีพวกหัวโจกอยู่สินะ ถึงจะมีไอ้เฉาอยู่ก็เถอะ แต่มันจะทำให้มึงซ่าไม่น้อยเลยทีเดียว” 

    “เล่นแม่งเลยไหม ? ไอ้โต” 

    “กูยิ่งหมั่นไส้พวกวางก้ามอยู่ ไอ้เด็กเส้นเอ๊ย เข้ามาก็ได้อยู่ห้อง 2 แล้ว พ่อมึงยัดเงินเหรอวะ ?” 

    ไตรภพพยายามระงับอารมณ์โทโสอย่างสุดกำลัง กัดกรามแน่น จนเนื้อตัวสั่นเร่าหนักหน่วง 

    “ฉันไม่อยากมีเรื่อง ปล่อยฉันไปเถอะ” 

    “เฮ้ย ! ไอ้ลูกกะหรี่ ไม่อยากมีเรื่องของมึงก็คืออยากมีล่ะวะ” 

    เขาไม่รู้เลย อีกฝ่ายไม่มีทางรู้เลย ว่าคำพูดเมื่อครู่มันรุนแรงสำหรับไตรภพมากแค่ไหน ไม่รู้เลยว่ามันจะไปสะกิดต่อมอารมณ์โกรธของไตรภพเข้า และไม่รู้เลยว่าได้เผลอไปปลุกปีศาจในตัวของเขาขึ้น 

    กลายเป็นความเงียบงันระคนหยุดนิ่ง ทุกอย่างสงัดไปเหมือนถูกบงการให้หยุด แม้กระทั่งอากัปกิริยาของเด็กทั้งสามคนนั้นด้วย 

    “เมื่อกี้... แกพูดว่าอะไรนะ ?” 

    และแล้วไตรภพก็เอ่ยขึ้นเสียงเบากริบ แต่มันกลับดังวานมากที่สุดในสถานการณ์เยี่ยงนี้ 

    “ไม่พอใจที่กูว่าแม่มึงเป็นกะหรี่เหรอ ? อ้อ ! หรือว่าแม่มึงจะเป็นกะหรี่จริง ๆ  ฮะ ฮะ ฮะ” 

    วินาทีดับจิตที่ไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้นั้น ทุกคนรวมไปถึงเมธีก็แทบจะตั้งตัวไม่ทัน 

    รู้ตัวอีกทีร่างของไตรภพก็พรวดเข้าไปบีบเข้าที่คอของโต สิ่งที่พวกเขาเห็นมันไม่ใช่ไตรภพ ทั้งการแสดงออกและแววตาช่างน่ากลัว 

    มันใบหน้าของปีศาจ เป็นแววตาที่ไม่ใช่ของมนุษย์ !

    “อย่าเอ่ย...ถึงแม่ของฉันอย่างนั้น ! ไอ้สารชั่ว !”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×